แชร์

บทที่4

ผู้เขียน: moonlight -mini
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-27 14:01:57

บทที่4

หลังจากสอบเสร็จเรียบร้อย นาเดียก็พาพี่เลี้ยงไปช๊อปปิ้งซื้อของใช้มากมาย บอดี้การ์ดที่ตามมาอีกสองคนช่วยถือจนล้นมือ กว่าจะขนขึ้นเรือได้ เล่นเอาผู้ชายตัวโตสองคนลิ้นห้อย ให้ฝึกต่อสู้ยิงปืนยังไม่เหนื่อยเท่ากับเดินตามผู้หญิงช๊อปปิ้ง

นาเดียรีบขึ้นเรือ เธอซื้อของใช้มากมายตุนไว้สำหรับ 3-4เดือนเลยทีเดียว เพราะสอบคราวนี้คือการสอบครั้งสุดท้ายแล้ว ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะได้เข้าเมืองอีก เธอไม่ชอบอยู่ในเมืองที่มีแสงสีเสียงมากมาย รู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ของเธอไม่ใช่โลกที่เธอควรจะอยู่ สงสัยจะอยู่บนเกาะ อยู่กับธรรมชาติมากจนเกินไป

นาเดียนั่งเรือเรือยอร์ชกลับไปยังเกาะ ร่างบางนั่งอยู่ท้ายเรือชมวิวท้องทะเลสีฟ้าอ่อนที่สะท้อนสีของท้องฟ้าแต่อยู่ๆ ผมของเธอก็ชี้ตั้งราวกับไฟฟ้าสถิต ผมยาวชี้ออกไปคนละทิศคนละทาง เพียงแค่อึดใจเดียว แสงสีขาวก็สว่างวาปจนตาพร่า

ร่างบางนั่งมองสีฟ้าของทะเลที่ทอดไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา เธอหมดแรงนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่พระอาทิตย์ตรงกับศีรษะจนตอนนี้พระอาทิตย์คล้อยต่ำ เธอฟื้นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนชายหาดเพียงคนเดียว ไม่รู้ว่าตัวเองมาเกยตื้นบนหาดได้อย่างไร สลบไสลไปนานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ เรือที่โดยสารมาถูกฟ้าผ่าเข้ากลางลำ เธอจำเหตุการณ์ได้เพียงแค่นี้พยายามเดินตามชายหาดหวังว่าจะเจอคนที่รอดชีวิตคนอื่นๆ แต่เดินจนหมดแรงก็ไม่พบใครเลย จึงทำได้เพียงนั่งมองพื้นทะเล

“ม๊า ป๊า ตามหาเดียให้เจอนะคะ เดียจะรอป๊ากับม๊ามาช่วย” น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมา เป็นครั้งแรกที่นาเดียร้องไห้ ไม่ว่าจะทุกข์เศร้าเพียงใด ก็ไม่มีใครเคยเห็นน้ำตาของเธอเช่นเดียวกับรอยยิ้มสดใส เธอหวังว่าหากวันนี้เธอยังกลับไม่ถึงเกาะ ป๊ากับม๊าจะต้องรู้ว่าเกิดอุบัติเหตุ และจะต้องส่งคนออกมาตามหาเธอกับพวกพี่ๆ ในใจลึกๆ ก็หวังให้ทุกคนรอดชีวิตเหมือนกับเธอ

นาเดียกอดเขานั่งอยู่ริมชายหาดจนตะวันลับขอบฟ้าไป ร่างกายเธอขาดน้ำมาหลายชั่วโมงแล้ว

“เจ้ามานั่งทำอะไรมืดแบบนี้มันอัตราย” เสียงหญิงชรา เอ่ยขึ้นมาจากด้านหลัง

นาเดียได้ยินเสียงนั้นชัดเจน รีบหันกลับไปมอง หญิงชราถือโคมไฟดวงน้อย ท่ามกลางความมืดมิด นาเดียได้ยินชัดเจนเมื่อครู่นี้คุณยายคนนี้พูดภาษาจีนกับเธอ

“คุณยายค่ะ หนูประสบอุบัติเหตุเรือคว่ำค่ะ คุณยายช่วยหนูได้ไหมค่ะ พาไปส่งในเมือง หรือพาไปพบใครที่พอจะช่วยหนูได้” นาเดียรับลุกแล้ววิ่งเข้าไปในแสงสว่างของโคมไฟ รีบพูดรัวภาษาแม่ของครอบครัวทันที แม้ว่าที่ผ่านมาจะพูดเพียงภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แต่ภาษาจีนเธอก็ไม่เคยลืม

หญิงชราหรี่ตามองสาวแปลกหน้า เนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าแปลกตา คำพูดคำจนแปร่งหู ราวกับไม่ใช่คนท้องถิ่น แต่เมื่อคนมาขอความช่วยเหลือ ใยเลยจะมองข้าม จึงพยักหน้าให้เดินตามเข้าไปในป่า ค่อยๆ ห่างจากชายหาดไปเรื่อยๆแม้นาเดียจะกังวลว่าหากมีเรือมาตามหาจะไม่พบเธอ แต่เวลานี้ตามคุณยายไปคงจะเป็นการดีสำหรับตัวเธอมากที่สุด

“ข้าคือแม่เฒ่าม่านม่าน ข้าอยู่ที่นี่คนเดียว หากจะเข้าเมืองคงต้องรออีกวันสองวัน พายุฝนทำให้เดินเข้าเมืองลำบาก” หญิงชรา พานาเดียเดินตรงมายังกระท่อมกลางป่าที่นางใช้อยู่อาศัย หยิบเสื้อผ้าป่านเก่าๆ สีมอซอส่งให้หญิงสาวเปลี่ยน นิ้วเหี่ยวย่นชี้ไปยังตุ่มใส่น้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างๆ กระท่อม

“ขอบคุณค่ะ หนูชื่อหยางจื่อค่ะ” นาเดียรีบรับเสื้อผ้ามาอย่าไม่รู้สึกรังเกียจแม้สีของมันจะดูเก่า แต่ก็สะอาดกว่าชุดที่เธอใส่อยู่ในตอนนี้ แนะนำตัวด้วยชื่อจีนที่บิดามารดาตั้งให้ หอบเสื้อผ้าทั้งหมดเดินมาใกล้ตุ่มน้ำ ถอดเสื้อออกมาซักให้สะอาดแล้วน้ำมาเช็ดเนื้อเช็ดตัว ผลัดเปลี่ยนเป็นชุดที่หญิงชรามอบให้ แล้วเดินตามเข้ามานั่งในกระท่อม เห็นหญิงชรากำลังนำอาหาร2-3 อย่างวางบนโต๊ะ จึงรีบวิ่งกุลีกุจอเข้าไปช่วย

“หนูช่วยค่ะ” ถามว่าในชีวิตนี่เท่าที่จำความได้เคยทำแบบนี้ไม่ ตอบเลยว่าไม่ มีคนคอยดูแลหาอาหารตั้งโต๊ะไว้เรียบร้อยทุกมื้อ แต่ตอนนี้ทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว นาเดียต้องอาศัยหญิงชราให้ช่วยเหลือ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ท่านแม่ทัพ โปรดรับรักนางร้ายอย่างข้าด้วย   บทที่35

    บทที่35เวลาผ่านไปเกือบ 2 ปีแล้วหลังจากที่ทิ้งเมืองหลวงมาตั้งรกรากที่เมืองหยิ่งตู่แม่ทัพซ่งเว่ยหลงและรองแม่ทัพ พร้อมทหารในกองทัพอีกหลายพันนาย ประจำการที่เมืองหยิ่งตู่ ก่อนเดินทางเขาได้แจ้งกับทหารทุกคนแล้วว่าตัวเขาและครอบครัวจะไปอยู่ที่เมืองหยิ่งตู่ถาวร หากใครไม่อยากเดิมทางไปเขาก็ไม่ว่า ทหารที่ติดตามมาทั้งหมดจึงล้วนสมัครใจมาหลังจากฝึกทหารและตรวยตราบริเวณแนวกำแพงเมืองเรียบร้อย แม่ทัพซ่งก็จะรีบกลับจวน เป็นเช่นนี้ทุกวันจนทหารในกองทัพคุ้นชิน ทุกคนต่างรู้ดีว่าท่านแม่ทัพนั้นรักฮูหยินมาก แทบไม่เคยให้ห่างสายตา จะออกจากจวนได้ก็ตาอเมื่อแม่ทัพพาออกมาเท่านั้น แต่ก็ว่าไม่ได้นางงดงามราวกับดอกไม้ หากชายใดมีภรรยางดงามเล่นนั้นยีอมต้องหวงแหนเป็นเรื่องปกติ“ท่านพี่ กลับเร็วอีกแล้ว”หยางจื่อส่ายหัวเมื่อเห็นผู้เป็นสามีควบม้าเข้าประตูด้านข้างของจวนเข้ามา แม้ปากจะบ่น แต่นางก็มานั่งรอเขาที่ประตูที่ใช้เข้าออกสำหรับรถม้าและม้า ทุกวัน“หยางเว่ย คิดถึงพ่อไหม” ร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์ ผิวดำแดงกร้านแดด กระโดดลงยสกหลังม้าอย่างองอาจ รีบเดินปรี่เข้าไปรับบุตรชายจากฮูหยิน เจ้าก้อนแป้งของเขาอ้วนกลม เขาไม่อยากให้นางอุ้มบ

  • ท่านแม่ทัพ โปรดรับรักนางร้ายอย่างข้าด้วย   บทที่34

    บทที่34โทษประหารชีวิตของเจ้าเมืองหยางไห่เลื่องลือไปทั้งแคว้น แม้การประหารขุนนางของฮองเต้หลงจะเป็นที่ชาชินของประชาชน สาเหตุล้วนมาจากการแข็งข้อและเห็นต่างจากพระองค์ แต่การประหารเจ้าเมืองในครั้งนี้กลับเป็นเพราะการทุจริตมาอย่างยาวนาน อีกทั้งคนหาหลักฐานและถวายฎีกาคือจองหงวนคนใหม่ที่เพิ่งสอบติด แต่เรื่องมันจะสิ้นสุดเพียงเท่านี้ หากจองหงวนคนดังกล่าวไม่ใช่เจียวเจี้ย ลูกชายคนโตของอดีตเสนาบดีเจียวก้านที่ถูกประหารไปเมื่อหลายปีก่อน ครั้งนี้เจียวเจี้ยเหมือนพบทางลัด ถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นเสนาบดีกรมพิธีการทันที นั้นล่ะ ต่อให้ฮองเต้หลงจะกบฏสังสารเชื่อพระวงค์ทั้งหมด แต่จะให้ตัดขาดเครือญาติที่ยังเหลืออยู่ฐานอำนาจพระองค์คงจะสั่นคลอน อย่างไรฮองเต้กับเจียวเจี้ยก็เป็นอาหลานกัน เรื่องราวถูกเล่าปากต่อปากไปเรื่อย ยิ่งหลายปากเรื่องราวย่อมเปลี่ยน สุดท้ายกลายเป็นว่า ฮองเต้หลงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด พระองค์ต้องการจะสังหารเจ้าเมืองหยางไห่อยู่แล้ว จึงให้เจียวเจี้ยลงมือสร้างหลักฐานเล่านั้นขึ้นมา ฮองเต้ก็ทรงเพิกเฉยต่อข่าวลือทั้งหมด อย่างไรก็ไม่มีใครแตะต้องพระองค์ได้ เพราะอำนาจทั้งหมดอยู่ในมือพระองค์แล้ว

  • ท่านแม่ทัพ โปรดรับรักนางร้ายอย่างข้าด้วย   บทที่33

    บทที่33เจียวเจี้ยเขียนฎีการายงานความผิดของเจ้าเมืองหยางไห่ อีกทั้งยังแนบหลักฐานเอาผิดอีกมากมาย ฮองเต้หลงที่คอยจะตัดแขนตัดขาขุนนางที่แข็งข้ออยู่แล้ว ย่อมไม่พลาดที่จะสำเร็จโทษประหารชีวิตให้หยางไท่จง ยิ่งนับวันหยางไท่จงยิ่งแสดงว่ารวมเป็นใหญ่ เมื่อ 5 ปีก่อนที่พระองค์ละละเว้นตระกูลหยางเพราะหยางไท่จงยอมสังหารองค์หญิงจ้าวเว่ยเพื่อพิสูจน์ความจงรักภักดี ชายหนุ่มในชุดมังกรพลิกอ่านฎีกาจากขุนนางฝ่ายบุ๋นให้ลงโทษประหารและริบทรัพย์สินเจ้าเมืองหยางไห่ พระองค์จะไม่แปลกใจเลยหากในกองฎีกานั้นไม่มีฎีกาของฝ่ายบู้ปนมาด้วยหลายฉบับ พระองค์แน่ใจว่าพระองค์เป็นเพียงผู้เดียวที่ควบคุมกองกำลังทหารทั้งแคว้นเอาไว้ในมือ หากแม่ทัพแต่จะหน่วยจะเขียนฎีกาเหล่านี้ พระองค์ย่อมต้องรู้ก่อน แต่กลับไม่มีรายงานเข้ามา“แม่ทัพซ่งเพิ่งแต่งฮูหยินเอก ได้ข่าวว่านางคือหลานสาวจากตระกูลรองของหยางไท่จงพ่ะย่ะค่ะ” หลิวกงกงรีบเดินมารายงานข่าวที่ฮองเต้ให้ไปสืบ แม่ทัพซ่งเดินทางกลับเมืองหลวงได้หลายวันแล้ว อย่างไรเขาก็เคยเป็นคู่หมั้นองค์หญิงจ้าวเว่ย หากยอมแต่งงานแล้วก็แสดงว่าคงจะลืมพระขนิษฐาของพระองค์ได้แล้ว“เรียกแม่ทัพซ่งเข้าวัง เจิ้นต้องการพ

  • ท่านแม่ทัพ โปรดรับรักนางร้ายอย่างข้าด้วย   บทที่32

    บทที่32หลังจากพักผ่อนที่จวนตระกูลซ่งได้เพียงไม่กี่วันหยางจื่อจึงทำการส่งจดหมายยัแนะให้เจียวเจี้ยออกมาพบร่างบางเดินสำรวจไปรอบๆ ไม่คาดคอดว่าที่นัดพบคือวัดที่อดีตฮองเฮาเจียวเอินจวิ้นเป็นคนสร้างเอาไว้ใหญ่โตมโหฬารแต่กลับเงียบสงบ มีพระเพียงไม่กี่รูปเท่านั้นไม่นานคนที่นัดก็เดินทางมาถึง เจียวเจี้ยเกินตรงเข้ามายังม้าหินข้างน้ำตกทันทีเมื่อเห็นแม่ทัพซ่งนั่งอยู่เคียงข้างสตรีนางหนึ่ง เขารู้แผนของหยางไท่จงมาโดยตลอดว่าจะพยายามชัดชวนให้แม่ทัพซ่งเว่ยหลงเข้าพวกให้ได้ หลายปีที่ผ่านมาก็ล้มเหลวตลอด ไม่อาจดึงใจบุรุษผู้นี้ได้เลย ไม่คาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะทำสำเร็จในเวลาไม่ถึงเดือน ษุรุษร่างบางเฉกเช่นคุณชายที่ทำเพียงขยับพู่กัน ปรายตามองสตรีที่นั่งเคียงข้างบุรุษรูปร่างกำยำ เขาเคยพบแม่ทัพซ่งหลายครั้ง“ข้าน้อยขอภัยที่มาช้า ทางขึ้ยเขาค่อยข้างลำบาก ด้วยขาพาคนตอดตามมาเพียงคนเดียว”เจียวเจี้ยเอ่ยปากขอโทษก่อนจะรีบรวบลัดคุยเรื่องทั้งหมด“ข้ามีทั้งเงินทุนจากตระกูลเจียว เงินทุกของท่านเจ้าเมืองหยางไห่ ท่านจะดำเนินแผนการยกทัพเมื่อไรเพียงเอ่ยปาก”“ท่านจองหงวน ท่านเข้าใจผิดแล้ว การทาของท่านแม่ทัพและข้าในครั้งนี้หาใช่เรื่อ

  • ท่านแม่ทัพ โปรดรับรักนางร้ายอย่างข้าด้วย   บทที่31

    บทที่31แม่ทัพใหญ่ซ่งและซ่งฮูหยินต้อนรับบุตรชายและสะใภ้เป็นอย่างดี แม้จะรู้ว่าเรื่องราวการแต่งงานทั้งหมดจากปากบุตรชายแล้ว แต่สายตาของทั้งคู่ยังคงแอบมองใบหน้าของหยางจื่อเป็นระยะๆ‘คล้ายคลึงกันจนเกินไป’ ตอนองค์หญิงจ้าวเหว่ย บุตรชายของเขาก็ไปอยู่เฝ้าหลุมศพนางมาตลอด 5 ปี หากเกิดอะไรขึ้นกับหยางจื่อ หนนี้บุตรชายเขาจะยังคลองสติอยู่ได้ยากแล้ว“กินเยอะๆ เจ้าอายุมากแล้ว ต้องบำรุงหนักๆเลย แม่อยากมีหลานเต็มแก่แล้ว มีลูกชายกับเขาอยู่คนเดียว กว่าจะยอมแต่งงานก็เกือบจะอายุ 30 แล้ว บ้านอื่นเขามีหลานจนจะสอบจองหงวนได้อยู่แล้ว” ซ่งฮูหยินคีบอาหารใส่ชามหยางจื่ออย่างต่อเนื่อง แม้จะตะขิดตะขวงใจในคราวแรกที่เห็นใบหน้าของหยางจื่อ แต่ในที่สุดบุตรชายก็ยอมแต่งงาน เหมือนแล้วอย่างไร ไม่เหมือนแล้วอย่างไร ขอเพียงมีสายเลือดสืบสกุลก็เพียงพอแล้ว“ท่านแม่ พอเถอะนางอิ่มจะแย่แล้ว”ซางเว่ยหลงดึงชามออกจากมือบาง นางอิ่มมาซักพักแล้วแต่ก็ยังเฝื่อนกิน ด้วยอยากให้ท่านแม่ประทับใจ หากเป็นองค์หญิงจ้าวเหว่ย นางคงไม่มาเสียเวลาเอาอกเอาใจใครแบบนี้ “นางผอมเกินไป แล้วแบบนี้จะอุ้มท้องหลานไหม”ก่อนจะหันมามองตำหนิหยางจื่อกลายๆ อยู่ๆนางก็ถูก

  • ท่านแม่ทัพ โปรดรับรักนางร้ายอย่างข้าด้วย   บทที่30

    บทที่30เมื่อกลับถึงจวนแม่ทัพหยางจื่อก็เดินตรงไปยังเรือนนอนของตนทันที รู้ว่าสหายทั้งสองคบมีเรื่องต้องคุยกัน ไม่พ้นเรื่องตัวตนที่แท้จริงของนาง มือบางกอดสมุดเล่มหนาที่ซ่งเว่ยหลงมอบให้บอกรถม้าไว้แนบอกซ่งเว่ยหลงบอกว่าท่านยายมอขมันให้เขาและเขาก็มอบทันให้นางระหว่างที่นั่งเปิดอ่านสมุดบันทึกนั้นที่ละตัวอักษร ซ่งเว่ยหลงก้าวเดินเข้าเรือนมาพร้อมรองแม่ทัพสีหน้าละแววตาของอู๋จวินถงต่างจากชั่วยามก่อนจ่กหน้ามือเป็นหลังมือ คงจะรู้แล้ว่านางคือองค์หญิงจ้าวเว่ย“ไม่ตีหน้ายักษ์ใส่ข้าแล้วอย่างงั้นหรือ”“กระหม่อมมิกล้า”“เจ้าไม่ควรใช่คำราชาศัพท์กับข้านะท่านรองแม่ทัพ ตอนนี้ข้าคือหยางจื่อเป็นเพียงฮูหยินของแม่ทัพเท่านั้น” หยางจื่อเอ่ยติงรองแม่ทัพพร้อมเชิดหน้าใส่แฉกเช่นเดียวกับที่เคยทำในสมัยก่อย“ข้าน้อยขอภัย ขอเวลาข้าปรับตัวซักหน่อยทุกอย่างมันกระทันหันเกินไปข้าน้อยตั้งตัวไม่ทัน” รองแม่ทัพค้อมศีรษะลงเล็กน้อยแต่ตาคมยังเพ่งมองเม็ดขี้แมลงวันเล็กๆที่อยู่หางตานั้น ใช่เลย องค์หญิงจ้าวเหว่ยไม่ผิดแน่ ครั้งแรกที่พบกันเขาก็แอะใจอยู่แล้วเชียวคนอะไรจะหน้าเหมือนกันแถมจุดไฝฝ้ายังอยู่ตำแหน่งเดียวกัน หากไม่เพราะเขาและม่านแม่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status