LOGIN“โนอาห์...แปลกใจที่เห็นนายอยู่วันนี้” อนาสตาเซียเอ่ยเมื่อเห็นน้องชายคลานตามกันมา เพราะโนอาห์วัยยี่สิบเอ็ดปีในวันศุกร์ที่บ้านก่อนเวลาเที่ยงคืน เป็นอะไรที่เป็นไปได้ยากมาก
“พ่อเรียกตัวนะ...พึ่งจะวางสายไปไม่นาน” โนอาห์เอ่ยบอกพี่สาว เพราะทั้งโนอาห์และอนาสตาเซียต่างก็ได้สิทธิในการใช้ชีวิตตามวัย แต่ โนอาห์ค่อนข้างมีอิสระมากกว่าเพราะเขาเป็นผู้ชาย ซึ่งโนอาห์นอกจากไปเรียนแล้วเขาจะมี ‘โทเบอร์’ คนสนิทคอยติดตามไปด้วย
“งั้นพี่ขอตัวไปนอนก่อนนะ...” อนาสตาเซียเขย่งเท้า ‘จุ๊บ’ แก้มทั้ง เอ็ดเวิร์ดและโนอาห์เป็นการ GoodNightKiss ตามปกติ และวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นสองที่มีห้องนอนสองห้องคือของเธอกับโนอาห์ ส่วนของเอ็ดเวิร์ดจะอยู่ชั้นล่าง
“เกิดอะไรขึ้น?” โนอาห์เอ่ยถามเอ็ดเวิร์ดทันทีเมื่ออนาสตาเซียขึ้นไปชั้นสองแล้ว
“แอนนี่น่าจะมีบางอย่างปิดบัง...” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยและบอกรายละเอียดที่ได้ฟังจากอนาสตาเซียให้โนอาห์ฟัง
“…น่าสงสัยจริงๆด้วย...” โนอาห์เอ่ยออกมาหลังจากที่ได้ฟังแล้ว
“พอมีสาวๆ...ที่พอไว้ใจได้บ้างมั้ย?” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยถามโนอาห์ และได้รับรอยยิ้มเป็นคำตอบ ใครจะคิดว่าโนอาห์หนุ่มน้อยหน้าหวานที่ดูใสๆ สไตล์เกาหลีแต่เขาเสียบริสุทธิ์ไปตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว(วัยสิบแปด) เท่านั้น
โนอาห์เข้าใจเอ็ดเวิร์ดทันที เพราะพี่สาวเขาเป็นพวกความรู้สึกไวในเรื่องการถูกจับตามอง ให้พวกมืออาชีพทำคงโดนพี่สาวเขาจับได้แน่นอนต้องเป็นสาวๆอย่างที่เอ็ดเวิร์ดว่า...เพราะวิธีนี้เอ็ดเวิร์ดกับโนอาห์ใช้กับ อนาสตาเซียมาโดยตลอดจนถึงตอนนี้ อนาสตาเซียก็ยังไม่รู้ว่าพวกเขาใช้วิธีไหนสืบเรื่องของเธอยามที่เธอมีเพื่อนชาย ‘หลงใหล’ ในตัวเธอ ที่พวกเขาที่ถูกตั้งตนเป็นขุนพลพิทักษ์นางฟ้า ซึ่งไม่ต้องการให้ใครเข้าใกล้นางฟ้ามาเฟีย อนาสตาเซีย เบนเน็ต คำนำหน้าชื่อของเธอผู้นี้
“พ่อฝากบอกว่า...เหมือนแม่คิดถึงพี่นะ” โนอาห์บอกเอ็ดเวิร์ด
“คิดถึงคุณแม่เหมือนกัน...แต่พอดูนาฬิกาก็ดึกเกินไป...” เอ็ดเวิร์ดมีหน้าที่ควบคุมกิจการของอดัมในส่วนที่อยู่ในนิวยอร์ก และที่มอสโควซึ่งพึ่งได้รับหน้าที่เพิ่มมาเมื่อไม่นานมานี้ จึงทำให้เวลาว่างของเขาน้อยลง เพราะไม่ว่าเอ็ดเวิร์ดจะยุ่งมากเพียงใด แต่เรื่องการดูแลอนาสตาเซียที่เขาทำมาโดยตลอดยี่สิบปียังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“พยายามหน่อยนะครับ...งานมันไม่หนีไปไหนหรอกครับ”เอ็ดเวิร์ดยิ้มให้กับโนอาห์ที่ขอตัวเช่นกัน
ลูส ลูเธอร์
ในคืนเดียวกันทางด้านลูส ที่กลับมายังคอนโดที่พักส่วนตัว รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าของลูสตลอดเวลา ในขณะที่กำลังแช่ตัวในอ่างอาบน้ำ โดยที่ในมือถือรูปของ อนาสตาเซีย เบนเน็ต
“นายแน่ใจเหรอครับ?...ไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับคนตระกูลนี้...แปลกนะครับ ทั้งๆที่พวกเขาไม่มีประวัติเสียหายในทางไม่ดีมากกว่าห้าสิบปี...แต่กลับเป็นที่เกรงกลัวและเกรงใจ ของคนที่รู้จักพวกเขา...ไม่มีใครอยากเป็นศัตรูกับคนตระกูลนี้” ลูสย้อนคิดคำพูดของครูก้า เพราะเขาเองไม่ใว่าจะไม่รู้กิตติศักดิ์เหล่าขุนพลของตระกูลนี้ เขาแค่ไม่เคยสนใจมาก่อน แต่เพียงได้เห็นอนาสตาเซียครั้งแรก...เขาคงต้องเข้าถ้ำเสือเพื่อหวังลูกเสือที่ไม่ทิ้งลายความเป็นเสือสาวไว้เลยเสียแล้ว เพราะภาพการต่อสู้ของเธอยังฝังอยู่ในความทรงจำของเขามากพอๆ กับความสดใสแต่ไม่ไร้สมองของเธอ แต่เธอไร้เดียงสาในความรักอย่างเห็นได้ชัด
“ก็อก ก็อก...คุณอา” ลูสกลับเข้าสู่ห้วงปัจจุบัน เมื่อเสียงเมแกนหลานสาววัยสิบเก้าเคาะเรียกอยู่หน้าห้องน้ำ
“เมแกน...” ลูสที่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำเดินออกมาจากห้องน้ำ
“คุณอาเป็นยังไงบ้าง?”เมแกนเอ่ยถามเรื่องที่ลูสถูกลอบดักทำร้าย
“อาไม่เป็นไร...ว่าแต่เราเถอะมาหาอาค่ำมืดดึกดื่นแบบนี้ คิดว่าคนอย่างอา จะเป็นไรไปง่ายๆเหรอ”ลูสพูดพร้อมกับกุมศีรษะเล็กของหลานสาว
“อารู้มั้ยคะว่าเป็นพวกไหน?”
“อื้ม...อาไม่อยากให้เมแกนมาที่นี่บ่อยๆเข้าใจมั้ย...อาไม่อยากให้ศัตรูของเรารู้ว่าเราเป็นอาหลานกัน...เมแกนจะไม่ปลอดภัย”
“ไม่รู้แน่นอน...อาดูสิ” เมแกนพูดพร้อมกับหมุนตัว เพราะเธอแต่งตัวเป็นเด็กหนุ่มที่มีหมวกเก็บผมยาวไว้
“เรานี้น่า!...ดื้อเป็นที่หนึ่งเลย...”
“อา!…คืนนี้เมแกนนอนที่นี่นะ...พรุ่งนี้อาอยากทานอะไรเดี๋ยวเชฟมือหนึ่งจัดเต็ม...”
“ก็ต้องแบบนั้น...ดึกแล้วอาไม่ให้กลับ...อะไรก็ได้...แต่พรุ่งนี้เราต้องกลับเข้าใจมั้ย” เมแกนยิ้มพร้อมทำความเคารพแบบที่ทหารเขาใช้กับผู้บังคับบัญชา
“ทำไม?...อยากจะแกล้งอะไรเขาอีกละ...” “เปล่าสักหน่อย...ยายนั้นมาฟ้องคุณย่าเหรอครับ” “คิดว่าเชือกฟางทำแบบนั้นเหรอ” ไอเดนยิ้มและส่ายหน้า ถึงเขาจะเจอกับเชือกฟางได้ไม่นาน แต่เขารู้ว่าเชือกฟางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน “นะครับคุณย่า” “จะดูแลเขาได้เหรอ?” หนูนาถามกลับทันที “ได้ครับคุณย่า” หนูนายิ้มให้กับหลานชาย หนูนามองเข้าไปในดวงตาของไอเดน เธอรู้ว่าไอเดนคิดยังไง และเมื่อไอเดนกล้ามาคุยกับเธอ นั้นก็แสดงให้เธอรู้ว่า ไอเดนคิดยังไงโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย “คุณปู่และย่าภูมิใจในตัวหลาน
“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่... “เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน “เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว” “ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่ “ทำไมไม่ได้” &ldq
“อุ้ย!” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอพยายามจะปิดประตูแต่ฝ่ามือของเอริคก็ดันมันไว้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนเธอต้านแรงของเขาไม่ได้ “คุณมาที่นี่ทำไม...” คริสตี้เอ่ยถามด้วยเสียงที่เธอคิดว่าดังมากแล้ว“เป็นอะไรเหรอเปล่า?” เอริคกลับตอบคำถามของเธอด้วยการตั้งคำถามกลับ เพราะคริสตี้ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด “ออกไปนะ!” คริสตี้ไม่สนใจฟังและไม่สนใจใบหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างชัดเจนถ้าเธอจะสังเกตุ และมองใบหน้าของคนตรงหน้าตรงๆ “กินอะไรเหรอยัง?” เอริคหลี่ตามองและตั้งคำถามอีกครั้ง ไม่สนใจคำไล่ของเธอ “ออกไปนะ!...” คริสตี้อ่อนแรง อ่อนเพลีย เธอเหมือนจะเป็นลม และเธอก็เจ็บปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอคงกำลังจะไม่สบาย “อ๊ะ!” เอริคขยับรับร่างที่กำลังจะล้มหมดสติได้ทัน 
เฮเลนที่ลอบมองจากหน้าต่าง ล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และกดโทร.ออกทันทีเมื่อเจ้านายขับรถออกไป “คุณมุก...เรื่องน่าจะเลยเถิดไปมากกว่าที่คุณอลันคาดไว้แล้วล่ะคะ” เฮเลนเอ่ยบอกปลายสายทันที เมื่อได้รับเสียงตอบรับมา “เอริค ทำอะไรเหรอคะ?” ปิ่นมุกถามกลับทันที ในขณะที่เธอและ อลันอยู่ที่ญี่ปุ่น “ป้าคิดว่า คุณเอริคมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นลูกบุญธรรมของดีน เลอนาร์ด...และตอนนี้คุณเอริคก็ออกจากบ้านไปตามลำพังแล้วค่ะ” “ตายจริง!...ขอบคุณนะคะเฮเลน คนที่ก่อเรื่องต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พี่อลันทำเกินไปแล้ว...มุกฝากเฮเลนช่วยดูแลเธอคนนั้นหน่อยนะคะ... คริสตี้เป็นเด็กดี...มุกได้แต่หวังว่าเอริคจะรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป...แต่ตอนนี้มุกต้องไปจัดการคนที่สร้า
“คริสตี้ ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอให้ดี...” เอริคพูดพร้อมกับที่เขาจัดการตัวเองโดยการเอาเกราะป้องกันที่ยังคงมีคราบเลือดพรหมจรรย์ของเธอติดอยู่ให้เห็นจางๆออกไป “เธอต้องกลับไปบอกพ่อของเธอว่า วันนี้เธอมาทำหน้าที่ของเธอที่บ้านของฉัน และมันยังไม่เรียบร้อย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีก...” เอริคแต่งตัวไปพร้อมๆ กับพูดในสิ่งที่คริสตี้ต้องทำ เขาหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้นและวางบนลงเตียง “...แต่งตัวซะ” เอริคสั่งการทันที เมื่อคริสตี้ยังไม่ขยับ แต่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด คริสตี้ขยับร่างกายที่บอบบางและอ่อนล้านั้นทันทีเท่าที่เธอจะสามารถขยับได้เร็วพอแบบที่ไม่ต้องเจ็บปวดมาก เสียงพูดของเขายังดังต่อไป โดยที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอเลย คริสตี้รีบแต่งตัวตามคำสั่งนั้น เธอไม่มีคำถามต่อคำสั่งนั้น แต่... “ฉันยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ?” คริสตี้ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ&
สองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’ “อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบร