LOGINใช้เวลาไปราวสองเค่อในที่สุดอาหารจานหนึ่งก็ถูกยกเข้ามาในห้อง ความแวววาวสะท้อนเข้าสู่ดวงตา สีเขียวของผักตัดกันได้ดีกับเส้นสีใส ไหนจะสีแดงของพริก ควันสีขาวที่ลอยคละคลุ้ง กลิ่นหอมยั่วยวนของเนื้อถูกกระตุ้นขึ้นมาได้เป็นอย่างดีจากการใช้ไฟได้อย่างเหมาะสม“ท่านลุงสือลองกินดูสิเจ้าคะ” แม้จะเป็นครั้งแรกที่พ่อครัวใหญ่ลองทำอาหารจานนี้ แต่เขากลับทำออกมาได้ดีมาก ส่วนหนึ่งคงมาจากวิธีการทำที่หลิงอันได้เขียนลงไปสือกังจ้องมองวุ้นเส้นผัดทรงเครื่องบนโต๊ะ กลืนน้ำลายลงคอมือเรียวยื่นออกไปพร้อมตะเกียบคีบเส้นสีใสเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมา ยิ่งมองยิ่งคิดว่าน่าอัศจรรย์นักที่สามารถทำเส้นให้มีสีสันเช่นนี้ได้และเมื่อของในมือถูกนำเข้าปาก ชายหนุ่มก็ไม่พูดอะไรออกมาอีกปฏิกิริยาของเขาไม่ต่างจากจางเหวินและหลิงซุนเลยสักนิด เอาแต่คีบอาหารในจานเข้าปากไม่หยุดถึงขั้นยกจานขึ้นจะได้คีบอาหารเข้าปากได้ทันใจ“ท่านลุงสือคิดเห็นเช่นไรเจ้าคะ”“หลิงอัน เจ้า!!...เจ้าทำของที่สุดยอดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรกัน!! ตัวเส้นดูดซึมความอร่อยของเครื่องปรุงออกมาได้อย่างดี รสชาติทุกอย่างผสมกันอย่างลงตัวในทุกส่วนของตัวเส้น ความเหนียวหนึบเคี้ยวเพลิ
“นี่ใคร ไม่ใช่แม่หนูน้อยอันหรอกหรือ!” สือกังเอ่ยหยอกล้อ ชายหนุ่มได้รับรายงานจากลูกจ้างว่ามีคนมาขอพบ และเมื่อเห็นว่าเป็นใครสีหน้าเขาถึงกับเบิกบานขึ้นมาหลังได้รับเหล้าองุ่นหลายร้อยไหจากอีกฝ่ายและทำการขายออกไป กำไรในมือเดือนนี้ก็มีมากกว่าเดือนที่แล้วถึงสองเท่าตัว ในสายตาสือกังตอนนี้หลิงอันจึงเปรียบเสมือนเทพธิดาผู้นำพาความรุ่งเรืองมาให้“ท่านลุงสือขออภัยที่มารบกวนตอนกำลังยุ่งเจ้าค่ะ” หลิงอันเอ่ย เด็กสาวกวาดตามอง ทั้งที่ยังไม่ค่ำแต่คนในร้านกับคับคั่ง เนืองแน่นเต็มไปหมด ดูเหมือนกิจการช่วงนี้ของเขาจะดีมาก“สำหรับเจ้าไม่มีคำว่ายุ่ง วันนี้มาหาลุงมีเรื่องอะไรหรือ?”“พูดตรงนี้อาจไม่เหมาะสมเท่าใดนัก ไม่ทราบว่าขอเข้าไปพูดด้านในได้หรือไม่เจ้าคะ”สือกังเลิกคิ้ว ชายหนุ่มคิดจะเชิญทั้งสามคนเข้าไปด้านในอยู่แล้ว ไม่คิดว่าเด็กสาวก็มีความคิดเช่นเดียวกัน“เข้าไปในห้องรับรองของลุงแล้วกัน พูดกันในห้องนั้นจะได้สะดวกหน่อย”“เจ้าค่ะ”“ไหนว่ามาสิว่าอันเอ๋อร์ของลุงมืออะไรถึงได้มาหาลุงยามนี้” คำเรียกขานสนิทสนมของสือกังทำคิ้วบุรุษที่นั่งข้างกายหลิงซุนกระตุก ชายหนุ่มเหลือบมองสหายด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย“มองอะไรของ
การทำวุ้นเส้นมีขั้นตอนไม่ซับซ้อนมากแต่กับใช้เวลานาน หลังทำการบดมันเทศผสมน้ำเสร็จเรียบร้อยทั้งหมดแล้วก็เติมน้ำเข้าไปในมันเทศบดคนให้เข้ากันปล่อยให้มันเทศสีขาวตกตะกอนลงไปใต้ก้นถังแล้วเทน้ำออก นำของเหนียวสีขาวที่ได้ขึ้นใส่ผ้าขาว แยกออกจากกันแล้วนำไปตากให้แห้ง“จากนี้แล้วจะทำเช่นไรต่อหรือ ? หรือจะนำไปผสมน้ำแล้วปั้นจากนั้นหั่นเป็นเส้น ๆ เหมือนเส้นบะหมี่ ?”หลิงซุนเอ่ยถามบุตรสาวหลิงอันที่กำลังใช้มือบี้แป้งที่แห้งแล้วให้ละเอียดมองมารดา“นำไปผสมน้ำอีกครั้งจริงเจ้าค่ะ แต่ไม่ได้นำไปหั่น”กล่าวจบก็หันไปหาจางเหวินที่ง่วนอยู่กับการทำอะไรบางอย่างสิ่งที่หลิงอันขอให้ชายหนุ่มทำขึ้นมาคือที่กดแป้ง สิ่งประดิษฐ์แสนเรียบง่ายที่ทำขึ้นจากลำไผ่ ขั้นแรกให้หาไผ่ที่มีขนาดใหญ่ประมาณสามชุ่น เมื่อได้ขนาดของลำไผ่มาแล้วก็ทำการตัดให้เป็นปล่อง ความสูงประมาณครึ่งฉื่อและทำให้มีหูเอาไว้จับ ด้านหนึ่งเจาะรูเล็ก ๆ สำหรับให้แป้งรอดผ่านเมื่อจะใช้งานก็แค่ตักแป้งซึ่งผสมน้ำจนเหลวได้ที่แล้วใส่ลงไป จากนั้นใช้ไม้กดแป้งให้ออกมาเป็นเส้นยาว ๆ ลงไปในน้ำเดือดต้มไปสักพักจนเส้นได้ที่แล้วนำขึ้นพักในน้ำเย็นก่อนจะนำไปตากให้แห้งอีกครั้งเพียงเ
“เสร็จแล้วต้องนำไปบดเจ้าค่ะ บดเสร็จแล้วก็ต้องแช่น้ำไว้จนกว่าจะตกตะกอน”หลิงอันอธิบายการทำวุ้นเส้นให้มารดาฟังตอนนี้มันเทศทั้งยี่สิบจินถูกปลอกและล้างน้ำจนสะอาดแล้วเหลือนำไปบดกับน้ำให้ละเอียดแล้วแช่ทิ้งไว้ให้เกิดตะกอนสีขาว“ส่วนการบดให้ละเอียดนั้นคงต้องไปหาซื้อเครื่องโม่หินมาโม่เจ้าค่ะ”“เช่นนั้นเข้าเมืองดีหรือไม่ลูก ไปดูว่ามีร้านไหนขายเครื่องโม่หินบ้าง”“เจ้าค่ะท่านแม่”เด็กสาวเอ่ยตอบรับ สองแม่ลูกจัดการหาของมาปิดถังใบใหญ่ แล้วเดินทางออกจากบ้าน ระหว่างกำลังจะลงกลอนประตูบ้าน บ้านข้าง ๆ พลันมีเสียงขึ้นมา พอหันไปมองจึงเห็นว่าเป็นจางเหวินที่แบกจอบไว้บนบ่า“ท่านลุงจางสวัสดีเจ้าค่ะ วันนี้จะไปไหนแต่เช้าหรือเจ้าคะ”“ลุงว่าจะเข้าไปดูที่นาหน่อยนะ อีกไม่นานจะถึงฤดูหวานเมล็ดปลูกข้าวแล้ว จะไปเตรียมที่ทางเอาไว้ก่อน”“ดีเลยเจ้าค่ะ พอปลูกข้าวเก็บเกี่ยวจะได้มีข้าวกินในปีหน้า”จางเหวินยกยิ้ม สายตามองตรงไปยังหลิงซุน คนถูกมองหลุบตาเพราะตั้งตัวไม่ทัน ก่อนจะนึกได้ว่าการทำเช่นนี้อาจจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่จึงเงยหน้าขึ้น ทว่าจางเหวินกับหันสายตามองบุตรสาวแล้ว“จะไปที่ใดแต่เช้าหรือ ?”“วันนี้อันเอ๋อร์กับท่านแม่จะเ
นางนอนไม่หลับหลังได้ฟังความรู้สึกของจางเหวิน คำพูดและสายตาของเขาก็คอยแต่วนเวียนอยู่ในหัว หญิงสาวที่ไม่สามารถข่มตาหลับได้ขยับตัวลุกจากเตียงก้าวออกจากห้องมาพร้อมตะเกียงคู่ใจ เดินออกจากประตูบ้านมาจัดการมันเทศที่ยังทำไม่แล้วเสร็จหญิงสาวขยับมือปลอกมันเทศไปเรื่อย ๆ ในหัวก็เอาแต่คิดถึงคำพูดและการกระทำของเขาเมื่อก่อนก็ใช่ว่าจะไม่รับรู้แต่เพราะอีกฝ่ายไม่พูดออกมาให้ชัด หลิงซุนจึงสามารถทำเป็นมองไม่เห็นและปล่อยผ่านไป ทว่าตอนนี้เขาพูดออกมาตรง ๆ ทั้งยังหนักแน่นจริงจังจะให้ปล่อยผ่านไปเหมือนอย่างเคยก็คงทำไม่ได้แล้ว“ท่านแม่ ?”หลิงอันที่นอนไม่หลับได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจึงเดินออกมาดู“อันเอ๋อร์ไม่นอนหรือลูก”“อันเอ๋อร์นอนไม่หลับเจ้าค่ะ ท่านแม่ ท่านแม่คิดเรื่องเมื่อตอนกลางวันจนนอนไม่หลับใช่ไหมเจ้าคะ”เด็กสาวก้าวมายืนข้างกายมารดา หย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ พิงศีรษะบนแขน“ท่านแม่ชีวิตคนเราสั้นนัก ชั่วชีวิตบางคนอาจจะบอกว่านานในขณะที่หลายคนอาจจะบอกว่าแสนสั้น เพราะฉะนั้นแล้วหากมีสิ่งที่ยังไม่มั่นใจจะลองเสี่ยงดูก่อนก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เมื่อได้ลองดูจะได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วอะไรที่เหมาะสม และสิ่งใดที่เราต้องการ”
จางเหวินไม่เคยรับรู้ว่าที่ผ่านมาพวกนางสองแม่ลูกผ่านอะไรมาบ้าง ชายหนุ่มรู้เพียงความพยายามและความตั้งใจที่จะเลี้ยงดูบุตรสาวให้ดีของหลิงซุนเท่านั้นครั้งแรกที่รู้ว่าจะมีคนมาอยู่บ้านฝั่งตรงข้ามถัดจากบ้านตนไปสี่หลัง เขาเพียงคิดว่า บ้านหลังนั้นอยู่อาศัยได้ด้วยหรือ ? บ้านโทรมมากทั้งยังไม่มีที่พอให้หลบฝนได้ด้วย จะอยู่ไปได้อย่างไรหรือคนมาใหม่จะทำการซ่อมแซมก่อนเข้ามาอยู่อาศัยและเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่คือสตรีที่มีลูกติดสายตาของนางเหม่อลอยมากคล้ายคนไม่รู้ว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรดี แต่พอสายตาคู่นั้นหลุบมองบุตรสาวความเป็นประกายและความเข้มแข็งกลับเข้ามาแทนที่สายตาไร้ซึ่งความหวังนั่นเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกประทับใจในตัวสองแม่ลูก หลังจากนั้นเขาก็พยายามเข้าไปทำความรู้จักและหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เท่าที่กำลังตนมีตอนแรกที่เข้าหาบิดามารดาได้เอ่ยเตือนอยู่สองสามครั้ง แต่หลังจากนั้นพวกท่านก็ไม่พูดอะไรอีกจางเหวินยอมรับว่าครั้งแรกเพียงแค่สนใจและสงสาร แต่หลังจากนั้นความรู้สึกอื่นอันไม่ควรกลับเข้ามาแทนที่ เขาชอบที่นางพยายาม ไม่ยอมแพ้ พยายามมองหาช่องทางทำเงินเพียงเพราะต้องการให้มีเงินมาซื้อ







