تسجيل الدخول“ช่วยแนะนำหน่อยสิ” เอริคตอบกลับด้วยท่าทางสบายๆ
“ค่ะ...สองที่รับเหมือนกันเลยมั้ยคะ ชุดฟูร์คอร์ดมื้อเช้า ตามภาพนี้เลยค่ะ” คริสตี้พยายามข่มความสั่นเทาของมือและใจ ที่ตอนนี้เธอควบคุมมันไม่ได้เลย เอริคยิ้มเมื่อเห็นอาการตื่นกลัวของคริสตี้ ดี!เพราะเขาต้องการให้เธอเป็นแบบนั้น สำหรับเขาแล้วเขาไม่เคยปล่อยให้ใครที่เข้ามาล้วงคอแล้ว จะมีความสุขต่อไปได้ง่ายๆ
คริสตี้รีบเดินออกมาจากโต๊ะ เพื่อมาส่งออร์เดอร์ทันทีเมื่อเอริครับเมนูตามคำเสนอของเธอ
“คริสตี้ เป็นอะไรนะ?” พ่อครัวถามเธอเมื่อเห็นว่าเธอมีท่าทางเปลี่ยนไป ดูเหมือนเธอตื่นกลัวอย่างชัดเจน
“ปะ...เปล่าๆ ค่ะ” คริสตี้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักลมหายใจขาดช่วง คริสตี้นั่งลงบนเก้าอี้สองมือประสานกันบีบมือตัวเองอย่างกระวนกระวาย “บังเอิญ มันเป็นเรื่องบังเอิญ เขาคงไม่รู้อะไรทั้งนั้น” คริสตี้พึมพำเบาๆ เหงื่อแตกพรั่ก เพราะเธอร้อนตัวจริงๆ กลัว เธอกลัวผู้ชายคนนี้ เอริค ซาวันเดอร์ เขาทำให้เธอตื่นกลัวเพียงแค่สายตาที่เขามองเธอ
คริสตี้อยากหนีออกไปจากร้านตอนนี้เลย เธอคงจะทำได้ ถ้าทั้งร้านไม่ได้มีเธอเป็นพนักงานเสิร์ฟและต้อนรับเพียงคนเดียว เธอต้องเอากาแฟไปเสิร์ฟลูกค้ามาใหม่ทั้งสองได้แล้ว คริสตี้สูดอากาศเข้าปอดอย่างต้องการเรียกกำลังใจให้กับตัวเอง และย้ำบอกตัวเองว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ
เอริค ทอดสายตามองคริสตี้อีกครั้ง เมื่อเธอออกมาโดยที่ในมือมีถาดที่ใส่กาแฟร้อนเดินมายังทิศทางโต๊ะของเขา คริสตี้หลบเลี่ยงที่จะสบสายตากับเอริค และพยายามขยับขาให้เดินไปข้างหน้า
“กาแฟค่ะ” คริสตี้เอ่ยออกมา พร้อมกับที่รีบยกทุกอย่างในถาดวางบนโต๊ะของลูกค้าทั้งสอง และรีบเอาถาดไปเก็บไว้หลังท็อปสูง เมื่อมีลูกค้าใหม่เข้ามา เธอทำตามปกติทุกอย่าง โดยที่เธอพยายามสลัดความรู้สึกที่ถูกจับตามองทุกอิริยาบถอยู่ตอนนี้ ช่วงเวลาเพียงสี่สิบนาทีที่เอริคเป็นลูกค้าของร้านอาหารเช้า คริสตี้รู้สึกดั่งกับโลกกำลังบีบอัดกำจัดพื้นที่ระหว่างเขากับเธอให้แคบลงเรื่อยๆ กว่าจะถึงช่วงเวลาการชำระเงินและการแยกห่างออกไปของลูกค้ากิตติมศักดิ์ ก็ทำให้คริสตี้อยู่ไม่เป็นสุข เธอเกือบจะเทกาแฟรดใส่ลูกค้าอื่นอยู่หลายครั้ง แล้วต่อจากนั้นเธอก็ต้องเจอกับรอยยิ้มขบขำของเขา เอริค ซาวันเดอร์ ที่เขาคอยแต่จะมองเธอ ไม่มีหลบหรือแอบมองเลย เขามองเธอตรงๆ แบบไม่ปิดบัง แต่ไม่ใช่สายตาของผู้ชายที่มองผู้หญิง ตามความคิดของเธอ เพราะคนอย่างเอริคไม่มีทางจะมองเธอแบบนั้น...
คริสตี้เร่งฝีเท้าเมื่อตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงวัน เธอกำลังเดินกลับห้องเช่าเมื่องานที่ร้านอาหารเช้าปิดแล้วนั่นเอง
“ปัง!” คริสตี้ปิดประตูห้องเช่าทันทีที่เธอเข้ามาในห้อง พร้อมล็อค ลงกลอนประตูทุกอันที่มีอยู่ ดีนยังไม่กลับมา หลังจากที่เขาออกไปตั้งแต่เมื่อคืน ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคริสตี้ เพราะตลอดเวลาดีนมักจะเป็นแบบนี้ตลอด ยามที่เขาออกไปทำงานนานสุดคือแปดวันกว่าเขาจะกลับมา ดีนเป็นพนักงานรับจ้างก่อสร้างทั่วๆไป บางครั้งเขาก็ไปทำงานต่างเมืองนานหลายวัน แต่เมื่อถึงวันหยุดเขาก็จะกลับมาหาเธอ พาเธอไปกินอาหารดีๆ สักมื้อเมื่อเขาได้รับค่าแรง บางครั้งเขาก็จะมีรองเท้าและเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เธอบ้างแล้วแต่โอกาส สำหรับเธอแล้วดีนแค่ไม่มีกำลังเงินมากมาย แต่กำลังน้ำใจที่เขามีต่อเธอมากมาย เป็นโชคดีของเธอที่ดีนเมตตาและช่วยเหลือเธอไว้
คริสตี้สลัดเรื่องบังเอิญในตอนเช้าทิ้งไป เธอกลับเข้าห้องนอนของ ตัวเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวใหม่ เพราะเธอต้องเข้าไปทำงานเป็นพนักงานขายสินค้าในห้างสรรพสินค้าตั้งแต่บ่ายสองไปถึงสี่ทุ่ม คริสตี้เดินเข้าห้องน้ำโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าในห้องเช่าแห่งนี้ไม่ได้มีเธอเพียงลำพัง เอริค เดินออกมาจากห้องขนาดเล็กไม่ต่างกัน คือห้องนอนของดีน เลอร์นาร์ด ห้องนี้ก็สะอาดแต่ไม่มีกลิ่นหอมเหมือนกับอีกห้องที่ตอนนี้เจ้าของห้องอยู่ในห้องน้ำ เอริคมองห้องนอนของคริสตี้ เตียงขนาดเล็กที่เพียงพอแค่เจ้าของเตียง ผ้าปูที่นอนสีเหลืองสะอาดตาเรียบตึงอย่างสวยงาม เอริคเปิดตู้เสื้อผ้าที่มีเสื้อผ้าแขวนอยู่เพียงไม่กี่ตัว เอริคดึงผ้าพันคอผืนเล็กที่แขวนไว้อยู่หลายผืนติดมือมา และเขาก็ดึงเนคไทของตัวเองออกมาเพื่อการกระทำบางอย่างที่เขาจะจัดการกับหญิงสาวที่กำลังอาบน้ำ
คริสตี้พันตัวด้วยผ้าขนหนูที่ปกปิดร่างกายเธอได้เป็นอย่างดี เธอเดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อไปยังตู้เสื้อผ้า
“อ๊ะ!!!”
“ถ้าไม่อยากตาย อยู่เฉยๆ หุบปากและหลับตาซะ” คริสตี้ เนื้อตัวสั่นเทาเมื่อเธอถูกจู่โจมจากด้านหลัง เธอไม่มีโอกาสได้ร้องขอความช่วยเหลือด้วยซ้ำ เมื่อมือใหญ่โอบรอบคอมาปิดปากเธอและรัดร่างเธอแนบกับแผ่นอกกว้าง
“ทำไม?...อยากจะแกล้งอะไรเขาอีกละ...” “เปล่าสักหน่อย...ยายนั้นมาฟ้องคุณย่าเหรอครับ” “คิดว่าเชือกฟางทำแบบนั้นเหรอ” ไอเดนยิ้มและส่ายหน้า ถึงเขาจะเจอกับเชือกฟางได้ไม่นาน แต่เขารู้ว่าเชือกฟางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน “นะครับคุณย่า” “จะดูแลเขาได้เหรอ?” หนูนาถามกลับทันที “ได้ครับคุณย่า” หนูนายิ้มให้กับหลานชาย หนูนามองเข้าไปในดวงตาของไอเดน เธอรู้ว่าไอเดนคิดยังไง และเมื่อไอเดนกล้ามาคุยกับเธอ นั้นก็แสดงให้เธอรู้ว่า ไอเดนคิดยังไงโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย “คุณปู่และย่าภูมิใจในตัวหลาน
“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่... “เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน “เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว” “ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่ “ทำไมไม่ได้” &ldq
“อุ้ย!” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอพยายามจะปิดประตูแต่ฝ่ามือของเอริคก็ดันมันไว้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนเธอต้านแรงของเขาไม่ได้ “คุณมาที่นี่ทำไม...” คริสตี้เอ่ยถามด้วยเสียงที่เธอคิดว่าดังมากแล้ว“เป็นอะไรเหรอเปล่า?” เอริคกลับตอบคำถามของเธอด้วยการตั้งคำถามกลับ เพราะคริสตี้ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด “ออกไปนะ!” คริสตี้ไม่สนใจฟังและไม่สนใจใบหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างชัดเจนถ้าเธอจะสังเกตุ และมองใบหน้าของคนตรงหน้าตรงๆ “กินอะไรเหรอยัง?” เอริคหลี่ตามองและตั้งคำถามอีกครั้ง ไม่สนใจคำไล่ของเธอ “ออกไปนะ!...” คริสตี้อ่อนแรง อ่อนเพลีย เธอเหมือนจะเป็นลม และเธอก็เจ็บปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอคงกำลังจะไม่สบาย “อ๊ะ!” เอริคขยับรับร่างที่กำลังจะล้มหมดสติได้ทัน 
เฮเลนที่ลอบมองจากหน้าต่าง ล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และกดโทร.ออกทันทีเมื่อเจ้านายขับรถออกไป “คุณมุก...เรื่องน่าจะเลยเถิดไปมากกว่าที่คุณอลันคาดไว้แล้วล่ะคะ” เฮเลนเอ่ยบอกปลายสายทันที เมื่อได้รับเสียงตอบรับมา “เอริค ทำอะไรเหรอคะ?” ปิ่นมุกถามกลับทันที ในขณะที่เธอและ อลันอยู่ที่ญี่ปุ่น “ป้าคิดว่า คุณเอริคมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นลูกบุญธรรมของดีน เลอนาร์ด...และตอนนี้คุณเอริคก็ออกจากบ้านไปตามลำพังแล้วค่ะ” “ตายจริง!...ขอบคุณนะคะเฮเลน คนที่ก่อเรื่องต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พี่อลันทำเกินไปแล้ว...มุกฝากเฮเลนช่วยดูแลเธอคนนั้นหน่อยนะคะ... คริสตี้เป็นเด็กดี...มุกได้แต่หวังว่าเอริคจะรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป...แต่ตอนนี้มุกต้องไปจัดการคนที่สร้า
“คริสตี้ ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอให้ดี...” เอริคพูดพร้อมกับที่เขาจัดการตัวเองโดยการเอาเกราะป้องกันที่ยังคงมีคราบเลือดพรหมจรรย์ของเธอติดอยู่ให้เห็นจางๆออกไป “เธอต้องกลับไปบอกพ่อของเธอว่า วันนี้เธอมาทำหน้าที่ของเธอที่บ้านของฉัน และมันยังไม่เรียบร้อย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีก...” เอริคแต่งตัวไปพร้อมๆ กับพูดในสิ่งที่คริสตี้ต้องทำ เขาหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้นและวางบนลงเตียง “...แต่งตัวซะ” เอริคสั่งการทันที เมื่อคริสตี้ยังไม่ขยับ แต่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด คริสตี้ขยับร่างกายที่บอบบางและอ่อนล้านั้นทันทีเท่าที่เธอจะสามารถขยับได้เร็วพอแบบที่ไม่ต้องเจ็บปวดมาก เสียงพูดของเขายังดังต่อไป โดยที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอเลย คริสตี้รีบแต่งตัวตามคำสั่งนั้น เธอไม่มีคำถามต่อคำสั่งนั้น แต่... “ฉันยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ?” คริสตี้ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ&
สองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’ “อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบร







