ฟ้าใสยังคงรู้สึกสับสนหลังจากกลับมาจากบ้านแม่ เธอพยายามทำใจให้สงบ แต่ความคิดต่าง ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ตอนนี้เธอต้องเผชิญกับความจริงที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน นั่นคือเธออาจจะต้องแต่งงานกับผู้ชายที่เธอไม่รู้จักมาก่อน "เราอยู่สมัยไหนกันแล้วเนี่ย ไม่มีทางแน่นอน มันจะต้องไม่เกิดขึ้น"
หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ณ คฤหาสน์หรู ขนาด 100 ไร่ ใจกลางกรุงเทพฯ
คุณหญิงอรพินท์ ธนเกียรติ์โภคิน ประธานบริษัท TK กรุ๊ป บริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยีในประเทศ และมีธุรกิจในเครืออีก 10 กว่าแห่ง มีลูกสองคน ปกรณ์ และมินตรา ธนเกียรติ์โภคิน สามีเพิ่งเสียไปเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว นั่งชะเง้อคอยใครสักคนอยู่ที่ห้องโถงกลางบ้าน สายตาคอยจับจ้องไปที่ประตูอยู่ตลอดเวลา
บรืนนนนนน เอี๊ยดดดดดด
“ตากรณ์” คุณหญิงร้องเรียกขึ้นมาทันที โดยที่ยังไม่ได้เห็นเลยว่าผู้ที่มาคือใคร
ตึก ตึก ตึก
“มาแล้วค่ะ คุณแม่ ลูกชายสุดที่รักของคุณแม่กลับมาแล้วค่ะ” เสียงใสดังขึ้นมา พร้อมร่างเพรียวบางราวนางแบบ เดินเคียงข้างควงแขนมากับชายหนุ่มหล่อสูงโปร่ง ผิวขาวละเอียด และดวงตาคม เข้ามาที่ห้องโถงกลางบ้าน ที่คุณหญิงนั่งรออยู่ หญิงสาวเข้ามาสวมกอดคนเป็นแม่พร้อมยิ้มอย่างดีใจ “ขอบใจมากนะลูกมิ้นท์ ที่ไปรับพี่เค้าที่สนามบิน”
เมื่อกอดกับลูกสาวจนสมใจ ก็หันหน้ามามองชายหนุ่มที่เดินเข้ามายืนยิ้มอย่างดีใจ น้ำตาแห่งความปิติไหลออกมาอย่างไม่อาจกลั้น “แม่ครับ ผมกลับมาหาแม่แล้วครับ” ปกรณ์ คลานเข่าเข้ามากราบบนตักมารดา พร้อมสวมกอด
“3 ปี แล้วนะลูก กรณ์ไม่ได้กลับมาเยี่ยมแม่เลยตั้งแต่คุณพ่อเสียไป” หญิงสูงวัยสวมกอดลูกชายพร้อมน้ำตา
“ผมขอโทษครับ ผมตั้งใจเคลียร์โปรเจคที่โน้นให้จบ เพื่อจะได้กลับมาอยู่เมืองไทยฐาวรครับแม่”
“แสดงว่ากรณ์จะกลับมาอยู่กับแม่ไม่ไปไหนแล้วใช่มั้ยจ๊ะ” คุณหญิงจับหน้าชายหนุ่มอย่างทะนุถนอมและยิ้มอย่างดีใจ
“ครับแม่ ผมจะกลับมาช่วยแม่บริหารบริษัทครับ”
“เย้ดีจัง อย่างนี้ มินท์ก็หนีงานได้แล้วสิคะ พี่กรณ์ไม่รู้หรอก ระหว่างที่พี่ไม่อยู่ คุณแม่เคี่ยวเข็ญมินท์ตลอดเลย มินท์ต้องไปทำงานทุกวันเลยนะพี่ เหนื่อยจะแย่”
“ก็ดีแล้วนี้ ถึงพี่ไม่อยู่เมืองไทย ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้นะ ว่าเรานะ เกเรกับคุณแม่แค่ไหน ขนาดคุณแม่คุมขนาดนี้ ได้ข่าวว่ายังแอบโดดงานไปเที่ยวตั้งหลายครั้ง ไม่ใช่เหรอ”
“อะไรอะพี่ เอาที่ไหนมาพูด ม่ายมี๊ อย่ามากล่าวหานะพี่” สาวน้อยวัย 25 ปี รีบตอบพี่ชายเสียงสูง พร้อมเหลือบตาไปมองคุณหญิงอรพินท์ อย่างหวาดๆ เพราะเรื่องที่พี่ชายพูด แม่ของเธอไม่รู้มาก่อน เธออาศัยจังหวะตอนที่ต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ แต่เข้าประชุมแค่วันเดียว ที่เหลือให้เลขาฯ คุณพ่อเป็นคนเข้าแทน พร้อมติดสินบนไม่ให้บอกแม่ของเธอ โดยไม่คิดว่าเลขาฯ จะมีการพูดคุยกับพี่ชายเป็นประจำ
“เอาหละ เอาหละ ไม่ต้องทะเลาะกัน ยังไงทั้งสองคน ต้องมาช่วยแม่ทั้งคู่” คุณแม่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข ที่ได้เห็นการหยอกล้อกันระหว่างพี่น้อง บ้านหลังนี้ เงียบเหงามานาน ตั้งแต่ ปกรณ์ ไปเรียนต่อปริญญาโทและทำงานต่อที่ประเทศอังกฤษ เป็นเวลาถึง 5 ปี ส่วนมินท์ เพิ่งกลับมาที่เมืองไทยเมื่อปีที่แล้วหลังจากเรียนจบจากอเมริกา เมื่อมาถึงก็เข้ามาช่วยงานที่บริษัทในตำแหน่ง รองประธาน ทันที ตอนนี้ลูกชายกลับมาแล้ว อรพินท์ เลยอยากจะถอยตัวเองออกมาเพื่อให้ลูกชายรับตำแหน่งประธานบริษัทแทน ในขณะเดียวกันก็คาดหวังอยากให้ลูกทั้งสองมีครอบครัว และมีหลานให้เธอเลี้ยงเร็วๆ
“กรณ์ ลูก ตั้งแต่เลิกกับหนูนีน่าไป เราได้มีใครบ้างหรือเปล่า” อรพินท์จับมือชายหนุ่มแล้วพูดขึ้นมาอย่างมีความหวัง
“ไม่มีครับแม่ ผมยังไม่คิดจะมีครอบครัว”
“แต่แม่แก่แล้วนะลูก แม่อยากเห็นกรณ์เป็นฝั่งเป็นฝาเร็วๆ แม่อยากเลี้ยงหลาน อยากเห็นหน้าหลานก่อนแม่จะตาย”
“แม่พูดอะไรครับ แม่ยังสาวอยู่เลย แม่จะตายได้ยังไงครับ”
“ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกลูก ปีนี้แม่ก็อายุ 50 ปีแล้วนะ แม่จะอยู่ได้อีกกี่ปี ดูอย่างคุณพ่อสิ ท่านทั้งแข็งแรง อยู่ๆ ก็หลับแล้วจากเราไปในวัยแค่ 55 ปีเอง” แม่อรพินท์ว่าพลางน้ำตาไหล สะอื้นไห้ คิดถึงสามีคู่ทุกข์คู่ยากที่เสียไป
“แม่อย่าพูดอย่างนี้สิค่ะ พวกเราใจคอไม่ดีเลย” มินท์รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดปลอบโยนแม่
“กรณ์ แม่รู้ว่าลูกเพิ่งกลับมา ถ้าลูกยังไม่มีใคร แม่ขออะไรลูกอย่างได้มั้ยจ๊ะ” แม่อรบีบมือชายหนุ่มแน่นขึ้น รู้ว่าลูกชายไม่ชอบการถูกบังคับตั้งแต่ไหนแต่ไร และอยากให้ลูกชายได้ทำในสิ่งที่อยากทำ แต่กลัวว่าอาจจะช้าไป หากปล่อยให้เป็นไปตามที่ชายหนุ่มต้องการ
“คุณแม่จะขออะไรครับ ผมทำให้หมดทุกอย่าง ขอแค่ให้คุณแม่สบายใจ และอยู่กับพวกเรานานๆ”
“แม่อยากขอให้ลูกแต่งงานกับลูกสาวเพื่อนแม่ได้มั้ย เรามีสัญญากันตั้งแต่ลูกยังเด็ก ว่าถ้าลูกของเราอายุครบ 27 ปี แล้วยังไม่มีใครทั้งคู่ เราสองคนจะให้ลูกแต่งงานกัน” แม่มองหน้าลูกชายสุดที่รักอย่างคาดหวัง
“แม่ครับ ผมทำเพื่อแม่ได้ทุกอย่าง แต่เว้นเรื่องนี้ได้มั้ยครับ” ใบหน้าหล่อดูทะมึนขึ้นมาทันที เมื่อฟังคำแม่จบ
“แม่รู้ว่าที่ผ่านมา กรณ์ต้องทนความกดดันหลายๆอย่าง คุณพ่อเข้มงวดกับกรณ์มาก เพราะหวังเห็นลูกชายของท่านประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน หลังจากท่านเสีย แม่ก็ตามใจกรณ์มากขึ้น เพื่อให้กรณ์ได้ทำในสิ่งที่กรณ์อยากทำ มีแค่เรื่องนี้ เรื่องเดียวที่แม่ขอทำให้แม่ไม่ได้เหรอลูก” คุณหญิงพูดออกมาเสียงสั่นๆ
“แม่คะ อย่าร้องไห้นะค่ะ” “พี่กรณ์ก็อย่าเพิ่งปฎิเสธสิค่ะ ตอนนี้พี่กรณ์ก็ยังไม่มีใคร ลองเปิดใจดูก่อนดีกว่ามั้ยค่ะ” มินท์รีบเอ่ยปากแย้งพี่ชายที่ทำท่าจะพูดอะไรออกมา ทำให้พี่ชายต้องเม้มปากกลับไป โดยมีสีหน้านิ่งเฉย ไม่แสดงอาการออกมา แต่ภายในใจคุกรุ่นอย่างบอกไม่ถูก ทำอย่างไรดี.................เฮ้อ คุณแม่มาบทดราม่าขนาดนี้ เราคงต้องเล่นไปตามน้ำแล้วมั้ง
“ทำอะไรกันนะ”เสียงทุ้มดังขึ้นมา ทำให้ทั้งสองสะดุ้งทันที ฟ้าใสหันมาเจอกับปกรณ์ที่มีสีหน้าทะมึงถึงพร้อมกับสายตาของเขาที่จ้องไปที่มือทั้งสองที่ยังคงจับกันอยู่ ในขณะที่พีทก้มหัวทักทายปกรณ์เล็กน้อย แต่เมื่อมองตามสายตาของปกรณ์ไปก็ตกใจรีบปล่อยมือตัวเองออกจากแฟนสาวของท่านประธานทันที“ตกใจหมดเลยกรณ์ ทำไมต้องเสียงดังด้วย เบาหน่อยสิค่ะ เดี๋ยวเรื่องก็แตกหรอก” ฟ้าใสบ่นไปยังแฟนตัวเอง แล้วยกนิ้วชี้ปิดที่ปากของตัวเอง พร้อมกับส่งเสียง จุ๊ ๆ พลางมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นออยออกมาจากห้องก็ถอนหายใจออกมา แล้วหันไปทำตางอนๆ ใส่แฟนตัวเอง“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้ แล้วนี่ทำอะไรกัน ทำไมมาอยู่กันสองคน พร้อมจับไม้จับมือกันอยู่ ไม่อยากให้คนเข้าใจผิดก็ไม่ควรทำ” ปกรณ์เอ่ยออกมาอย่างตำหนิ น่าหยิกแฟนตัวเองดีนัก“ขอโทษครับ พอดีผมตื่นเต้นและดีใจเกินไปหน่อย” พีทขอโทษออกมาอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้ทั้งสองคนตรงหน้ากำลังเข้าใจผิดซึ่งกันและกันปกรณ์เหลือบมองฝ่ายชายอย่างไม่ค่อยใส่ใจ ถึงแม้เขาพอจะรู้แล้วว่าเพื่อนคนนี้ของแฟนสาวมีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็เคยช
“ฟ้ารู้ใช่มั้ยว่าพีทรักฟ้า” พีทไม่ตอบคำถามหญิงสาว แต่กลับถามกลับไปแทน“ฟ้าไม่รู้ เพิ่งรู้วันนั้นแหล่ะ แต่วันนี้ฟ้าจะพูดให้ชัด ฟ้าไม่ได้มองพีทเป็นอย่างอื่น นอกจากเพื่อน” เสียงหญิงสาวอ่อนลงแต่หนักแน่นเพื่อให้เพื่อนของตัวเองรู้ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน“หึหึ พีทรู้อยู่แล้วหล่ะ พีทผิดเองที่พึ่งรู้ใจตัวเอง เมื่อมันสายไป แต่เราสองคนยังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย” พีทหันไปจ้องที่หญิงสาวที่ตัวเองหลงรักมานานหลายปี“ได้สิ ถ้าพีทไม่คิดกับเราเกินเพื่อนเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม” ฟ้าใสยิ้มบางๆ ให้กับคนตรงหน้า“อืม” พีทฝีนยิ้มออกมา เขาต้องทำให้ได้เพราะตอนนี้เขามีอีกสองชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ“แล้วออยหล่ะ พีทจะทำยังไง” ฟ้าใสถามออกมาอีกครั้ง“พีทจะรับผิดชอบออยกับลูก พีทว่าพีทก็เริ่ม...” พีทยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงแหบแห้งพูดออกมา“ไม่ต้อง ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เราไม่ใช่ตัวสำรองของใคร” เสียงออยดังขึ้นมา จริงๆ แล้วหญิงสาวรู้สึกตัวตั้งแต่ไ
“แล้วแกไม่โกรธมันเหรอ” ออยถามหยั่งเชิงนิดๆ อยากรู้ว่าเพื่อนรักรู้สึกอะไรกับนายนั่นหรือเปล่า“อืม จะพูดยังไงดีหล่ะ รู้นะว่ามันเมา มันไม่ได้ตั้งใจ แต่แค่ไม่คิดว่ามันจะคิดกับฉันแบบนั้น”“แกไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันเลยเหรอ” ออยถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง“ไม่ได้คิดอะไรเลย คิดเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น อีกอย่าง...”“อีกอย่างอะไร” เสียงอยากรู้ออกมาทันที จนฟ้าใสนึกเอ็นดูเพื่อน“อีกอย่างตอนนี้ฉันกับคุณกรณ์ก็ตกลงเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้ว”“หา! ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายอมบอกรักแกแล้วเหรอ”“อืม เมื่ออาทิตย์ที่แล้วหล่ะ” ฟ้าใสตอบไปด้วยมีริ้วแดงขึ้นบนหน้าไปด้วย แสดงออกถึงความเขินอายเล็กน้อย“เฮ้ย ยินดีด้วยนะ” ออยจับมือฟ้าใสขึ้นมาแล้วยิ้มออกมาอย่างจริงใจ“ว่าแต่แกยังไม่บอกเลย ว่าโกรธอะไรกับมัน”“เอ่อ มีเรื่องทะเลาะกับมันนิดหน่อย ตอนนี้ยังไม่อยากคุยกับมัน ฟ้าอย่าสนใจเลย เดี๋ยวพออะไรๆ ดีขึ้น เรากับมันก็คุยกันเ
“ฟ้า ทบทวนเรื่องของเราสองคนอีกรอบได้มั้ย”ฟ้าใสหันไปมองหน้าชายหนุ่มอย่างงุนงง ทบทวนอะไรเหรอ“ทบทวนเรื่องความรู้สึกของเราสองคนไงหล่ะ เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้กรณ์ไม่อยากรอถึงสองปีแล้ว ถ้าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับฟ้า กรณ์คงอยู่ไม่ได้แน่ๆ กรณ์อยากจะสามารถปกป้องฟ้าได้อย่างเต็มที่ ฟ้าเป็นแฟนกับกรณ์นะ”พูดจบก็ยิ่งกระชับไหล่ที่โอบไว้แน่นขึ้นร่างบางเมื่อได้ยินร่างสูงพูดความในใจออกมาก็เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ หากเมื่อคืน เธอโดนพีทล่วงเกิน แม้จะแค่จูบ เธอก็คงจะรู้สึกกับเขาเช่นกันตอนนี้เธอค่อนข้างจะมั่นใจตัวเองแล้วว่าเธอรักเขามากจริงๆ แต่เขาหล่ะ“กรณ์แน่ใจแล้วเหรอว่า กรณ์รักฟ้า ไม่ใช่แค่ความใกล้ชิด”ร่างหนาพยักหน้าอย่างแรงจนเธอนึกเอ็นดู“จริง ตอนนี้กรณ์รู้ใจตัวเองแล้ว ว่ากรณ์รักฟ้า กรณ์ไม่อาจเสียฟ้าไปได้ เราแต่งงานกันนะฟ้า”เพี๊ยะ เสียงตีดังขึ้น พร้อมกับรอยแดงที่แขน แต่แปลก หน้าคนตีก็แดงด้วย“เร็วไปแล้วค่ะ เป็นแฟนกันก่อนก็พอ”“อ้าวเหรอ ก็อยากข้ามขั้นอ
“มึง ไอ้พีท”พีทโดนกระชากออกจากตัวฟ้าใสทันที ปกรณ์ตามเข้าไปต่อยชายหนุ่มที่บังอาจทำกับคนของเขาแบบนั้น ส่วนฟ้าใสก็ตัวสั่นอยู่ภายในอ้อมกอดของแป้ง โดยมีมิ้นท์ยืนอยู่ข้างๆออยวิ่งเข้ามาดูเป็นคนสุดท้ายเพราะออกไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียงมา เมื่อเห็นเพื่อนโดนปกรณ์ทั้งต่อย ทั้งเตะ และมองไปเห็นฟ้าใสตัวสั่นด้วยความกลัว ก็พอจะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออยเดินเข้าไปหาฟ้าใสแล้วถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“ฟ้า เป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้น”เหมือนฟ้าจะได้สติขึ้นมา จึงรีบเดินเข้าไปจับมือปกรณ์ที่กำลังง้างเพื่อต่อยเขาอีก“พอเถอะกรณ์ พีทไม่ได้ตั้งใจหรอก เขาเมาหนะ” ฟ้าพูดด้วยเสียงที่สั่นเทาปกรณ์หันหน้ามาหาหญิงสาวแล้วโอบกอดเธอไว้ พร้อมมองไปที่ร่างของชายหนุ่มที่นอนกองอยู่กับพื้น ไม่ถึงกับสลบแต่ก็น่าหายเมาพอสมควร“ยังจะไปแก้ตัวแทนมันอีก” ปกรณ์ดันหัวฟ้าเข้าหาตัวเอง แล้วพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเช่นกัน เขาคิดไม่ออกว่าถ้าหญิงสาวเป็นอะไรไป เขาจะทำยังไงพีทเมื่อเริ่มได้สติ หันไปเห็นคนที่ตัวเองแอบรักมาหลายปี มีอา
ฟ้าใสรีบเดินออกมาจากห้องครัวอย่างเร็วเพื่อเดินไปเปิดประตูทันทีแกร๊ก“สวัสดีพี่ฟ้าใส” เสียงใสดังขึ้นหน้าประตูทันที“สวัสดีจ๊ะ น้องมิ้นท์ คุณเจมส์” ฟ้าใสยิ้มทักทายทั้งสองคนมิ้นท์ชูของขวัญให้กับว่าที่พี่สะใภ้ หันไปส่งให้เจมส์เป็นคนถือ จากนั้น ก็รีบควงแขนพี่สะใภ้คนโปรดเข้าไปในห้องทันที“อ้าวสวัสดีค่ะ พี่กรณ์ และก็พี่ๆ ทุกคนค่ะ”มิ้นท์ทักทายทุกคนอย่างไม่ถือตัว“เอาหละค่ะ ในเมื่อทุกคนมากันครบแล้ว งั้นเราเริ่มตั้งหม้อเลยมั้ย” ฟ้าใสยิ้มบอกกับทุกคน“เย้ เอาเลย หิวแล้ว” ทุกคนเอ่ยพร้อมกันฟ้าใสรีบเข้าไปในครัวเพื่อจัดการเทน้ำซุปที่ต้มไว้แล้ว เมื่อกำลังจะยก ปกรณ์รีบมาช่วยยกแทนหญิงสาวเอง แต่ก่อนเดินออกไปก็แอบหอมแก้มร่างบางตอนเผลอแล้ววิ่งออกไปทันทีฟ้าใสยืนจับแก้มตัวเอง แต่ก็แอบอมยิ้มเขินๆ ไปด้วยปกรณ์เมื่อยกเตาชาบูมาวางบนโต๊ะกินข้าว ก็เดินเข้าไปเตะขาเพื่อนสนิท กับมือขวาตัวเอง ที่นั่งอยู่บนโซฟาเล่นโทรศัพท์อยู่“เฮ้ย อยากกินก็ไปช่วยกันดิ”