บทที่2
“ถามจริงเถอะ อยากโดนไล่ออกหรือไง” เสียงดังมาจากด้านหลัง นาเดียหรี่ตามอง ผู้จัดการโรงแรม และพนักงานหลายคนที่ยืนอยู่หน้าฟ้อนท์ของโรงแรม กวาดตามองทีล่ะคนอย่างช้าๆ และใจเย็น
“คุณนาเดีย!” พนักงานทุกคนหันมามองตามเสียง พอรู้ว่าเป็นใครก็ประสานเสียงอุทานออกมาเสียงดัง
“คุณพัดเชิญไปคุยที่ห้องเดียนะคะ เดี๋ยวนี้!” เสียงแหวดังไม่สนใจหน้าอินหน้าพรหมไม่สนใจหน้าไหนทั้งนั้นตอนนี้เรียกผู้จัดการโรงแรมให้ตามไปพบที่ห้องทำงานทันที หมุนตัวหน้าเชิด เดินฉับๆ ตรงไปยังลิฟต์เพื่อขึ้นไปห้องทำงานของตัวเอง
“พี่พัด ทำไงดี นางมารร้ายองค์ลงแล้ว”
“ตายแน่งานนี้ แม่งซวยซิบหาย ไหนแกบอกว่าวันนี้ยัยนาเดียไม่เข้ามาไง” พัดชาหันไปต่อว่าพนักงานรุ่นน้อง
“ก็เมื่อวานคุณเดียบอกเมย์ว่าวันนี้จะอ่านหนังสือสอบ ไม่เข้ามาจริงๆ นะพี่” เมย์รีบแก้ตัว เธอถามคุณนาเดียแล้วจริงว่าเธอจะเข้ามาวันไหนบ้าง
“ทำไงดีพี่พัด”
“เออเดี๋ยวพี่เข้าไปคุยเอง พวกแกทำงานต่อไปแล้วกัน” พัดพรูลมหายใจยาวเหยียด รีบเดินเข้าไปลิฟต์
ก๊อกๆ
“เชิญค่ะ” นาเดียหมุดเก้าอี้หันหน้าตรงมายังประตูทางเข้า
“คุณนาเดียเรียกพี่ มีงานอะไรสั่งพี่หรือเปล่าค่ะ” พัดทำใจดีสู้เสือ
“พี่ทำอะไรรู้อยู่แก่ใจดี”
“พี่ทำอะไร พี่ยืนสั่งงานน้องๆ อยู่หน้าฟ้อนท์ คุณนาเดียก็ตามพี่มาคุย” พัดตีหน้าซื่อ
“เดียว่าเราคงทำงานร่วมกันไม่ได้แล้วล่ะค่ะ ขนาดเดียจับได้คาหนังคาเขาพี่ยังไม่ยอมรับ แล้วที่เดียยังจับไม่ได้ไม่มีหลักฐานอีกหลายอย่าง พี่คงจะไม่ยอมรับ”
“น้องเดีย ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ พี่ทำงานให้คุณหยางเว่ยมาเกือบ 10 ปี ทำมาก่อนน้องเดียมานั่งบริหารด้วยซ้ำ พี่รู้ว่าน้องเดียถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ ใครขัดใจก็ไล่ออก แต่พี่ไม่ยอมออกง่ายๆ หรอกนะคะ”
“เฮ้อ พวกพนักงานชอบนินทาว่าเดียใจร้ายบ้างล่ะ ไม่มีเหตุผลบางล่ะ แต่เคยมองความผิดตัวเองบ้างไหม ว่าทำไมถึงถูกเดียไล่ออก ล่าสุดพนักงานถือกระเป๋า รับจ๊อบนอก พาลูกค้านั่งเรือออกจากเกาะ โดยหลอกว่าเป็นแพคเกจหนึ่งของโรงแรมมีประกันภัยคุ้มครองลูกค้าจึงซื้อทริปด้วย ไม่รู้ไปทำอิท่าไหนลูกค้าประสบอุบัติเหตุ ลูกค้าต้องการเบิกค่ารักษาพยาบาลกับทางเราเพราะพนักงานเราพาเขาไป ทำมานานไม่คิดว่าวันหนึ่งจะเกิดอุบัติเหตุได้ พอความแตกเดียต้องเก็บพนักงานแบบนี้ไว้เหรอค่ะ เข้าใจว่าเป็นญาติกับพี่พัด พี่พัดเลยอาจจะโกรธแทนที่ญาติอยู่ๆ ก็ตกงาน” ใช่ตั้งแต่เธอมาช่วยงานที่โรงแรมพนักงานถูกไล่ออกหลายคน แต่เธอไม่ได้ไล่ออกเพราะอารมณ์ เธอมีเหตุผลทุกครั้ง แต่พนักงานส่วนใหญ่ที่ทำงานมานานล้วนเป็นญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงกัน เลยมักจะเห็นอกเห็นใจ ฟังความแต่ฝั่งพวกตัวเอง
“น้องมันมีครอบครัวต้องดูแล ต้องใช้เงินจำนวนมากเลยหลงผิดไปบ้าง หากสำนึกผิดควรจะให้โอกาสไม่ใช่ไล่ออก” พัดยังคงแก้ตัวช่วยญาติตนเอง
“ใช้เงินจำนวนมากในบ่อนมากกว่า พี่พัดอย่าคิดว่าเดียโง่นักเลย ก่อนเดียจะไล่ออกเดียสืบมาหมดทุกอย่างแล้ว พักเรื่องคนอื่นไว้เท่านี้เถอะ มาคุยเรื่องของพี่ดีกว่า”
“พี่ยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิดค่ะ”
“เดียได้ยินพี่คุยกับลูกค้าเมื่อกี้ ลูกค้าไม่ได้จองห้องพัก แต่พี่กลับหาห้องพักให้เขาได้ เดียเปิดดูหลังบ้านเมื่อกี้ ในตารางการจองห้องพักของเราเต็มไปถึงปีหน้า และไม่มีลูกค้าคนไหนยกเลิก พี่ใช้เวทมนต์บทไหนหาห้องพักให้ลูกค้ารายเมื่อกี้ได้ค่ะ”
พัดชากลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ เธอมักจะรับเงินจากลูกค้าที่วอคอินเข้ามาและหาห้องพักให้ พอเรียบร้อยก็จะโทรไปยกเลิกกับลูกค้าที่จองเอาไว้ คืนเงินค่าจองและให้บัตรส่วนลดซึ่งเป็นบัตรก็อยู่ในโคต้าที่ผู้จัดการอย่างเธอมีไว้แจกลูกค้าหรือสมนาคุณกับลูกค้าที่มาพัก เท่ากับเธอไม่เสียอะไร มีแต่ได้
“ลูกค้าโทรมายกเลิกเมื่อเช้าค่ะ พี่วุ่นๆ ลืมแก้ไขในระบบหลังบ้าน”
นาเดียพรูลมหายใจออกมายาวเหยียด บิดริมฝีบางสีแดงสดเย้ยหยัน ‘คิดได้แค่นี้เหรอ’
“ขอชื่อและเบอร์โทรศัพท์ลูกค้าที่โทรมายกเลิกด้วยค่ะ เดียอยากทราบฟีดแบคจากลูกค้าว่าจองโรงแรมของเราล่วงหน้าถึง 3 เดือน ทำไมอยู่ๆ ถึงได้ยกเลิก ลูกค้ามีปัญหาอะไร หรือทางโรงแรมมีอะไรขาดตกบกพร่องที่ทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจ”
“พี่…” พัดชาอึดอักคิดคำแก้ตัวไม่ออก น้ำตาคลอเจียนจะไหล คงถูกไล่ออกดังที่นาเดียลั่นวาจาก่อนที่จะเรียกเธอให้มาพบ
“เดียให้โอกาสพี่พัดครั้งนี้ครั้งสุดท้าย หวังว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก เชิญออกไปได้แล้วค่ะ”
“ขอบคุณค่ะน้องเดีย ขอบคุณค่ะ พี่จะไม่ทำอีกแล้ว” รีบระล่ำระลักขอโทษขอโพยไปพรางขอบคุณไปพราง ก่อนจะออกจากห้องไป
ที่นาเดียยกโทษให้เพราะเป็นการจับได้คาหนังคาเขาครั้งแรก และอีกฝ่ายก็เป็นตัวตั้งตัวตีใหญ่ของพนักงานเกือบทั้งโรงแรม หากความผิดไม่หนักหนาจริงๆ เธอก็ยังไม่อยากไล่ออก เพียงเรียกมาตักเตือนเท่านั้น หากมีครั้งต่อไปคงไม่เก็บเอาไว้อีก
แต่รางวัลผู้นำที่ดีไม่มีอยู่จริง หลังจากพัดชาออกมาจากห้องทำงานของนาเดีย ก็ด่านาเดียซะไม่มีดี
“มึง แม่งจะไล่กูออกด้วยเรื่องแค่นี้ โถ่แต่สุดท้ายก็ไม่แน่จริง เพราะยังไงก็หาคนมาแทนคนทำงานเก่งอย่างกูไม่ได้หรอก ประสบการณ์บริหารงานอะไรก็ไม่มีเรียนก็ยังไม่จบ ถ้าไม่มีใช่ลูกเจ้าของมีเหรอจะได้มานั่งชูคอตำแหน่งรองประธาน” พัดชาลงมาถึงด้านล่างก็เปิดปากด่าเจ้านายทันที
“จริงพี่ เอะอะไล่ออกเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เอง ดีที่วันนี้พี่พัดอยู่ ถ้าหนูเป็นคนรับเงินลูกค้า โดนยัยมารร้ายนั้นไล่ออกทันทีแน่”
สามสาวพนักงานหน้าฟ้อนท์สุมหัวนินทาลูกสาวเจ้าของโรงแรมอย่างเช่นทุกวัน ไม่มีใครชอบนาเดียเพราะใบหน้าที่เชิดๆไม่เคยยิ้ม และข่าวความร้ายกาจของนาเดีย ก็มาจากฝีมือของสามสาวนั้นเอง
บทที่35เวลาผ่านไปเกือบ 2 ปีแล้วหลังจากที่ทิ้งเมืองหลวงมาตั้งรกรากที่เมืองหยิ่งตู่แม่ทัพซ่งเว่ยหลงและรองแม่ทัพ พร้อมทหารในกองทัพอีกหลายพันนาย ประจำการที่เมืองหยิ่งตู่ ก่อนเดินทางเขาได้แจ้งกับทหารทุกคนแล้วว่าตัวเขาและครอบครัวจะไปอยู่ที่เมืองหยิ่งตู่ถาวร หากใครไม่อยากเดิมทางไปเขาก็ไม่ว่า ทหารที่ติดตามมาทั้งหมดจึงล้วนสมัครใจมาหลังจากฝึกทหารและตรวยตราบริเวณแนวกำแพงเมืองเรียบร้อย แม่ทัพซ่งก็จะรีบกลับจวน เป็นเช่นนี้ทุกวันจนทหารในกองทัพคุ้นชิน ทุกคนต่างรู้ดีว่าท่านแม่ทัพนั้นรักฮูหยินมาก แทบไม่เคยให้ห่างสายตา จะออกจากจวนได้ก็ตาอเมื่อแม่ทัพพาออกมาเท่านั้น แต่ก็ว่าไม่ได้นางงดงามราวกับดอกไม้ หากชายใดมีภรรยางดงามเล่นนั้นยีอมต้องหวงแหนเป็นเรื่องปกติ“ท่านพี่ กลับเร็วอีกแล้ว”หยางจื่อส่ายหัวเมื่อเห็นผู้เป็นสามีควบม้าเข้าประตูด้านข้างของจวนเข้ามา แม้ปากจะบ่น แต่นางก็มานั่งรอเขาที่ประตูที่ใช้เข้าออกสำหรับรถม้าและม้า ทุกวัน“หยางเว่ย คิดถึงพ่อไหม” ร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์ ผิวดำแดงกร้านแดด กระโดดลงยสกหลังม้าอย่างองอาจ รีบเดินปรี่เข้าไปรับบุตรชายจากฮูหยิน เจ้าก้อนแป้งของเขาอ้วนกลม เขาไม่อยากให้นางอุ้มบ
บทที่34โทษประหารชีวิตของเจ้าเมืองหยางไห่เลื่องลือไปทั้งแคว้น แม้การประหารขุนนางของฮองเต้หลงจะเป็นที่ชาชินของประชาชน สาเหตุล้วนมาจากการแข็งข้อและเห็นต่างจากพระองค์ แต่การประหารเจ้าเมืองในครั้งนี้กลับเป็นเพราะการทุจริตมาอย่างยาวนาน อีกทั้งคนหาหลักฐานและถวายฎีกาคือจองหงวนคนใหม่ที่เพิ่งสอบติด แต่เรื่องมันจะสิ้นสุดเพียงเท่านี้ หากจองหงวนคนดังกล่าวไม่ใช่เจียวเจี้ย ลูกชายคนโตของอดีตเสนาบดีเจียวก้านที่ถูกประหารไปเมื่อหลายปีก่อน ครั้งนี้เจียวเจี้ยเหมือนพบทางลัด ถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นเสนาบดีกรมพิธีการทันที นั้นล่ะ ต่อให้ฮองเต้หลงจะกบฏสังสารเชื่อพระวงค์ทั้งหมด แต่จะให้ตัดขาดเครือญาติที่ยังเหลืออยู่ฐานอำนาจพระองค์คงจะสั่นคลอน อย่างไรฮองเต้กับเจียวเจี้ยก็เป็นอาหลานกัน เรื่องราวถูกเล่าปากต่อปากไปเรื่อย ยิ่งหลายปากเรื่องราวย่อมเปลี่ยน สุดท้ายกลายเป็นว่า ฮองเต้หลงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด พระองค์ต้องการจะสังหารเจ้าเมืองหยางไห่อยู่แล้ว จึงให้เจียวเจี้ยลงมือสร้างหลักฐานเล่านั้นขึ้นมา ฮองเต้ก็ทรงเพิกเฉยต่อข่าวลือทั้งหมด อย่างไรก็ไม่มีใครแตะต้องพระองค์ได้ เพราะอำนาจทั้งหมดอยู่ในมือพระองค์แล้ว
บทที่33เจียวเจี้ยเขียนฎีการายงานความผิดของเจ้าเมืองหยางไห่ อีกทั้งยังแนบหลักฐานเอาผิดอีกมากมาย ฮองเต้หลงที่คอยจะตัดแขนตัดขาขุนนางที่แข็งข้ออยู่แล้ว ย่อมไม่พลาดที่จะสำเร็จโทษประหารชีวิตให้หยางไท่จง ยิ่งนับวันหยางไท่จงยิ่งแสดงว่ารวมเป็นใหญ่ เมื่อ 5 ปีก่อนที่พระองค์ละละเว้นตระกูลหยางเพราะหยางไท่จงยอมสังหารองค์หญิงจ้าวเว่ยเพื่อพิสูจน์ความจงรักภักดี ชายหนุ่มในชุดมังกรพลิกอ่านฎีกาจากขุนนางฝ่ายบุ๋นให้ลงโทษประหารและริบทรัพย์สินเจ้าเมืองหยางไห่ พระองค์จะไม่แปลกใจเลยหากในกองฎีกานั้นไม่มีฎีกาของฝ่ายบู้ปนมาด้วยหลายฉบับ พระองค์แน่ใจว่าพระองค์เป็นเพียงผู้เดียวที่ควบคุมกองกำลังทหารทั้งแคว้นเอาไว้ในมือ หากแม่ทัพแต่จะหน่วยจะเขียนฎีกาเหล่านี้ พระองค์ย่อมต้องรู้ก่อน แต่กลับไม่มีรายงานเข้ามา“แม่ทัพซ่งเพิ่งแต่งฮูหยินเอก ได้ข่าวว่านางคือหลานสาวจากตระกูลรองของหยางไท่จงพ่ะย่ะค่ะ” หลิวกงกงรีบเดินมารายงานข่าวที่ฮองเต้ให้ไปสืบ แม่ทัพซ่งเดินทางกลับเมืองหลวงได้หลายวันแล้ว อย่างไรเขาก็เคยเป็นคู่หมั้นองค์หญิงจ้าวเว่ย หากยอมแต่งงานแล้วก็แสดงว่าคงจะลืมพระขนิษฐาของพระองค์ได้แล้ว“เรียกแม่ทัพซ่งเข้าวัง เจิ้นต้องการพ
บทที่32หลังจากพักผ่อนที่จวนตระกูลซ่งได้เพียงไม่กี่วันหยางจื่อจึงทำการส่งจดหมายยัแนะให้เจียวเจี้ยออกมาพบร่างบางเดินสำรวจไปรอบๆ ไม่คาดคอดว่าที่นัดพบคือวัดที่อดีตฮองเฮาเจียวเอินจวิ้นเป็นคนสร้างเอาไว้ใหญ่โตมโหฬารแต่กลับเงียบสงบ มีพระเพียงไม่กี่รูปเท่านั้นไม่นานคนที่นัดก็เดินทางมาถึง เจียวเจี้ยเกินตรงเข้ามายังม้าหินข้างน้ำตกทันทีเมื่อเห็นแม่ทัพซ่งนั่งอยู่เคียงข้างสตรีนางหนึ่ง เขารู้แผนของหยางไท่จงมาโดยตลอดว่าจะพยายามชัดชวนให้แม่ทัพซ่งเว่ยหลงเข้าพวกให้ได้ หลายปีที่ผ่านมาก็ล้มเหลวตลอด ไม่อาจดึงใจบุรุษผู้นี้ได้เลย ไม่คาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะทำสำเร็จในเวลาไม่ถึงเดือน ษุรุษร่างบางเฉกเช่นคุณชายที่ทำเพียงขยับพู่กัน ปรายตามองสตรีที่นั่งเคียงข้างบุรุษรูปร่างกำยำ เขาเคยพบแม่ทัพซ่งหลายครั้ง“ข้าน้อยขอภัยที่มาช้า ทางขึ้ยเขาค่อยข้างลำบาก ด้วยขาพาคนตอดตามมาเพียงคนเดียว”เจียวเจี้ยเอ่ยปากขอโทษก่อนจะรีบรวบลัดคุยเรื่องทั้งหมด“ข้ามีทั้งเงินทุนจากตระกูลเจียว เงินทุกของท่านเจ้าเมืองหยางไห่ ท่านจะดำเนินแผนการยกทัพเมื่อไรเพียงเอ่ยปาก”“ท่านจองหงวน ท่านเข้าใจผิดแล้ว การทาของท่านแม่ทัพและข้าในครั้งนี้หาใช่เรื่อ
บทที่31แม่ทัพใหญ่ซ่งและซ่งฮูหยินต้อนรับบุตรชายและสะใภ้เป็นอย่างดี แม้จะรู้ว่าเรื่องราวการแต่งงานทั้งหมดจากปากบุตรชายแล้ว แต่สายตาของทั้งคู่ยังคงแอบมองใบหน้าของหยางจื่อเป็นระยะๆ‘คล้ายคลึงกันจนเกินไป’ ตอนองค์หญิงจ้าวเหว่ย บุตรชายของเขาก็ไปอยู่เฝ้าหลุมศพนางมาตลอด 5 ปี หากเกิดอะไรขึ้นกับหยางจื่อ หนนี้บุตรชายเขาจะยังคลองสติอยู่ได้ยากแล้ว“กินเยอะๆ เจ้าอายุมากแล้ว ต้องบำรุงหนักๆเลย แม่อยากมีหลานเต็มแก่แล้ว มีลูกชายกับเขาอยู่คนเดียว กว่าจะยอมแต่งงานก็เกือบจะอายุ 30 แล้ว บ้านอื่นเขามีหลานจนจะสอบจองหงวนได้อยู่แล้ว” ซ่งฮูหยินคีบอาหารใส่ชามหยางจื่ออย่างต่อเนื่อง แม้จะตะขิดตะขวงใจในคราวแรกที่เห็นใบหน้าของหยางจื่อ แต่ในที่สุดบุตรชายก็ยอมแต่งงาน เหมือนแล้วอย่างไร ไม่เหมือนแล้วอย่างไร ขอเพียงมีสายเลือดสืบสกุลก็เพียงพอแล้ว“ท่านแม่ พอเถอะนางอิ่มจะแย่แล้ว”ซางเว่ยหลงดึงชามออกจากมือบาง นางอิ่มมาซักพักแล้วแต่ก็ยังเฝื่อนกิน ด้วยอยากให้ท่านแม่ประทับใจ หากเป็นองค์หญิงจ้าวเหว่ย นางคงไม่มาเสียเวลาเอาอกเอาใจใครแบบนี้ “นางผอมเกินไป แล้วแบบนี้จะอุ้มท้องหลานไหม”ก่อนจะหันมามองตำหนิหยางจื่อกลายๆ อยู่ๆนางก็ถูก
บทที่30เมื่อกลับถึงจวนแม่ทัพหยางจื่อก็เดินตรงไปยังเรือนนอนของตนทันที รู้ว่าสหายทั้งสองคบมีเรื่องต้องคุยกัน ไม่พ้นเรื่องตัวตนที่แท้จริงของนาง มือบางกอดสมุดเล่มหนาที่ซ่งเว่ยหลงมอบให้บอกรถม้าไว้แนบอกซ่งเว่ยหลงบอกว่าท่านยายมอขมันให้เขาและเขาก็มอบทันให้นางระหว่างที่นั่งเปิดอ่านสมุดบันทึกนั้นที่ละตัวอักษร ซ่งเว่ยหลงก้าวเดินเข้าเรือนมาพร้อมรองแม่ทัพสีหน้าละแววตาของอู๋จวินถงต่างจากชั่วยามก่อนจ่กหน้ามือเป็นหลังมือ คงจะรู้แล้ว่านางคือองค์หญิงจ้าวเว่ย“ไม่ตีหน้ายักษ์ใส่ข้าแล้วอย่างงั้นหรือ”“กระหม่อมมิกล้า”“เจ้าไม่ควรใช่คำราชาศัพท์กับข้านะท่านรองแม่ทัพ ตอนนี้ข้าคือหยางจื่อเป็นเพียงฮูหยินของแม่ทัพเท่านั้น” หยางจื่อเอ่ยติงรองแม่ทัพพร้อมเชิดหน้าใส่แฉกเช่นเดียวกับที่เคยทำในสมัยก่อย“ข้าน้อยขอภัย ขอเวลาข้าปรับตัวซักหน่อยทุกอย่างมันกระทันหันเกินไปข้าน้อยตั้งตัวไม่ทัน” รองแม่ทัพค้อมศีรษะลงเล็กน้อยแต่ตาคมยังเพ่งมองเม็ดขี้แมลงวันเล็กๆที่อยู่หางตานั้น ใช่เลย องค์หญิงจ้าวเหว่ยไม่ผิดแน่ ครั้งแรกที่พบกันเขาก็แอะใจอยู่แล้วเชียวคนอะไรจะหน้าเหมือนกันแถมจุดไฝฝ้ายังอยู่ตำแหน่งเดียวกัน หากไม่เพราะเขาและม่านแม่