แปดปีที่แล้ว
ไร่ดุจตะวัน ไร่ชาและกาแฟที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มองจากมุมสูงภาพเบื้องหน้าคล้ายผืนหญ้าสีเขียวขจีผืนใหญ่ปลูกเต็มพื้นที่ ดูรื่นตา รื่นใจยามเยี่ยมมอง ลมเย็นๆ ที่มาพร้อมกับแสงแดดอบอุ่น ทำให้หัวใจคนมองรู้สึกชุ่มชื่น ความทุกข์หรือความรู้สึกที่แบกรับไว้ถูกปลดปล่อยไปชั่วขณะ
ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น...
ณัฐรวีคือเจ้าของนัยน์ตาเศร้าที่มักมานั่งมองความงดงามของไร่ดุจตะวันตรงศาลาไม้ระแนงใต้ต้นหูกวางต้นใหญ่ ความรู้สึกยามได้มองภาพตรงหน้าคือ ปล่อยความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานใจให้ไหลไปกับสายลม แสงแดดและทุ่งชากาแฟ
ในขณะที่มอง ณัฐรวีหวนคิดเรื่องราวในอดีต หล่อนอยู่ไร่ดุจตะวันมาสิบสองปีแล้ว วันแรกที่เหยียบย่างมาไร่แห่งนี้ หล่อนในวัยเก้าปีมาพร้อมกับรุ่งวดี ผู้เป็นแม่ รุ่งวดีเข้ามาอยู่ในไร่ดุจตะวันในฐานะภรรยาน้อยของเชษฐา ที่หลงรักหัวปักหัวปำ ไม่สนใจว่าการพาภรรยาน้อยเข้ามาในบ้าน จะนำความเสียใจมาให้เนาวรัตน์ ภรรยาหลวงมากแค่ไหน เขาสนใจเพียงแค่ความสุขของตัวเอง และนั่นทำให้เกิดเรื่องราวมากมายในเวลาต่อมา
ในบ้านหลังใหญ่มีสมาชิกอยู่ด้วยกันห้าคน หนึ่งคือเชษฐา สองคือเนาวรัตน์ สามคือแก้วตา เด็กหญิงวัยเก้าปีที่เจ้าของบ้านอุปการะเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก สี่คือรุ่งวดีและห้าคือณัฐรวี ส่วนลูกชายคนเดียวของเชษฐากับเนาวรัตน์ ตอนนี้กำลังศึกษาปริญญาโทอยู่ประเทศอังกฤษ นามว่า เมฆา ที่ไม่รู้ข่าวเรื่องบิดาพาภรรยาน้อยเข้าบ้าน เป็นเพราะเนาวรัตน์ปิดเรื่องนี้ไว้เงียบเชียบ เกรงว่าหากลูกชายรู้อาจทำให้เสียการเรียนได้ นางจึงทนเจ็บปวดตามลำพัง
ทว่าความลับไม่มีในโลก หนึ่งปีกับการปิดบังความจริง ถูกเปิดเผยเพราะเชษฐาพารุ่งวดีไปเที่ยวอิตาลี ความบังเอิญเกิดขึ้น เมื่อเมฆาไปเที่ยวกรุงโรมกับกลุ่มเพื่อน ซึ่งบิดาได้พาภรรยาน้อยไปเที่ยวสถานที่เดียวกันพอดี ความจึงแตก เมฆาโกรธเชษฐามาก พานเกลียดรุ่งวดีแบบเข้ากระดูกดำ ความเกลียดชังยังเผื่อแผ่มาให้ณัฐรวีอีกด้วย
หลังจากเมฆารู้ความจริง เขาตั้งใจกลับเมืองไทย ทว่าความตั้งใจของเขาเป็นหมัน เมื่อมารดาขอร้องให้เรียนต่อให้จบ เมฆายอมทำตามที่เนาวรัตน์ร้องขอ เพราะความสำเร็จของเขา คือความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในหัวใจคนเป็นแม่ หนึ่งปีต่อมาเมฆาเรียนจบและกลับเมืองไทยทันที และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดของณัฐรวี
“มานั่งเป็นนางเอกอีกแล้วนะ” เสียงดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ณัฐรวีดึงตัวเองจากอดีต หันมามองต้นเสียงที่เดินมานั่งใกล้ๆ “ทำงานเสร็จแล้วเหรอถึงมานั่งตรงนี้”
เจ้าของคำพูดคือปั้นดาว ลูกสาวหัวหน้าคนงานและเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของณัฐรวี อีกทั้งหล่อนยังรู้ทุกเรื่องที่เกิดกับเพื่อนรักคนนี้ ทว่าก็ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้มากนัก นอกจากคอยปลอบและให้กำลังใจ
“เสร็จแล้วจ้ะ” ณัฐรวีตอบ ก่อนหันไปมองภาพเบื้องหน้าต่อ
“วิวตรงนี้มันดีอะไรหนักหนา ฉันเห็นแกนั่งมองทุกวัน ไม่เบื่อหรือไง ฉันล่ะเบื่อจะแย่ เห็นมาตั้งแต่เด็ก”
“ฉันอยากเป็นนก” ณัฐรวีตอบไม่ตรงคำถาม
“อะไรของแก” ปั้นดาวทำหน้างง
“ฉันอยากเป็นนกไง ฉันจะได้มีปีกบินออกไปจากที่นี่”
คนตอบน้ำตาคลอ มองเส้นขอบฟ้าไกลสุดลูกตาด้วยความหวัง ความหวังที่ติดอยู่ในใจณัฐรวีมานานหลายปี แล้วไม่รู้ว่า ความหวังจะเป็นผลวันใด ปั้นดาวเข้าใจคำพูดและความรู้สึกของเพื่อน หล่อนวางมือลงบนบ่าณัฐรวี บีบเบาๆ ส่งกำลังใจให้เพื่อนรัก
“ฉันเชื่อว่า แกจะได้เป็นอิสระ ถ้าแกออกไปจากที่นี่ได้ ไม่ต้องกลับมานะ ฉันไม่อยากเห็นนกตัวนั้นกลับมาตายรัง ไม่อยากเห็นแกเป็นนกน้อยในกรงจอมมาร”
ไร่ดุจตะวัน เป็นสถานที่สวยงาม ร่มรื่น สบายตาและสบายใจยามได้มองทัศนียภาพราวกับภาพวาด นั่นเป็นความรู้สึกของคนอื่น แต่ไม่ใช่กับณัฐรวี ไร่ดุจตะวันเปรียบเสมือนนรกในใจ นรกขุมลึกที่สุด ไม่มีเส้นทางใดให้ณัฐรวีตะเกียกตะกายขึ้นจากอเวจีหลุมนั้นได้ ในความสิ้นหวังยังมีความหวังเล็กๆ อยู่ในจิตใจณัฐรวี แล้วความหวังเป็นแรงผลักดันให้หล่อนอยากมีชีวิตต่อ
“แกมาหาฉัน แกทำงานเสร็จแล้วเหรอ เดี๋ยวถูกพ่อดุอีกหรอก” ณัฐรวีเปลี่ยนเรื่อง
“ระดับนี้แล้ว ทำเสร็จตั้งแต่ปีมะโว้แล้วย่ะ” ปั้นดาวตอบ “ฉันว่าจะชวนแกไปเก็บมะม่วง เย็นนี้แม่ฉันจะทำน้ำปลาหวาน ของชอบแกไง”
“เอาสิ อยากกินอยู่พอดี แม่แกทำอร่อย”
คงจะมีเพียงครอบครัวเดียวในไร่ที่ให้ความเมตตาณัฐรวี แม้ว่าจะไม่ได้ให้ตรงๆ เพราะเกรงกลัวเจ้าของไร่ที่ชังน้ำหน้าหรือจะพูดได้ว่า เกลียดณัฐรวีเข้ากระดูกดำเขม่นเอา ต่อหน้าครอบครัวปั้นดาวทำนิ่งเฉย แต่ลับหลังทำประหนึ่งณัฐรวีเป็นลูกสาวคนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
สองเพื่อนรักที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน กำลังลุกจากศาลาไม้ระแนงเพื่อไปเก็บมะม่วงตรงข้างไร่ชา แต่ยังไม่ทันลุกขึ้นยืนเต็มตัว เสียงชายคนหนึ่งได้ดังขึ้น
“รวี” เจ้าของชื่อหันไปทางต้นเสียง พบกับเอกวุฒิ ลูกน้องคนสนิทเมฆา เดินหน้านิ่งตามสไตล์มาหาณัฐรวี “คุณเมฆมาแล้ว เรียกหาแน่ะ”
ณัฐรวียิ้มแห้ง พยักหน้าช้าๆ
“เร็วด้วยนะ คุณเมฆอารมณ์ไม่ดี” เอกวุฒิพูดเชิงเตือน ใบหน้าณัฐรวีซีดลงถนัดตากับประโยคที่ได้ยิน หล่อนรีบสาวเท้าเดินเร็วกว่าปกติไปยังบ้านพักหลังใหญ่อยู่ห่างจากตรงนี้ราวสองร้อยเมตร
Chapter 10“ผมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น” พูดจบเมฆาก็ลุกขึ้นยืน “ผมเข้าไปดูงานในไร่ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะมีบริษัทมารับเมล็ดชากับกาแฟ”เนาวรัตน์พยักหน้ารับรู้ มองตามร่างบุตรชายที่เดินออกไปจากบ้าน ก่อนหันมองรูปถ่ายของเชษฐาที่ติดอยู่บนฝาผนังบ้าน“เพราะคุณคนเดียว หลายคนต้องเจ็บปวด ถ้าคุณไม่พามันเข้ามาในบ้าน คงไม่มีใครต้องทุกข์ทรมาน”เนาวรัตน์ปรารถนาให้เชษฐาได้ยินประโยคนี้ เขาจะได้รู้ว่า ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดคือเขา ที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ คิดไตร่ตรองไม่รอบคอบ นำผู้หญิงที่ชื่อรุ่งรดีเข้าในชีวิต นำความสุขมาให้เชษฐาเพียงคนเดียว ส่วนคนรอบข้างมีแต่ความทุกข์และปวดร้าวใจ ราวสองทุ่มเศษ เสียงทีวีในห้องรับแขกดังเข้ามาในหูณัฐรวีที่กำลังเดินเข้าไปในบ้าน หล่อนแปลกใจไม่น้อยเพราะปกติเวลานี้เนาวรัตน์ เมฆาจะอยู่ในห้องนอน จะว่าคนรับใช้เปิดทีวีดูก็ไม่น่าใช่ เนื่องจากในห้องพักคนรับใช้จะมีทีวีหนึ่งเครื่องไว้ดูหลังเลิกงาน แล้วใครกันที่เปิดทีวีในห้องรับแขก “กลับมาแล้วเหรอรวี แก้วตาคอยตั้งนาน”ณัฐรวีหายสงสัยเมื่อเห็นเมฆานั่งดูทีวีอยู่กับแก้วตา และเมื่อได้ยินและเห็นหน้าเจ้าของเสียง ทำให้หล่อ
Chapter 9หญิงสาววัยย่างยี่สิบสองปีโปรยยิ้มหวานให้คนงานและสาวใช้ที่ทำงานอยู่หน้าบ้าน แก้วตาแวะทักทายตามประสาคนเพิ่งกลับมาบ้าน ก่อนเดินเข้าไปในบ้านเพื่อหาเจ้าของบ้านที่รอการกลับมาของตน “คุณป้าขา” แก้วตาคือเจ้าของเสียง หล่อนโผกอดร่างเนาวรัตน์ที่กอดตอบร่างเล็กด้วยความรักและคิดถึง “คิดถึงคุณป้าที่สุดเลยค่ะ” คำคิดถึงมาพร้อมกับปลายจมูกกดลงบนแก้มของเนาวรัตน์ทั้งซ้ายและขวา “ปากหวานเหมือนเดิมนะเราเนี่ย” “ปากหวานที่ไหนกันคะ คิดถึงคุณป้าจริงๆ ค่ะ พอว่างปุ๊บก็รีบมาหาคุณป้าเลยค่ะ” ตอนนี้แก้วตากำลังศึกษาแพทยศาสตร์ชั้นปีที่สาม หล่อนจึงไม่ได้กลับบ้านบ่อยนัก เนื่องจากเรียนหนักและต้องทำกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัยอีกด้วย ซึ่งเนาวรัตน์ก็รู้ถึงเหตุผล “คิดถึงแต่แม่ ไม่คิดถึงพี่บ้างเหรอ พี่น้อยใจนะ”เมฆาที่เดินถือกระเป๋าเดินทางแก้วตาเข้ามาในบ้านพูดขึ้น ก่อนไปทรุดกายนั่งข้างมารดา แก้วตารีบลุกมานั่งข้างพี่ชายนอกสายเลือด กอดและหอมพี่ชายอย่างเอาใจ “คิดถึงพี่เมฆเหมือนกันค่ะ รักพี่เมฆด้วยค่ะ”เมฆามองหน้าสาวสวยตรงหน้าที่ตนปักใจรักมานานหลายปีด้วยรอย
Chapter 8ขยับต่ำลงมาถึงพวงสวรรค์“อา...อูว์” เป็นความเสียวที่เขารู้ดีว่า มันมากกว่าแก่นกายชายตกเป็นของเล่นของณัฐรวี หล่อนรู้จุดว่า เขาชอบหรือไม่ชอบสิ่งใด ลูกตุ้มสองลูกกลายเป็นของเล่น ถูกปากดูดเข้าไปทั้งลูก ดูดกลืนข้างซ้ายก็ย้ายมาข้างขวา ลิ้นหล่อนก็ไม่ใช่ว่าจะนิ่งเฉยเลียไล้ไปด้วย ท่อนเนื้อชายอยู่ในมือเรียวสวยที่รูดขึ้นรูดลง นิ้วโป้งหล่อนก็เขี่ยเบาๆ ตรงร่องเห็ดโคน“โอ้ว...เสียวดีจัง” เมฆาครางเสียงสั่น อารมณ์เขาตอนนี้คุกรุ่น เม็ดเลือดไหลเวียนพร้อมกระแสสวาทเชี่ยวกราก หล่อนทั้งอม ดูดและเลียครบสูตรเวลาผ่านไปสักพัก ร่างกายณัฐรวีเริ่มขยับตัว หล่อนปล่อยอวัยวะกลางตัวเมฆาให้เป็นอิสระ ขยับใบหน้าไต่ไปตามหน้าท้องแข็งแรงเป็นลอนคลื่น จูบแผ่วเบาไปทั่ว ลิ้นตวัดไล้เรื่อยสูงจนมาถึงอกแข็งแรง แน่นอนว่าหล่อนต้องแวะเย้ายอดอกเขา ดูดและเลียตามสไตล์เหมือนเมฆาเป็นฝ่ายทนกับความเสียวสยิวไม่ไหว เขาจับร่างเล็กให้ยืนเต็มความสูง ทรวงอกสล้างเบ่งบานตรงหน้าเขาพอดิบพอดี มันจึงเป็นอาหารอันโอชะของเมฆาทันที“อา...อา...คุณเมฆ” คราวนี้เสียงครางรัญจวนเปล่งออกจากปากหล่อนบ้าง ยอดถันทั้งสองข้างถูกเมฆาเชยชม ดูดกลืน สลับกับขบเม้ม
Chapter 7จับร่างสาวให้นอนหงาย ขยับตัวคร่อมช่วงอกของณัฐรวี มือใหญ่จับสิ่งนั้นรูดขึ้นรูดลงตรงหน้าหล่อน“อ้าปาก” เขาสั่งขณะชักความเป็นชาย ณัฐรวีทำตามอย่างว่าง่ายและอ่อนแรงทั้งกายใจ ไม่รู้ด้วยว่าเขาสั่งทำไม แล้วในที่สุดหล่อนก็รู้ว่า เขาต้องการอะไร เมฆาพ่นความสุขใส่ปากเล็กที่แทบจะหุบปากทันทีที่น้ำข้นๆ กระเด็นใส่ปากตน แต่ช้ากว่ามือใหญ่อีกข้างที่บีบแก้มหล่อนไว้ ให้ปากจิ้มลิ้มอ้ารับน้ำสวาทที่ระเบิดเข้าไปในลำคอ ณัฐรวีพะอืดพะอมอยากจะอาเจียนกับกลิ่นและรสชาติของน้ำเสน่หานั้น แต่ก็ไม่อาจคายมันออก ปล่อยให้มันไหลลงไปในท้อง เนื่องจากเมฆาเหมือนรู้ทัน นำความแข็งแรงของเรือนกายสอดเข้าไปในโพรงปากสาวความทรงจำในวันเสียสาวไม่ประทับใจเอาเสียเลย ตรงกันข้ามมันคือความทรงจำเลวร้ายที่สุดของณัฐรวี เป็นบทเรียนที่หล่อนจำฝังใจ “นี่แค่เริ่มต้น เธอต้องเจออีกเยอะ” เมฆาทำตามที่เอ่ยไว้ เขากระทำต่อหล่อนเสมือนสิ่งไม่มีชีวิต ไม่รู้สึกรู้สา ไม่รู้จักความเจ็บปวดและเสียใจ เขากระทำย่ำยีณัฐรวียิ่งกว่าทาสในเรือนเบี้ย เป็นทาสอารมณ์ที่ไม่รู้ว่า ชาตินี้จะมีวันหลุดพ้นหรือไม่ “ฉันเรียกตั้งนานแล้ว ทำไมเพิ่งมา”ณัฐรวีดึงตัวเองออกจาก
Chapter 6 เขาเคยเจอแต่ผู้หญิงมากประสบการณ์ ไม่ต้องสอน ไม่ต้องสั่งก็ปรนนิบัติเขาอย่างดีทั้งปากและลิ้น รวมถึงมือที่เข้ามาช่วยร่วมด้วย พอมาเจอณัฐรวีที่ไม่เป็นงาน ทำอะไรไม่ได้ดังใจ เขาอาจรำคาญในตอนแรก ทว่าตอนนี้เขาเสียวไปทั้งท่อนลำ อยากจะฝังกายผสานเป็นหนึ่งเดียวกับณัฐรวีเสียตอนนี้ ซึ่งเขาก็ทำตามความคิด ดึงเอ็นใหญ่ออกจากปากสาว ขยับตัวมานั่งกลางร่างเล็ก จับเรียวขาสวยแยกไปด้านข้าง ก้มมองดอกไม้งามสีชมพูแรกแย้มที่เห็นแล้วใจเต้นรัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความตั้งใจเขาลดลง “เธอเตรียมตัวได้รับบทเรียนจากฉันได้เลย” ไม่มีความปรานีในน้ำเสียง ใบหน้าเขาดูเรียบทว่ากลับแฝงไว้ซึ่งความร้ายกาจ โหดเหี้ยม ณัฐรวีที่ไม่ทันตั้งตัวส่งเสียงกรีดร้องเจ็บปวด เมื่อเขานำท่อนเนื้อใหญ่แทรกเข้ามาในกลีบกุหลาบงาม แม้ว่าจะมีน้ำหวานอาบอยู่ทั่ว ความที่ไม่เคยผ่านมือชาย แล้วยังถูกกระทำรุนแรง ดันความเป็นเอกบุรุษเข้าไปทีเดียวจนสุดทาง อัดกระแทกจนหล่อนรู้สึกร้าวระบม ราวกับว่าของสงวนสาวฉีกขาด“กรี๊ด!” เสียงของหล่อนดังเข้าหูเมฆา ทว่าเขาเมินเฉยกับเสียงร้องเจ็บปวด เมฆาขยับเคลื่อนกายหนักหน่วง แรงทุกจังหวะการเข้าออก ไม่สนใจว่
Chapter 5น้ำหนักในการอ้าอมเม็ดเชอรี่ลดลง เมฆาไล้เลียช้าๆ ตวัดลิ้นไปมา ก่อนดูดกลืนเข้าไปในปากเบาๆ มือใหญ่ผ่อนแรงขยำทรวงอกสาวเป็นคลึงเคล้น ทักทายยอดถันสีหวานด้วยปลายนิ้วหมุนไปมา ไม่ใช่ว่าเมฆาจะใจอ่อน แต่เขาต้องการให้ณัฐรวีพร้อมสำหรับการลงทัณฑ์ หากนำตัวตนของเขาเข้าไปในร่างกายหล่อนในสภาวะยังไม่พร้อม เขาก็จะเจ็บปวดไปด้วย อีกทั้งเมฆายังต้องการให้ตนพร้อมมากกว่านี้ ให้เมฆาน้อยลุกโชนให้เต็มที่ เพื่อปฏิบัติการแก้แค้นเอาคืนจะได้สนุกตามต้องการ เมฆาไม่ได้อ่อนโยนเพียงแค่ส่วนบน ส่วนล่างเขาก็กำลังทำให้หล่อนรู้สึกบ้าคลั่งในพายุอารมณ์ ชายหนุ่มขยับตัวที่คร่อมร่างเล็กมาตะแคงกายข้างหล่อน ทันทีที่ณัฐรวีรู้ว่า เขาขยับตัวออกจากร่างตน หล่อนใช้ความพยายามอีกครั้งที่จะให้ต้นได้รับอิสระ “อย่าดิ้น อย่าขัดขืน เธอต้องยอมฉัน ไม่งั้นฉันจะตามล่าแม่เธอ พอได้ตัวฉันจะฆ่าแม่เธอ แล้วเอาศพไปทิ้งในป่า ให้เป็นอาหารสัตว์เดรัจฉาน พวกเดียวกันคงกินกันอร่อย” เมฆาเริ่มรำคาญอาการดิ้นรนของณัฐรวี เขาจึงข่มขู่เพื่อให้หล่อนสมยอม แล้วดูเหมือนได้ผล ร่างกึ่งเปลือยสงบลง หยุดดิ้น หลุบตามองเมฆา น้ำตาไหลเป็นทาง เขา