เข้าสู่ระบบ“อย่าคิดมากเลยคริสตี้ งานนี้ทำให้เรามีรายได้มากกว่าที่ลูกต้องไปรับจ้างทำงานรวมถึงพ่อด้วย” คริสตี้ทำหน้าเศร้าเมื่อได้ยินดีนพูดแบบนี้ จริงอยู่ที่ช่วงสัปดาห์หลังมานี้ พ่อมักมีของดีๆมาให้เธอได้กิน แต่เธอไม่อยากทำงานนี้เลย เธอขอไปรับจ้างทำงานตามร้านอาหารค่าแรงต่ำดีเสียกว่า เพราะงานแบบนั้นทำให้เธอสบายใจและรู้สึกปลอดภัยแม้จะเหนื่อยกายก็ตามที แต่กลางคืนเธอนอนหลับได้อย่างสบาย แบบนี้ดีกว่าสำหรับเธอ
“พ่อ เรากำลังทำอะไรอยู่กันแน่คะ?...บอกตามตรงเลยนะคะว่าหนูกลัวจริงๆนะคะ” ดีนเงยหน้ามองคริสตี้ และลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะออกไปส่งของให้กับคนที่ว่าจ้างเขา
“ไม่มีอะไรที่น่ากลัวเลย คนอย่างเอริคห่างไกลจากเรามาก เขาไม่มาสนใจและคาดไม่ถึงในสิ่งที่คริสตี้ทำเพราะลูกไม่ได้ทำอะไรเลย เราแค่ถ่ายภาพห้องทำงานเขามาก็เท่านั้น” คริสตี้ทำหน้าเหมือนคนอยากร้องไห้ ถึงแม้เธอจะทำเพียงแค่นั้น แต่ช่วงเวลาที่เธอทำแค่นั้นตามคำพูดของพ่อ เธออยากจะบอกพ่อของเธอเหลือเกินว่า เธอรู้สึกถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลาในห้องนั้น ห้องทำงานของเอริคใหญ่กว่าที่เธอคาดไว้ จะว่าไปห้องทำงานของเขามีพื้นที่ใหญ่กว่าห้องเช่าเก่าๆ ที่เธอและพ่ออาศัยอยู่ตอนนี้เสียอีก
คริสตี้มองตามหลังดีนที่เดินออกไปจากห้องเช่าพร้อมโทรศัพท์เครื่องนั้นที่ไม่ใช่ของเธอตั้งแต่แรก มันเป็นอุปกรณ์ที่ผู้ว่าจ้างมอบมันมาให้พ่อของเธอและบอกสิ่งที่ต้องทำ คริสตี้นั่งลงอย่างหมดเรี่ยวแรง เพราะไม่ใช่ง่ายๆ ที่เด็กพาร์ทไทม์อย่างเธอจะได้รับโอกาสในการเข้าไปทำความสะอาดในห้องของประธานซาวันเดอร์กรุ๊ป เธอคงไม่มีทางเดินเข้าไปและบอกหัวหน้าว่าเธอขอเข้าไปทำความสะอาดห้องนั้นเป็นแน่ เธอใช้เวลากว่าห้าวันมองหาโอกาสและช่องทางที่จะได้รับคำสั่งให้เข้าไปทำความสะอาดในห้องนั้น เธอต้องแอบวางยาคู่หูการทำงานของเธอ เพราะห้องนั้นต้องใช้คนสองคนทำ เพราะเวลาอันสั้นที่ถูกกำหนดไว้ในการทำความสะอาดห้องนั้น
“คริสตี้ ขอโทษนะ” ลินซี่คู่หูในการทำความสะอาดเอ่ยกับคริสตี้ หลังจากเธอรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนหลังมื้อเที่ยง เมื่อทั้งสองต้องเข้าไปทำความสะอาดห้องนั้น
“ไม่เป็นไรจ๊ะ ลินซี่อย่ากังวลไปเลย เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้ หนูทำได้ค่ะ” คริสตี้บอกกับลินซี่ที่อายุมากกว่าเธอหลายปี ลินซี่ที่มักจะได้รับหน้าที่นี่บ่อยครั้งและนั่นทำให้คริสตี้เลือกเข้ามาตีสนิทกับเธอ เพื่อเธอจะได้รับโอกาสที่พระเจ้าก็ช่างเข้าข้างเธอ เมื่อเธอใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็สามารถเข้าถึงหน้าที่นี้ นั่นอาจเพราะนิสัยของเธอที่ต้องขยันมากกว่าคนอื่นๆ เพราะเธอไม่ได้เรียนต่อเธอจึงรับจ้างทำงานหลายที่เพื่อปากท้องของพ่อและเธอ ที่ไม่ต้องการไปใช้ชีวิตอยู่ข้างถนน
คริสตี้ที่ใบหน้ายัังเศร้าไร้ซึ่งความสุขและเธอรู้สึกว่าหลังจากนี้ไปชีวิตของเธอน่าจะต้องเจอเรื่องที่แสนลำบากกว่าที่เธอเคยเจอมาหลายเท่า ร่างผอมบางตามวัยที่ค่อนข้างจะผอมกว่าปกติสักหน่อย เดินเข้าห้องนอนของตน ที่เธอผลักประตูเข้ามาก็เจอเตียงนอนขนาดเล็กกับตู้เสื้อผ้าเล็กๆ แต่ที่เธอชอบห้องนอนนี้คือเธอมีห้องน้ำส่วนตัว และภายในห้องของเธอเข้าของที่มีน้อยชิ้นถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ คริสตี้มองเงาสะท้อนตัวเองในกระจก เธอไม่รู้ว่าพ่อแม่เธอเป็นใคร เธอถูกเก็บมาเลี้ยงเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นเธออายุเก้าขวบตอนที่ดีนเจอเธอที่ข้างถนน เขาให้เธอได้เรียนหนังสืออยู่หลายปี แต่เขาไม่มีเงินมากพอในการส่งให้เธอเรียนต่อในระดับที่สูงกว่าเกรดสิบสอง(มัธยมศึกษาปีหก)เธอเข้าใจและยินดีที่จะมีการศึกษาเพียงแค่นั้น และออกมาทำงานหาเงินช่วยดีนอีกแรง ในการที่เขาต้องรับภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่าง รวมถึงค่าเช่าห้องนี้ด้วย
คริสตี้หวังว่าวันจันทร์ที่จะมาถึงในอีกสองวันข้างหน้า เธอไม่ต้องเข้าไปที่นั่นอีกแล้ว หลังจากที่พ่อบุญธรรมของเธอกลับมาและบอกว่างานของพวกเธอจบลงแล้ว
คริสตี้ที่นอนมองเพดานอยู่ขณะนี้เธอไม่อาจรู้เลยว่าที่ริมถนนหน้าตึกห้องเช่าเธอมีรถบีเอ็มดับบลิวสีเข้มจอดนิ่งอยู่
“เด็กคนนั้นพักที่นี่ครับ” เอริคพยักหน้ารับรู้และบอกให้เดธออกรถไป เพราะคืนนี้เขาแค่ต้องการมาเห็นที่พักของคริสตี้เท่านั้น และเชื่อเถอะ! ว่าคริสตี้กับเขาต้องได้เจอกันอย่างบังเอิญแบบที่แผนได้ถูกวางไว้
เอริค ซาวันเดอร์ & คริสตี้ เลอนาร์ด
‘เช้าวันเสาร์ ที่เหมือนกับทุกเสาร์ของคริสตี้’
กริ๊งงงงงงง คริสตี้หยิบสมุดจดพร้อมปากกาเพื่อเดินเข้าไปรับออร์เดอร์ เมื่อเสียงกริ่งประตูแจ้งเตือนให้รู้ว่ามีลูกค้า
“สวัสดียามเช้าค่ะ...เช้านี้รับอะ...ไร...ดีคะ!!!” คริสตี้ที่กล่าวทักทายลูกค้าที่นั่งที่โต๊ะว่างแล้ว เมื่อเธอละสายตาจากสมุดสำหรับจด มองหน้าลูกค้า คริสตี้กลายเป็นคนติดอ่างทันที เมื่อเช้าวันเสาร์ในร้านอาหารของคนรายได้ระดับต่ำจนถัดขึ้นไปถึงระดับกลางจะเข้ามาใช้บริการ แต่ลูกค้าใหม่ตรงหน้าเธอหนึ่งในสองเขาคือเอริค ซาวันเดอร์ ที่มองหน้าเธอพร้อม รอยยิ้มเล็กๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความเย้ยหยัน
“ทำไม?...อยากจะแกล้งอะไรเขาอีกละ...” “เปล่าสักหน่อย...ยายนั้นมาฟ้องคุณย่าเหรอครับ” “คิดว่าเชือกฟางทำแบบนั้นเหรอ” ไอเดนยิ้มและส่ายหน้า ถึงเขาจะเจอกับเชือกฟางได้ไม่นาน แต่เขารู้ว่าเชือกฟางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน “นะครับคุณย่า” “จะดูแลเขาได้เหรอ?” หนูนาถามกลับทันที “ได้ครับคุณย่า” หนูนายิ้มให้กับหลานชาย หนูนามองเข้าไปในดวงตาของไอเดน เธอรู้ว่าไอเดนคิดยังไง และเมื่อไอเดนกล้ามาคุยกับเธอ นั้นก็แสดงให้เธอรู้ว่า ไอเดนคิดยังไงโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย “คุณปู่และย่าภูมิใจในตัวหลาน
“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่... “เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน “เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว” “ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่ “ทำไมไม่ได้” &ldq
“อุ้ย!” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอพยายามจะปิดประตูแต่ฝ่ามือของเอริคก็ดันมันไว้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนเธอต้านแรงของเขาไม่ได้ “คุณมาที่นี่ทำไม...” คริสตี้เอ่ยถามด้วยเสียงที่เธอคิดว่าดังมากแล้ว“เป็นอะไรเหรอเปล่า?” เอริคกลับตอบคำถามของเธอด้วยการตั้งคำถามกลับ เพราะคริสตี้ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด “ออกไปนะ!” คริสตี้ไม่สนใจฟังและไม่สนใจใบหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างชัดเจนถ้าเธอจะสังเกตุ และมองใบหน้าของคนตรงหน้าตรงๆ “กินอะไรเหรอยัง?” เอริคหลี่ตามองและตั้งคำถามอีกครั้ง ไม่สนใจคำไล่ของเธอ “ออกไปนะ!...” คริสตี้อ่อนแรง อ่อนเพลีย เธอเหมือนจะเป็นลม และเธอก็เจ็บปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอคงกำลังจะไม่สบาย “อ๊ะ!” เอริคขยับรับร่างที่กำลังจะล้มหมดสติได้ทัน 
เฮเลนที่ลอบมองจากหน้าต่าง ล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และกดโทร.ออกทันทีเมื่อเจ้านายขับรถออกไป “คุณมุก...เรื่องน่าจะเลยเถิดไปมากกว่าที่คุณอลันคาดไว้แล้วล่ะคะ” เฮเลนเอ่ยบอกปลายสายทันที เมื่อได้รับเสียงตอบรับมา “เอริค ทำอะไรเหรอคะ?” ปิ่นมุกถามกลับทันที ในขณะที่เธอและ อลันอยู่ที่ญี่ปุ่น “ป้าคิดว่า คุณเอริคมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นลูกบุญธรรมของดีน เลอนาร์ด...และตอนนี้คุณเอริคก็ออกจากบ้านไปตามลำพังแล้วค่ะ” “ตายจริง!...ขอบคุณนะคะเฮเลน คนที่ก่อเรื่องต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พี่อลันทำเกินไปแล้ว...มุกฝากเฮเลนช่วยดูแลเธอคนนั้นหน่อยนะคะ... คริสตี้เป็นเด็กดี...มุกได้แต่หวังว่าเอริคจะรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป...แต่ตอนนี้มุกต้องไปจัดการคนที่สร้า
“คริสตี้ ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอให้ดี...” เอริคพูดพร้อมกับที่เขาจัดการตัวเองโดยการเอาเกราะป้องกันที่ยังคงมีคราบเลือดพรหมจรรย์ของเธอติดอยู่ให้เห็นจางๆออกไป “เธอต้องกลับไปบอกพ่อของเธอว่า วันนี้เธอมาทำหน้าที่ของเธอที่บ้านของฉัน และมันยังไม่เรียบร้อย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีก...” เอริคแต่งตัวไปพร้อมๆ กับพูดในสิ่งที่คริสตี้ต้องทำ เขาหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้นและวางบนลงเตียง “...แต่งตัวซะ” เอริคสั่งการทันที เมื่อคริสตี้ยังไม่ขยับ แต่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด คริสตี้ขยับร่างกายที่บอบบางและอ่อนล้านั้นทันทีเท่าที่เธอจะสามารถขยับได้เร็วพอแบบที่ไม่ต้องเจ็บปวดมาก เสียงพูดของเขายังดังต่อไป โดยที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอเลย คริสตี้รีบแต่งตัวตามคำสั่งนั้น เธอไม่มีคำถามต่อคำสั่งนั้น แต่... “ฉันยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ?” คริสตี้ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ&
สองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’ “อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบร







