ตึกดึก….
ฉันอาบน้ำและแต่งตัวด้วยชุดนอนที่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวสีชมพูอ่อนลายหมี
ที่คุณเหนือพูดว่าคืนนี้เขาจะมานอนที่นี่มันทำให้จิตใจของฉันเริ่มไม่อยู่กับร่องกับรอย เอาแต่คิดฟุ้งซ่านไปต่างๆ นาๆ
ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้ว่าความหมายของคำพูดคุณเหนือคืออะไร เพราะฉันรู้ ถึงได้คิดหาวิธีว่าจะเอาตัวเองให้รอดพ้นคืนนี้ไปได้ยังไง ฉันยังไม่พร้อม และไม่อยากที่จะเลยเถิดไปถึงขั้นนั้น
ถึงจะรู้ดีว่าสุดท้ายนี่ก็คือสิ่งที่คุณเหนือต้องการ….
“นี่มันคือสิ่งที่ตัวฉันต้องเจอไม่ใช่หรือไง” ฉันพูดกับตัวเองเบาๆ แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
แกร็ก! เสียงประตูห้องถูกเปิดออก ฉันที่นั่งคิดไม่ตกอยู่บนโซฟาค่อยๆ หันมองที่ประตู เห็นคุณเหนือกำลังเดินเข้ามาภายในห้อง
หัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อเห็นสายตาที่ดุดันคู่นั้นของคุณเหนือจ้องมองมายังใบหน้าของฉัน เหมือนกับว่าฉันไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจอย่างไงอย่างงั้น หรือว่ายังหงุดหงิดเรื่องวันนี้อยู่อีกนะ
“เธอใส่ชุดนี้รอฉัน ?”
“ดะ เดี๋ยวรินไปเอาน้ำมาให้ดื่มนะคะ” ฉันรีบลุกขึ้นแต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาเดินไปไกล เสียงเย็นยะเยือกของคุณเหนือก็เอ่ยขัดขึ้นมาซะก่อน “ฉันจะอาบน้ำ ไปเตรียมน้ำอุ่นไว้ในอ่างให้ฉันด้วย”
“….ค่ะ”
ฉันรีบก้มหน้าเดินเข้าห้อง เพื่อจะมาเตรียมน้ำไว้ให้คุณเหนืออาบ แต่ด้วยความที่บ้านไม่เคยมีอ่างอาบน้ำแบบนี้ ทำให้ฉันไม่รู้ว่ามันเปิดน้ำใส่ยังไง
ฉันยืนมองดูอ่างอาบน้ำราวห้านาทีได้ ก่อนจะเอื้อมมือไปลองจับๆ ดูเผื่อจะแตะโดนปุ่มเปิดน้ำ และด้วยความบังเอิญ ฉันแตะโดนปุ่มเปิดน้ำสำเร็จ แต่!! น้ำที่ไหลผ่านลงมาใส่อ่างนั้นมันเป็นน้ำเย็น
“เปิดน้ำอุ่นยังไงเนี่ย” ฉันพยายามหาวิธีเปิดน้ำอุ่นอยู่นาน แต่กลับหาไม่เจอไม่รู้ว่าเขากดตรงไหน ทำไมถึงออกแบบมาให้ใช้งานยากแบบนี้ก็ไม่รู้
ฉันคลำหาปุ่มเปิดน้ำอุ่นลองกดนั่นนี่อยู่พักใหญ่ พอมองที่อ่างตอนนี้น้ำก็เต็มอ่างแล้ว จึงรีบกดปิดน้ำไว้
ทำยังไงดีล่ะ จะระบายน้ำออกยังไง เพราะถ้าคุณเหนือลงไปแช่แล้วมันเป็นน้ำเย็นแบบนี้เขาต้องดุฉันแน่ๆ ขันให้ตักน้ำออกก็ไม่มีด้วย
“เสร็จหรือยัง” เสียงทุ้มเอ่ยถามจากทางด้านหลัง ฉันจึงค่อยๆ หันหน้าไปด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด ในตอนนี้คุณเหนือใส่ชุดคลุมอาบน้ำอยู่
“คะ คือริน….”
คุณเหนือเดินผ่านตัวฉันไปหยุดตรงขอบอ่าง ก่อนที่เขาจะจุ่มนิ้วลงไปสัมผัสกับน้ำในอ่างแล้วมองหน้าฉันอย่างไม่ชอบใจ
“ฉันบอกเธอว่าให้เตรียมน้ำอุ่น แล้วทำไมน้ำถึงเย็นแบบนี้” คุณเหนือถามเสียงดุ ทำให้ฉันรีบก้มหน้าหลบสายตาดุดันของเขาทันที
“ระ รินไม่รู้ว่าน้ำอุ่น ปะ เปิดตรงไหนค่ะ”
เสียงพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดของคุณเหนือดังขึ้น และนั่นมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ
“ไปรอฉันที่เตียง” ฉันกำลังจะรีบเดินออกจากห้องน้ำ แต่ถูกคุณเหนือคว้ามือมาจับเอาไว้ซะก่อน ใบหน้าคมคายยื่นมาใกล้ๆ ใกล้มากจนฉันสัมผัสได้ถึงไอร้อนของลมหายใจ “อย่าลืมแก้ผ้าออกให้หมดด้วยล่ะ ชุดของเธอมันขัดหูขัดตาฉันจริงๆ”
ใบหน้าของฉันมันร้อนวูบวาบขึ้นมาในทันทีเมื่อได้ยินที่คุณเหนือบอก
“…ค่ะ”
เมื่อแขนถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ฉันก็รีบเดินออกมาจากห้องน้ำ มาหยุดที่ปลายเตียง
“กะ แก้ผ้าอย่างนั้นเหรอ” เมื่อคิดถึงคำสั่งของคุณเหนือฉันก็กำชายเสื้อเอาไว้แน่น
ฉันต้องทำตามที่เขาสั่ง ไม่มีทางเลี่ยงได้เลยใช่ไหม
ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และคิดถึงนาลินที่ต้องได้รับการรักษาที่ดีที่สุด นาลินจะต้องหายขาดจากโรคที่เป็นอยู่ นี่คือสิ่งที่ฉันแลกกับความบริสุทธิ์ของตัวเอง แล้วทำไมฉันต้องลังเล
เมื่อคิดได้แบบนั้นฉันก็จัดการถอดชุดนอนที่สวมใส่ออกกองมันไว้ที่พื้น แล้วขึ้นมาบนเตียงนอนราบลงไปก่อนจะดึงผ้าห่มมาปิดคลุมร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองไว้ รอคุณเหนืออาบน้ำเสร็จ
ระหว่างที่รอ หัวใจดวงน้อยของฉันมันเต้นรัวตลอดเวลา ครั้งแรกที่ฉันหวงแหนเก็บมาจนถึงตอนนี้ กำลังจะถูกมอบให้กับผู้ชายที่ฉันไม่ได้รัก และเขาก็ไม่ได้รักฉันเหมือนกัน
เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง คุณเหนือเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดคลุมตัวเดิม เขากดสายตาลงมองพื้นตรงที่เสื้อผ้าของฉันกองไว้อยู่ จากนั้นเขาก็กระตุกยิ้มมุมปากออกมาอย่างพอใจ
“ว่าง่ายแบบนี้สิ ฉันชอบ”
ฉันนอนตัวเกร็งอยู่ใต้ผ้าห่ม ไม่ได้ตอบโตอะไรทั้งนั้น คุณเหนือเดินเข้ามาใกล้กับเตียงที่ฉันนอนอยู่ พรึ่บ!! จู่ๆ เขาก็คว้ามือกระชากผ้าห่มออกจากร่างกายของฉัน แถมยังเหวี่ยงผ้าห่มผืนใหญ่ลงไปให้พ้นจากเตียง
“คะ คุณเหนือ” ฉันตกใจรีบลุกขึ้นขยับตัวมาชนกับหัวเตียง ใช้หมอนปิดบังร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองเอาไว้ ถึงมันจะปิดได้ไม่มิดก็ตาม
“ทำไมเธอถึงชอบทำให้ฉันหงุดหงิด”
พรึ่บ!! ข้อเท้าของฉันถูกคุณเหนือจับแล้วออกแรงกระชาก ทำให้ร่างของฉันถลาไปตามแรงกระชากนั้นทันที
“…ขอโทษค่ะ” ฉันเม้มปากแน่น รู้ว่าท่าทางของฉันมันทำให้เขาหงุดหงิด แต่ฉันไม่เคยต้องมาแก้ผ้าต่อหน้าผู้ชายแบบนี้ และที่สำคัญคุณเหนือก็คือคนแปลกหน้าสำหรับฉัน
“นอนอยู่เฉยๆ ห้ามขยับไปไหน ถ้าเธอไม่ฟังฉันอาจจะทำให้เธอเจ็บตัว” คุณเหนือออกคำสั่งเด็ดขาด เขาหันหลังให้ฉันแล้วเดินไปเปิดลิ้นชักหยิบของบางอย่างออกมา
มะ มันคือเชือกและผ้าสีดำผืนเล็ก ในห้องนี้มีของแบบนี้อยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้คิดอะไรมาก คุณเหนือก็เดินกลับมา เขานั่งคร่อมลงบนร่างที่เปลือยเปล่าของฉัน ก่อนจะจับมือทั้งสองข้างของฉันประกบเข้าหากันแล้วใช้เชือกมัด
“มะ มัดรินแบบนี้ทำไมคะ”
คุณเหนือไม่ตอบอะไร พอเขามัดมือของฉันเสร็จก็หยิบผ้าผืนสีดำมาปิดตาของฉันต่อ การกระทำของเขาทำให้ฉันกลัวจนสั่นไปทั้งตัว
ในตอนนี้สิ่งที่ฉันมองมีเพียงความมืดมิด ก่อนจะรู้สึกได้ว่าคุณเหนือลุกขึ้นออกไปจากตัวของฉัน
ไม่นานเรียวขาของฉันก็ค่อยๆ ถูกจับให้ตั้งชันขึ้น จากนั้นก็สัมผัสได้ถึงมือหนาของคุณเหนือที่กำลังไล้ลูบไปมาบริเวณหน้าท้องแบนราบแล้วเลื่อนขึ้นกอบกุมเต้าอิ่มทั้งสองข้าง
“รู้ไหมว่าเวลาที่เธอไม่ใส่อะไรเลย เธอสวย สวยจนฉันละสายตาไปไหนไม่ได้” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น ก่อนที่สัมผัสร้อนฉ่าจะครอบงำยอดอกสีระเรื่อของฉันเบาๆ
“อื้อ~” ฉันกัดริมฝีปากแน่นเมื่อถูกฟันคมขบกัดปลายจุกอย่างแรง ใจนึงก็รู้สึกเจ็บ ทว่าอีกใจกลับรู้สึกแปลก
ฝ่ามือใหญ่ลากไล้ไปตามผิวเนื้อของฉันแล้วออกแรงบีบเคล้นอย่างหนักหน่วง ราวกับว่าเขาหลงใหลและคลั่งไคล้ในตัวฉันมาก
ทุกสัมผัสของคุณเหนือสร้างความเจ็บปวดให้กับฉัน แต่ฉันก็ไม่สามารถพูดหรือท้วงอะไรออกไปได้ สิ่งเดียวที่ฉันทำได้ในตอนนี้ก็คือ ‘ยอม’ ตกเป็นของเขาตามสัญญาที่เซ็น
ถึงแม้ว่าตอนนี้ความรู้สึกของฉันมันจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็ตาม
คุณเหนือตะโบมดูดดุนจุกนมทั้งสองข้างอย่างรุนแรง ขณะที่มือหนากุมกอบและฟอนเฟ้นรอบเต้าใหญ่อย่างหนักหน่วงจนฉันเริ่มรู้สึกหายใจได้ไม่ทั่วท้อง
สาบานได้ว่าฉันไม่ได้ชอบอะไรแบบนี้ แต่ทำไมกลับอยากให้เขาทำต่อไปเรื่อยๆ นี่ฉันเป็นบ้าอะไรไป…
“ตัวเธอหวานมากกว่าที่ฉันคิดอีกนะ” คุณเหนือกระซิบบอกข้างใบหู “ฉันชักจะชอบกลิ่นแป้งเด็กบนตัวเธอแล้วล่ะสิ”
มือสากไล้ต่ำลงมาเรื่อยๆ จนถึงเนินสามเหลี่ยมที่เป็นจุดอ่อนไหว เขาใช้ปลายนิ้วแตะลงบนติ่งเกสรของฉันแล้วบดขยี้มันเบาๆ ความเสียวปนสยิวทำให้ฉันหลุดเสียงที่น่าอับอายออกมา
“อ๊ะ อ๊า~” ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกดีมากขนาดนี้ เวลาที่นิ้วใหญ่ค่อยๆ บดคลึงติ่งนุ่มนั้นไปมา ฉันเริ่มดิ้นพล่านและแอ่นสะโพกขึ้นรับอย่างไม่รู้ตัว
“เสียงของเธอกำลังทำให้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ รู้ไหมวาริน…”
“อ๊ะ อื้อ~”
เสียงครางของฉันถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อริมฝีปากหนากดจูบลงมาหนักๆ และด้วยความที่ฉันจูบไม่เป็นจึงไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง เลยเป็นเหตุให้คุณเหนือผละริมฝีปากออก
“อ้าปาก” เสียงของคุณเหนือเอ่ยออกคำสั่ง และฉันก็ทำตามอย่างว่าง่าย
ทันทีที่ฉันค่อยๆ อ้าปาก เรียวลิ้นร้อนก็พุ่งสอดเข้ามา คุณเหนือแตะลิ้นสากลงบนลิ้นฉันแล้วตวัดเกี่ยวรัดมันช้าๆ ฉันจึงลองทำตามโดยการเริ่มขยับลิ้นให้เป็นจังหวะที่สอดคล้องกับเขา และนั่นก็ทำให้คุณเหนือครางรับอย่างพึงพอใจ
“อื้ม~”
นิ้วใหญ่ยังคงหยอกเย้าติ่งกระสันของฉันด้วยจังหวะที่เร่าร้อนรุนแรง ทว่าบางครั้งก็นุ่มนวล ทำเอาร่างกายของฉันมันร้อนวูบวาบ ภายในท้องน้อยรู้สึกมวลแปลกๆ ราวกับมีอะไรบินวนอยู่ด้านใน
เรียวขาทั้งสองข้างถูกจับให้อ้าออกจากกัน และในระหว่างที่ฉันกับคุณเหนือกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับการจูบแลกลิ้น จู่ๆ คุณเหนือก็ถอนริมฝีปากออก เขาหยัดตัวนั่งตรง
ถึงแม้ว่าฉันจะมองเห็นเพียงแค่ความมืด แต่ก็สัมผัสได้ว่าในตอนนี้มีของแข็งอุ่นร้อนกำลังเสียดสีเป็นจังหวะที่รอยกลีบกุหลาบบริสุทธิ์
ฉันรับรู้ได้ทันทีว่าคุณเหนือต้องกำลังพยายามแทรกกายแกร่งของตัวเองเข้ามาแน่ๆ
ความรู้สึกจุกแน่นและเจ็บแสบบริเวณช่องทางรักมันเริ่มทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแก่นกายรุกล้ำดันเข้ามาช้าๆ
ยิ่งเจ้าสิ่งนั้นเข้ามาได้ลึกมากเท่าไหร่ ความเจ็บปวดมันก็ยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ มากเท่านั้น
ฉันกัดริมฝีปากเอาไว้แน่น พยายามบอกตัวเองให้อดทน แต่มันก็เจ็บมากจนแทบจะทนไม่ไหว
“ยะ หยุดก่อนได้ไหมคะ รินเจ็บ” ฉันยกมือที่ถูกมัดไว้ขึ้นมาดันหน้าท้องกำยำของคุณเหนือ แต่กลับถูกเขาปัดออกอย่างไม่ชอบใจ
“เธอไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมาเรียกร้องอะไรจากฉัน”
สิ้นสุดคำพูดที่เกรี้ยวกราด คุณเหนือก็อัดกระแทกสะโพกเข้ามาอย่างรุนแรง ทำให้แก่นกายของเขาแทรกแซงเข้ามาในร่องแคบได้จนสุดปลายลำ ภายในเวลาไม่ถึงวินาที และมันสร้างความเจ็บปวดให้กับฉันเป็นอย่างมาก ถึงมากที่สุด
ฉันไม่แม้แต่จะร้องออกมา เพราะมันจุกจนพูดอะไรไม่ออก ในวินาทีที่ตัวตนของเขาผ่านปากร่องเข้ามาได้ ฉันสัมผัสได้ถึงการฉีกขาดที่เกิดขึ้น ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บจะพุ่งตามขึ้นมา
“อ๊า~ เธอบริสุทธิ์” คุณเหนือโน้มตัวลงมากระซิบบอกเสียงกระเส่า “ครั้งแรกของเธอ มันเป็นของฉันแล้วนะวาริน….”
“ระ รินเจ็บ” ฉันบอกออกไปเสียงแผ่ว
“อย่าเกร็ง ถ้าเธอเกร็งมันจะยิ่งเจ็บ”
คุณเหนือหยัดตัวขึ้นแล้วใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือบดขยี้ติ่งเนื้อสีแดงของฉันอีกครั้ง ขณะที่แก่นกายของเขายังคงสอดใส่อยู่ภายในโพรงสวาท
สัมผัสวาบหวามที่กำลังละเลงลงบนติ่งเกสรทำให้ความเจ็บปวดค่อยๆ ถูกคลายลง เป็นจังหวะเดียวกับที่คุณเหนือเริ่มเคลื่อนไหวเอวสอบเข้าออกช้าๆ
“อ๊า รู้ไหมว่าข้างในตัวเธอมันแน่นขนาดไหน ซี๊ด” คุณเหนือพูดออกมาเสียงกระเส่า “เธอทำให้ฉันพอใจมากวาริน อื้มซี๊ด”
ปัก ปัก ปัก!! จากสัมผัสที่เชื่องช้างเนิบนาบแปรเปลี่ยนเป็นรุนแรงและป่าเถื่อน ความเจ็บปวดที่ยังไม่ทันจางหายไปถาโถมเข้าใส่ร่างกายฉันอีกครั้ง
“บะ เบาๆ ได้ไหมคะ รินเจ็บ”
หากคำร้องขอของฉันมันเป็นผลก็คงจะดี แต่ในทางกลับกัน ยิ่งฉันครวญครางด้วยความทรมานมากเท่าไหร่ คุณเหนือก็ยิ่งตอกกายแกร่งแทงเข้ามาลึกและรุนแรงมากเท่านั้น
เรียวขาของฉันถูกยกขึ้นสูง พร้อมกับร่างกายที่กระเพื่อมสั่นไหวไปตามจังหวะรักป่าเถื่อน ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลยเพราะในตอนนี้ฉันถูกปิดตาและถูกมัดมือเอาไว้
“คะ คุณเหนือ” ฉันร้องบอกอย่างเจ็บปวด หวังจะให้เขาเห็นใจฉันสักนิด
“อ๊า ครางออกมา ฉันสั่งให้เธอครางวาริน ซี๊ด” ไม่พูดเปล่าแต่มือหนายังเอื้อมมาบีบขยำหน้าอกของฉันอย่างหนักเน้น ทุกการกระทำของคุณเหนือเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนฉันใกล้จะแบกรับไว้ไม่ไหว
ร่างของฉันถูกจับให้พลิกนอนคะแตง ก่อนที่เรียวขาจะถูกยกขึ้นพาดบ่าแกร่ง จากนั้นเสียงของเนื้อกระทบกันก็ดังระงมขึ้นอีกครั้ง
ปัก ปัก ปัก!!!
“อึก รินเจ็บ คะ คุณเหนือ รินไม่ไหวแล้ว ยะ หยุดก่อน อ๊ะ”
“ถ้าเธอยังเอาแต่บอกให้ฉันหยุด ฉันจะทำให้เธอรู้ว่าไม่ควรพูดคำนั้นออกมาให้ฉันได้ยิน ซี๊ด”
ฉันปิดปากเงียบทันทีเมื่อได้ฟังน้ำเสียงที่ประกาศกร้าวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
ปัก ปัก ปัก!!
ฉันไม่ได้มีความสุข แต่มันคือความทุกข์ มันเจ็บ เจ็บไปทั่วบริเวณช่องทางรักที่คุณเหนือเอาแต่โถมแรงกระแทกอย่างเอาแต่ใจ โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าฉันจะเจ็บปวดและทรมานมากแค่ไหน
10 เดือนผ่านไปตอนนี้ฉันกำลังนอนให้นมลูกอยู่ในห้อง พ่อกับแม่เพิ่งมาเยี่ยมแล้วกลับไปนี่เอง ส่วนพี่ติณเขามีประชุมที่บริษัท น้ำอิงลูกสาวของฉันตอนนี้ได้สิบเดือนแล้ว นั่งได้คลานได้ ตอนนี้กำลังหัดเดินแต่ยังเดินเป็นก้าวๆ ไม่ได้ต้องคอยจับ เวลาพูดอะไรเขาก็จะมองๆ พอเข้าใจบ้าง ยิ่งเวลาดื้อแล้วถูกดุนี่นะมองหาพ่อก่อนเลย พอเห็นพ่อก็จะร้องไห้ใหญ่ เอาแต่ใจใช่เล่นเลยแหละตอนนี้น้ำอิงอ้วนจ้ำม่ำมากๆ เลย เพื่อนๆ ของฉันต่างเอ็นดูความจ้ำม่ำจนต้องแวะเวียนกันมาคอยเล่นกับหลานบ่อยๆ พี่ติณก็ติดลูกมากๆ ตั้งแต่คลอดเขาเอางานมาทำที่บ้าน จะเข้าบริษัทก็แค่ตอนมีประชุม แถมพวกผ้าอ้อมของลูกแล้วก็เสื้อผ้าพี่ติณเป็นคนซักเองหมด ฉันมีหน้าที่แค่นอนให้นมลูกอย่างเดียวเลย พอให้นมลูกสาวของฉันก็หลับคาอก ฉันค่อยๆ ประคองตัวลูกอย่างเบามือเอามานอนที่เปล เป็นเปลไกวแบบไฟฟ้าพี่ติณซื้อเอาไว้เพราะกลัวว่าถ้าไกวเองแล้วฉันจะปวดแขน กริ้ง~ พอเอาลูกนอนเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉันรู้ได้ทันทีว่าคนที่โทรมาต้องเป็นพี่ติณแน่ๆ “ลูกหลับแล้วค่ะ” พอรับสายฉันก็รีบกระซิบบอก พี่ติณโทรมาแบบวีดีโอคลอ(ขอดูหน้าลูกหน่อย) เป็นแบบนี้ประจำเวลาที่ออกไปบริษัทถึง
#ภายในห้อง ตกดึกตอนนี้พี่ติณเริ่มงอแงหนักขึ้นเพราะว่าฉันไม่ยอมให้ทำเรื่องบนเตียงจริงๆ “ทำเบาๆ แค่เอาถูๆ ก็ได้” พี่ติณล้มมานอนบนตักของฉันแล้วพูดอ้อน “ไม่ค่ะ” “ถูๆ เองไม่เอาใส่เข้าไป”“หนูบอกว่าไม่เอาไง”“จะเอาๆ” “ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องหนูจะงดไปสองเดือนเลยนะคะ” ฉันยื่นคำขาดด้วยสีหน้าที่จริงจัง ทำให้พี่ติณปิดปากเงียบแต่สายตาของเขากำลังมองค้อนฉันอยู่ “ไม่เป็นห่วงลูกเลยหรือไงคะ” “เป็นห่วงแต่พ่อมันก็หิวเป็นเหมือนกัน”“ใช้มือช่วยตัวเองไปก่อนก็ได้”“ไม่ชอบ ชอบทำในตัวเธอมากกว่า” “หนูจะกลับไปอยู่บ้านนะถ้าพี่ติณยังหื่นไม่เข้าเรื่องแบบนี้น่ะ” “ได้ไง แต่งงานกันแล้วนะน้ำมนต์”“ไม่รู้แหละ มันหงุดหงิดนี่คะ” ฉันดันศรีษะของพี่ติณออกจากตักเพื่อแสดงอาการไม่พอใจที่เขานั้นหมกมุ่นเรื่องบนเตียงมากเกินไป “ก็ได้ๆ ต่อไปนี้ฉันจะไม่หมกมุ่น” ฉันหันมองพี่ติณอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ทำได้หรอคะ”“เมียสั่งฉันก็ต้องทำให้ได้”“สามีของหนูน่ารักที่สุดเลยค่ะ ^_^” ฉันยิ้มหวานให้พี่ติณแต่พอจะแตะตัวเขา เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วบอก “ฉันจะไปห้องพระ”“ไปทำอะไรที่ห้องพระคะ ?” ที่ผ่านมาฉันไม่เคยเห็นพี่ติณเข้าห้องพระเลยนะ วันนี้
“ผะ ผม….” อาจารย์หนุ่มแสดงอาการกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด “มานี่!!” พี่ติณจ้องฉันเขม็ง ฉันจึงรีบเดินไปหาเขาทันที จากนั้นพี่ติณก็พูดต่อ “ให้เวลาห้าวินาที รีบไปให้พ้นก่อนที่กูจะยิงมึง” สิ้นสุดคำพูดที่ดุดันของพี่ติณอาจารย์หนุ่มก็รีบวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต เขาคงกลัวตายมากๆ “อย่ามองหนูแบบนั้นนะ พี่ติณสั่งให้ลูกน้องหาอาจารย์มาสอน หนูไม่ได้เลือกเองสักหน่อย” ฉันรีบบอกเพราะถูกสายตาเอาผิดของพี่ติณจ้องอยู่ “เธอยอมให้มันอยู่ใกล้” “หนูแค่ไม่เข้าใจที่เขาสอน เขาเลยเดินมาบอก”“แล้วต้องใกล้ขนาดนั้น ? กลิ่นตัวหอม ?” พี่ติณกำลังหาเรื่องฉันอยู่ ไม่คิดจะฟังที่พูดเลยหรือไง นิสัยเดิมอีกแล้ว “แต่หนูก็ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีนะคะ หนูรู้ว่าตัวเองมีสามีแล้ว” “แล้วตอนมันยืนใกล้ๆ ทำไมไม่ลุกหนี ถ้าฉันไม่มาเห็นเธอจะลุกขึ้นหนีมันหรือเปล่า ?”“การลุกหนีมันเสียมารยาทนะคะ อีกอย่างเขาไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการลวนลามหนูเลยด้วยซ้ำ”“ฉันไม่ชอบเธอก็รู้”“เปลี่ยนอาจารย์สอนเป็นผู้หญิงให้หมดทุกคนเลยก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นผู้ชายแล้วพี่ติณไม่สบายใจ” “เปลี่ยนแน่!!” ฉันผิดอะไรหรอพี่ติณถึงได้มีท่าทางโกรธมากขนาดนี้ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเสีย
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งถึงวันที่สำคัญมากที่สุดของชีวิต เป็นวันที่มีความสุขมากที่สุดอีกวัน วันที่ฉันกับพี่ติณเข้าพิธีแต่งงานกัน เราจัดงานแบบเรียบง่ายเชิญแค่แขกคนสนิท ถึงแม้จะจัดในโรงแรมหรู แต่เราคุยกันแล้วว่าอยากให้บรรยากาศมันอบอุ่นมากกว่ามีคนมากมายพลุกพล่าน ในงานจึงมีแขกมาร่วมแสดงความยินดีไม่มากนัก ส่วนมากจะเป็นญาติทางฉันและเพื่อนๆ ที่ฉันสนิทเพราะพี่ติณตัวคนเดียว จะมีก็แต่ลูกน้องของเขาที่มาร่วมแสดงความยินดี “เจ้าสาวของฉันทำไมถึงสวยขนาดนี้นะ” พี่ติณพูดเสียงหวานเมื่อพ่อส่งมอบตัวฉันให้กับเขา “อย่าพูดแบบนั้นสินะหนูเขินนะ” ฉันบิดตัวไปมาเล็กน้อยเพราะความเขินอายเราทั้งคู่เดินไปบนพรมสีขาวสะอาดตา มีคนคอยโปรยกุหลาบตลอดทางที่เดินและมีเพลงคลาสสิคเปิดขึ้นมา บรรยากาศในงานอบอวลไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ทุกคนที่มาต่างแสดงความยินดีให้เราทั้งคู่จากใจจริง ทำให้งานวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ในตอนนี้ฉันกับพี่ติณเราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เราจะครองคู่กันไปชั่วนิจนิรันดร์…. วันต่อมา ฉันย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของพี่ติณเมื่อวานพ่อกับแม่มาส่ง พ่อร้องไห้ด้วย ฉันเองก็ร้องไห้ รู้สึกว่าแทบไม่ได้อยู
พี่ติณมาส่งฉันที่บ้าน แต่คืนนี้เขาไม่ได้นอนที่บ้านฉันหรอกนะ อย่างที่พ่อเคยบอกว่ายังไงหลังแต่งงานเราก็ได้อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว พ่อกับแม่เรียกฉันกับพี่ติณมาคุยกันที่ห้องรับแขกเพื่อนัดแนะเรื่องสถานที่จัดงานแต่งงานของเรา“การ์ดเชิญหนูชอบลายนี้ค่ะน่ารักดี เอาแบบนี้นะคะพี่ติณ^_^” “ครับ ^_^” “แล้วสถานที่ล่ะคะ เราจะใช้ที่โรงแรมไหนดี”“แม่กับพ่อเลือกไว้หลายที่เลยลูกลองดูสิ” ฉันกับพี่ติณนั่งดูภาพโรงแรม แต่จนถึงตอนนี้เราก็ยังเลือกกันไม่ได้ว่าจะจัดงานแต่งที่โรงแรมไหนดี มันยังไม่ถูกใจ “จัดที่โรงแรมของผมก็ได้นะครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากหน้าห้องรับแขก พอหันไปก็เห็นเฮียเหนือที่ยืนอยู่ “…ไอ้เหนือ” พี่ติณพูดขึ้นมาเบาๆ “ผมผ่านมาก็เลยแวะมาเยี่ยมคุณอาครับ” เฮียเหนือหันมามองฉัน แล้วพูดต่อ “เฮียยินดีด้วยนะ ถึงเจ้าบ่าวจะเป็นมันก็เถอะ” “เป็นกูแล้วทำไม มึงก็รู้มาตั้งแต่แรกว่ากูคิดยังไงกับน้ำมนต์”“เพราะแบบนี้พอมึงรู้ว่ากูถูกจับให้หมั้นกับน้ำมนต์เลยยิ่งโกรธอาละวาดแก้แค้นกู ?”พี่ติณพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วพูด “กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”“กูต้องไปคุยด้วย ?”“ตามใจมึง” พูดจบพี่ติณก็เดินไป ส่ว
หลังจากคุยธุระเสร็จคุณธนาก็เดินทางกลับ ส่วนฉันกับพี่ติณก็กลับมาที่ห้องทำงาน แถมเขายังล็อกประตู“ละ ล็อคห้องทำไมคะ เดี๋ยวถ้าเลขามีธุระสำคัญ….” “ฉันกำลังจะทำโทษเด็กขี้อ่อย” พี่ติณพูดสวนขึ้น ทำเอาขนมันลุกซู่“หนูเปล่าอ่อยนะ” “ยิ้มให้คนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน แบบนี้เรียกว่าอ่อย” พี่ติณกล่าวหากันหน้าตาเฉย มาโทษว่าฉันอ่อยคุณธนาทั้งที่ในท้องยังมีลูกของเขาอยู่ “แบบนี้พี่ติณยิ้มให้คุณธนาเหมือนกันแปลว่าอ่อยหรือเปล่าคะ ?”“ไม่ต้องมายอกย้อน ฉันเป็นผู้ชายส่วนเธอเป็นผู้หญิง”“หวงไม่เข้าเรื่องเลยค่ะ แบบนี้หนูไม่ชอบ”“ฉันก็ไม่ชอบ!!” จู่ๆ เขาก็มาขึ้นเสียงดังใส่ โอเค!! ฉันผิดมากเลยสินะ “ขึ้นเสียงใส่หนูงั้นหรอ บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ชอบให้มาเสียงดังใส่” “…..” พอถูกฉันว่าพี่ติณก็เถียงไม่ออก “ถ้าอะไรนิดหน่อยก็เอามาเป็นเรื่องใหญ่เราคงอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอกนะคะ” “หมายความว่ายังไง ?“ ลมหายใจร้อนผ่าวของพี่ติณถูกพ่นออกมาแรงๆ เมื่อได้ยินคำพูดของฉัน “หมายความว่าหนูจะไม่แต่งงานกับพี่ติณ ถ้ายังเป็นแบบนี้” มันคือความหงุดหงิดส่วนหนึ่งและความที่ฉันอยากจะดัดนิสัยของพี่ติณด้วยอีกส่วนหนึ่ง เขาเอาแต่ขี้หึงไม่ลืมหูลืมตาแบบ
เช้าวันใหม่หลังจากฉันกับพี่ติณตื่นนอนเราก็จับมือกันมาบอกพ่อกับแม่เรื่องที่ฉันตกลงแต่งงานกับพี่ติณแล้ว เฮียเพลิงก็มากินข้าวเช้าที่บ้านด้วยวันนี้เฮียต้องกลับต่างประเทศแล้ว แต่เหมือนเฮียยังมีอะไรที่ค้างคาอยู่ในใจ ดูท่าไม่อยากกลับสักเท่าไหร่ วันนี้ฉันเข้ามาที่บริษัทกับพี่ติณเพราะไม่อยากนั่งเบื่อๆ รอที่บ้าน ถึงจะตกลงแต่งงานแล้วพ่อก็อยากให้พี่ติณไปๆ มาๆ ที่บ้านมากกว่าจะให้ฉันไปอยู่ที่บ้านเขา พ่อบอกว่าหลังแต่งงานยังไงฉันก็ต้องได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านพี่ติณอยู่แล้ว ตอนนี้จึงอยากให้ฉันอยู่ที่บ้าน “พี่ติณพรุ่งนี้หนูไปเจอเพื่อนๆ นะคะ มีนัดกินข้าวตอนเย็น ^_^” ฉันนั่งคุยแชตกับเพื่อนรอพี่ติณทำงาน เพื่อนๆ มีนัดกินข้าวสังสรรค์กันเป็นงานเล็กๆ ของกลุ่มเราที่นานๆ ครั้งจะมาเจอกันแค่กินข้าวไม่มีแอลกอฮอล์ ฉันต้องขออนุญาตพี่ติณก่อน “ไปกี่โมง ?”“หกโมงเย็นค่ะ”“ไม่ให้ไปด้วย ?” “หนูนัดกับเพื่อนในกลุ่มที่สนิทกัน พี่ติณไปด้วยคนอื่นคงจะเกร็งๆ” “มีพิรุธนะแบบนี้” พี่ติณมองฉันด้วยสายตาที่กำลังจับผิดอยู่“พิรุธอะไรคะอย่ามาหาเรื่องหนูนะ” “จะให้ไปส่งไหมพรุ่งนี้” “เดี๋ยวให้คนขับรถที่บ้านไปส่งก็ได้ค่ะ ^_^” แกร็ก! ป
“เราไปบอกพ่อกับแม่กันนะคะ ^_^” พี่ติณสวมแหวนให้ฉันจากนั้นก็อุ้มฉันขึ้นมาวางที่เตียงทั้งยังใส่แค่ผ้าขนหนูอยู่ “นอนได้แล้วพรุ่งนี้ค่อยบอกทุกคนก็ได้ ฉันปิดไฟนะ”“แต่หนูยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยนะ ถ้าพี่ติณจะนอนก็นอนก่อนเลยค่ะ แต่งตัวเสร็จเดี๋ยวหนูปิดไฟเอง” ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นแต่ก็ถูกพี่ติณกดให้นอนราบกับเตียงเหมือนเดิมพี่ติณขึ้นมาคร่อมจากนั้นก็โน้มใบหน้าลงมากระซิบบอกข้างๆ ใบหู “ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าก็ได้ เพราะเดี๋ยวเธอก็ได้ถอดมันออกอยู่ดี” “บ่อยเกินไปแล้วนะคะ” พอฉันบอกแบบนั้นพี่ติณก็ขมวดคิ้วถาม “อะไรบ่อย ?”“ก็มีเซ็กส์ไงคะ”“วันนี้เป็นวันดีเธอยอมแต่งงานกับฉัน มันก็ต้องฉลองเป็นธรรมดา”“เจ้าเล่ห์” ฉันพูดค้อน “ขอนะครับ” ไม่พูดเปล่าพี่ติณยังยิ้มหวานอีกด้วย ไม่ใจอ่อนได้ไงล่ะ “ทีตอนอยากได้เนี่ยพูดเพราะจังเลยนะคะ” “พูดแบบนี้ปกติ” พี่ติณพูดพร้อมกับใช้มือค่อยๆ ดึงผ้าขนหนูที่พันตัวฉันออก เผยให้เห็นเรือนร่างที่ไร้เสื้อผ้าปิดคลุม “ปะ ปิดไฟก่อนสิคะ” ฉันยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกของตัวเองอย่างเขินอายเพราะความสว่างของห้อง “อยากเห็นหน้าเมียชัดๆ”“ไม่เอาค่ะ หนูอาย”“สวยไปทั้งตัวขนาดนี้ทำไมต้องอาย” ปากหวาน
“ตะ แต่หนูยังไม่พูดเรื่องแต่งงานเลยนะคะ”“ในเมื่อลูกเปิดโอกาสให้ตาติณแล้วแม่ว่าการแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ยิ่งท้องโตขึ้นเรื่อยๆ คนจะนินทาเอานะลูก”“หนูรู้ค่ะหนูให้โอกาสพี่ติณแต่ยังไม่อภัยให้เขานี่คะ” “ถึงขั้นนี้แล้วยังไม่ให้อภัยฉันอีกหรือไง” พี่ติณถาม “อยากดูๆ ไปก่อนนี่คะ อย่าเร่งหนูสิ เอาไว้คลอดแล้วเราค่อยแต่งงานกันก็ได้”“คลอดแล้วคงไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอกลูก ไหนจะยุ่งกับการเลี้ยงลูกอีก”“ไม่เป็นไรครับถ้าน้ำมนต์ยังไม่อยากแต่งผมก็จะไม่บังคับ ตอนนี้ผมคงยังดีไม่พอที่เธอจะเปิดใจมากขนาดนั้น” พี่ติณพูดขัดขึ้นมา ฟังจากน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าเขากำลังน้อยใจอยู่ “……..” ฉันได้แต่เงียบ ไม่ใช่ว่าไม่อยากแต่งหรอกนะจะขอแต่งงานทั้งทีทำไมถึงไม่ทำให้โรแมนติกกว่านี้ก็ไม่รู้ ถ้าถูกขอแต่งงานแบบโรแมนติกฉันคงจะตอบตกลงไปแล้วก็ได้ สักครั้งหนึ่งในชีวิตผู้หญิงก็ต้องการอะไรแบบนี้ อยากสัมผัสความรู้สึกที่ถูกคุกเข่าขอแต่งงานบ้าง แต่พี่ติณไม่เคยคุกเข่าขอฉันเลย “ต่อไปนี้ก็ทำตัวให้มันดีๆ ให้สมกับที่จะเข้ามาเป็นลูกเขยบ้านนี้ล่ะ” พ่อพูดกับพี่ติณ“ครับอา ผมขอโทษจริงๆ กับเรื่องที่ผ่านมา”“แล้วนี่ได้คุยปรับความเข้าใจ