แชร์

บทที่3

ผู้เขียน: moonlight -mini
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-27 14:01:43

บทที่3

“อาจื่อ ทำไมไม่ไล่คุณพัดออกไปเลย ในเมื่อหนูก็เห็นเต็มสองตาว่าคุณพัดทุจริต”

นาเดียเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ป๊ากับม๊าฟัง เธอไม่เคยมีอะไรปิดบังพวกเขาทั้งสองคน

“เดียอยากให้โอกาสพี่พัดค่ะ” รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏที่ริมฝีปาก แม้จะยิ้ม แต่แววตาไม่เคยยิ้มเลย

“ปวดหัวอีกแล้วเหรอลูก” หยางเหม่ย เห็นสีหน้าและแววตาลูกสาวก็รีบ เอามือทาบหน้าผากมนของนาเดีย กวักมือเรียกให่พี่เลี้ยงไปหยิบยาแก้ปวดหัวมาให้

“เดียหยุดกินยาค่ะม๊า อาทิตย์หน้าเดียมีสอบ” นาเดียต้องกินยารักษาโรคซึมเศร้าตลอด แต่ช่วงนี้เธอหยุดกินเพราะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลย อีกไม่มีวันก็จะสอบแล้ว ไหนจะมีเรื่องของพนักงานวันนี้อีก เลยทำให้ปวดหัว

“เรียนไม่จบ สอบไม่ได้ก็ชั่งมัน สมบัติป๊ามีให้ลูกสาวคนเดียวใช้ได้อีกสิบชาติ”

“ป๊าาาา เดียอยากเรียนให้จบ อย่างน้อยๆ ก็ปริญญาตรี พนักงานจะได้นับถือเดียขึ้นอีกซักนิด” เธอรู้ว่าสกิวการเข้าถึงคนของเธอ มีผลทำให้พนักงานไม่ชิบเธอ และไม่นับถือเธอว่าเป็นเจ้านาย ด้วย้พราะเธอนั้นยังเด็กและเรียนยังไม่จบนั้นเอง

“ใครไม่นับถือลูกสาวม๊าก็ไล่มันออกไปเลย มีอย่างที่ไหนมาทำงานกับเราแต่ไม่นับถือเจ้านายเปิดรับสมัครใหม่เลยที่พักฟรีอาหารฟรีสามมื้อ คนอยากทำงานมีเยอะแยะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ม๊าจะเข้าไปจัดการให้หมดเลย”

“มะม๊าขา ใจเย็นๆ สูดหายใจเข้าลึกๆ ยุบหนอพอหนอ ก็ม๊าตามใจเดียแบบนี้ คนถึงได้ค่อยแต่ว่าเดียลับหลัง” แม้นาเดียจะจำความผูกพันทางสายเลือดระหว่างเธอกับป๊าม๊าไม่ได้เลย แต่ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนเลยที่ป๊าม๊าจะไม่แสดงออกว่าเธอนั้นคือแก้วตาดวงใจ

“อาจื่อม๊าคิดแบบเดียวกับป๊านะ ต่อให้หนูเรียนไม่จบ ไม่อยากบริหารโรงแรม อยากใช้ชีวิตไปวันๆ ม๊าก็ไม่ว่า แต่อย่าหยุดกินยาได้ไหม มันไม่ดีกับตัวหนู” หยางเหม่ยไม่อยากให้ หยางจื่อหรือนาเดียหยุดกินยาระงับประสาท กลัวว่าหากหยุดไปนานๆ เข้า เธอจะจำทุกอย่างได้อีกครั้ง

“ม๊า เดียไม่ได้ป่วยหนักขนาดนั้น หมอก็เคยบอกว่าเป็นผลกระทบจากสมองบางส่วนจากอุบัติเหตุทำให้ลืมทุกเรื่อง เลยมีผลต่อเนื่องทางระบบประสาทอื่นๆ ตามมา เดียหยุดยาแค่แปปเดียวเองค่ะ สัญญาว่าสอบเสร็จจะกลับมากินยาทุกวัน” ทุกครั้งที่หยุดกินยา นาเดียมักจะปวดหัวและมีความคิดแปลกๆ มือบางเอื้อมมากุมจี้ห้อยคอเอาไว้ สร้อยเส้นนี้เธอใส่ติดตัวเอาไว้ตลอด สร้อยเงินร้อยห้อยด้วยล๊อคเก็จ ข้างในล๊อกเก็จมีหยกเล็กๆ อยู่หนึ่งชิ้น เท่าที่จำได้เธอฟื้นขึ้นมาโดยกำหยกชิ้นนี้เอาไว้ในมือไม่ปล่อย ไม่ว่าใครจะพูดยังไงเธอก็ไม่ยอม จนป๊าและม๊าหาล๊อกเก็จมาให้เธอใส่หยกและห้อยติดตัวเอาไว้ ตั้งแต่นั้นนาเดียก็ไม่เคยถอดสร้อยคอเส้นนี้อีกเลย

ก่อนสอบสามวันนาเดียจะต้องเดินทางไปพักโรงแรมใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยเพื่อเตรียมตัวเข้าสอบ ที่ต้องเดินทางมาล่วงหน้าเพราะจะได้มีเวลาพักให้หายเหนื่อยจากการเดินทาง และไม่เครียดกับการสอบจนเกินไป ห้องชุดถูกจองเอาไว้สำหรับเธอและพี่เลี้ยง นาเดียต้องพักห้องเดียวกับพี่เลี้ยงเป็นเวลา 2 อาทิตย์

หากต้องเดินทางออกจากเกาะ นอกจากจะมีพี่เลี้ยงแล้ว เธอยังมีคนติดตามอีก 2คน ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมบอดี้การ์ดของป๊าเธอนั้นเอง

“บางทีเดียก็แอบคิดว่าป๊ากับม๊ากลัวเดียหนีออกจากบ้าน” นาเดียขำกิ๊ก กับความคิดตัวเอง อยู่ที่เกาะเธอจะมีบอดี้การ์ดดูแลอยู่ห่างๆ แต่พอออกนอกเกาะจะมีพี่เลี้ยงตามติดยิ่งกว่าเงา ถ้าเข้าไปนั่งสอบด้วยได้คงเข้าไปด้วยแล้ว

“นายท่านกับนายหญิงเป็นห่วงคุณหนูต่างหากล่ะคะ”  พี่เลี้ยงวัยกลางคนรีบแก้ตัวแทนเจ้านาย เธอทำงานกับนายหญิงมานาน รู้ดีว่านายหญิงไม่มีวันให้คุณหนูห่างสายตาเด็ดขาด หากจำเป็นต้องออกจากเกาะ ก็จะต้องให้เธอตามมาคุมเห้ย ตามมาดูแล จริงๆ นายท่านกับนายหญิงไม่จำเป็นต้องเปิดโรงแรมหรือทำสัมปทานรังนกอะไรนั้นเลยก็ได้ แต่ที่ต้องทำเพราะต้องมีธุรกิจอะไรซักอย่างบังหน้าไม่ให้คุณหนูสงสัยในตัวตนที่แท้จริงของท่านทั้งสองคน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ท่านแม่ทัพ โปรดรับรักนางร้ายอย่างข้าด้วย   บทที่35

    บทที่35เวลาผ่านไปเกือบ 2 ปีแล้วหลังจากที่ทิ้งเมืองหลวงมาตั้งรกรากที่เมืองหยิ่งตู่แม่ทัพซ่งเว่ยหลงและรองแม่ทัพ พร้อมทหารในกองทัพอีกหลายพันนาย ประจำการที่เมืองหยิ่งตู่ ก่อนเดินทางเขาได้แจ้งกับทหารทุกคนแล้วว่าตัวเขาและครอบครัวจะไปอยู่ที่เมืองหยิ่งตู่ถาวร หากใครไม่อยากเดิมทางไปเขาก็ไม่ว่า ทหารที่ติดตามมาทั้งหมดจึงล้วนสมัครใจมาหลังจากฝึกทหารและตรวยตราบริเวณแนวกำแพงเมืองเรียบร้อย แม่ทัพซ่งก็จะรีบกลับจวน เป็นเช่นนี้ทุกวันจนทหารในกองทัพคุ้นชิน ทุกคนต่างรู้ดีว่าท่านแม่ทัพนั้นรักฮูหยินมาก แทบไม่เคยให้ห่างสายตา จะออกจากจวนได้ก็ตาอเมื่อแม่ทัพพาออกมาเท่านั้น แต่ก็ว่าไม่ได้นางงดงามราวกับดอกไม้ หากชายใดมีภรรยางดงามเล่นนั้นยีอมต้องหวงแหนเป็นเรื่องปกติ“ท่านพี่ กลับเร็วอีกแล้ว”หยางจื่อส่ายหัวเมื่อเห็นผู้เป็นสามีควบม้าเข้าประตูด้านข้างของจวนเข้ามา แม้ปากจะบ่น แต่นางก็มานั่งรอเขาที่ประตูที่ใช้เข้าออกสำหรับรถม้าและม้า ทุกวัน“หยางเว่ย คิดถึงพ่อไหม” ร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์ ผิวดำแดงกร้านแดด กระโดดลงยสกหลังม้าอย่างองอาจ รีบเดินปรี่เข้าไปรับบุตรชายจากฮูหยิน เจ้าก้อนแป้งของเขาอ้วนกลม เขาไม่อยากให้นางอุ้มบ

  • ท่านแม่ทัพ โปรดรับรักนางร้ายอย่างข้าด้วย   บทที่34

    บทที่34โทษประหารชีวิตของเจ้าเมืองหยางไห่เลื่องลือไปทั้งแคว้น แม้การประหารขุนนางของฮองเต้หลงจะเป็นที่ชาชินของประชาชน สาเหตุล้วนมาจากการแข็งข้อและเห็นต่างจากพระองค์ แต่การประหารเจ้าเมืองในครั้งนี้กลับเป็นเพราะการทุจริตมาอย่างยาวนาน อีกทั้งคนหาหลักฐานและถวายฎีกาคือจองหงวนคนใหม่ที่เพิ่งสอบติด แต่เรื่องมันจะสิ้นสุดเพียงเท่านี้ หากจองหงวนคนดังกล่าวไม่ใช่เจียวเจี้ย ลูกชายคนโตของอดีตเสนาบดีเจียวก้านที่ถูกประหารไปเมื่อหลายปีก่อน ครั้งนี้เจียวเจี้ยเหมือนพบทางลัด ถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นเสนาบดีกรมพิธีการทันที นั้นล่ะ ต่อให้ฮองเต้หลงจะกบฏสังสารเชื่อพระวงค์ทั้งหมด แต่จะให้ตัดขาดเครือญาติที่ยังเหลืออยู่ฐานอำนาจพระองค์คงจะสั่นคลอน อย่างไรฮองเต้กับเจียวเจี้ยก็เป็นอาหลานกัน เรื่องราวถูกเล่าปากต่อปากไปเรื่อย ยิ่งหลายปากเรื่องราวย่อมเปลี่ยน สุดท้ายกลายเป็นว่า ฮองเต้หลงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด พระองค์ต้องการจะสังหารเจ้าเมืองหยางไห่อยู่แล้ว จึงให้เจียวเจี้ยลงมือสร้างหลักฐานเล่านั้นขึ้นมา ฮองเต้ก็ทรงเพิกเฉยต่อข่าวลือทั้งหมด อย่างไรก็ไม่มีใครแตะต้องพระองค์ได้ เพราะอำนาจทั้งหมดอยู่ในมือพระองค์แล้ว

  • ท่านแม่ทัพ โปรดรับรักนางร้ายอย่างข้าด้วย   บทที่33

    บทที่33เจียวเจี้ยเขียนฎีการายงานความผิดของเจ้าเมืองหยางไห่ อีกทั้งยังแนบหลักฐานเอาผิดอีกมากมาย ฮองเต้หลงที่คอยจะตัดแขนตัดขาขุนนางที่แข็งข้ออยู่แล้ว ย่อมไม่พลาดที่จะสำเร็จโทษประหารชีวิตให้หยางไท่จง ยิ่งนับวันหยางไท่จงยิ่งแสดงว่ารวมเป็นใหญ่ เมื่อ 5 ปีก่อนที่พระองค์ละละเว้นตระกูลหยางเพราะหยางไท่จงยอมสังหารองค์หญิงจ้าวเว่ยเพื่อพิสูจน์ความจงรักภักดี ชายหนุ่มในชุดมังกรพลิกอ่านฎีกาจากขุนนางฝ่ายบุ๋นให้ลงโทษประหารและริบทรัพย์สินเจ้าเมืองหยางไห่ พระองค์จะไม่แปลกใจเลยหากในกองฎีกานั้นไม่มีฎีกาของฝ่ายบู้ปนมาด้วยหลายฉบับ พระองค์แน่ใจว่าพระองค์เป็นเพียงผู้เดียวที่ควบคุมกองกำลังทหารทั้งแคว้นเอาไว้ในมือ หากแม่ทัพแต่จะหน่วยจะเขียนฎีกาเหล่านี้ พระองค์ย่อมต้องรู้ก่อน แต่กลับไม่มีรายงานเข้ามา“แม่ทัพซ่งเพิ่งแต่งฮูหยินเอก ได้ข่าวว่านางคือหลานสาวจากตระกูลรองของหยางไท่จงพ่ะย่ะค่ะ” หลิวกงกงรีบเดินมารายงานข่าวที่ฮองเต้ให้ไปสืบ แม่ทัพซ่งเดินทางกลับเมืองหลวงได้หลายวันแล้ว อย่างไรเขาก็เคยเป็นคู่หมั้นองค์หญิงจ้าวเว่ย หากยอมแต่งงานแล้วก็แสดงว่าคงจะลืมพระขนิษฐาของพระองค์ได้แล้ว“เรียกแม่ทัพซ่งเข้าวัง เจิ้นต้องการพ

  • ท่านแม่ทัพ โปรดรับรักนางร้ายอย่างข้าด้วย   บทที่32

    บทที่32หลังจากพักผ่อนที่จวนตระกูลซ่งได้เพียงไม่กี่วันหยางจื่อจึงทำการส่งจดหมายยัแนะให้เจียวเจี้ยออกมาพบร่างบางเดินสำรวจไปรอบๆ ไม่คาดคอดว่าที่นัดพบคือวัดที่อดีตฮองเฮาเจียวเอินจวิ้นเป็นคนสร้างเอาไว้ใหญ่โตมโหฬารแต่กลับเงียบสงบ มีพระเพียงไม่กี่รูปเท่านั้นไม่นานคนที่นัดก็เดินทางมาถึง เจียวเจี้ยเกินตรงเข้ามายังม้าหินข้างน้ำตกทันทีเมื่อเห็นแม่ทัพซ่งนั่งอยู่เคียงข้างสตรีนางหนึ่ง เขารู้แผนของหยางไท่จงมาโดยตลอดว่าจะพยายามชัดชวนให้แม่ทัพซ่งเว่ยหลงเข้าพวกให้ได้ หลายปีที่ผ่านมาก็ล้มเหลวตลอด ไม่อาจดึงใจบุรุษผู้นี้ได้เลย ไม่คาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะทำสำเร็จในเวลาไม่ถึงเดือน ษุรุษร่างบางเฉกเช่นคุณชายที่ทำเพียงขยับพู่กัน ปรายตามองสตรีที่นั่งเคียงข้างบุรุษรูปร่างกำยำ เขาเคยพบแม่ทัพซ่งหลายครั้ง“ข้าน้อยขอภัยที่มาช้า ทางขึ้ยเขาค่อยข้างลำบาก ด้วยขาพาคนตอดตามมาเพียงคนเดียว”เจียวเจี้ยเอ่ยปากขอโทษก่อนจะรีบรวบลัดคุยเรื่องทั้งหมด“ข้ามีทั้งเงินทุนจากตระกูลเจียว เงินทุกของท่านเจ้าเมืองหยางไห่ ท่านจะดำเนินแผนการยกทัพเมื่อไรเพียงเอ่ยปาก”“ท่านจองหงวน ท่านเข้าใจผิดแล้ว การทาของท่านแม่ทัพและข้าในครั้งนี้หาใช่เรื่อ

  • ท่านแม่ทัพ โปรดรับรักนางร้ายอย่างข้าด้วย   บทที่31

    บทที่31แม่ทัพใหญ่ซ่งและซ่งฮูหยินต้อนรับบุตรชายและสะใภ้เป็นอย่างดี แม้จะรู้ว่าเรื่องราวการแต่งงานทั้งหมดจากปากบุตรชายแล้ว แต่สายตาของทั้งคู่ยังคงแอบมองใบหน้าของหยางจื่อเป็นระยะๆ‘คล้ายคลึงกันจนเกินไป’ ตอนองค์หญิงจ้าวเหว่ย บุตรชายของเขาก็ไปอยู่เฝ้าหลุมศพนางมาตลอด 5 ปี หากเกิดอะไรขึ้นกับหยางจื่อ หนนี้บุตรชายเขาจะยังคลองสติอยู่ได้ยากแล้ว“กินเยอะๆ เจ้าอายุมากแล้ว ต้องบำรุงหนักๆเลย แม่อยากมีหลานเต็มแก่แล้ว มีลูกชายกับเขาอยู่คนเดียว กว่าจะยอมแต่งงานก็เกือบจะอายุ 30 แล้ว บ้านอื่นเขามีหลานจนจะสอบจองหงวนได้อยู่แล้ว” ซ่งฮูหยินคีบอาหารใส่ชามหยางจื่ออย่างต่อเนื่อง แม้จะตะขิดตะขวงใจในคราวแรกที่เห็นใบหน้าของหยางจื่อ แต่ในที่สุดบุตรชายก็ยอมแต่งงาน เหมือนแล้วอย่างไร ไม่เหมือนแล้วอย่างไร ขอเพียงมีสายเลือดสืบสกุลก็เพียงพอแล้ว“ท่านแม่ พอเถอะนางอิ่มจะแย่แล้ว”ซางเว่ยหลงดึงชามออกจากมือบาง นางอิ่มมาซักพักแล้วแต่ก็ยังเฝื่อนกิน ด้วยอยากให้ท่านแม่ประทับใจ หากเป็นองค์หญิงจ้าวเหว่ย นางคงไม่มาเสียเวลาเอาอกเอาใจใครแบบนี้ “นางผอมเกินไป แล้วแบบนี้จะอุ้มท้องหลานไหม”ก่อนจะหันมามองตำหนิหยางจื่อกลายๆ อยู่ๆนางก็ถูก

  • ท่านแม่ทัพ โปรดรับรักนางร้ายอย่างข้าด้วย   บทที่30

    บทที่30เมื่อกลับถึงจวนแม่ทัพหยางจื่อก็เดินตรงไปยังเรือนนอนของตนทันที รู้ว่าสหายทั้งสองคบมีเรื่องต้องคุยกัน ไม่พ้นเรื่องตัวตนที่แท้จริงของนาง มือบางกอดสมุดเล่มหนาที่ซ่งเว่ยหลงมอบให้บอกรถม้าไว้แนบอกซ่งเว่ยหลงบอกว่าท่านยายมอขมันให้เขาและเขาก็มอบทันให้นางระหว่างที่นั่งเปิดอ่านสมุดบันทึกนั้นที่ละตัวอักษร ซ่งเว่ยหลงก้าวเดินเข้าเรือนมาพร้อมรองแม่ทัพสีหน้าละแววตาของอู๋จวินถงต่างจากชั่วยามก่อนจ่กหน้ามือเป็นหลังมือ คงจะรู้แล้ว่านางคือองค์หญิงจ้าวเว่ย“ไม่ตีหน้ายักษ์ใส่ข้าแล้วอย่างงั้นหรือ”“กระหม่อมมิกล้า”“เจ้าไม่ควรใช่คำราชาศัพท์กับข้านะท่านรองแม่ทัพ ตอนนี้ข้าคือหยางจื่อเป็นเพียงฮูหยินของแม่ทัพเท่านั้น” หยางจื่อเอ่ยติงรองแม่ทัพพร้อมเชิดหน้าใส่แฉกเช่นเดียวกับที่เคยทำในสมัยก่อย“ข้าน้อยขอภัย ขอเวลาข้าปรับตัวซักหน่อยทุกอย่างมันกระทันหันเกินไปข้าน้อยตั้งตัวไม่ทัน” รองแม่ทัพค้อมศีรษะลงเล็กน้อยแต่ตาคมยังเพ่งมองเม็ดขี้แมลงวันเล็กๆที่อยู่หางตานั้น ใช่เลย องค์หญิงจ้าวเหว่ยไม่ผิดแน่ ครั้งแรกที่พบกันเขาก็แอะใจอยู่แล้วเชียวคนอะไรจะหน้าเหมือนกันแถมจุดไฝฝ้ายังอยู่ตำแหน่งเดียวกัน หากไม่เพราะเขาและม่านแม่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status