ในต่างจังหวัดที่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร เด็กสาวคนหนึ่งสะดุ้งตื่นกลางดึก ลินดา หอบหายใจแรง ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ ดวงตาสับสนอย่างคนที่เพิ่งตื่นจากความฝัน
มันเป็นฝันที่แสนประหลาด ยาวนานและเต็มไปด้วยความทรงจำ ราวกับเป็นสิ่งเกิดขึ้นจริงในชีวิตของเธอ
แต่มันไม่ใช่ความทรงจำของเธอ
ภาพของงานแต่ง ภาพของชายคนหนึ่งที่จูบมือเธอใต้แสงเทียน ภาพชีวิตคู่อันแสนสุข และภาพสุดท้าย...
แสงจ้าของไฟหน้ารถที่สาดสว่างจนทุกสิ่งเบื้องหน้ากลายเป็นสีขาวโพลน
เสียงอุบัติเหตุ พร้อมเสียงหัวเราะของใครบางคน
ลินดากุมขมับ หายใจหอบ น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
“นี่มัน... ความฝันอะไร...” เธอกระซิบ
แต่เสียงในหัวกลับตอบมาแผ่วเบา
“ไม่ใช่ความฝัน... นี่คือความทรงจำของฉัน”
ในชั่ววินาทีนั้น ดวงวิญญาณของนลินได้ประสานรวมกับลินดา
เป็นหนึ่งเดียวกันราวกับควรเป็นเช่นนั้นมาตั้งแต่แรก
“ลินดา เธอจะช่วยฉันแก้แค้นได้ไหม”
✤
ลินดา นั่งเหม่อลงมองมือของตัวเองในกระจกเงาบานเล็ก เธอจำได้แม่นถึงสัมผัสของแหวนวงหนึ่งที่เคยสวมอยู่ตรงนิ้วนางข้างซ้าย
แต่ตอนนี้ ไม่มีอะไรเลย
ต่อให้หลักฐานทุกอย่างจะบอกชัดว่าเธอคือลินดา และยังคงเป็นลินดาคนเดิม แต่สิ่งต่างๆ ที่เธอเห็นในความฝัน มันกลับชัดเจนในความทรงจำอย่างน่าประหลาด
ผู้ชายในสูทดำ หญิงสาวในชุดเดรสสีมรกต และเสียงกระซิบกระซาบที่น่าสะอิดสะเอียน
“เธอไว้ใจฉันมากเกินไป... นลิน”
ชื่อ “นลิน” ยังคงก้องในหัวเธอ ให้ความรู้สึกคุ้นเคยราวกับเป็นตัวของเธอเอง
ราวกับเป็นชื่อที่เธอใช้มาทั้งชีวิต
✤
ลินดาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
ตอนนี้ในหัวของเธอเต็มไปด้วยชื่อคนมากมายที่เธอไม่รู้ว่าคือใคร และเหตุการณ์อีกมากมายที่ไม่ควรจะเป็นความทรงจำของเธอ แต่กลับอัดแน่นอยู่ในหัว
หญิงสาวเปิดลิ้นชัก หยิบสมุดโน้ตเก่าๆ ขึ้นมาจดบันทึกเพื่อรวบรวมความคิด ยิ่งเรียบเรียงเหตุการณ์ในฝันมากเท่าไหร่ ความสับสนของเธอก็ยิ่งมากขึ้นและมากขึ้น
จิตใต้สำนึกของเธอร้องบอกว่ามันคือความทรงจำของเธอเอง
ลินดาขยับมือไปเรื่อยๆ ลายเส้นดินสอขยับวูบไหวโดยแทบไม่ผ่านความคิด ปรากฏเป็นภาพแหวนที่เธอเห็นในฝันโดยไม่รู้ตัว
ภาพวาดดูละเอียดสมจริงราวกับเธอเคยเห็นมันมานับพันนับหมื่นครั้ง รายละเอียดทุกอย่างบนแหวนถูกวาดเอาไว้โดยไม่พลาดแม้แต่จุดเดียว
รวมถึงตราสัญลักษณ์เล็กๆ ตรงหัวแหวน
ตัวอักษร P & N
ลินดาขมวดคิ้วเมื่อสังเกตุเห็นสิ่งที่เธอไม่ควรจะเห็น เธอไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่ในใจกลับรู้สึกเจ็บอย่างประหลาด
รวมทั้งความเกลียดชังที่พุ่งพล่าน พร้อมกับชื่อหนึ่งที่ผุดขึ้นมา
“พีระ...”
✤
ลินดาใช้เวลาทั้งวันเพื่อสืบค้นข้อมูลจากสิ่งที่อยู่ในหัว ความจริงที่ได้พบมันช่างชวนช็อคจนเธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
นลิน จิราธิวัฒน์ มีตัวตนอยู่จริง ซ้ำยังเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของประเทศ ประวัติและความสำเร็จทั้งหมดในชีวิตของเธอมากมายถึงขั้นที่ลินดาซึ่งไม่ค่อยได้ตามข่าวสารภายนอกยังต้องอึ้งจนแทบอ้าปากค้าง
พาดหัวข่าวของสำนักข่าวหนึ่งได้กล่าวไว้เช่นนี้
“เธอไม่ใช่แค่ลูกสาวของเศรษฐี… แต่คือหญิงสาวที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์และความสามารถรอบด้าน ราวกับเพชรที่ถูกเจียระไนมาเป็นอย่างดี”
นั่นไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงเลยสักนิด
นลินเรียนจบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง พูดได้สามภาษา คล่องแคล่วทั้งธุรกิจ การเงิน และเทคโนโลยี
นอกจากความรู้ทางวิชาการแล้ว เธอยังเป็นนักวางแผนกลยุทธ์ที่เฉียบแหลม รู้จักต่อยอดธุรกิจครอบครัวให้เติบโตยิ่งขึ้นไปอีก
และไม่เพียงแค่นั้น เธอยังอุทิศเวลาให้กับงานอาสา สนับสนุนเยาวชนที่ขาดโอกาส และผลักดันโครงการเพื่อสังคมมากมาย
นลินคนนั้นเป็นทั้งความภาคภูมิใจของตระกูล และเป็นแรงบันดาลใจของคนรุ่นใหม่ ในฐานะคนที่ไม่ยอมจำกัดตัวเองไว้เพียงแค่ “ลูกสาวเศรษฐี” แต่เลือกที่จะเป็น “หญิงสาวผู้เปลี่ยนโลกใบนี้ให้ดีขึ้น”
ช่างเป็นหญิงสาวที่ใช้ชีวิตอยู่คนละโลกกับลินดาจนเธอแทบจินตนาการไม่ออก
แต่คนที่เก่งกาจขนาดนั้น... สุดท้ายกลับประสบกับจุดจบอันน่าเศร้าตั้งแต่อายุยังน้อยเพียงนี้
และที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือการที่ลินดาสามารถรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในอุบัติเหตุได้มากกว่าข้อมูลที่สื่อรายงานข่าวเสียอีก
หน้าสุดท้ายของข่าวระบุว่า พีระ จิราธิวัฒน์ ผู้เป็นสามีแต่งเข้าของ นลิน จิราธิวัฒน์ ได้รับตำแหน่งรองประธานต่อจากภรรยา
และจบด้วยแถลงการณ์จาก ประเสริฐ จิราธิวัฒน์ ผู้เป็นประฐานเครือบริษัทจิราธิวัฒน์กรุ๊ปนั่นเอง
“จิราธิวัฒน์กรุ๊ปเตรียมเปิดรับสมัครพนักงานรอบใหม่”
ถ้อยคำแถลงการณ์ไหลผ่านหูของลินดาไปโดยที่หญิงสาวไม่ได้สนใจจะฟัง
สิ่งเดียวที่เธอสนใจในตอนนี้คือภาพของชายวัยกลางคนผมขาวในชุดสูทบนหน้าจอ
ผู้ประกาศระบุว่าเขาคือ “คุณประเสริฐ จิราธิวัฒน์” เจ้าของกลุ่มบริษัทที่มีข่าวการสูญเสียลูกสาวคนเดียวจากอุบัติเหตุเมื่อไม่นานนี้
ชื่อเสียงเรียงนามนั้นทำให้ลินดาแทบหยุดหายใจ
ทันทีที่เห็นภาพของเขา น้ำตาก็พลันไหลออกมาโดยไม่รู้สาเหตุ
เธอก้มหน้าลง กัดฟันแน่น ความปวดร้าวที่ไม่ใช่ของตัวเองแล่นวาบในอก
หญิงสาวพลันตระหนักได้ว่ามันไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป
เธอคือผู้หญิงคนนั้น คนที่ตายอย่างเจ็บแค้นและไม่ยินยอม
เธอคือนลิน
✤
แสงไฟในห้องกระพริบวูบวาบ ม่านผืนบางที่หน้าต่างสั่นไหวทั้งที่ไม่มีลม
เสียงกระซิบในหัวดังก้องอีกครั้ง
“ช่วยฉัน แล้วเธอจะได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมี ลินดา”
บทสรุปของการประชุมครั้งนี้ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายนัก ทว่าเมื่อเสียงเคาะไม้ของคณะกรรมการสิ้นสุดลง พร้อมคำประกาศผลที่ชัดเจนให้พีระถูกถอดถอนจากตำแหน่งโดยมีผลทันที และบริษัทจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ห้องประชุมใหญ่ก็ตกอยู่ในความเงียบงันไปนานไม่มีใครเอ่ยอะไร ทุกคนเพียงแต่เหลือบตามองกันด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนที่ผู้คนบางส่วนจะเริ่มเก็บข้าวของเตรียมลุกจากที่นั่ง ในตอนนั้นจึงมีเสียงพูดคุยเบาๆ ปะปนไปกับลมหายใจแห่งความโล่งใจ... หรือไม่ก็ความไม่แน่ใจแต่ยังไม่ทันได้ลุกจากที่นั่ง เสียงจากฝ่ายเลขานุการก็ประกาศขึ้นทันทีว่า“ขอให้ทุกท่านอยู่ต่อ จะมีการประชุมด่วนในอีก 5 นาที โดยมีท่านประธานบริษัทเป็นผู้ดำเนินการ”คำประกาศนั้น ทำให้ห้องทั้งห้องเงียบกริบในทันที ก่อนที่ประโยคต่อมาจะทำให้บรรยากาศยิ่งเงียบงันกว่าเดิม“ยกเว้นคุณพีระค่ะ”หลายคนหันไปมองหน้ากัน บางคนเบิกตากว้าง บางคนขมวดคิ้วด้วยความไม่คาดคิดประธานใหญ่ของบริษัทไม่ได้ปรากฏตัวเลยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา บริษัทเกือบทั้งหมดตกอยู่ภายใต้การบริหารของพีระ แต่วันนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด รองประธานผู้เคยเป็นที่นับหน้าถือตาถูกปลดออกจากตำแ
เช้าวันถัดมา แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านม่านบังแสงของตึกสำนักงานใหญ่ ให้บรรยากาศอบอุ่นละมุนเช่นเคย ทว่าภายในใจของพนักงานทุกคนกลับมีความตึงเครียดบางประการที่อธิบายไม่ได้เข็มนาฬิกาเลื่อนบอกเวลา 09.00 น. อยู่กลางโถงทางเดิน ขณะที่พีระก้าวเข้าสู่ ห้องประชุม 9A พร้อมแฟ้มเอกสารในมือห้องประชุมขนาดกลางซึ่งประดับด้วยโต๊ะไม้เข้มดูเงียบขรึมเกินกว่าจะสบายใจ กรรมการบริหารระดับสูง 5 คน นั่งเรียงรายอยู่ฝั่งหนึ่งของโต๊ะ ตรงกลางคือ ประธานฝ่ายตรวจสอบภายใน ที่มีใบหน้าเรียบตึงเหมือนสวมหน้ากากภายในห้องเงียบผิดปกติ ไม่มีกระดาษวาระการประชุมบนโต๊ะ หรือแม้แต่สไลด์เปิดบนจอ พีระนั่งลงฝั่งขวา ของประธาน ท่าทางเกร็งเล็กน้อย แต่ยังคงฝืนยิ้มอย่างมืออาชีพลินดานั่งอยู่ด้านหลังเขา เธอไม่ใช่ผู้เข้าร่วมประชุมหลัก ทว่าเข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์ หญิงสาวไม่พูดอะไร ไม่สบตาใคร ทำตัวราวกับเป็นเพียงอากาศธาตุเท่านั้น ทว่าทุกคำพูดในห้องประชุม... เธอได้ยินชัดเจน“คุณพีระ เชิญนั่งครับ”ชายเจ้าของชื่อยกยิ้มที่แข็งทื่อเบาบาง พยักหน้าเล็กน้อย พลางนั่งลงตรงที่จัดไว้ แฟ้มในมือถูกวางบนโต๊ะ ท่ามกลางความเงียบที่ขึงตึงจนน่าอึดอัดประธานฝ่า
คืนที่ควรจะหวานละมุน กลับกลายเป็นค่ำคืนที่ทั้งคู่ต้องนั่งอ่านเอกสารบัญชีกองโตพีระจดบันทึกสิ่งที่คิดว่าหลุดออกไปจากระบบ และเริ่มโทรหาทีมบัญชีเพื่อถามอย่างระมัดระวัง ในขณะที่ลินดาคอยเรียบเรียงและชี้จุดที่อาจถูกตรวจสอบให้เขาเมื่อเห็นว่าสีหน้าของชายหนุ่มเคร่งเครียดจนเกินพอดี หญิงสาวก็ลุกออกไปด้านนอกครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมแก้วกาแฟร้อนในมือกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเมล็ดคั่วพรีเมียมลอยฟุ้งแตะจมูกชายหนุ่มที่กำลังจดจ่ออยู่กับแฟ้มข้อมูล ลินดาแย้มยิ้ม ยื่นแก้วให้เขาอย่างนุ่มนวล“ลองดื่มดูสิคะ เผื่อจะช่วยให้หัวแล่นขึ้นนิดหน่อย”น้ำเสียงหวานนั้นมาพร้อมกับรอยยิ้มให้กำลังใจ พีระรับมาอย่างเงียบๆ ละสายตาจากเอกสารมามองหน้าเธอเพียงชั่วครู่ ก่อนจะจิบบางๆ แล้วหันกลับไปยังงานกองโตเบื้องหน้าแม้จะยังเคร่งเครียด ทว่าสีหน้าของเขากลับอ่อนโยนลงโดยไม่รู้ตัวลินดาลากเก้าอี้เข้ามานั่งเคียงข้าง มือเรียวหยิบแฟ้มอีกชุดขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับเปิดหน้ารายละเอียดภายในด้วยความระมัดระวัง“โครงการ Aurora ฉบับงบประมาณปีที่สอง ตรงนี้เหมือนมีการปรับรายการบางจุดจากต้นฉบับที่ยื่นต่อฝ่ายบัญชี กับฉบับที่ยื่นตรวจภายใน” เธ
เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของพีระดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศหวานชื่นในห้องทำงานเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอไม่คุ้นตา แต่ชื่อผู้โทรถูกบันทึกไว้เรียบร้อยว่าเป็นสายจากเลขาฝ่ายตรวจสอบภายใน พีระขมวดคิ้ว ก่อนจะกดรับสายอย่างระมัดระวัง“สวัสดีครับคุณพีระ ทางฝ่ายบริหารมีมติให้เรียกคุณเข้าชี้แจงเรื่องเอกสารทางบัญชีของโครงการ Aurora และโครงการภาคตะวันออก พรุ่งนี้สิบโมงเช้าที่ห้องประชุม 9A ค่ะ”น้ำเสียงของอีกฝ่ายสุภาพแต่ราบเรียบจนน่าขนลุก“ขอความร่วมมือให้นำหลักฐานต้นฉบับที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาด้วยนะคะ”พีระเงียบไปอึดใจ ก่อนจะตอบรับเสียงเบา “ครับ”เมื่อสายจบลง เขากดล็อกหน้าจอมือถือช้า ๆ หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่“เกิดอะไรขึ้น...”“เกิดอะไรขึ้นคะ”คำถามที่อยู่ในหัวของเขา ถูกถามออกมาด้วยคำเดียวกันจากปากของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าลินดาลุกขึ้นจากตักเขาแล้วมายืนใกล้ๆ เมื่อรู้สึกถึงความปกติ พลางมองชายหนุ่มด้วยแววตากังวลพีระส่ายหน้าเบาๆ ขณะวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ดวงตาฉายแววสับสนไม่น้อย ราวกับกำลังพยายามเรียบเรียงสิ่งที่ได้ยิน บรรยากาศที่เมื่อครู่ยังอบอวลไปด้วยความหวานละลายหายไปในพริบตา เหลือไว้เพียงความเงียบงันที่ชวนอ
ความคืบหน้าของทั้งคู่มีเพียงแค่จูบแม้ทั้งคู่จะอยู่กันตามลำพังบ่อยครั้ง แม้แววตาที่สบกันจะเต็มไปด้วยความรู้สึกท่วมท้นราวจะไหลทะลักออกมา และแม้บางช่วงเวลาจะใกล้กันจนต่างฝ่ายต่างได้ยินเสียงหัวใจของอีกคนชัดเจน...แต่ลินดากลับไม่เคยยอมให้เขาก้าวข้ามขอบเขตนั้นเลยเธอรู้ดีว่าจะต้องหยุดไว้ตรงไหน และอย่างไรทุกครั้งที่ริมฝีปากเขาโน้มเข้ามา เธอจะเป็นฝ่ายรับไว้แค่จูบแผ่วเบาแล้วเบือนหน้าหนีอย่างสุภาพ เหมือนหญิงสาวที่ไม่ถนัดการแสดงความรักผ่านเรือนร่าง แต่กลับเปล่งประกายความซื่อตรงผ่านแววตาอ่อนหวานซื่อตรงคู่นั้นแทนสิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือพีระเองก็ไม่เคยเรียกร้องเขาเคยคบผู้หญิงที่ร้อนแรงที่สุดมาแล้ว ผู้หญิงที่เจนจัดเรื่องบนเตียงจนแม้แต่ความสุขก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาเกินไปสำหรับเขา มีนารู้วิธีจุดไฟปรารถนา รู้วิธีมัดเขาไว้ด้วยร่างกายและคำหวาน และนั่นเองที่ทำให้เขาเบื่อลินดาไม่เหมือนใครไม่ใช่แค่เธอไม่ยอมให้เขาสัมผัสอย่างลึกซึ้ง แต่เธอกลับยิ่งทำให้เขาหลงใหลได้มากกว่าเดิม ทั้งการกระพริบตาอย่างงุนงงเวลาถูกจ้อง ทั้งท่าทีประหม่าทุกครั้งที่เขาขยับตัวเข้าใกล้ ทั้งคำพูดสุภาพที่มักสอดแทรกความเก้อเขินใน
บ่ายวันพฤหัสบดี...อุณหภูมิในห้องทำงานของฝ่ายการเงินดูเหมือนจะลดลงกะทันหัน ทั้งที่เครื่องปรับอากาศยังทำงานปกติ แต่บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียดจนแทบหายใจไม่ออกแม้ไม่มีใครพูดออกมาตรงๆ แต่บรรยากาศในบริษัทในช่วงสองสามวันมานี้กลับอึดอัดกว่าที่เคยเสียงพูดคุยเบาๆ ในห้องพักพนักงานหยุดลงในทุกครั้งที่ประตูเปิด สายตาทุกคู่สอดส่ายมองคนที่เข้ามาใหม่อย่างระมัดระวัง และตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นว่าไม่ใช่คนที่พวกตนกำลังพูดถึงพนักงานบางคนเดินผ่านแผนกบัญชีด้วยสายตาคลางแคลงสงสัย ต่อให้เป็นคนที่ปกติไม่ใส่ใจข่าวลือ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะแอบส่งข้อความถามกันเงียบๆ“มีข่าวว่ามีรายการเงินหายจากงบ CSR ปีที่แล้วจริงเหรอ”“นั่นน่ะสิ ฝ่ายบัญชีทำอะไรกันอยู่ ไม่มีใครตรวจสอบหรือชี้แจงอะไรบ้างเหรอ”“เห็นเขาว่ารายชื่อผู้อนุมัติเบิกคืองานของคุณพีระด้วยนะ”“อีกแล้วเหรอ แต่ครั้งก่อนเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรนี่ แล้วรอบนี้...”“ชู่ว ครั้งก่อนจะไม่มีปัญหาจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้”ไม่มีใครกล้ายืนยันและไม่มีใครปฏิเสธทุกอย่างเป็นเพียงข่าวลือที่ถูกพูดด้วยเสียงกระซิบ แต่เป็นเสียงกระซิบที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ในทุกมุมตึ