“อันใดกัน มีเรื่องที่เจ้าจัดการไม่ได้ด้วยรึ” ฮ่องเต้ไม่อยากจะเชื่อ ว่าสหายรักจะจัดการเรื่องหยุมหยิมเช่นนี้ไม่ได้“มีเพียงเรื่องของนางที่ไม่อาจจัดการได้” เขาไม่เคยเอาชนะนางได้เลย นับตั้งแต่ที่พบเจอนางในครั้งแรก“เพ้ย สตรี อย่างไรก็ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของสามี เจ้าตามใจนางเกินไปแล้ว”“พูดไป พระองค์ก็ไม่เข้าพระทัย กระหม่อมกลับจวนก่อนพ่ะย่ะค่ะ” จ้าวลู่ฉือลุกขึ้นจะเดินออกจากวังหลวง“ให้เจิ้นช่วยพูดดีหรือไม่” สตรีในวังนับร้อย เขายังจัดการได้“นางไม่ได้อยู่ให้พระองค์พูด พระองค์จะช่วยได้อย่างไร”“ห๊ะ!!! ถึงกลับหนีไปเลยรึ”จ้าวลู่ฉือส่ายหัวอย่างปลงตก แล้วเดินออกจากห้องตำราของฮ่องเต้กลับจวน หากนางหนีไปเช่นผู้อื่น เขายังตามกลับมาได้ แต่นี่ นางเล่นหายไปในมิติ เขาจะตามนางได้อย่างไรหรูอวี้ที่เก็บน้ำหวานจากดอกบัวจนเบื่อแล้ว นางจึงได้ออกมาด้านนอก พอออกมาถึงก็ถูกจ้าวลู่ฉือที่นั่งรอนางอยู่รวบตัวกอดรัดไว้แน่น“อวี้เออร์ อย่าได้ทำกับข้าเช่นนี้อีก อย่าได้หายไปโดยไม่บอกข้า เรื่องคุณหนูที่มากวนใจเจ้าวันนั้นข้าจัดการให้ตระกูลของพวกนางจับนางแต่งออกไปแล้ว ยามนี้ไม่มีผู้ใดกล้ามากวนใจเจ้าอีกแล้ว” เขาซุกใบหน้าลงก
หรูอวี้ตบไปที่ใบหน้าของคุณหนูหั่วเต็มแรง มีดสั้นถูกวางจ่ออยู่ที่คอของคุณหนูหั่ว หากนางขยับตัวเล็กน้อยคงได้เห็นเลือดอย่างแน่นอน“ข้าไม่ถือ หากเจ้าจะใช้มารยาเพื่อได้เข้าตระกูลจ้าว แต่ในเมื่อเจ้าปากกล้ากับข้าเช่นนี้ ข้าคงต้องทำให้เจ้ารู้เสียแล้วว่าข้าเป็นเช่นไร” หรูอวี้ขยับข้อมือเพียงเล็กน้อย คมมีดก็บาดเข้าคอของนางจนเลือดซึมออกมา“ขะ ข้ากลัวแล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ” นางเอ่ยขอร้องอย่างลนลาน“อวี้เออร์ ข้าจัดการเอง” จ้าวลู่ฉือเดินเข้ามาจับข้อมือของนางไว้“หึ” นางสะบัดมือของเขาออก ก่อนจะปามีดสั้นไปตรงกลางโต๊ะที่พวกคุณหนูคนอื่นนั่งอยู่ แล้วเดินออกจากห้องโถงไปอย่างไม่สบอารมณ์จะเรียกว่านางหึงหวงเขาเสียจนหน้ามืดก็ได้ที่ลงมือเช่นนั้น แต่คุณหนูหั่วก็ปากดีเสียจนนางควบคุมอารมณ์ไม่อยู่หรูอวี้ไล่ป้าจิ้นกับเสี่ยวซีที่ตามนางมาที่เรือนอย่างเป็นห่วงออกไป ก่อนจะเข้าไปสงบอารมณ์ในมิติของนางจ้าวลู่ฉือยืนมองคุณหนูที่รอพบเขาที่ละคน ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา“เป็นบิดาของพวกเจ้า หรือตัวพวกเจ้าที่ใจกล้าทาเยือนจวนของข้ากัน” เขาเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงเหยียบเย็นบางคนที่หวาดกลัวจนตัวสั่นก็โยนเรื่องราวทั้งหมดไปให้ผู้เป
เซี่ยหรันเซียนเหมือนจะรู้ว่ามีคนจ้องมองมาทางนาง นางจึงหันไปมอองทางรถม้าที่จอดอยู่ไม่ไกลมากนัก เมื่อเห็นว่าด้านในมีหรูอวี้ที่ยกยิ้มมุมปาก มองมาที่นางราวกับว่ากำลังเยาะเย้ยอยู่ ก็เผลอกรีดร้องออกมา“กรี๊ดดดด จะ เจ้า” นางชี้มือที่ทางหรูอวี้ ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวอย่างน่าหวาดกลัว“พาข้าลงไป” หรูอวี้บอกเสี่ยวซีให้ช่วยประคองนางจ้าวลู่ฉือที่นั่งอยู่บนหลังม้า เห็นหรูอวี้จะเดินลงมานอกรถ เขาจึงลงมารับตัวนางเจ้าหน้าที่ เห็นว่าเซี่ยหรันเซียนจะวิ่งออกมาจากขบวนนักโทษ ไม้ในมือก็ตีลงบนแผ่นหลังของนางจนลงทรุดลงไปอยู่ที่พื้น“หยุดมือก่อน” หรูอวี้เดินเข้าไปใกล้ขบวนของนักโทษ นางหยุดอยู่ตรงหน้าของเซี่ยหรันเซียนที่ยังนั่งกองอยู่ที่พื้น“จะ เจ้า เจ้าจะมาเยาะเย้ยข้าเช่นนั้นรึ” นางกรีดร้องออกมา แต่ก็ไม่อาจจะเข้ามาถึงตัวของหรูอวี้ได้ ด้วยตรงหน้ามีเสี่ยวฟ่านและเสี่ยวซีที่ขวางไว้อยู่“ใช่ ข้าอยากจะมาเห็นสภาพของเจ้าด้วยตาของตนเอง” หรูอวี้ปรายตามองไปที่กงจวิ้นที่หลบอยู่ด้านหลังของฮูหยินรองของตน“พอใจแล้วหรือยัง” นางกรีดร้องออกมา น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างน่าสงสาร“หรันเซียน เป็นตัวเจ้าที่กระทำตัวเองทั้งนั้น ทั
จวนตระกูลเซี่ยหลังจากที่จ้าวลู่ฉือกลับไปก็เกิดเรื่องราวใหญ่โต เมื่อเซี่ยถงวู่ฟื้นขึ้นมาหลังจากที่เขาสลบไป ก็ไปที่จวนของสวีเหมยลี่ทันที“เจ้าไปที่จวนตระกูลจ้าวเพื่ออันใด!!!” เขาบีบต้นแขนของนางไว้แน่น“เหตุใดข้าจะไปไม่ได้ นังหรูอวี้ได้ดีเป็นถึงฮูหยินท่านแม่ทัพ นางต้องช่วยเซียนเซียนของข้าได้” นางกรีดร้องออกมาอย่างไม่ยินยอม“เพ้ย โง่เขลานัก ข้าเคยเตือนเจ้าแล้วให้อยู่อย่างเจียมตัว แต่เจ้ากับสร้างเรื่องไม่เว้นวัน ดี เช่นนั้นก็จงไปสำนึกตนที่อารามเสีย” เขาผลักตัวของนางออกอย่างรังเกียจ“กรี๊ดดดด ท่านทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้ ท่านต้องไปหานังหรูอวี้ เพื่อให้ช่วยเซียนเซียนของข้าก่อน” เมื่อนางลุกขึ้นทรงตัวได้ ก็พุ่งเข้าไปทุบตีเซี่ยถงวู่ราวกับคนเสียสติ“เจ้าบ้าไปแล้วรึ!!! โทษของตระกูลกงมีไม่น้อย หากข้าเข้าไปยุ่ง มิใช่จะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปอีกคนรึ”“หึ แต่เซียนเซียนนางเป็นบุตรีของท่าน”“มิใช่ว่าเจ้าสองแม่สองบังคับกงจวิ้น เพื่อให้แต่งเซียนเซียนเข้าจวนตระกูลกงรึ ถึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้”“กรี๊ดดดด” นางจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร ว่านางเป็นผู้ที่ตัดสินใจพลาดไปแล้วหากรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้ คงไม่ข
ตอนนี้ทั้งจ้าวลู่ฉือและหรูอวี้กำลังเป็นที่พอพระทัยของฮ่องเต้ หากรู้ว่าฮูหยินของตนทำให้จ้าวลู่ฉือเกือบจะเสียบุตรไป เขาคงได้ถูกริบตำแหน่งคืนอย่างแน่นอน“ข้าให้เวลาเจ้าสองวัน หากยังมิจัดการสวีเหมยลี่ให้ข้า ข้าจะมาจัดการทั้งตัวเจ้าและนางด้วยตนเอง” จ้าวลู่ฉือเหยียบไปที่อกของเซี่ยถงวู่อีกครั้ง ก่อนจะปรายตามองไปที่สวีเหมยลี่อย่างมุ่งร้าย เขารู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนางล้วนแต่ได้ยินก็ต้องมาลองดูกันว่าตระกูลเซี่ยจะจัดการเรื่องนี้ให้เขาเช่นไร“ขะ เข้าใจแล้ว” เซี่ยถงวู่กระอักเลือดออกมา ภายในของเขาคงบอบช้ำไม่น้อยเลยจ้าวลู่ฉือยอมถอยกลับไปรอที่จวน หากอีกสองวันไม่มีคำตอบให้เขา เขาย่อมต้องมาเยือนอีกครั้งอย่างแน่นอนพอกลับไปถึงฟ้าก็มืดสนิทแล้ว ภายในจวนตระกูลจ้าววุ่นวายอยู่ไม่น้อย จนจ้าวลู่ฉือที่เพิ่งกลับมาถึงหัวเสียที่บ่าวไพร่ทำเสียงดัง ด้วยกลัวว่าจะรบกวนหรูอวี้“มีอันใดกัน พวกเจ้าถึงได้วิ่งพล่านเช่นนี้” เรื่องเก่าเขายังมิได้ลงโทษ ก็อยากจะเหมารวมกับเรื่องใหม่ไปด้วยแล้ว“เอ่อ...” พ่อบ้านจ้าวยังมิทันจะได้บอกกล่าว ถึงที่มาของความวุ่นวายด้านหลังก็มีเสียงหัวเราะของบุรุษดังขึ้นเสียก่อน“อาฉือ เจิ้นรึอุตส่าห์จั
ตู้หยวนต้องเดินทางเข้าไปสอบในเมืองหลวง ที่ใกล้จะเกิดขึ้น จึงได้ออกเดินทางไปพร้อมกับกองทัพของจ้าวลู่ฉือด้วยเลยวันที่ออกเดินทางจากเป่ยหาน ตระกูลตู้ต่างก็ออกมาส่งพวกเขาอยู่ที่หน้าประตูเมืองด้วย“ฝากอาหยวนกับอวี้เออร์ด้วยเล่าท่านแม่ทัพ” ตู้เหลียนเอ่ยกับจ้าวลู่ฉือ“เรื่องนี้เจ้ามิต้องเป็นห่วง ข้าจะต้องดูแลทั้งสองคนอย่างดี” แม้ว่าตู้เหลียนจะมีศักดิ์เป็นถึงแม่ภรรยาแล้ว แต่จ้าวลู่ฉือก็ยังเขินอายเกินกว่าจะเรียกนางเช่นนั้นได้“ออกเดินทางเถิด” ตู้เหลี่ยงเอ่ยบอกจ้าวลู่ฉือ เขารู้ดีว่าศิษย์รักของตนไม่ยอมปล่อยให้หลานสาวของตนเป็นอันใดเป็นอันขาดหรูอวี้ยื่นหน้าออกมาจากรถม้า พร้อมทั้งโบกมือให้ครอบครัวของนาง ภายในรถม้ามีป้าจิ้นและเสี่ยวซีนั่งมาด้วยกับนางเด็กหนุ่มทั้งสามก็ติดตามมาด้วย เขาขี่ม้าอยู่รอบรถม้า เพื่อดูแลนางไม่ห่าง นับว่าทั้งสามมีความสามารถไม่น้อย ไม่ว่าจะเรื่องอ่านเขียน พวกเขาก็ล้วนทำได้ดี เรื่องวรยุทธ์แม้จะไม่ถึงขั้นเก่งกาจ แต่ก็นับได้ว่าสามารถดูแลตนเองได้แล้วการเดินทางที่ยาวนานครั้งนี้ ทำให้หรูอวี้เบื่อหน่ายไม่น้อย นางต้องอยู่เพียงในรถม้า กว่าจะเดินทางถึงที่พัก นางก็ได้แต่นั่งๆ นอนๆ“ไม่