เมื่อวันเวลาผ่านไป ความใกล้ชิดของทั้งสองก็เพิ่มมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวลินดาเริ่มขลุกอยู่ในห้องทำงานของพีระมากกว่าจะเป็นโต๊ะของตัวเอง ในตอนเช้า เธอจะซื้อกาแฟมาฝากพีระเสมอ และเมื่อถึงช่วงบ่าย เธอมักจะหยิบโน้ตบุ๊คเข้ามาทำงานในห้องของเขาระหว่างคนสองคนมีเพียงความเงียบงันและเสียงกดแป้นพิมพ์ ทว่าบรรยากาศกลับอวลไปด้วยความอบอุ่นเบาบาง ประหนึ่งคู่รักคู่หนึ่งหลายครั้งที่พีระจะยื่นแก้วกาแฟให้เธอโดยไม่ต้องเอ่ยขอ เหมือนรู้ใจไปเสียหมดว่าช่วงบ่ายเธอมักต้องการอะไร และลินดาก็มักจะหยิบขนมเล็กๆ มาวางไว้ข้างมือเขาในวันที่เห็นว่าชายหนุ่มงานยุ่งจนไม่มีเวลาลุกออกจากโต๊ะแม้คำพูดจะยังคงเป็นทางการและระมัดระวัง แต่ความเคยชินเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ กำลังลดระยะห่างระหว่างพวกเขาลงอย่างช้าๆ จนแทบไม่รู้ตัวในบางวันพีระจะเอ่ยเรียกชื่อเธอเบาๆ ขณะที่ยังจดจ่ออยู่กับเอกสารในมือ“ลินดา...”เสียงนั้นไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนครั้งแรกที่รู้จักกัน แต่เริ่มแฝงความไว้ใจและคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด“คะ?”ลินดาเงยหน้าขึ้นมาขานตอบ บนใบหน้าประดับรอยยิ้มอ่อนหวาน สดใสน่ารักเสียจนพีระอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวเข้าไปใกล้“คุณพีระ...?”เสียงเรียกทำให้
ตั้งแต่วันแรกที่ลินดาได้รับตำแหน่งผู้ช่วยรองประธาน ตารางชีวิตของเธอก็แน่นขนัดมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเธอเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการจัดตารางประชุมให้พีระอย่างเป็นระบบ ร่างเอกสารสรุปประชุมแบบรัดกุม ส่งอีเมลแจ้งทีมงานแทนเขา จนบางครั้งพีระเองยังเผลอพึ่งพาเธอมากกว่าที่ตั้งใจไว้อันที่จริงแล้ว พีระเป็นคนระแวดระวัง เขาไม่ใช่คนที่จะไว้ใจใครง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีความลับที่ไม่ควรให้ใครล่วงรู้แต่กับลินดา… มันต่างออกไปหญิงสาวร่างบาง ผู้พูดจานอบน้อม มีสายตาที่มองโลกอย่างใสซื่อ และมักจะยิ้มอย่างอ่อนโยนในจังหวะที่เหมาะสม เธอไม่เคยพูดมากเกินไป แต่กลับอยู่ในจังหวะที่เขาต้องการเสมอ“ผมเครียดกับเรื่องพรีเซนต์ฝั่งลูกค้าญี่ปุ่นนิดหน่อย คุณเคยแปลภาษาญี่ปุ่นไหม”“เคยค่ะ ถึงไม่ได้คล่องมากแต่ฉันเริ่มเรียนภาษานี้มา 3 ปีแล้วค่ะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะคะ”และลินดาก็จะมีคำตอบที่น่าพอใจให้เขาทุกครั้งพีระยกยิ้มมุมปากในทุกครั้งที่เป็นเรื่องงาน คำตอบของหญิงสาวจะเรียบง่าย แต่มั่นใจ และเต็มไปด้วยความสมัครใจที่ไม่มีเจตนาแอบแฝง นั่นแหละที่ทำให้เขายิ่งสนใจลินดาไม่เคยพยายามทำตัวสนิทกับเขาเกินจำเป็น เธอ
นับจากวันนั้น ความสัมพันธ์ของพีระกับลินดาก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้นอย่างเงียบๆ จนเห็นได้ชัดระหว่าง แม้ลินดาจะยังคงมีท่าทีสุภาพเรียบร้อยราวกับไม่รู้ถึงความผิดปกติใดๆเป็นฝ่ายเพื่อนร่วมงานหลายคนที่เริ่มมองความสัมพันธ์นี้ด้วยแววตาสงสัย แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาตรงๆ เพราะต่างก็รู้ดีว่าลินดาคือมือขวาของรองประธานที่ทั้งบริษัทไว้วางใจไปเสียแล้วและมันก็ไม่น่าแปลกที่คนใกล้ชิดของพีระอย่างมีนาจะเริ่มรู้สึกแปลกๆ กับเรื่องนี้“ลินดาอีกแล้วเหรอ”น้ำเสียงของมีนาไม่เปลี่ยนไปจากปกติ แต่แววตาใต้ขนตางอนงามสะบัดวูบเล็กน้อย ขณะเธออ่านโน้ตที่แนบมากับแฟ้มรายงานบนโต๊ะทำงานของพีระลายมือเรียบร้อย สะอาด เป็นระเบียบอย่างน่าประทับใจ“แนบรายงานต้นฉบับตามที่ขอค่ะ – ลินดา”เธอรู้จักชื่อนี้ดีอยู่แล้ว ลินดา ผู้ช่วยคนใหม่ของพีระที่เพิ่งย้ายมาเมื่อต้นไตรมาส ผู้หญิงท่าทางเรียบร้อย สุภาพ และพูดน้อย ที่เธอเลือกมาเองกับมือเนื่องด้วยมีนาเป็นเลขาหน้าห้องทำงานของพีระ ทุกครั้งที่ลินดาเข้าไปรายงานในห้องทำงานของพีระจึงต้องผ่านเธอก่อน ซึ่งมีนาก็จะคอยสังเกตอยู่เสมอ แต่เธอไม่เคยเห็นพิรุธใดๆ ทั้งสิ้น จึงได้วางใจไม่มีอะไรในตัวลินดาที่ดูน่าก
เช้าวันถัดมา แสงแดดเช้าสาดลอดผ่านม่านโปร่งแสงของห้องน้ำพนักงาน เสียงน้ำไหลจากอ่างล้างมือดังกระทบพื้นเซรามิกอย่างสม่ำเสมอ ละอองไอน้ำเบาบางลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศชื้นอุ่นลินดายืนอยู่หน้ากระจก เธอใช้หวีเล็กๆ หวีผมด้านข้างให้เข้าทรงก่อนจะยกมือจัดปกเสื้อเชิ้ตสีขาวให้เรียบร้อยเส้นผมที่เธอหวีอยู่หน้ากระจกบานเล็กนี้คือครั้งที่สามในรอบสิบนาทีปกติลินดาจะดูไม่ใช่คนจุกจิกกับรูปลักษณ์เท่าไร แต่แท้จริงแล้วนั้น รายละเอียดยิบย่อยแม้แต่การปัดของเส้นผมก็เป็นสิ่งที่เธอตั้งใจปั้นแต่งขึ้นมาให้สมบูรณ์แบบที่สุดหญิงสาวอมยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงสายตาของใครบางคนที่เริ่มสะกิดใจเธอเมื่อวานมีนาชื่อที่เธอเกลียดชังอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันชื่อที่ผู้คนทั้งบริษัทพูดถึงด้วยความยำเกรง แต่ก็แฝงความระแวดระวังแบบไม่กล้าแสดงออกก่อนหน้านี้ ลินดาคิดว่ามีนาเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ใช้เสน่ห์ส่วนตัวคอยล่อลวงพีระ แต่ไม่ใช่เลยหลังจากที่เธอเข้ามาทำงานใกล้ชิดกับทั้งคู่ หลักฐานต่างๆ ต่างชี้ไปที่มีนา ในฐานะที่เป็นตัวการหลักและในบางที อาจเป็นมีนาที่เป็นคนเริ่มต้นวางแผนทุกอย่าง✤หวีอันน้อยถูกยกขึ้นและวางเก็บเป็นครั้งที่สี่ ลินดาไม่ได้
บ่ายวันนั้น ท้องฟ้าครึ้มฝน บรรยากาศอบอ้าวภายนอกเหมือนจะถ่ายเทเข้ามาในตึกกระจกทั้งหลัง ลินดากำลังจัดเอกสารที่โต๊ะของตนเองตามปกติเมื่อพนักงานคนหนึ่งเอ่ยเรียก“คุณลินดา มีคุณมีนาเอาขนมมาฝากที่ห้องพักค่ะ บอกว่าให้ทุกคนไปหยิบได้เลย”ลินดาขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอแย้มยิ้มขอบคุณแล้วตามออกไปเสียงพูดคุยเบาๆ หยุดลงทันทีที่เธอเปิดประตูห้องพักพนักงานมีนานั่งอยู่ที่มุมโซฟา ใส่เสื้อเชิ้ตผ้าลินินสีขาวเรียบ กับกระโปรงยาวสีเบจ เส้นผมถูกรวบไว้หลวมๆ เธอยิ้มให้ลินดาเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา“คุณลินดามาเร็ว ฉันแวะซื้อเค้กร้านโปรดของคุณพีระมาฝากทุกคนค่ะ”ลินดาเดินเข้าไปอย่างสงบ คีย์เวิร์ดคำว่า “ร้านโปรดของคุณพีระ” ทำให้เธออดยิ้มออกมาไม่ได้ตั้งใจจะมาหยั่งเชิงกันสินะแววตาของเธอฉายแววรู้ทันออกมาวาบหนึ่ง แต่ในสายตาคนภายนอก รอยยิ้มของลินดาก็เป็นแค่รอยยิ้มตามมารยาทตามปกติเท่านั้นเอง“ขอบคุณมากนะคะคุณมีนา ร้านนี้ปกติคิวยาวมากเลยค่ะ ต้องรอนานไหมคะ”“ไม่นานค่ะ ฉันโทรสั่งไว้ล่วงหน้า” มีนาหัวเราะเบาๆ “ก็สะดวกดีค่ะ มีหลายรสนะคะ ดูซิว่าฉันเดาถูกไหมว่าใครอยากกินรสอะไร”คำว่าพูดนั้นทำให้รอยยิ้มลินดากว้างขึ้นกว่าเดิม“เดาถูกมา
ไม่กี่นาทีต่อมา ลินดาก็ได้รับโทรศัพท์จากพีระให้เข้าไปหาเข้าในห้องทำงาน เธอลุกขึ้นหยิบแฟ้มเอกสาร ยิ้มบางๆ ให้มีนาที่หน้าห้องรองประธาน ก่อนจะเคาะประตู“เข้ามาได้”หญิงสาวเดินเข้าไปด้วยท่าทีมั่นคง เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด กับกระโปรงทรงสอบสีน้ำเงินเข้มยังคงสะท้อนภาพของผู้หญิงที่ควบคุมทุกอย่างได้อยู่หมัด เธอหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะ ก้มศีรษะเล็กน้อยอย่างสุภาพแสงแดดอ่อนยามบ่ายลอดผ่านกระจกบานใหญ่ของห้องทำงาน สะท้อนลงบนโต๊ะไม้โอ๊คที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบ พีระนั่งอยู่ที่ปลายโต๊ะ มือข้างหนึ่งวางอยู่บนแฟ้มเอกสาร อีกข้างหมุนปากกาคลายความคิดที่วนเวียนในหัวเค้กส้มชิ้นหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงานอย่างไม่ค่อยเข้ากันเท่าไรนักมันคือเค้กชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่หลังจากมีนานำมาแจกจ่ายทุกคน ลินดาอมยิ้มมองมันด้วยแววตาแฝงปริศนาดูจากระยะเวลาแล้ว เลขาสาวคนนั้นคงเพียงแค่เอาเค้กมาส่งโดยไม่ได้พูดคุยอะไรกันเพิ่มเติมพีระไม่ได้สังเกตแววตาของเธอแม้แต่นิดเดียว เขาผายมือไปทางแฟ้มตรงหน้า สั่งงานทันที “ผมอยากให้คุณช่วยสรุปรายงานฉบับนี้ภายในวันนี้...”“แน่นอนค่ะ” ลินดาตอบรับเสียงนุ่ม หญิงสาวไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่น้อยตอนที่ยื่นมือไปรับแ
“คุณรู้ไหมว่าผมเรียกคุณเข้ามาทำไม”เสียงของพีระฟังดูเรียบเฉยตามแบบฉบับของเขา แต่มีอะไรบางอย่างในน้ำเสียงนั้นที่ชวนให้รู้สึกได้ถึงแรงสะกิดทางอารมณ์ ไม่ใช่แค่คำถามธรรมดา มันเหมือนการวางหมากตัวแรกบนกระดานลินดากะพริบตาเล็กน้อย ใบหน้าหวานนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างไม่แน่ใจ น้ำเสียงของเธอนุ่มนวล ราวกับกลืนหายไปกับเสียงแอร์ที่พัดอยู่เบาๆ“เกี่ยวข้องกับเอกสารการประชุมก่อนหน้านี้หรือเปล่าคะ”พีระไม่ได้ตอบทันที เขาเพียงยื่นแฟ้มเอกสารกลับให้เธอ มือหนาจับมันไว้อย่างมั่นคง ในขณะที่ดวงตาของเขาไม่เคยละไปจากใบหน้าเงียบสงบของหญิงสาวตรงหน้าเลยแม้แต่วินาทีเดียว“งานเรียบร้อยดีมาก” เขาพูดในที่สุด เสียงทุ้มต่ำของเขาแฝงความจริงจังมากกว่าปกติเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะกดน้ำหนักเสียงลงอย่างจงใจในประโยคสุดท้าย“ขอบคุณมาก ลินดา”ชื่อที่ถูกเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มชวนใจสั่นนั้น ทำให้ใครต่อใครเคลิบเคลิ้มตามได้ไม่ยาก ลินดารับแฟ้มกลับด้วยมือทั้งสองข้าง ก้มศีรษะลงเล็กน้อยด้วยท่าทีอ่อนน้อม“ขอบคุณค่ะ...” เธอเอ่ยเสียงเบา ไม่กล้าเงยหน้าสบตาเขาทว่าแม้ใบหน้าจะก้มต่ำ แต่พีระก็เห็นได้ชัดถึงริ้วสีชมพูเรื่อจางๆ บนพวงแก้
กลางคืนคลี่คลุมบริษัทขนาดใหญ่ราวกับม่านสีหมึก ชั้นบริหารที่เคยเต็มไปด้วยเสียงสนทนาและฝีเท้า ตอนนี้เหลือเพียงแสงจากโคมตั้งโต๊ะบางดวง และเสียงแป้นพิมพ์เบาๆ จากห้องหนึ่งลินดายังไม่กลับบ้าน เธอนั่งอยู่เพียงลำพัง โดยมีเพียงเสียงคลิกเมาส์ที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ กับแสงจากหน้าจอที่สะท้อนเงาบนใบหน้าเรียบนิ่งหญิงสาวมักอยู่ทำงานล่วงเวลาเสมอ นั่นทำให้ทุกคนไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ แม้แต่ตัวพีระเองก็ตาม“รีบกลับบ้านนะครับผู้ช่วยคนเก่งของผม”น้ำเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้น พร้อมกับที่ริมฝีปากของเจ้าของเสียงโฉบลงมาข้างแก้มเนียนอย่างแผ่วเบา และน้ำแก้วหนึ่งที่ถูกวางไว้ให้อย่างใส่ใจตั้งแต่เขาออกตัวว่าจีบเธอ พีระก็เริ่มทำอะไรให้ลินดามากขึ้น ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอยังคงเป็นอาการเขินอายหน้าแดง แต่พีระก็มองออก ว่าเธอกำลังหวั่นไหวให้เขาทีละน้อยพีระมองหญิงสาวอย่างอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย เขาไม่สามารถอยู่ทำงานเป็นเพื่อนเธอได้ ก็เพราะเขายังต้องคอยหลบซ่อนความสัมพันธ์กับลินดาไม่ให้มีนาจับได้นั่นเองลินดาหัวเราะคิกคักเล็กน้อยกับการหยอกล้อของชายหนุ่ม ก่อนจะมองส่งเขากลับบ้านไปจนลับสายตาที่ผ่านมาเธอแกล้งทำตัวเป็นเพียงผู้ช่ว
“คุณเชื่อผมจริงๆ เหรอครับ”พีระเอ่ยเสียงพร่า ดวงตาเปล่งประกายวูบไหว ขณะยื่นมือมากุมมือเธอไว้แน่น“ฉันเชื่อคุณค่ะ”เสียงของลินดานุ่มนวล ราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นที่ทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนได้รับการปลอบโยนเธอกุมมือเขาตอบเบาๆ ส่งผ่านความเชื่อมั่นอันบริสุทธิ์ให้เขาผ่านนิ้วมือที่สอดประสานกันชั่ววินาทีนั้น บางสิ่งบางอย่างในใจของพีระพลันสั่นไหว ราวกับว่าคำพูดของเขาไม่ได้เป็นการเสแสร้งอีก... หากแต่เป็นความรู้สึกที่แท้จริงชายหนุ่มชะงักงัน เขาพลันตระหนักได้ว่าเขาตกหลุมรักลินดาเข้าแล้วจริงๆลินดาคล้ายไม่รับรู้ความเปลี่ยนแปลงนี้ของชายหนุ่ม สีหน้าของเธอยังเชื่อมั่นและเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย นำพาความอบอุ่นและปลอดภัยแผ่กระจายไปสู่ชายอีกคนผ่านฝ่ามือที่สอดประสานกันพีระเหม่อลอยไปชั่วขณะ ปลายนิ้วของเขาสั่นเล็กน้อยขณะไล้หลังมือของเธอ ราวกับกลัวว่าสัมผัสนั้นจะหลุดลอยไปในวินาทีนั้น ชายหนุ่มเชื่ออย่างสนิทใจว่าลินดาคือคนเดียวที่เขาเชื่อใจได้เขาโน้มตัวเข้ามาอีกนิด ใกล้เสียจนลมหายใจของทั้งคู่แทบประสานกัน เหมือนอยากยึดเอาความอบอุ่นนั้นเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว ดวงตาที่เคยคมกริบเต็มไปด้วยความอ้อนวอน ความต้
“ทั้งเรื่องการยักยอกค่าก่อสร้าง การปลอมแปลงยอดเช่า และเรื่องบริษัทภายนอกที่ตรวจสอบไม่ได้...”พีระสูดหายใจลึก มองเธอด้วยสายตาสั่นไหว เขาเอ่ยเบาๆ ดั่งคนสารภาพบาป“ถ้าเกิดว่า... ทุกอย่างนั้น ผมทำจริงๆ ล่ะครับลินดา”ลินดาชะงักงัน ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างคนที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยินคำพูดนี้เธอไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้ตรงๆ ราวกับไม่ต้องการแก้ตัว ไม่ต้องการหลีกเลี่ยง ไม่แม้แต่จะปกปิดพีระหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะที่ไม่ถึงดวงตา และในชั่วขณะหนึ่ง เขาดูเหมือนชายหนุ่มธรรมดาๆ ที่เหนื่อยล้าอย่างเหลือเกิน“ลินดา... คุณคงคิดว่าผมเลวมากใช่ไหม” เสียงเขาแผ่วเบา เต็มไปด้วยความเจ็บปวดหญิงสาวเงียบงันไปครู่หนึ่ง ริมฝีปากเม้มแน่น ดวงตาของเธอฉายแววสับสน ราวกับกำลังต่อสู้กับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีภายในใจหญิงสาวผู้ใช้ชีวิตอย่างซื่อตรงและบริสุทธิ์มาโดยตลอด เมื่อต้องมารับฟังเรื่องผิดกฎหมายผิดศีลธรรมเช่นนี้ ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องมีท่าทีสับสนเช่นนี้สีหน้าของเธอหนักอึ้ง อึดอัดกับความลับที่ไม่คิดว่าจะได้ล่วงรู้จนแทบหายใจไม่ออกเธอรู้ว่าตัวเองต้องแสดงออกอย่างไร และขณะเดียวกันก็รู้ว่าพีระกำลังจับตามองเธออยู่
ลินดาวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะของรองประธานหนุ่มอย่างใส่ใจพีระยิ้มอ่อน ยื่นมือไปรับแก้วกาแฟที่เธอยื่นให้ กลิ่นหอมกรุ่นลอยขึ้นมาแตะจมูก แต่มากกว่ากลิ่นกาแฟ คือความรู้สึกอุ่นใจที่ได้เห็นลินดาอยู่ข้างเขาในเวลานี้“ขอบคุณนะ” เขาพึมพำเบาๆ ยกกาแฟขึ้นจิบลิ้นรับรู้รสชาติความหวานที่เพิ่มมาจากปกติเล็กน้อยที่ลินดาเติมให้อย่างใส่ใจ เธอรู้ดีว่าคนที่กำลังเครียดนั้นต้องการน้ำตาลมากกว่าปกติ นั่นยิ่งทำให้พีระรู้สึกอบอุ่นในอกจนแทบจะลืมความเครียดไปได้ทั้งหมดลินดานั่งลงตรงข้ามกับเขา กวาดสายตาไปยังแฟ้มเอกสารที่ยังเปิดค้างอยู่บนโต๊ะอย่างรวดเร็วแต่แนบเนียน สังเกตเห็นตัวเลข รายงาน และหมายเหตุสีแดงที่น่าเจ็บปวดพร่างพราวอยู่เต็มไปหมด“ฉันได้ยินข่าวลือบ้างแล้วค่ะ...” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลปนเป็นห่วง ดวงตาเศร้าลงอย่างสะท้อนใจ “คุณพีระไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”พีระถอนหายใจยาว ความห่วงใยอันบริสุทธิ์จากเธอทำให้เขารู้สึกราวกับสามารถปล่อยวางน้ำหนักที่กดทับหัวใจลงได้ครึ่งหนึ่ง ชายหนุ่มโน้มตัวไปข้างหน้า มืออีกข้างคว้าเธอมากุมไว้แน่น“โชคดีที่ฉันยังมีเธออยู่” เสียงของเขาติดสั่นเล็กน้อย ทว่าเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น “ฉันไม่รู้จ
อีกด้านหนึ่งในฝั่งของพีระ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังจากปิดประตูห้องเข้ามา คำนินทาที่ลอดผ่านหูเมื่อครู่ทำเอาเขาหมดอารมณ์จะออกมาหากาแฟกินทันทีชายหนุ่มเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานอย่างหนักใจ มือกำสัญญาเช่าโครงการ Aurora เอาไว้แน่นจนหน้ากระดาษยับย่นเมื่อลับตาคน ภาพลักษณ์ที่ดูน่าสงสารมลายหายไปในพริบตา แววตาที่อ่อนล้าเมื่อครู่ฉายความโกรธจัดจนแทบควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่เขากวาดสายตาไปยังแฟ้มสีดำที่วางอยู่ตรงหน้า มันคือเอกสารลับจากแผนกตรวจสอบภายในที่เขาเพิ่งได้มาเมื่อคืนที่ผ่านมา ภายในนั้นระบุข้อสงสัยที่มีต่อเขาอย่างชัดเจน และเขาไม่สามารถแก้ต่างให้ตัวเองได้เลย“บัดซบ!”พีระทุบหมัดลงกับโต๊ะเสียงดังปัง กระดาษแฟ้มกระเด็นหล่นกระจัดกระจาย เขาเหยียดริมฝีปากออกเป็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม ใบหน้าเคร่งเครียดจนเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆตั้งแต่ข่าวลือเริ่มแพร่กระจาย พีระรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกอย่างถูกจัดฉากมาอย่างดี เหมือนกับวางแผนล่วงหน้าไว้แล้วและเขาสงสัยอยู่ลึกๆ ว่าเบื้องหลังมีใครบางคนกำลังชักใยอยู่ใครบางคนที่รู้จักโครงการ Aurora ดีพอจะเล่นงานเขาได้คนที่รู้ช่องโหว่เล็กๆ น้อยๆ ทุกอย่าง รู้ทุกสิ
ข่าวลือเริ่มแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและเงียบงันแววตาที่เคยมองพีระด้วยความชื่นชมเริ่มเปลี่ยนเป็นความสงสัยและไม่ไว้วางใจ เสียงกระซิบกระซาบดังอยู่ทั่วทุกมุมในบริษัท ไม่เว้นแม้แต่มุมชงกาแฟเล็กๆ ใกล้ห้องของรองประธานหนุ่มเอง“เธอได้ยินมารึยัง” เสียงพนักงานหญิงคนหนึ่งก้มหน้ากระซิบเบาๆ มือที่ถือแก้วกาแฟสั่นด้วยความตื่นเต้น“เรื่องนั้นน่ะเหรอ” เพื่อนร่วมงานมีสีหน้าเหมือนจะรู้อยู่แล้วครึ่งหนึ่ง หญิงสาวคนแรกที่เปิดประเด็นรีบพยักหน้าทันที เธอลดเสียงลงจนแทบเป็นเสียงลมหายใจ กระซิบกับเพื่อนอย่างลับๆ“ใช่ โครงการ Aurora ที่เพิ่งเปิดตัวปีที่แล้วนั่นน่ะ... ว่ากันว่าเงินค่าก่อสร้างมันสูงผิดปกตินะ แถมการบริหารยังส่องเค้าทุจริตด้วย”“แต่โครงการนั้นมันไปได้สวยมากเลยนี่ ฉันเห็นทีมที่รับผิดชอบได้โบนัสเพียบเลยนะปีก่อน” พนักงานอีกคนโผล่มาร่วมวงสนทนา ท่าทางไม่รู้อะไรเอาเสียเลยจนเพื่อนร่วมงานต้องส่ายหัว“สวยแค่ตัวเลขน่ะสิ ฉันได้ยินว่าคณะกรรมการตรวจสอบแล้วว่ายอดเช่าก็สูงผิดปกติ แถมยังมีเรื่องบริษัทภายนอกที่ตรวจสอบไม่ได้ด้วย”เสียงหายใจดังเฮือกเบาๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนที่อีกเสียงหนึ่งจะเปรยขึ้นมาอย่างลังเล“จริ
หลังจากเตรียมการมาหลายเดือน ลินดาก็ได้ข้อมูลหลักฐานสำคัญมาครบถ้วนหญิงสาวไม่ได้รีบร้อนลงมือ เธอรู้ดีว่าหากเธอเริ่มลงมือเปิดโปงเมื่อไหร่ มันจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น และพีระจะรอบคอบรัดกุมมากขึ้นเธอจึงรอ รอจังหวะที่ไม่มีใครสังเกตเห็น รอจนกว่าจะมั่นใจว่าทางรอดทุกทางของพีระจะถูกปิดสนิท ไม่มีทางให้เขาดิ้นหลุดได้แม้แต่นิดเดียวและเมื่อถึงตอนนั้น เธอจะค่อยๆ กัดกร่อนเขาจากภายในอย่างเชื่องช้า เงียบเชียบ และไร้ร่องรอยจนกว่าทุกอย่างจะถล่มลงมา... อย่างไม่มีทางซ่อมแซมได้อีก✤และโอกาสเธอรอก็มาถึงในเวลาไม่นานนัก เมื่อพีระมอบหมายให้เธอดูแลโครงการสำคัญของเขา คอมมูนิตี้มอลล์ในย่านสุขุมวิท ซึ่งวางแผนไว้ว่าเป็นคอมมูนิตี้มอลล์สไตล์รีสอร์ต ซึ่งประกอบด้วยร้านค้าแฟชั่นแบรนด์ดัง ร้านอาหารฟิวชั่น คาเฟ่ พื้นที่อีเวนต์กลางแจ้ง และฟิตเนสแบบครบวงจรมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เธอจะต้องดึงข้อมูลจากโครงการก่อนหน้านี้มาใช้ในการอ้างอิงข้อมูลที่ขัดแย้งกันปรากฏหราอยู่บนเอกสารราคาค่าก่อสร้างและตกแต่งสูงเกินกว่าราคาประเมินของโครงการปัจจุบันเสียอีก ทั้งๆ ที่ค่าวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างแพงขึ้นทุกปีหญิงสาวตีสีหน้ายุ่งยากขณ
หลังจากทั้งสองเริ่มต้นคบกัน พีระแทบจะไม่ปิดบังความสัมพันธ์ของเขากับลินดาเลยด้วยซ้ำ ราวกับว่าเขาตั้งใจประกาศให้โลกรู้ว่ามีเธออยู่ข้างกายอย่างภาคภูมิใจยิ่งหลังจากที่มีนาจับได้ถึงความสัมพันธ์ลับๆ นี้ ชายหนุ่มก็ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องเก็บงำอีกต่อไป พฤติกรรมที่เคยพอมีความเกรงใจบ้างในช่วงแรกๆ กลับกลายเป็นความเปิดเผยอย่างโจ่งแจ้ง จับมือกันในที่ทำงาน ออกไปทานข้าวด้วยกันอย่างไม่ปิดบัง ส่งสายตาให้กันอย่างคนรักที่ไม่แคร์สายตาใครตอนนี้ ทุกคนในบริษัทแทบจะรู้กันเกือบหมดแล้วว่าลินดาคือคนรักคนใหม่ของรองประธานหนุ่มและนั่นก็กลายเป็นข้อได้เปรียบอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับลินดาในการสืบหาหลักฐานหญิงสาวนั่งลงที่หน้าแล็ปท็อปในห้องพักส่วนตัว ดวงตาส่องประกายเยือกเย็นเมื่อเปิดไฟล์ข้อมูลที่เธอรวบรวมมาอย่างละเอียดลึกซึ้ง ความเคลื่อนไหวภายในบริษัทเริ่มเผยรอยร้าวและช่องโหว่ให้เธอสอดแทรกเข้าไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ ความไว้ใจที่พีระมีต่อเธอ กลายเป็นกุญแจที่ไขประตูหลายบานที่เคยปิดตายลินดาได้รหัสผ่านบางส่วนจากฝ่ายการเงิน ผ่านการพูดคุยที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย และด้วยความใกล้ชิดกับพีระ เธอยังสามารถเข้าถึงข้อมูลที่มีเพียงคนไม่ก
ช่วงเวลาหลังเลิกงานในเย็นวันหนึ่ง ลินดาก้าวออกจากลิฟต์ในตึกจอดรถ มือบางกอดแฟ้มเอกสารแนบอกอย่างเคย ตั้งใจจะเดินออกไปเพื่อไปขึ้นรถเมล์กลับบ้านตามปกติพลันสายตาของเธอก็เห็นพีระ ชายหนุ่มยืนพิงรถคันหรูของเขาอยู่ตรงนั้น ราวกับรอเธอโดยเฉพาะท่าทีของเขาดูสบายๆ ทว่าในแววตากลับเต็มไปด้วยความตั้งใจแน่วแน่ เขาไม่ได้มาเพราะเรื่องงาน แต่เพราะเธอ“กลับด้วยกันไหมครับ” น้ำเสียงนุ่มลึกเอ่ยทัก พร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ผู้หญิงหลายคนในบริษัทนี้ใจอ่อนมาแล้วนักต่อนักลินดาชะงักไปเล็กน้อย แสร้งทำท่าลังเล สีหน้าของเธอเอียงอาย ก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้า“ค่ะ... ถ้าไม่รบกวน”“รบกวนอะไรกันล่ะครับ ผมเต็มใจต่างหาก” พีระหัวเราะเบาๆ เปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารให้เธออย่างสุภาพ ลินดาก้าวขึ้นไปอย่างสงบโดยไม่แสดงพิรุธแม้แต่น้อยเสียงเพลงแจ๊สจากวิทยุหน้ารถดังเบาๆ คลอในบรรยากาศ ฝ่ามือของลินดาวางบนตักอย่างเรียบร้อย ท่าทีของเธออ่อนโยนไม่ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาแต่พีระรู้ดี ว่าเธอมีบางอย่างที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปได้เลยตั้งแต่วันแรกที่เจอ“วันนี้...เหนื่อยไหมครับ” พีระเอ่ยถามขณะจับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว“ไม่เท่าไหร่ค่ะ งานเยอะ
พีระเริ่มรู้สึกถึงความตึงเครียดที่แทรกซึมระหว่างเขากับมีนาไม่ว่าจะเป็นท่าทางของเธอที่แข็งกระด้างขึ้น หรือบทสนทนาที่มักเต็มไปด้วยคำถามที่ฟังดูเหมือนการจับผิดทุกครั้งที่พยายามอธิบาย เขากลับพบว่า คำพูดของตัวเองดูเหมือนจะกลายเป็นข้อแก้ตัวในสายตามีนาเสมอ“คุณกับลินดาไปกันถึงขั้นไหนแล้วล่ะ”มีนาพูดขึ้นกลางมื้อค่ำที่ควรจะอบอวลด้วยความรักน้ำเสียงของเธอนิ่ง แต่น้ำหนักของคำพูดนั้นเหมือนมีดกรีดลงกลางใจเขาพีระวางส้อมลงอย่างเหนื่อยใจ เขาไม่ได้โกรธ แต่รู้สึกท้อแท้เหลือเกิน“มีนา...” เขาเอ่ยเสียงเบา “ลินดาเป็นผู้ช่วยที่ดีมาก เธอช่วยงานผมเยอะจริงๆ เราก็คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ”เขาเลือกที่จะอธิบายด้วยเหตุผลอย่างใจเย็น คล้ายไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดเลยสักนิด มีนาพลันเบือนหน้าหนี ปิดกั้นตัวเองอย่างชัดเจนบรรยากาศรอบตัวเย็นเยียบ จนพีระรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่กำลังนั่งอยู่ตรงข้ามคนรักความเหนื่อยล้าเกาะกุมใจเขาอย่างช้า ๆเขาไม่อยากทะเลาะ ไม่อยากทำร้ายหัวใจใครแต่ก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแค่การทำงานกับลินดาถึงกลายเป็นปัญหาใหญ่โตได้ขนาดนี้และยิ่งมีนามีท่าที่เฉยชา เขาก็เริ่มคิดถึงรอยยิ้มของลินดา