LOGIN“ได้ครับ” ลูสยิ้มให้กับเมแกนที่เป็นญาติเพียงคนเดียวของเขา ที่เขากลับไปรับเธอมาจากเมืองดับลินแห่งสาธารณรัฐไอร์แลนด์เมื่อหลายปีก่อนเมื่อพี่ชายเขาเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ที่ถูกสร้างสถานการณ์ว่าเกิดการปล้นบ้าน พี่ชายของเขาหรือพ่อของเมแกนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความตรงไปตรงมา ลูสไม่เชื่อว่าจะเป็นการปล้นธรรมดา แต่คนที่รู้เรื่องดีที่สุดก็คือหลานสาวเขาคนนี้ที่ดูภายนอกเธอจะเข้มแข็ง สดใส ร่าเริง แต่เมื่อไหร่ที่ถามถึงพ่อของเธอ เมแกนจะเปลี่ยนเป็นอีกคนทันทีแบบหน้ามือเป็นหลังมือ และนั่นทำให้ลูสเชื่อว่าเมแกนเห็นคนที่ฆ่าพ่อของเธอ และเธอพยายามจะปิดกั้นความทรงจำภาพเหล่านั้น เพราะความทรงจำนั้นทำให้เธอร้องไห้แบบหยุดไม่ได้...สำหรับเมแกนแล้วลูสจึงเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เธอมีอยู่และดูจากความกังวลเมื่อเธอรู้ว่าเขาถูกลอบทำร้าย เป็นการบ่งบอกเขาอ้อมๆ ว่า เธอเมแกน ลูเธอร์ ไม่แข็งแรงและเข้มแข็งมากพอที่จะทนรับกับเรื่องที่ต้องสูญเสียใครไปอีกแล้ว
“กินอะไรมาเหรอยัง...ถ้างั้นไปนอนได้แล้ว” ลูสเอ่ยถามเมื่อได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าก็ออกคำสั่งต่อทันที
“ฝันดีนะคะคุณอา” เมแกน ‘จุ๊บ’ แก้มลูสเบาๆ และขอตัวไปนอน ด้วยใบหน้าความโล่งใจและดีใจอย่างมาก
‘เวลาปัจจุบัน’
ลูส ลูเธอร์ที่เงยหน้าขึ้นมาหลังจากเสียงประตูปิดลงอีกครั้ง และแน่ใจว่าในห้องแห่งนี้ที่ตัวเองถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่อยู่เพียงลำพัง เขาย้อนคิดไปเมื่อสามสิบหกชั่วโมงก่อน ที่เขาได้รับข้อความจากอนาสตาเซีย
“รออยู่ที่ร้าน XXX...” ร้านอาหารที่ถัดจากโรงละครที่อนาสตาเซียเป็นนักแสดงอยู่ ห่างไปอีกสองบล็อค ร้านเล็กๆ ที่ตอนนั้นเขาคิดว่าข้อความนั้นมาจากอนาสตาเซียจริงๆไม่ได้คิดเอ๊ะ!ใจ ว่าเป็นการแฮกเข้าระบบจาก อดัม เบนเน็ต พ่อของเธอนั่นเอง
ลูส มักจะอยู่ตามลำพังเหมือนคนธรรมดาทั่วไป แต่คนอย่างลูสไม่ง่ายที่จะไปปรากฎตัวตามสถานที่ต่างๆ ลูสเป็นคนระมัดระวังตัวเองตลอดเวลา แต่...ตั้งแต่ที่เขาได้เจอกับอนาสตาเซียคืนนั้น ความสนใจที่เขามีให้ อนาสตาเซียแน่นอนไม่ใช่แค่สนใจ รวมถึงความประทับใจในตัวเธออย่างมาก ทำให้ลูสเปลี่ยนวิถีของตัวเองไปทันที เพราะอนาสตาเซียไม่ใช่แค่ น่ามองน่ารักเพียงหน้าตาของเธอ เธอมีเสน่ห์ในแบบของเธอที่ดึงดูดสายตาและหัวใจของเขาได้อย่างรวดเร็ว
ลูส เข้าชมการแสดงที่อนาสตาเซียร่วมแสดงด้วย เดอะมิวสิคัล (The Musical) ละครเวทีในรูปแบบละครเพลง ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสนใจ แต่เพราะอนาสตาเซีย ลูสให้คนของเขาเหมาการแสดงหนึ่งรอบที่มีเพียงคนไม่กี่คนได้ดูซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเขา ลูสจ่ายเงินก้อนใหญ่สำหรับรอบการแสดงพิเศษและแน่นอนต้องใหญ่มากๆ เพราะบรอดเวย์ (Broadway) ในนิวยอร์กไม่เล็กเลย
“อนาสตาเซีย เบนเน็ต...เราเจอกันอีกครั้งแล้วนะครับ”
“…ใช่!…เพราะเป็นความตั้งใจของคุณ...และฉันไม่แปลกใจที่คุณรู้จักชื่อฉันจนได้” ลูส ยิ้มออกมา
“ชื่อของคุณอยู่ในบอร์ดนักแสดง”
“ฉันดีใจที่คุณรู้จักฉันจากบอร์ดนักแสดงไม่ใช่ด้วยวิธีแบบอื่น”
“เราเป็นเพื่อนกันได้มั้ย?” ลูส เลี่ยงที่จะตอกย้ำในเรื่องชื่อ
“คุณไม่มีเพื่อนเหรอ?” ลูส ต้องยิ้มออกมาอีกครั้ง
“แล้วถ้าผมตอบว่าใช่ คุณจะกรุณาผมได้มั้ย?” อนาสตาเซียคิ้วขมวด ขณะเดียวกันกระเป๋าสะพายใบเล็กของเธอสั่นเมื่อโทรศัพท์ของเธอเตือนว่ามีสายเข้า มือเล็กเปิดกระเป๋าและหยิบออกมาดู ‘เอ็ดเวิร์ด’
“ฉันต้องกลับแล้ว...ลาก่อนนะคะ ลูส ลูเธอร์ และทางที่ดีเราอย่าเจอกันอีกเลย” อนาสตาเซียพูดจบและพยายามที่จะเดินออกไป เพราะ เอ็ดเวิร์ดมารับเธอแล้ว
“เชิญครับ...แต่ประโยคหลังผมอยากให้คุณลองทบทวนดูอีกครั้ง และดีใจมากที่คุณไม่ลืมผม” ลูส หลบทางให้เธอด้วยรอยยิ้มที่เขาไม่ปฎิเสธว่าแฝงและผสมเสน่ห์ในตัวเขาไปกับรอยยิ้มนั้นด้วย
ลูส มองตามหลังอนาสตาเซียที่เดินไปตามทางออกโรงละคร ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม เพราะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอนที่เขาจะได้เจอกับเธอ นางฟ้าในวงล้อมมาเฟีย
ลูส ลูเธอร์ & อนาสตาเซีย เบนเน็ต
“เอ็ดเวิร์ด...” อนาสตาเซียเคาะและเอ่ยเรียกเอ็ดเวิร์ดที่อยู่หลังพวงมาลัยรถสีดำที่จอดอยู่
“วันนี้เป็นไงบ้าง?” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยถาม เมื่ออนาสตาเซียเข้ามานั่งในรถเคียงข้างเขา
“…ดีนะ!…แต่วันพรุ่งนี้ต้องดีกว่าแน่นอน...เพราะเอ็ดเวิร์ดและ โนอาห์จะมาดูด้วย” เอ็ดเวิร์ดยิ้มให้อนาสตาเซีย เพราะมีเซอร์ไพรส์ที่เธอยังไม่รู้ว่าท่านอดัมกับคุณแม่ก็จะมาชมการแสดงของเธอด้วย ถึงแม้จะไม่ใช่รอบการแสดงแรกก็ตาม แต่ละครเวทีนี้เป็นเรื่องที่สองของอนาสตาเซียที่เธอได้รับคัดเลือกให้แสดงอีกครั้งอย่างเต็มตัว ในฐานะนักแสดงนำฝ่ายหญิง
“ทำไม?...อยากจะแกล้งอะไรเขาอีกละ...” “เปล่าสักหน่อย...ยายนั้นมาฟ้องคุณย่าเหรอครับ” “คิดว่าเชือกฟางทำแบบนั้นเหรอ” ไอเดนยิ้มและส่ายหน้า ถึงเขาจะเจอกับเชือกฟางได้ไม่นาน แต่เขารู้ว่าเชือกฟางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน “นะครับคุณย่า” “จะดูแลเขาได้เหรอ?” หนูนาถามกลับทันที “ได้ครับคุณย่า” หนูนายิ้มให้กับหลานชาย หนูนามองเข้าไปในดวงตาของไอเดน เธอรู้ว่าไอเดนคิดยังไง และเมื่อไอเดนกล้ามาคุยกับเธอ นั้นก็แสดงให้เธอรู้ว่า ไอเดนคิดยังไงโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย “คุณปู่และย่าภูมิใจในตัวหลาน
“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่... “เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน “เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว” “ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่ “ทำไมไม่ได้” &ldq
“อุ้ย!” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอพยายามจะปิดประตูแต่ฝ่ามือของเอริคก็ดันมันไว้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนเธอต้านแรงของเขาไม่ได้ “คุณมาที่นี่ทำไม...” คริสตี้เอ่ยถามด้วยเสียงที่เธอคิดว่าดังมากแล้ว“เป็นอะไรเหรอเปล่า?” เอริคกลับตอบคำถามของเธอด้วยการตั้งคำถามกลับ เพราะคริสตี้ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด “ออกไปนะ!” คริสตี้ไม่สนใจฟังและไม่สนใจใบหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างชัดเจนถ้าเธอจะสังเกตุ และมองใบหน้าของคนตรงหน้าตรงๆ “กินอะไรเหรอยัง?” เอริคหลี่ตามองและตั้งคำถามอีกครั้ง ไม่สนใจคำไล่ของเธอ “ออกไปนะ!...” คริสตี้อ่อนแรง อ่อนเพลีย เธอเหมือนจะเป็นลม และเธอก็เจ็บปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอคงกำลังจะไม่สบาย “อ๊ะ!” เอริคขยับรับร่างที่กำลังจะล้มหมดสติได้ทัน 
เฮเลนที่ลอบมองจากหน้าต่าง ล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และกดโทร.ออกทันทีเมื่อเจ้านายขับรถออกไป “คุณมุก...เรื่องน่าจะเลยเถิดไปมากกว่าที่คุณอลันคาดไว้แล้วล่ะคะ” เฮเลนเอ่ยบอกปลายสายทันที เมื่อได้รับเสียงตอบรับมา “เอริค ทำอะไรเหรอคะ?” ปิ่นมุกถามกลับทันที ในขณะที่เธอและ อลันอยู่ที่ญี่ปุ่น “ป้าคิดว่า คุณเอริคมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นลูกบุญธรรมของดีน เลอนาร์ด...และตอนนี้คุณเอริคก็ออกจากบ้านไปตามลำพังแล้วค่ะ” “ตายจริง!...ขอบคุณนะคะเฮเลน คนที่ก่อเรื่องต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พี่อลันทำเกินไปแล้ว...มุกฝากเฮเลนช่วยดูแลเธอคนนั้นหน่อยนะคะ... คริสตี้เป็นเด็กดี...มุกได้แต่หวังว่าเอริคจะรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป...แต่ตอนนี้มุกต้องไปจัดการคนที่สร้า
“คริสตี้ ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอให้ดี...” เอริคพูดพร้อมกับที่เขาจัดการตัวเองโดยการเอาเกราะป้องกันที่ยังคงมีคราบเลือดพรหมจรรย์ของเธอติดอยู่ให้เห็นจางๆออกไป “เธอต้องกลับไปบอกพ่อของเธอว่า วันนี้เธอมาทำหน้าที่ของเธอที่บ้านของฉัน และมันยังไม่เรียบร้อย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีก...” เอริคแต่งตัวไปพร้อมๆ กับพูดในสิ่งที่คริสตี้ต้องทำ เขาหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้นและวางบนลงเตียง “...แต่งตัวซะ” เอริคสั่งการทันที เมื่อคริสตี้ยังไม่ขยับ แต่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด คริสตี้ขยับร่างกายที่บอบบางและอ่อนล้านั้นทันทีเท่าที่เธอจะสามารถขยับได้เร็วพอแบบที่ไม่ต้องเจ็บปวดมาก เสียงพูดของเขายังดังต่อไป โดยที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอเลย คริสตี้รีบแต่งตัวตามคำสั่งนั้น เธอไม่มีคำถามต่อคำสั่งนั้น แต่... “ฉันยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ?” คริสตี้ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ&
สองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’ “อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบร