Masuk“วันนี้ทุกคนทำได้ดีมาก โดยเฉพาะนาเดีย ถึงจะไม่ได้ซ้อม”
หัวหน้าวงเอ่ยพร้อมยิ้มให้ สายตาบ่งบอกถึงบางอย่างที่อยากพูด แต่ไม่พูดอะไรเพราะในห้องนี้มีพี่ๆ โคดี้อยู่ด้วย
“ขอบคุณค่ะ”
แม้จะมีเรื่องเครียดแค่ไหนนาเดียก็พยายามทั้งร้องเต้นและพบปะแฟนๆ พร้อมรอยยิ้มสดใสในงานมีต พวกเธอถูกฝึกมาอย่างหนักในเรื่องนี้ การเป็นไอดอลนอกจากหน้าตาแล้วสิ่งสำคัญคือความอดทนของสภาพร่างกายและจิตใจ แม้ว่าจะผ่านการออดิชั่นเข้ามาฝึกแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้เดบิวต์ หากไม่ขยันฝึกฝนจนสามารถเผยออร่าในตัวเองออกมาได้ ความฝันก็เป็นได้เพียงแค่ฝัน
นาเดียเป็นดาวเด่นน่าจับตามองตั้งแต่เข้ามาออดิชั่น เพราะความสวยหาตัวจับยากจากหลายเชื้อชาติ ทั้งอเมริกันเกาหลีและไทยผสมจึงดึงดูดความสนใจ และเธอก็ทำได้ดีในช่วงที่เป็นเด็กฝึก มีความมุ่งมั่นตั้งใจ อดทน บวกกับพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัวทำให้แสดงศักยภาพออกมาได้ดี เป็นที่ยอมรับของทั้งครูฝึกและผู้บริหารในการทดสอบทุกครั้งที่จัดขึ้น เธอกับซูจินเป็นเพื่อนที่เรียนเต้นโมเดิร์นแจ๊สมาด้วยกันตั้งแต่อยู่อเมริกา และตัดสินใจมาตามความฝันที่เกาหลี พวกเธอเข้าบริษัทมาเพียงปีเดียวก็ได้เดบิวต์กับรุ่นพี่ที่ฝึกมาหลายปี
“ถ้าเราร่วมมือกันทุกอย่างต้องผ่านไปด้วยดี”
ความนัยที่หัวหน้าวงพูด สมาชิกทุกคนรวมทั้งนาเดียต่างก็เข้าใจและพยักหน้าให้กัน
ในตอนเช้าที่เจอกันทุกคนต่างก็เข้ามากอดเธออย่างดีใจ โดยไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องที่เธอหายไป ด้วยต่างก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร คืนนั้นทุกคนต่างวิตกและกลัว ทว่าก็ฝืนใจรับรองแขกตามคำสั่งเพราะถูกขู่เรื่องสัญญาและอนาคตในการเป็นไอดอลที่สู้อุตส่าห์ฝึกฝนแข่งขันกับคนอื่นๆ มาอย่างยากลำบาก
อยู่ในวงเดียวกัน การทำงานเป็นทีม เข้าใจกันและกันเป็นเรื่องสำคัญมาก ต้องให้เกียรติกัน ปฏิบัติต่อกันอย่างซื่อสัตย์ รักใคร่กลมเกลียวเหมือนคนในครอบครัว นาเดียเองก็ให้ความเคารพรุ่นพี่แม้จะไม่สนิทเท่ากับซูจินก็ตาม เมื่อซูจินบอกว่าให้รอปรึกษาทุกคนเธอก็เข้าใจและเห็นด้วย แต่ความรู้สึกในใจที่รุ่มร้อนไม่จางหายบอกเธอว่า เธอต้องรีบเร่งหาทางออกให้ได้ในเร็ววัน
จบงานมีตผู้จัดการพาพวกเธอและทีมงานไปทานอาหารด้วยกันหลังงานผ่านพ้นไปด้วยดี นาเดียพยายามทำตัวให้ปกติแม้ไม่ได้สนุกสนานไปกับมื้ออาหารนี้เหมือนกับทีมงาน มีเพียงคนในวงกับผู้จัดการเท่านั้นที่รู้ว่าเธอแอบหนีไปในตอนที่เขาพวกเธอออกไปข้างนอก ทีมงานที่เหลือต่างเข้าใจว่าเธอป่วยจึงไม่อาจไปซ้อมหรือร่วมงานตามตารางอื่นๆ ของวงได้
ทว่าผู้จัดการก็ไม่ไว้ใจเธออีกแล้ว ดูเหมือนเขาจะให้พี่โคดี้คนหนึ่งคอยจับตาดูเธอ เพราะนาเดียไปเข้าห้องน้ำเมื่อไร ทั้งที่งานมีตและที่ร้านอาหารอีกฝ่ายก็ตามมาด้วยทุกครั้ง
หญิงสาวกับเพื่อนร่วมวงมีเวลาพักหนึ่งวันหลังงานมีตติ้ง ทว่านาเดียไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปเที่ยวข้างนอกเหมือนคนอื่น ในตอนแรกซูจินจะอยู่เป็นเพื่อนเธอ พี่ๆ ในวงก็พลอยไม่อยากไปตามๆ กัน
“ซูจินกับพี่ๆ ไปเถอะ เราไม่ไปผู้จัดการอาจจะคิดว่าเราประท้วงเขาก็ได้ อย่าให้เรื่องของฉันทำให้พี่ๆ ต้องเดือดร้อนไปด้วยเลย”
เธอคะยั้นคะยอให้ทุกคนออกไปเที่ยวจนได้ในที่สุด แล้วเลือกที่จะลงมาทานอาหารเช้าช้ากว่าใครๆ หลังทุกคนออกไปข้างนอกแล้ว เพราะอย่างไรก็ถูกกักบริเวณ ไม่จำเป็นต้องรีบ
เธอเลือกแค่เพียงซุปเห็ด ขนมปังปิ้ง กับกาแฟ เพราะไม่รู้สึกหิวเท่าไร ทว่าระหว่างที่กำลังจะเอื้อมหยิบกากาแฟก็มีมือใหญ่มือหนึ่งยื่นมาหยิบไปก่อน นาเดียไม่ได้ใส่ใจนัก ไม่ได้คิดจะเงยหน้ามองคนที่หยิบกาตัดหน้าตนด้วยซ้ำ รู้จากปลายหางตาว่าอีกฝ่ายค่อนข้างตัวสูงใหญ่ เธอเพียงแค่เปลี่ยนเป้าหมายไปยังกาที่ใส่นมเพราะดื่มกาแฟเข้มไม่ได้
“กาแฟไหม”
น้ำเสียงที่ได้ยินทำให้นาเดียชะงัก สันหลังแข็งเกร็ง ความเย็นราวลมพัดผ่านเข้ามาวูบหนึ่งแล้วหายไป
สาวร่างเล็กยืนนิ่งแทบไม่ขยับ มองมือใหญ่ที่จับกากาแฟเทใส่แก้วของเธออย่างถือวิสาสะ
“ผมช่วยคุณได้สาวน้อย”
เธอได้ยินอีกฝ่ายกระซิบ ขณะมองกาแฟไหลลงแก้วด้วยสายตาราวกับเหม่อลอย เมื่อจับใจความสิ่งที่เขาพูดได้ก็ตั้งใจจะหันไปมอง ทว่าชายหนุ่มห้ามเอาไว้
“คุณควรทำเหมือนไม่สนใจผมเอาไว้ดีกว่า”
นาเดียยั้งตัวเองเอาไว้ได้ทัน เธอมีพี่โคดี้เฝ้าอยู่ด้วย ซึ่งตอนนี้กำลังตักอาหารอยู่มุมหนึ่ง แม้อีกฝ่ายจะอ้างว่าไม่อยากตื่นเช้าเพื่อออกไปเที่ยวพร้อมคนอื่นก็ตาม ทว่านาเดียรู้ว่าเป็นการทำตามคำสั่งผู้จัดการ และคาดว่าจะมีคนมาสลับในตอนบ่ายเพื่อกินข้าวกับเธออย่างแนบเนียน
“แค่ฟังอย่างเดียว”
เสียงเข้มยังเอ่ยต่อเหมือนครั้งที่พบกันครั้งแรก เธอจำเสียงเขาได้โดยไม่จำเป็นต้องมองหน้า เพราะต่อให้มองเธอก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร สิ่งที่รับรู้ได้ท่ามกลางความมืดในสวนสาธารณะคืนนั้นมีเพียงรูปร่างสูงใหญ่กับเสียงของผู้ชายคนนั้นเท่านั้น
“อยากรอดก็ร่วมมือกับผม”
ความงุนงงแล่นจู่โจมเธออย่างไม่ทันตั้งตัว เขาเป็นใคร ทำไมอยู่ๆ เข้ามายื่นข้อเสนอกับเธอ แล้วเขาจะช่วยเธอได้อย่างไร เธอเชื่อใจเขาได้หรือไม่
นาเดียทำตัวไม่ถูก ความคิดสับสนจนลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
“เติมนมสิ ทำทุกอย่างให้เป็นปกติ”
คนที่เห็นเธอถือกานมนิ่งเอ่ยเตือน
หญิงสาวค่อยๆ เทนมลงไปพร้อมกับสมองกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ว่าชายหนุ่มกำลังต้องการอะไรจากเธอ ทำไมเขาต้องยื่นมือมายุ่งกับเธอเพียงแค่เพราะบังเอิญเจอเธอกำลังหนีใครบางคนในสวนสาธารณะ
“ผมเป็นคนชอบเสี่ยง ถ้ามันมีเปอร์เซ็นต์สำเร็จไม่ว่าจะน้อยนิดแค่ไหน ผมจะกระโจนลงไปทันที แล้วคุณล่ะสาวน้อย พร้อมจะเสี่ยงกับผมไหม”
ราวกับอีกฝ่ายเดาใจเธอได้ว่ากำลังสงสัยในตัวเขา ทว่าก็แทบไม่ได้ให้ความกระจ่างใดๆ นอกจากเธอต้องเลือกเอาเอง
“คิดให้ดี”
เขากระซิบย้ำก่อนจะเดินออกไปโดยที่นาเดียไม่ได้มองตาม
=====
เสียงเล็กสั่นตะกุกตะกัก ตัวเธอเกร็งจนต้องหยุดหายใจไปด้วย สัมผัสจากปากกระด้างไม่เพียงนาบลงมา เข้ายังเม้มผิวเนื้ออ่อน ทั้งยังส่งลิ้นเย็นชื้นออกมาแตะสลับอีกด้วย รอยจูบปะพรมไปทั่วคอข้างหนึ่งของเธอ ทำเอานาเดียสะดุ้งน้อยๆ เป็นระยะ งอตัวหดคอหนีแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเขายังสามารถเปลี่ยนมาซุกไซ้อีกด้านได้อีก นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวขนลุกไปทั้งท้ายทอย“หยะ...อย่า”เธอพยายามห้าม ทว่าก็ไม่เป็นผล แขนกำยำข้างหนึ่งโอบรอบเอวของเธอ ร่างหนาเบียดกดให้เธอชิดผนังยิ่งขึ้นจนแทบขยับไม่ได้ ริมฝีปากร้อนเล็มสลับไล้เลียแล้วไล่ระเรื่อยลงต่ำผ่านเสื้อยืด ฝังปากกับจมูกสูดดมซุกเบียดทรวงงาม มืออีกข้างวางเกาะหมับบนก้อนเนื้ออวบอิ่มเต็มกำมือ ก่อนจะเคล้นเบาๆ ทำเอาร่างเล็กถึงกับผวาขึ้น ทว่าก็ราวกับนำเสนอตัวเองให้ชายหนุ่มมากยิ่งขึ้นไปด้วยแม้มีเสื้อผ้าขวางกั้นแต่การแตะต้องของอีกฝ่ายก็ทำให้นาเดียร้อนไปทั้งตัว ขาอ่อนแรงอย่างไม่เคยเป็น ทว่าก่อนจะทรุดลงเข่าแข็งแกร่งก็แทรกเข้ามาระหว่างหน้าขาขวางไม่ให้ตัวเธอต่ำลง“อื้อ”หญิงสาวอดที่จะปล่อยเสียงสั่นแปลกๆ ออกมาได้ ความรู้สึกบางอย่างพลุ่งขึ้นจากสัมผัสแปลกใหม่กลางร่าง ทั้งยังรับรู้ได้ถึงมือ
คลินตันเงียบตั้งแต่มาขึ้นมอเตอร์ไซค์กระทั่งมาถึงเซฟเฮาส์ วันนี้ชายหนุ่มไม่ได้ให้คีย์การ์ดกับเธอ นาเดียจึงต้องยืนรออีกฝ่ายอยู่หน้าบ้าน เขากลับมาหลังจอดรถที่ส่วนจอดรถและเก็บหมวกเรียบร้อย บ้านหลังนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้เธอทึ่ง ที่จอดรถแยกเป็นสัดส่วน มีสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกายมีเครื่องเล่นหลายชนิดติดกระจกอยู่ริมสระว่ายน้ำ ประตูก็สามารถใช้คีย์การ์ดหรือกดรหัสก็ได้ ทว่านาเดียไม่รู้รหัสจึงต้องรอชายหนุ่มเมื่อเปิดประตูบ้านแล้วนาเดียก็เข้ามาก่อน แม้ปกติคลินตันจะพูดน้อยอยู่แล้วทว่าตอนนี้เธอกลับรู้สึกถึงความอึมครึมกดดันแปลกๆ จึงคิดว่าเลี่ยงไปก่อนน่าจะดีกว่า ทว่าอยู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดขึ้น“แปลกนะ ทั้งที่กลัวเวลาซ้อนมอเตอร์ไซค์ผม แต่คุณกลับอยากขึ้นรถแข่งซูเปอร์คาร์”หญิงสาวชะงักเท้า ก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ตามเธอเข้ามา ชายหนุ่มจ้องเธอด้วยแววตาเย็นชาทว่ากลับดูเชือดเฉือนผิดปกติ“ฉันก็แค่อยากลองดู”เธอไม่รู้จะพูดอะไร เพราะจะปฏิเสธว่าไม่อยากลองนั่งมันก็ขัดกับสิ่งที่ทำไปแล้ว“ทำไม เพราะซูเปอร์คาร์มันแพง แรงเร้าใจกว่าอย่างนั้นเหรอ”คิ้วเรียวสวยขมวดกับคำพูดกวนชวนหาเรื่องของชายหนุ่ม“ค
“ว่าไงนะ”“นาเดียอยากลองนั่งซูเปอร์คาร์กับเจมมี่น่ะ”ไมลี่ตอบหลังคลินตันถามย้ำพวกเธอมายังโรงรถแล้วก็เห็นคลินตันกับช่างสามคนกำลังตรวจเช็กรถแข่งคันหรูอยู่ ทั้งหมดเดินเข้าไปแล้วเจมมี่ก็ถามเกี่ยวกับรถของตนว่าเรียบร้อยหรือไม่จะได้ลองขับเลย พอคลินตันตอบว่าตามสบาย เจมมี่บอกต่อทันที‘งั้นฉันขอพาสาวน้อยคนนี้ไปลองรถด้วยก็แล้วกันนะ’คลินตันถึงกับหันมองหนุ่มหล่ออีกคนในทันที คิ้วเข้มขมวดพร้อมถามซ้ำไมลี่จึงเป็นฝ่ายตอบ ทำให้ชายหนุ่มเปลี่ยนเป้าหมายมายังเธอแทน นาเดียอึกอักขยับปากจะพูดแต่ไมลี่ก็แทรกขึ้นอีกครั้ง“แหม อย่ามองน้องเขาด้วยสายตาแบบนั้นสิคลิน ดุแบบนี้ใครจะไปกล้าตอบล่ะ เอางี้ ฉันเองก็อยากรู้ว่ารถปรับแต่งเครื่องใหม่ของเจมมี่จะแรงดีสักแค่ไหนเหมือนกัน งั้นเรามาแข่งกับเขาดีไหม นาเดียไปกับเจมมี่ ฉันจะไปกับคุณเอง”หญิงสาวจัดการเองเสร็จสรรพ ซึ่งนาเดียรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายน่าจะอยากหาโอกาสอยู่ใกล้กับคลินตัน และอยากให้เธอสนับสนุน เพราะไมลี่เหลือบมาทางด้วยสายตาขอร้อง เธอจึงได้แต่กระอักกระอ่วนใจแล้วพึมพำเสียงเบา“เอ่อ...ก็...น่าสนใจเหมือนกันนะคะ”คำพูดของเธอทำให้คลินตันตาวาววับ แววตาคมดุฉายออกมาอย่างชัดเ
นาเดียมองตอบสาวสวยด้วยสายตามึนงงว่างเปล่า ไม่รู้ต้องทำอย่างไรในสถานการณ์กระอักกระอ่วนแบบนี้เพราะรับรู้ได้ถึงไอบางอย่างแผ่จากแววตาหญิงสาวอีกคนเมื่อได้ยินว่าเธอเป็นใคร แม้จะลำบากใจแต่เธอก็ไม่รู้จะเริ่มพูดกับอีกฝ่ายอย่างไร จะแก้ตัวก็คงแปลกๆ เหมือนเธอร้อนตัวอาจจะเพราะเห็นสีหน้าไม่สบายใจและอึดอัดของเธอ สุดท้ายคนที่พูดขึ้นมาก่อนก็เป็นอีกฝ่าย“ไฮ ฉันไมลี่”“นาเดียค่ะ”ไมลี่ส่งยิ้มให้เธอ ก่อนจะหันไปบอกสองหนุ่มที่คุยกันเรื่องงานด้วยสีหน้าจริงจัง“พวกคุณทำงาน ให้นาเดียไปกับฉันดีกว่า รออยู่ในนี้เธอคงเบื่อ”“จะไปไหน”คลินตันหันมาถาม ใบหน้าคมนิ่งแต่มีรังสีดุจากแววตา เขาเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง แล้วกลับไปจ้องเอาคำตอบจากไมลี่“ฉันจะพาเธอนั่งเล่นกินขนมกับน้ำที่คาเฟ่ข้างหน้านี่แหละ”“อืม ไปเถอะ”เมื่อรู้พิกัดแล้วเขาก็พยักหน้ารับง่ายๆ แล้วกลับไปสนใจเรื่องงานต่อนาเดียเดินตามไมลี่ออกไปอย่างไม่คิดมากเช่นกันเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้มีปัญหาอะไร นั่นน่าจะหมายความว่าปลอดภัยสำหรับเธอ“เธอรู้จักกับคลินได้ยังไงเหรอ”หลังจากสั่งเครื่องดื่มกับเค้กของทั้งสองคนเรียบร้อย ไมลี่ก็ถามขึ้นทันที นาเดียเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายต
เช้าวันต่อมานาเดียอ่านข้อความตอบกลับจากซูจิน แล้วก็พิมพ์ตอบอีกครู่ใหญ่ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำซูจินบอกว่าสำนักข่าวให้ความสนใจในการตีแผ่ข่าวบริษัทของพวกเธอ และช่วยเหลือในการหาสำนักกฎหมายให้ด้วย บรรดาแฟนคลับต่างก็รวมตัวกันแท็กข้อความให้กำลังใจพวกเธอและบอกว่าจะอยู่เคียงข้างเสมอ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้รับรู้ว่าเธอบาดเจ็บจากการพยายามช่วยเพื่อนร่วมวง จึงยังไม่สามารถเดินทางกลับเกาหลีได้ในตอนนี้ และต่างก็แท็กขอให้เธอหายเร็วๆ ด้วยเช่นกัน แม้ยังมีแฟนคลับไม่มากนักแต่สิ่งที่เห็นก็ทำให้รู้สึกดีและอุ่นใจไม่น้อยจนถึงกับน้ำตาซึมหลังจากนาเดียเข้าไปอ่านแท็กนั้นมีค่ายติดต่อเข้ามาสองสามค่ายเกี่ยวกับการเซ็นสัญญาแต่ซูจินกับพี่ๆ ในวงอยากคุยกันในตอนที่เธออยู่ด้วย จึงขอเวลาจัดการเรื่องการฟ้องร้องให้เรียบร้อยเสียก่อนสาวร่างเล็กลงไปข้างล่างก็พบกับคนที่เพิ่งวิ่งออกกำลังกายจนเหงื่อท่วมกำลังจะกลับเข้าห้องของเขา“วันนี้เราจะไปที่ทำงานของผม”ชายหนุ่มบอกทันทีที่เห็นเธอ แต่แม้นาเดียจะทำหน้าแปลกใจเขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรนอกจากเอ่ยสั่ง“กินอาหารเช้าให้เรียบร้อยเสีย”พูดจบเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนตัดสีดำเปียกจ
คลินตันกลับมาอีกครั้งในลุคที่นาเดียต้องนึกอ่อนใจกับตัวเอง เพียงแค่ชายหนุ่มใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงวอร์มตัวเดิมเธอก็คิดว่าอีกฝ่ายดูเซ็กซี่อย่างไม่น่าให้อภัยแล้ว หญิงสาวเหลือบมองร่างสูงใหญ่เพียงนิดแล้วปอกมันฝรั่งในมือต่อ ไม่ต้องการให้ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าจิตใจเธอไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวเลยแม้แต่น้อยคงเพราะได้เห็นกล้ามแน่นๆ ของอีกฝ่าย โดยไม่เคยได้เห็นของจริงเต็มๆ มาก่อนนั่นแหละ เธอจึงสติฟุ้งซ่านแบบนี้ไม่แฟร์เลยสักนิด ทั้งที่เขาไม่ให้เธอใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นออกนอกห้อง แต่ตัวเองกลับถอดเสื้อเดินไปเดินมาเสียอย่างนั้นหญิงสาวคิดขณะมองชายหนุ่มล้างชิ้นปลาที่แพ็คมา และราวกับรู้ว่าเธอมองคลินตันเองก็หันมาทางเธอเช่นกัน เขาเหลือบมองมันฝรั่งก่อนจะพูดขึ้น“หั่นเสร็จแล้วก็เตรียมจานเตรียมซอส ผมทอดเอง”“มีซอสเหรอคะ”“ใช่ ผมซื้อสำเร็จรูปมาแล้ว อยู่ในตู้เย็นนั่นแหละ”เธอพยักหน้าเข้าใจ“งั้นฉันทำสลัดเพิ่มด้วยดีกว่า”“เยี่ยม”คลินตันยกนิ้วให้นาเดียจึงยิ้มตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาตินาเดียหั่นมันฝรั่งในขนาดที่คิดว่าพอดี แล้วก็เอาผักในตู้เย็นที่พอทำสลัดได้มาล้างหั่นเสร็จก็โรยเกลือ พริกไทย และน้ำมันมะกอก







