บทที่5
นาเดียอาศัยอยู่ในกระท่อมกับหญิงชรามาหลายวันแล้ว ฝนตกเกือบทุกวัน จึงยังไม่สามารถเดินเข้าเมืองไปได้ อีกทั้งเธอก็ไม่กล้าเดินไกลออกจากกระท่อมมากนัก เพราะกลัวหลงทาง แม่เฒ่าม่านม่านคือที่พึ่งเดียวของเธอในตอนนี้ ‘ป๊าม๊า เมื่อไหร่จะหาเดียเจอ’ ผ่านมาหลายวันแล้วก็ไม่มี เฮลิคอปเตอร์บินค้นหาหรือป๊าม๊าคิดว่าเธอเสียชีวิตแล้ว
“แม่เฒ่าเดินเข้าหมู่บ้านหรือในเมืองไกลไหมคะ” นาเดียตัดสินใจถาม เริ่มร้อนใจกลัวทุกคนจะคิดว่าเธอตายแล้วและหยุดการค้นหา
“หมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดก็เดินเท้า 1 ชั่วยาม หากจะเข้าเมืองก็เดินเท้า 2 ชั่วยาม” หญิงชราล่ะมือจากกอป่านที่กำลังปั่นเป็นเชือกเอาไว้สานเสื้อกันฝน หันมาตอบหญิงสาวที่เธอช่วยมาจากชายหาด
“ชั่วยาม? แม่เฒ่า เมืองที่ว่าชื่อเมืองอะไรคะ” นาเดียรู้สึกแปลกในคำแทนเวลาของหญิงชรา แม้ตอนแรกจะแปลกใจที่หญิงชราพูดภาษาจีน ก็เพียงคิดว่าคงเป็นคนรุ่นเก่าแก่ของเกาะ ต้นตระกูลเดินทางจากเมืองจีนมาตั้งรกรากที่เกาะแบบเธอและครอบครัว ยังใช่ภาษาของบรรพบุรุษในการสื่อสาร แม้เสื้อผ้าจะแปลก แต่เธอก็เพียงคิดว่าในเกาะห่างไกล นาเดียมีเพียงชุดที่ติดตัวมากับสร้อยคอที่สวมใส่เท่านั้น มีเสื้อผ้าที่แม่เฒ่ามอบให้เปลี่ยนก็นับว่าดีเท่าไหร่แล้ว
“เมืองนี้ชื่อว่า หยางไห่ เป็นเมืองท่าเรือสำคัญของแคว้นเว่ย หมู่บ้านที่ข้าและเจ้าอาศัยอยู่นี่ชื่อว่า หมู่บ้านซาทัน”
หยางไห่ เกาะของประเทศไทยมีชื่อนี้ด้วยเหรอ
ร่างบางทรุดลงไปนั่งกับพื้นพยายามนึกว่าเกาะที่ว่านี้อยู่บนส่วนไหนของแผนที่ ไม่คุ้นชื่อเลยสักนิด หรือเธอลอยหลุดออกมาไกลจากอ่าวไทย หลุดออกมาไกลถึงทะเลจีนใต้ เธอมีชีวิตรอดมาขนาดไกลขนาดนี้เลยงั้นเหรอ แล้วคนอื่นๆ บนเรือล่ะ
“แม่เฒ่าหนูถามอีกซักนิด ตอนนี้หนูอยู่ที่ประเทศจีนใช่หรือเปล่า”
“คนในหมู่บ้านนี้มีแต่ชาวประมง ข้าว่าจะพาเจ้าเข้าเมืองไปหาคนช่วย แต่ก่อนจะเข้าไปในเมืองเจ้า แทนตัวเองว่าข้าเถอะ หากไปคุยกับคนอื่นเขาจะมองว่าเจ้าเสียสติและคงไม่มีใครช่วยเหลือ และประเทศจีนที่เจ้าพูดถึงคืออะไร ข้าก็ไม่เข้าใจ” หญิงชราหันกลับไปสนใจขยี้ป่านทำเป็นเชือกต่อ
“ปีนี้คริสต์ศักราชที่เท่าไหร่” เสียงหญิงสาวตรึงเครียดชัดเจน กลัวและหวั่นในคำตอบที่แม่เฒ่าจะบอกเธอไม่น้อย มือบางเย็นเฉียบจนเกือบจะแข็ง
“เจ้าคงหมายถึงรัชศกงั้นเหรอ ปีนี้รัชศกพระเจ้าจ้าวหลงปีที่ห้า”
นาเดียปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที เธอขาดยาระงับประสาทมาหลายอาทิตย์แล้ว ยังต้องมาเจออุบัติเหตุและสถานการณ์กดดันทำให้สมองตึงเครียดจนถึงขีดสุด ร่างบางอ่อนยวบยาบพิงกำแพงกระท่อมสลบไป มือบางกำล็อกเก็ตเอาไว้แน่นตามสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดราวกับสิ่งนี้คือสิ่งเดียวที่จะช่วยเธอเอาไว้ได้
ฮองเต้จ้างหลง จากเรื่อง เกิดใหม่คราวนี้ ข้าจะถอยให้ทุกคน
บทที่35เวลาผ่านไปเกือบ 2 ปีแล้วหลังจากที่ทิ้งเมืองหลวงมาตั้งรกรากที่เมืองหยิ่งตู่แม่ทัพซ่งเว่ยหลงและรองแม่ทัพ พร้อมทหารในกองทัพอีกหลายพันนาย ประจำการที่เมืองหยิ่งตู่ ก่อนเดินทางเขาได้แจ้งกับทหารทุกคนแล้วว่าตัวเขาและครอบครัวจะไปอยู่ที่เมืองหยิ่งตู่ถาวร หากใครไม่อยากเดิมทางไปเขาก็ไม่ว่า ทหารที่ติดตามมาทั้งหมดจึงล้วนสมัครใจมาหลังจากฝึกทหารและตรวยตราบริเวณแนวกำแพงเมืองเรียบร้อย แม่ทัพซ่งก็จะรีบกลับจวน เป็นเช่นนี้ทุกวันจนทหารในกองทัพคุ้นชิน ทุกคนต่างรู้ดีว่าท่านแม่ทัพนั้นรักฮูหยินมาก แทบไม่เคยให้ห่างสายตา จะออกจากจวนได้ก็ตาอเมื่อแม่ทัพพาออกมาเท่านั้น แต่ก็ว่าไม่ได้นางงดงามราวกับดอกไม้ หากชายใดมีภรรยางดงามเล่นนั้นยีอมต้องหวงแหนเป็นเรื่องปกติ“ท่านพี่ กลับเร็วอีกแล้ว”หยางจื่อส่ายหัวเมื่อเห็นผู้เป็นสามีควบม้าเข้าประตูด้านข้างของจวนเข้ามา แม้ปากจะบ่น แต่นางก็มานั่งรอเขาที่ประตูที่ใช้เข้าออกสำหรับรถม้าและม้า ทุกวัน“หยางเว่ย คิดถึงพ่อไหม” ร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์ ผิวดำแดงกร้านแดด กระโดดลงยสกหลังม้าอย่างองอาจ รีบเดินปรี่เข้าไปรับบุตรชายจากฮูหยิน เจ้าก้อนแป้งของเขาอ้วนกลม เขาไม่อยากให้นางอุ้มบ
บทที่34โทษประหารชีวิตของเจ้าเมืองหยางไห่เลื่องลือไปทั้งแคว้น แม้การประหารขุนนางของฮองเต้หลงจะเป็นที่ชาชินของประชาชน สาเหตุล้วนมาจากการแข็งข้อและเห็นต่างจากพระองค์ แต่การประหารเจ้าเมืองในครั้งนี้กลับเป็นเพราะการทุจริตมาอย่างยาวนาน อีกทั้งคนหาหลักฐานและถวายฎีกาคือจองหงวนคนใหม่ที่เพิ่งสอบติด แต่เรื่องมันจะสิ้นสุดเพียงเท่านี้ หากจองหงวนคนดังกล่าวไม่ใช่เจียวเจี้ย ลูกชายคนโตของอดีตเสนาบดีเจียวก้านที่ถูกประหารไปเมื่อหลายปีก่อน ครั้งนี้เจียวเจี้ยเหมือนพบทางลัด ถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นเสนาบดีกรมพิธีการทันที นั้นล่ะ ต่อให้ฮองเต้หลงจะกบฏสังสารเชื่อพระวงค์ทั้งหมด แต่จะให้ตัดขาดเครือญาติที่ยังเหลืออยู่ฐานอำนาจพระองค์คงจะสั่นคลอน อย่างไรฮองเต้กับเจียวเจี้ยก็เป็นอาหลานกัน เรื่องราวถูกเล่าปากต่อปากไปเรื่อย ยิ่งหลายปากเรื่องราวย่อมเปลี่ยน สุดท้ายกลายเป็นว่า ฮองเต้หลงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด พระองค์ต้องการจะสังหารเจ้าเมืองหยางไห่อยู่แล้ว จึงให้เจียวเจี้ยลงมือสร้างหลักฐานเล่านั้นขึ้นมา ฮองเต้ก็ทรงเพิกเฉยต่อข่าวลือทั้งหมด อย่างไรก็ไม่มีใครแตะต้องพระองค์ได้ เพราะอำนาจทั้งหมดอยู่ในมือพระองค์แล้ว
บทที่33เจียวเจี้ยเขียนฎีการายงานความผิดของเจ้าเมืองหยางไห่ อีกทั้งยังแนบหลักฐานเอาผิดอีกมากมาย ฮองเต้หลงที่คอยจะตัดแขนตัดขาขุนนางที่แข็งข้ออยู่แล้ว ย่อมไม่พลาดที่จะสำเร็จโทษประหารชีวิตให้หยางไท่จง ยิ่งนับวันหยางไท่จงยิ่งแสดงว่ารวมเป็นใหญ่ เมื่อ 5 ปีก่อนที่พระองค์ละละเว้นตระกูลหยางเพราะหยางไท่จงยอมสังหารองค์หญิงจ้าวเว่ยเพื่อพิสูจน์ความจงรักภักดี ชายหนุ่มในชุดมังกรพลิกอ่านฎีกาจากขุนนางฝ่ายบุ๋นให้ลงโทษประหารและริบทรัพย์สินเจ้าเมืองหยางไห่ พระองค์จะไม่แปลกใจเลยหากในกองฎีกานั้นไม่มีฎีกาของฝ่ายบู้ปนมาด้วยหลายฉบับ พระองค์แน่ใจว่าพระองค์เป็นเพียงผู้เดียวที่ควบคุมกองกำลังทหารทั้งแคว้นเอาไว้ในมือ หากแม่ทัพแต่จะหน่วยจะเขียนฎีกาเหล่านี้ พระองค์ย่อมต้องรู้ก่อน แต่กลับไม่มีรายงานเข้ามา“แม่ทัพซ่งเพิ่งแต่งฮูหยินเอก ได้ข่าวว่านางคือหลานสาวจากตระกูลรองของหยางไท่จงพ่ะย่ะค่ะ” หลิวกงกงรีบเดินมารายงานข่าวที่ฮองเต้ให้ไปสืบ แม่ทัพซ่งเดินทางกลับเมืองหลวงได้หลายวันแล้ว อย่างไรเขาก็เคยเป็นคู่หมั้นองค์หญิงจ้าวเว่ย หากยอมแต่งงานแล้วก็แสดงว่าคงจะลืมพระขนิษฐาของพระองค์ได้แล้ว“เรียกแม่ทัพซ่งเข้าวัง เจิ้นต้องการพ
บทที่32หลังจากพักผ่อนที่จวนตระกูลซ่งได้เพียงไม่กี่วันหยางจื่อจึงทำการส่งจดหมายยัแนะให้เจียวเจี้ยออกมาพบร่างบางเดินสำรวจไปรอบๆ ไม่คาดคอดว่าที่นัดพบคือวัดที่อดีตฮองเฮาเจียวเอินจวิ้นเป็นคนสร้างเอาไว้ใหญ่โตมโหฬารแต่กลับเงียบสงบ มีพระเพียงไม่กี่รูปเท่านั้นไม่นานคนที่นัดก็เดินทางมาถึง เจียวเจี้ยเกินตรงเข้ามายังม้าหินข้างน้ำตกทันทีเมื่อเห็นแม่ทัพซ่งนั่งอยู่เคียงข้างสตรีนางหนึ่ง เขารู้แผนของหยางไท่จงมาโดยตลอดว่าจะพยายามชัดชวนให้แม่ทัพซ่งเว่ยหลงเข้าพวกให้ได้ หลายปีที่ผ่านมาก็ล้มเหลวตลอด ไม่อาจดึงใจบุรุษผู้นี้ได้เลย ไม่คาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะทำสำเร็จในเวลาไม่ถึงเดือน ษุรุษร่างบางเฉกเช่นคุณชายที่ทำเพียงขยับพู่กัน ปรายตามองสตรีที่นั่งเคียงข้างบุรุษรูปร่างกำยำ เขาเคยพบแม่ทัพซ่งหลายครั้ง“ข้าน้อยขอภัยที่มาช้า ทางขึ้ยเขาค่อยข้างลำบาก ด้วยขาพาคนตอดตามมาเพียงคนเดียว”เจียวเจี้ยเอ่ยปากขอโทษก่อนจะรีบรวบลัดคุยเรื่องทั้งหมด“ข้ามีทั้งเงินทุนจากตระกูลเจียว เงินทุกของท่านเจ้าเมืองหยางไห่ ท่านจะดำเนินแผนการยกทัพเมื่อไรเพียงเอ่ยปาก”“ท่านจองหงวน ท่านเข้าใจผิดแล้ว การทาของท่านแม่ทัพและข้าในครั้งนี้หาใช่เรื่อ
บทที่31แม่ทัพใหญ่ซ่งและซ่งฮูหยินต้อนรับบุตรชายและสะใภ้เป็นอย่างดี แม้จะรู้ว่าเรื่องราวการแต่งงานทั้งหมดจากปากบุตรชายแล้ว แต่สายตาของทั้งคู่ยังคงแอบมองใบหน้าของหยางจื่อเป็นระยะๆ‘คล้ายคลึงกันจนเกินไป’ ตอนองค์หญิงจ้าวเหว่ย บุตรชายของเขาก็ไปอยู่เฝ้าหลุมศพนางมาตลอด 5 ปี หากเกิดอะไรขึ้นกับหยางจื่อ หนนี้บุตรชายเขาจะยังคลองสติอยู่ได้ยากแล้ว“กินเยอะๆ เจ้าอายุมากแล้ว ต้องบำรุงหนักๆเลย แม่อยากมีหลานเต็มแก่แล้ว มีลูกชายกับเขาอยู่คนเดียว กว่าจะยอมแต่งงานก็เกือบจะอายุ 30 แล้ว บ้านอื่นเขามีหลานจนจะสอบจองหงวนได้อยู่แล้ว” ซ่งฮูหยินคีบอาหารใส่ชามหยางจื่ออย่างต่อเนื่อง แม้จะตะขิดตะขวงใจในคราวแรกที่เห็นใบหน้าของหยางจื่อ แต่ในที่สุดบุตรชายก็ยอมแต่งงาน เหมือนแล้วอย่างไร ไม่เหมือนแล้วอย่างไร ขอเพียงมีสายเลือดสืบสกุลก็เพียงพอแล้ว“ท่านแม่ พอเถอะนางอิ่มจะแย่แล้ว”ซางเว่ยหลงดึงชามออกจากมือบาง นางอิ่มมาซักพักแล้วแต่ก็ยังเฝื่อนกิน ด้วยอยากให้ท่านแม่ประทับใจ หากเป็นองค์หญิงจ้าวเหว่ย นางคงไม่มาเสียเวลาเอาอกเอาใจใครแบบนี้ “นางผอมเกินไป แล้วแบบนี้จะอุ้มท้องหลานไหม”ก่อนจะหันมามองตำหนิหยางจื่อกลายๆ อยู่ๆนางก็ถูก
บทที่30เมื่อกลับถึงจวนแม่ทัพหยางจื่อก็เดินตรงไปยังเรือนนอนของตนทันที รู้ว่าสหายทั้งสองคบมีเรื่องต้องคุยกัน ไม่พ้นเรื่องตัวตนที่แท้จริงของนาง มือบางกอดสมุดเล่มหนาที่ซ่งเว่ยหลงมอบให้บอกรถม้าไว้แนบอกซ่งเว่ยหลงบอกว่าท่านยายมอขมันให้เขาและเขาก็มอบทันให้นางระหว่างที่นั่งเปิดอ่านสมุดบันทึกนั้นที่ละตัวอักษร ซ่งเว่ยหลงก้าวเดินเข้าเรือนมาพร้อมรองแม่ทัพสีหน้าละแววตาของอู๋จวินถงต่างจากชั่วยามก่อนจ่กหน้ามือเป็นหลังมือ คงจะรู้แล้ว่านางคือองค์หญิงจ้าวเว่ย“ไม่ตีหน้ายักษ์ใส่ข้าแล้วอย่างงั้นหรือ”“กระหม่อมมิกล้า”“เจ้าไม่ควรใช่คำราชาศัพท์กับข้านะท่านรองแม่ทัพ ตอนนี้ข้าคือหยางจื่อเป็นเพียงฮูหยินของแม่ทัพเท่านั้น” หยางจื่อเอ่ยติงรองแม่ทัพพร้อมเชิดหน้าใส่แฉกเช่นเดียวกับที่เคยทำในสมัยก่อย“ข้าน้อยขอภัย ขอเวลาข้าปรับตัวซักหน่อยทุกอย่างมันกระทันหันเกินไปข้าน้อยตั้งตัวไม่ทัน” รองแม่ทัพค้อมศีรษะลงเล็กน้อยแต่ตาคมยังเพ่งมองเม็ดขี้แมลงวันเล็กๆที่อยู่หางตานั้น ใช่เลย องค์หญิงจ้าวเหว่ยไม่ผิดแน่ ครั้งแรกที่พบกันเขาก็แอะใจอยู่แล้วเชียวคนอะไรจะหน้าเหมือนกันแถมจุดไฝฝ้ายังอยู่ตำแหน่งเดียวกัน หากไม่เพราะเขาและม่านแม่