Share

10 ช่วยเหลือวิญญาณ

last update Last Updated: 2025-09-21 17:12:29

 “ข้าลืมแนะนำท่านไปนี่องค์รัชทายาทเจินเฟยเทียน” องค์ชายเจินซีห่าวเอ่ยแนะนำ ว่านชิงอีลุกขึ้นยอบกาย

 “ถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ” ว่านชิงอีนั่งลงก่อนจะถอนใจ กับความอึดอัดในการใช้คำศัพท์ 

 “ท่านอ๋อง รัชทายาท องค์ชาย ต่อไปเรียกหม่อมฉันแค่คุณหนูสาม คุณหนูว่าน หรือว่านชิงอีก็พอเพคะ ตำแหน่งนี้หม่อมฉันไม่อยากได้ หม่อมฉันอึดอัดจะตายอยู่แล้ว อยากใช้ชีวิตธรรมดาเหมือนคนทั่วไป หากพวกท่านยังเรียกท่านหญิง หม่อมฉันจะไม่พูดคุยกับพวกท่านอีกเลย” ว่านชิงอีระบายออกมาอย่างอัดอั้นตั้นใจ กับแหน่งหัวโขนที่ถูกสวมให้ รัชทายาทมองนางอย่างแปลกใจ นี่ใช่คนที่ผู้คนกล่าวถึงจริงหรือ? นางไม่อยากได้ตำแหน่งท่านหญิง ทั้งที่ตำแหน่งนี้หลายคนอยากได้กันมากแต่ไม่มีโอกาส

 “ได้ๆ ต่อไปข้าไม่เรียกแล้วเจ้าก็กินเถอะ” เจินซีห่าวเอ่ยด้วยความเอ็นดูนางเหมือนน้องสาวตัวน้อยคนหนึ่งของเขา 

 “ข้าก็จะไม่เรียกเจ้าก็กินเสียหน่อย เย็นหมดแล้ว” รัชทายาทเอ่ยขึ้นบ้าง อยู่ๆ เขาก็นึกเอ็นดูสตรีนางนี้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น นางช่างไม่เหมือนใครเลยจริง

 “ไม่หิวก็ไม่ต้องฝืน” เหว่ยอ๋องเอ่ยขึ้นเขารู้ว่านางมีเรื่องในใจ คงเกี่ยวกับวิญญาณที่นางเห็นเมื่อครู่นี้ ว่านชิงอีมองหน้าเหว่ยอ๋อง ที่จู่ๆ เขาก็อ่อนโยนกับนางต่างจากเมื่อก่อนลิบลับ ก่อนปิงปิงจะวิ่งมาบอกว่า สตรีนางนั้นถูกฆ่าจากสามีนางที่บ้าการพนันและติดสุรา ตอนนี้กำลังจะจับลูกๆมัดเเละจะนำไปขาย ว่านชิงอีมองหน้าสามบุรุษไปมาก่อนจะเอ่ย 

 “ท่านอ๋องเราไปช่วยครอบครัวนั้นกันเถอะเพคะ” กล่าวจบนางก็ลุกขึ้นและเดินตามปิงปิง และได้พบวิญญาณตนนั้นที่รออยู่ นางจึงถามว่าบ้านนางอยู่ที่ใด พอนางบอกสถานที่ วานชิงอีก็หันมาบอกเหว่ยอ๋องและองค์ชาย

 “ท่านอ๋อง องค์ชาย เราคงต้องนำทหารของทางการไปด้วยเพคะ” เหว่ยอ๋องและองค์ชายซีห่าว เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของนางก็รีบจัดการตามที่นางบอกทันที รัชทายาทก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมท่าท่างของพวกเข้าถึงดูร้อนร้นแปลกๆ

 “พวกเจ้าจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น?” องค์ชายซีห่าวหันไปมองนาง และเห็นนางพยักหน้า เขาจึงเราให้รัชทายาทฟังคราวๆ

 “นางมองเห็นวิญญาณ และวิญญาณก็มาขอให้นางช่วย” รัชทายาทได้ฟังก็ยิ่งประหลาดใจ สตรีนางนี้มีเรื่องให้ประหลาดใจอยู่เรื่อยจริงๆ ก่อนองครักษ์จะพารถม้ามาจอดสองคัน ว่านชิงอีบอกเสี่ยวหมานและคนที่ติดตาม ให้กลับไปแจ้งที่จวน ว่านางไปทำธุระกับเหว่ยอ๋อง องค์ชายซีห่าว และองค์รัชทายาท ที่นางบอกไปสามคนเพราะไม่อยากให้พวกเขาคิดว่าไปกันแค่สองคน

 “ข้าอยากนั่งคันเดียวกับนาง” รัชทายาทเอ่ยขึ้น 

 “งั้นเอาคันใหญ่ไปนั่งทั้งหมดนี้แหละ ไม่ไกลมากคงไม่เป็นไร” เหว่ยอ๋องตัดสินใจ ก่อนจะเดินขึ้นก่อนแล้วยื่นมือมาให้ว่านชิงอียึด พอทุกคนมานั่งในรถม้าซึ่งมีว่านชิงอีนั่งข้างเหว่ยอ๋อง รัชทายาทก็เหมือนไม่พอใจที่เหว่ยอ๋องได้นั่งข้างนาง 

 “เหตุใดท่านได้นั่งข้างนาง” ว่านชิงอีเริ่มรำคาญจึงลุกไปนั่งอยู่คนเดียว ก่อนจะเริ่มพูดคุยกับวิญญาณตนนั้น เพื่อที่นางจะได้หาข้อมูล และบอกกับทางการให้เอาผิดกับคนร้าย สามบุรุษมองนางสนทนากับสิ่งที่เรียกว่าวิญญาณอย่างสนใจ รู้สึกประทับใจในความสามารถที่ไม่เหมือนใคร และความเป็นตัวของตัวเอง ทำให้นางดูน่าเกรงขามแม้จะอายุยังน้อย

 พอมาถึงบ้านติดชายป่า บรรยากาศเงียบจนดูผิดปกติ ว่านชิงอีจึงรีบเอ่ยบอกปิงปิงอย่างลืมตัว “ปิงปิงรีบไปดูสถานการณ์ก่อนเลย” ปิงปิงได้ฟังก็พุงเหาะออกทางหน้าต่างอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบกลับมารายงาน

 “คุณหนูศพของสตรีนางนี้ยังไม่ไปไหน ส่วนคนฆ่าดื่มเหล้าเมาไม่ได้สติและจับลูกๆ สามคนมัดไว้เจ้าค่ะ” ว่านชิงอีรีบเล่าให้ทุกคนในรถม้าฟัง เพราะสถานการณ์ไม่ต้องรีบบุกเข้าไป เพียงรอทหารทางการมา วิญญาณสตรีนางนั้นรีบคุกเข่าขอบคุณว่านชิงอี

 “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงลูกๆ อีกสามคน ข้าช่วยดูแลให้เป็นอย่างดี ข้าจะช่วยฝั่งศพของเจ้าอย่างดี ขอให้เจ้าจากไปอย่างสงบเถิด” ว่านชิงอีพูดกับสิ่งที่ไร้ตัวตนอยู่คนเดียว เพราะพวกเขามองไม่เห็น ไม่นานทหารของทางการก็ตามมา พวกเขาจึงลงจากรถม้าและเข้าไปบ้านหลังนั้น สภาพภายในบ้านเละเทะไม่มีชิ้นดี 

 มุมหนึ่งร่างของสตรีนอนหมดลมหายใจ อีกมุมมีชายวัยกลางคนเมาไม่ได้สติ อีกมุมมีเด็กสามคนถูกจับมัดไว้พร้อมผ้าอุดปาก ว่านชิงอีมองด้วยความเวทนาและสงสาร ก่อนจะเข้าไปดึงผ้าออกจากปาก และแก้มัดให้เขาสามคนก็เข้ามาช่วยด้วยเช่นกัน เด็กสามคนโผเข้ากอดว่านชิงอีอย่างขวัญเสีย ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนา เพราะเห็นบิดาฆ่ามารดาต่อหน้าต่อตา คงสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย

 “ไม่ต้องกลัวๆ ข้ามาช่วยแล้ว ต่อไปพวกเจ้าจะมีชีวิตที่ดีและปลอดภัย” ว่านชิงอีเอ่ยปลอบเด็กสามคน ที่เป็นหญิงอายุ7หนาว อีกคน 5หนาว และเด็กชายคนสุดท้องอายุ4หนาว ไม่ว่าจะยุคไหนก็มีพ่อที่เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน คนประเภทนี้สมควรประหารทิ้งเสียอยู่ไปก็หนักแผ่นดิน เหว่ยอ๋องให้อู่ถงไปหารถมาอีกคัน เพื่อให้เด็กๆ นั่ง ระหว่างนั่งรอรถม้าว่านชิงอี ก็คิดแผนการดูแลเด็กที่ไร้พ่อแม่ อย่างเช่นสถานเด็กกำพร้า นางคิดว่าต่อไปต้องมีเด็กกำพร้าเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ถึงแม้ไม่ได้กำพร้า แต่หากพ่อแม่ดูแลลูกอย่างไม่ใช่คน พวกเขาควรมีสิทธิ์แยกตัวออกมา และเติบโตมามีชีวิตที่ดี

 พอขึ้นมานั่งบนรถม้าว่านชิงอีก็เอาแต่เงียบ เหว่ยอ๋องเห็นเช่นนั้นก็ไม่สบายใจ “คิดอะไรอยู่”

 “หม่อมฉันกำลังคิดว่า อยากจะทำสถานที่รองรับ เด็กที่ขาดพ่อแม่หรือเด็กที่ไร้ที่พึ่ง ให้พวกเขาได้มีที่อยู่ มีอาหาร มีการศึกษา มีเสื้อผ้าที่ดีใส่”

 “โครงการใหญ่เลยนะคุณหนูว่าน แต่ข้าก็ว่าความคิดนี้ดี พวกเราเกิดมามีครอบครัวที่ดี ควรรู้จักแบ่งปัน” รัชทายาทเห็นด้วยกับความคิดนางจึงอยากสนับสนุน แต่องค์ชายซีห่าวแอบเบ้ปาก เพราะเขาคิดว่ารัชทายาทแค่พูดเอาใจนางก็เท่านั้น

 “แล้วเจ้าคิดจะทำเมื่อใดข้าพร้อมสนับสนุน” องค์ชายซีห่าวเอ่ยถามเพราะเขาเชื่อว่า สิ่งนางทำนั้นต้องเป็นสิ่งที่ดีแน่นอน ว่านชิงอียกยิ้มก่อนจะหันไปหาเหว่ยอ๋อง เห็นเขาเงียบไม่พูดอะไร นางก็สะบัดหน้าพรืดด้วยความไม่พอใจ

 “ข้าจะช่วยสมทบทุนและนำเรื่องนี้ไปกราบทูลกับฝ่าบาท” ว่านชิงอีหันหน้ามาอย่างรวดเร็วคอแทบหัก ก่อนจะขยับไปหาเขาอย่างลืมตัว ก่อนจะพูดขึ้นมาทีเล่นทีจริง

 “พระเอกมากๆ ท่านอ๋องวันนี้ท่านดูหล่อเหล่ามากกว่าทุกวันเลยเพคะ”

 “อย่าเสแสร้งให้มาก” เหว่ยอ๋องตอบกลับไปอย่างรู้ทัน

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่ 51 วันแต่งงาน

    แล้ววันที่เหว่ยอ๋องรอคอยก็มาถึง วันนี้เขาแต่งอาภรณ์สีแดงได้อย่างหล่อเหล่าและสง่างาม ตามมาด้วยเกี้ยวแปดคนหามเพื่อมารับเจ้าสาว และขบวนสินสอดที่ยาวเป็นทาง ผู้คนมายืนรอชมกันอย่างเนืองแน่นพอมาถึงจวนสกุลว่าน เสนาว่านจื่อหยวนและฮูหยินว่านซูอวี้ ก็ช่วยประคองว่านชิงอีออกมาส่งที่หน้าประตูจวน เหว่ยอ๋องกระโดดลงจากหลังม้า เพื่อมารับนางให้ขึ้นเกี้ยว เสนาว่านจับมือของว่านชิงอี วางลงบนมือของเหว่ยอ๋อง ด้วยใจที่ปลาบปลื้มปิติยินดีจนน้ำตาไหล ว่านชิงอีก้าวขึ้นเกี้ยวด้วยความตื่นเต้นยินดี สุดท้ายเขากับนางก็ได้แต่งงานกัน บุรุษที่นางจะฝากชีวิตไว้ด้วยตลอดชีวิตสินเจ้าสาวที่แต่งออกก็มากมายไม่ต่างกับสินเจ้าบ่าว ผู้คนต่างกล่าวชื่นชมถึงความเหมาะสม บางคนก็ยังกล่าวอย่างมีอคติว่า ตำแหน่งชายาอ๋องนั้นไม่คู่ควรกับนาง ว่านชิงอีนั่งฟังในเกี้ยวอย่างไม่ใส่ใจ พวกเขาจะพูดอย่างไรก็ช่าง อย่างไรนางก็ได้แต่งกับเขาอยู่ดี บุรุษผู้นี้เป็นของข้าผู้เดียว ว่านชิงอีระบายยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อมาถึงจวนของเหว่ยอ๋อง เขาก็เดินมายื่นมือให้นางจับเพื่อเดินเข้าไปในจวน เพื่อเริ่มพิธีการตามประเพณี วันนี้ฮ่องเต้มาร่วมงานด้วยตัวเอง และองค์รัชทายา

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่50 ประกาศความผิด

    ว่านชิงอีและเหว่ยอ๋องรีบเร่งมาที่เหมืองหลวงอย่างเร่งรีบ แต่ก็ต้องชะงักกับภาพตรงหน้า เมื่อมีทหารหลายพันนายยืนรออยู่หน้าประตูเมือง แต่ที่ทำให้ว่านชิงอีใจกระตุกจนใจเจ็บ เมื่อร่างที่ถูกจับมัดห้อยไว้บนกำแพงเมืองนั้น คือคนในครอบครัวของนาง ว่านจื่อหยวน ว่านซูอวี้ ว่านชิงหลิน ว่านชิงหลาน เหนือขึ้นไปมีบนกำแพงเมือง มีร่างของฮ่องเต้ถูกจับมัดไว้เช่นกัน เหว่ยอ๋องโกรธจนดวงตาแดงก่ำ สองมือกำแน่นกับอารมณ์ที่ปะทุภายในใจ ฮองเฮาและรัชทายาทก้าวออกมา ปรายตาลงมองด้านล่าง ที่มีเหว่ยอ๋องและว่านชิงอี นั่งอยู่บนหลังม้า สายตาที่มองมานั้นเย็นชาและเย้ยหยัน รัชทายาทเฟยหยาง ภายในใจเจ็บปวดไม่แพ้กัน กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อก่อนเขาเคยมีความคิดอยากขึ้นครองบัลลังก์ แต่หลังจากได้รู้จักว่านชิงอี ได้ทำงานร่วมกันกับ เหว่ยอ๋องและองค์ชายซีห่าว ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป แต่ว่าทุกอย่างมันไม่ง่าย เมื่อขึ้นบนหลังเสือก็ยากที่จะลง มารดาของเขานั้นก็คือฮองเฮา วางแผนร่วมมือกับตระกูลโจวมาตั้งแต่ต้น อีกทั้งดึงสามตระกูลขุนนางมาร่วมด้วย แลกกับผลประโยชน์มากมาย เมื่อเขาขึ้นครองราชย์ อำนาจทุกอย่างก็จะตกเป็นของฮองเฮาและตระกูลโจว และอ

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่49 จัดการขั้นเด็ดขาด

    ทางด้านองค์ชายซีห่าว ยามนี้กำลังต่อสู้กับคนร้ายอย่างดุเดือด เขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนร้าย มาดักรอเพื่อฆ่าเขามากขนาดนี้ องครักษ์ที่เขาพามาด้วยสิบคน ก็พยายามต่อสู้และปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถ แต่นักฆ่าที่มาดักรอก็มีจำนวนไม่น้อย ทำให้ฝ่ายขององค์ชายซีห่าวเสียเปรียบพลาดท่าเสียที ได้รับบาดเจ็บกันอย่างสาหัส เรี่ยวแรงก็เริ่มถดถอย เพราะต่อสู้กันมาได้สักพัก องครักษ์ทั้งสิบยามนี้ เลือดอาบไปทั่วทั้งร่างแต่ก็สู้ไม่ถอย เพื่อปกป้องชีวิตขององค์ชาย องค์ชายซีห่าวเองก็ถูกดาบฟันที่แขนเลือดอาบเช่นกัน แต่เขาก็คิดว่าแผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากเทียบกับพวกเขาที่ีมีแผลเต็มตัว องค์ชายซีห่าวมององครักษ์ด้วยความซาบซึ้งใจ พวกเขายอมต่อสู้แลกชีวิตเพื่อปกป้องเขา บุญคุณครั้งนี้เขาไม่มีทางลืมได้อย่างแน่นอน แต่เขาจะไม่ยอมหลบอยู่ข้างหลังแบบนี้ ยามนี้พวกเขาเริ่มอ่อนแรง เขาจะต้องปกป้องชีวิตพวกเขา “พระองค์จะทำอะไรพ่ะย่ะค่ะ?” หนึ่งในองครักษ์เดาความคิดของเขาได้เป็นอย่างดี จึงรีบเอ่ยทักเขาเอาไว้ “อย่าแม้แต่จะคิดพ่ะย่ะค่ะ ถึงพวกกระหม่อมจะตาย ก็ต้องปกป้องชีวิตองค์ชายให้ได้พ่ะย่ะค่ะ” เจินซีห่าวได้ฟังก็ถึงกับพูดไม่ออก ในความจงร

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่48 ความสุขมาไวไปไว

    ว่านชิงอีมองเหว่ยอ๋องกับองครักษ์ ที่พากันไปหาฟืนแล้วแบกกลับมาอย่างเอ็นดู ไม่อยากเชื่อว่าจะเห็นมุมนี้ของเขา เมื่อก่อนเขาดูเงียบขรึมและเย็นชา แต่ทว่าเดี๋ยวนี้เขากลับดูอ่อนโยน และเริ่มเป็นกันเองกับคนใต้บังคับบัญชามากขึ้น ที่จริงก็ใช้ว่าคนเราจะเปลี่ยนแปลงตนเองไม่ได้ หากมีแรงจูงใจที่มากพอและคิดอยากจะเปลี่ยนแปลงมัน นางคิดว่าความรักก็มีส่วนทำให้คนอ่อนโยนลงได้ เพราะหากเรารักใครสักคน เราก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อคนที่เรารัก ว่านชิงอีและฮุ่ยเจียงช่วยกันทำอาหาร อย่างสนุกสนาน ว่านชิงอีเริ่มสังเกตว่าองครักษ์สาวข้างกาย ช่วงนี้เริ่มทำตัวเหมือนสตรีขึ้นมาบ้าง อย่างเช่นเรื่องการแต่งกาย เมื่อก่อนนางทำตัวคล้ายกับบุรุษทุกอย่าง ยามนี้เสื้อผ้าอาภรณ์เปลี่ยนเป็นสวมใส่ดั่งสตรีทั่วไป ว่านชิงอีหรี่ตามองฮุ่ยเจียงอย่างจับผิด หรือว่านางจะมีความรัก ใครกันนะ? หรือว่า? “ฮุ่ยเจียงเจ้าดูสิ อู่ถงแบกฟืนกองใหญ่ขนาดนั้น เดี๋ยวก็ปวดหลังเอาได้หรอก สงสัยจะทำอวดสาว ๆ แถวนี้” ว่านชิงอีแกล้งพูดออกไปแต่ว่าก็ได้ผล แก้มของฮุ่ยเจียงขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที ว่านชิงอียกยิ้มหากทั้งสองชอบพอกัน นางก็พร้อมสนับสนุน ความรักเป็น

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่47 วิญญาณผีพราย

    วันรุ่งขึ้นเหว่ยอ๋องก็มารับว่านชิงอีที่จวน การไปในครั้งนี้นางและเหว่ยอ๋อง ไปในฐานะพ่อค้าที่ต้องเดินทางไปทั่วแคว้น การแต่งกายจึงต้องเหมือนคนธรรมดาทั่วไปคือเรียบ ๆ ไร้สีสันใด ๆ องครักษ์ที่นำไปด้วยก็แต่งกายเหมือนบ่าวรับใช้ บนเกวียนว่านชิงนำสิ่งของเครื่องใช้ใส่ไปมากพอสมควร เพราะนางไม่รู้ว่าจะไปกี่วัน นางจึงบอกให้องครักษ์เตรียมผ้าห่ม และผ้าสำหรับกางกระโจม หากว่าต้องได้นอนตามป่าเขาจะได้ไม่ยุ่งยาก ว่านชิงอีรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากกับการเดินทางครั้งนี้ เพราะเหมือนกับว่านางจะได้ไปท่องเที่ยวเดินป่า และนอนตามป่าเขา ซึ่งในยุคก่อนเป็นสิ่งที่นางใฝ่ฝันและอยากจะทำสักครั้ง ไม่อยากเชื่อว่าพอได้ทำขึ้นมาจริง ๆ กลับเป็นคนละยุคกัน ภูเขาตงซานหากเดินทางจริง ๆ จะใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม ๆ แต่ว่าว่านชิงอีอยากใช้เวลาท่องเที่ยวไปด้วย ซึ่งเหว่ยอ๋องก็เห็นด้วย ดีเหมือนกันเขากับนางจะได้ใช้เวลาร่วมกันบ้าง เพราะส่วนใหญ่เจอกันที่สำนักงาน ก็มีคุยกันบ้างแต่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเรื่องงานเสียมากกว่า พอรถม้าพ้นเขตเมืองหลวง ก็เป็นไร่นาเรือกสวนของชาวบ้าน ต้นไม้ปกคลุมเขียวขจีไปทั่วบริเวณ ว่านชิงอีเปิดม่านหน้าต่างรถม้า มองธรรมชา

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่46 สอบสวนต่อหน้าทุกคน

    เหว่ยอ๋องก้าวเดินลงไปหาชายนักบวชที่ถูกผูกติดไว้กับเสา จากนั้นเขาก็เดินเลือกว่าจะใช้อุปกรณ์สอบสวนอันใดเป็นสิ่งแรก ผู้คนมองตามทุกอิริยาบถของเหว่ยอ๋องอย่างลุ้นระทึก และหวาดหวั่นกับท่าทางเย็นชาของเขา ก่อนที่เขาจะหยิบตะขอ ที่มีปลายแหลมคมขึ้นมา จากนั้นก็ให้ทหารมาจับเขาอ้าปาก เขาปรายตามองกลุ่มคนที่เป็นนักพรตก็แสยะยิ้ม ก่อนจะเอ่ยถามชายนักบวชตรงหน้า แต่ว่าก็มีเอ่ยถามขึ้นมาก่อนด้วยความสงสัย “ทูลท่านอ๋องเหตุใดต้องสอบปากคำเขาด้วยละพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อคำทำนายของเขา กล่าวได้ดี และคล้ายกับท่านโหรหลวงทำนายทุกอย่าง และไม่มีคำกล่าวร้ายต่อท่านหญิงเลยพ่ะย่ะค่ะ?” เหว่ยอ๋องยกยิ้ม “เจ้าพูดถูกทหารไปจับท่านนักพรตมามัดอีกคน ข้าจะไต่สวนพร้อมกัน” คราวนี้ทุกคนยิ่งไม่เข้าใจ กับการกระทำของเหว่ยอ๋อง ในเมื่อชายที่เป็นนักบวช ทำนายออกมาได้ดี แล้วเหตุใดยังคงต้องสอบสวน เขาจะไร้เหตุผลเกินไปหรือไม่ เหว่ยอ๋องเหลือบตามองทหารที่จับนักพรตมามัดไว้กับเสา คู่กันกับชายนักบวช ก่อนจะวางตะขอในมือลง แล้วหยิบกระบี่ยาวเฟื้อยขึ้นมา ก่อนจะจับกระบี่ลากไปกับพื้นอย่างช้า ๆ พร้อมกับเอ่ยถามนักบวชที่ถูกมัดอยู่กับเสา “ท่านนักบวชคำทำนายของท่านไม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status