Masukในอดีต 'ซูเหยา' หลงรัก 'องค์ชายหานเย่ว์' จนยอมเป็นภรรยาโง่เง่าที่ถูกเขาทอดทิ้งให้ตรอมใจตายอย่างเดียวดาย เมื่อสวรรค์เมตตาให้ ปลายพู่กันจันทรา ได้เริ่มเขียนชีวิตบทใหม่ นางจึงไม่ขอหวนกลับไปสู่เส้นทางรักที่พังพินาศอีก ชาตินี้ข้าจะไม่เป็นเพียงภรรยาในเงาของใคร ข้าจะใช้ไหวพริบและความรู้ที่มีสร้างอาณาจักรผ้าไหมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแคว้น แต่ไฉนเลย องค์ชายหานเย่ว์ ผู้นั้นที่เคยเย็นชาใส่ข้า ถึงได้มานั่งเฝ้าหน้าโรงเตี๊ยมของข้าทุกวัน ท่านเจ้าคะ... ท่านมาขอคืนดีหรือมาขอแบ่งกำไรจากร้านของข้ากันแน่ เมื่อท่านยอมลดศักดิ์ศรีมานั่งปอกผลไม้ในครัวให้ข้า ข้าก็ต้องยอมรับว่า...'ท่านอดีตสามีผู้เย็นชา' เริ่มมีท่าทางน่ารักจนใจข้าหวั่นไหวเสียแล้ว
Lihat lebih banyakกลิ่นกำยานอ่อนจางลอยกรุ่นอยู่ในอากาศยามเช้าตรู่ ไอเย็นกระทบผิวกาย ซูเหยาปรือตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ความรู้สึกแรกที่กระทบสัมผัสไม่ใช่ความเหน็บหนาวของพื้นหินเย็นเยียบ ไม่ใช่ความเจ็บปวดจากการตรอมใจจนธาตุไฟแตกดับ หากแต่เป็น ความอ่อนนุ่มของผ้าห่มต่วนหนา ที่กำลังโอบล้อมกายเอาไว้
นางยังไม่ตาย?
ดวงตาที่เคยปราศจากแววของซูเหยาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ความสงบเยือกเย็นที่ฝึกฝนมาเนิ่นนานในความว่างเปล่าของความตาย ไม่อาจต้านทานความสับสนที่ถาโถมเข้ามาได้ นางพลิกกายลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า ภายใต้ผ้าม่านเตียงที่ทอจากไหมเนื้อดี ประดับด้วยพู่หยกงดงาม แสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณสาดส่องลอดเข้ามาเบาบางจนมองเห็นฝุ่นผงเต้นระยิบระยับในอากาศ
ที่นี่คือ... ห้องนอนของนางในจวนตระกูลซู
ห้องนอนที่คุ้นเคยเสียจนความเจ็บปวดระลอกใหญ่ไหลบ่าเข้าท่วม
ซูเหยาหลับตาลงอย่างอ่อนล้า สัมผัสที่ปลายนิ้วยังคงรู้สึกถึงความ "มีชีวิต" ของเลือดเนื้อและลมหายใจ นางแตะลงบนทรวงอกของตนเอง หัวใจ... กำลังเต้นอยู่จริง ๆ
ความทรงจำจากชาติที่แล้วที่ควรจะกลายเป็นเถ้าธุลี กลับชัดเจนราวภาพวาดที่เพิ่งเขียนเสร็จ ซูเหยา คือภรรยาโง่เง่าที่หลงรัก องค์ชายหานเย่ว์ จนยอมละทิ้งศักดิ์ศรีของตระกูลขุนนางผู้ดีงาม ยอมทุ่มเททั้งชีวิตจิตใจเพื่อผู้ชายที่ไม่มีวันมองเห็นคุณค่าของนาง
นางเฝ้ารอเขาอยู่ที่เรือนรองอย่างโดดเดี่ยว ในขณะที่เขามีสนมและอนุมากมาย นางยอมถูกเหยียดหยาม ถูกทอดทิ้ง และสุดท้าย... นางก็ตรอมใจตายอย่างเดียวดาย ไม่มีแม้แต่หน้าขององค์ชายผู้นั้นมาดูใจเป็นครั้งสุดท้าย
‘ซูเหยา... เจ้ามันโง่เง่าจริง ๆ’
ความเจ็บปวดจากพิษรักที่กัดกินจนสิ้นลมในอดีต ยังคงหลงเหลือความขมขื่นไว้ให้สัมผัสแม้จะย้อนเวลากลับมาแล้วก็ตาม ทว่า... ความเจ็บปวดนั้นกลับกลายเป็นพลังงานบางอย่างที่แกร่งกร้าว
นางกวาดสายตาไปรอบห้องอีกครั้งอย่างละเอียด นางเห็นชุดแต่งงานที่ยังอยู่ในหีบผ้าไหมสีแดงมงคล เห็นเครื่องประดับทองคำที่มารดาสั่งทำพิเศษสำหรับงานอภิเษกที่กำลังจะมาถึง
นี่คือ ช่วงเวลาก่อนที่นางจะเริ่มก่อความผิดพลาดอันใหญ่หลวง
เป็นช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับองค์ชายยังอยู่ในระดับ 'การหมั้นหมาย' ยังไม่ได้ก้าวไปสู่จุดที่ความรักกลายเป็นความผูกพันและหนี้แค้นที่ยากจะสะสาง ในตอนนี้นางยังคงเป็นเพียงบุตรีตระกูลซูผู้สูงศักดิ์ ยังไม่ถูกตราหน้าว่าเป็น 'ภรรยาโง่เง่า' ที่ไม่รู้จักดูแลตัวเอง
ซูเหยาพรูลมหายใจออกมาอย่างช้า ๆ ความรู้สึกวุ่นวายภายในจิตใจถูกระงับไว้
ชาติที่แล้ว... นางทุ่มเททั้งชีวิตให้ความรักที่ไร้ค่า
ชาตินี้... นางจะไม่ยอมสูญเสียลมหายใจนี้ไปเพราะผู้ชายคนเดิมอีกเป็นอันขาด
นางลุกจากเตียงไปยังหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หญิงสาวในกระจกมีใบหน้าอ่อนเยาว์และงดงาม ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส ไม่มีความหมองคล้ำและร่องรอยของการตรอมใจเหมือนซูเหยาที่สิ้นลมในอดีต
นางยื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าตนเอง นี่คือร่างกายที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เป็นร่างกายที่ยังสามารถสร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาใหม่ได้
"องค์ชายหานเย่ว์..." นางเอ่ยชื่อนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ หากแต่เต็มไปด้วย ความเหินห่างที่ไม่สามารถข้ามผ่านได้
‘ท่านอาจเป็นรัชทายาทที่สูงส่ง อาจเป็นชายที่งดงามที่สุดในใต้หล้า... แต่สำหรับข้าในชาตินี้ ท่านก็เป็นเพียงคนแปลกหน้าผู้หนึ่งเท่านั้น’
ความคิดของซูเหยาไม่ได้เต็มไปด้วยความแค้นอาฆาต หากแต่เต็มไปด้วย ความสงบและการปลดปล่อย นางเลือกที่จะไม่แก้แค้นด้วยวิธีการทำลายชีวิตผู้อื่น เพราะการแก้แค้นที่ดีที่สุดคือการสร้างชีวิตใหม่ให้เหนือกว่าในอดีต
นางย้อนเวลากลับมาพร้อมกับ ความทรงจำของนักธุรกิจหญิงผู้เก่งกาจ ที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในโลกอนาคตที่เต็มไปด้วยการแข่งขันทางการค้า และความรู้นั้นจะกลายเป็นอาวุธที่คมคายที่สุดของนาง
ซูเหยาเดินไปยังตู้ไม้เนื้อดีที่ตั้งอยู่มุมห้อง นางเปิดลิ้นชักที่เคยเป็นที่เก็บสมบัติล้ำค่าที่สุดในชีวิตของซูเหยาคนเก่า
ข้างในมีจดหมายรักที่เขียนค้างไว้ มีพู่หยกแกะสลักรูปมังกรที่ตั้งใจจะมอบให้องค์ชายหานเย่ว์ในงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ และมีปิ่นปักผมที่นางเคยแอบซื้อมาจากช่างฝีมือดีที่องค์ชายเคยเอ่ยชม
นางใช้ปลายนิ้วแตะลงบนปิ่นหยกนั้น เพียงครู่เดียวก็ชักมือกลับ ราวกับว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเชื้อโรคที่น่ารังเกียจ นางไม่มีความรู้สึกใด ๆ เหลืออยู่เลย นอกจากความว่างเปล่า
นางกวาดทุกสิ่งลงในกล่องไม้ใบเล็ก นำไปวางไว้ข้างเตาผิงสำหรับอุ่นกายยามฤดูหนาว แม้ตอนนี้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิ แต่เตาผิงก็ยังคงมีเชื้อไฟอยู่
เปลวไฟสีแดงฉานค่อย ๆ กลืนกินกระดาษที่บรรจุความรู้สึกอันโง่เขลาของนางในชาติที่แล้ว แสงไฟสะท้อนในดวงตาของซูเหยาอย่างเฉยเมย นางเฝ้ามองอดีตที่เคยทำลายชีวิตตัวเองถูกเผาผลาญจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
"ความรักที่ทำให้ข้าตรอมใจตาย... ก็ควรจะตายไปพร้อมกับความทรงจำอันโง่เขลานั้น"
นางใช้เท้าเขี่ยเถ้าถ่านที่หลงเหลืออยู่ให้มอดดับลงอย่างสมบูรณ์
สิ้นแล้ว... เพลิงผลาญแห่งความรักที่ว่างเปล่า
ซูเหยาเงยหน้าขึ้นมองเพดานไม้ที่งดงามของห้องนอน นางไม่ได้คิดถึงองค์ชายหานเย่ว์อีกต่อไป ในหัวของนางเต็มไปด้วยแผนการที่วางซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ราวกับกลยุทธ์ของนักบริหารมืออาชีพ
เป้าหมายใหม่ของนางคือการสร้าง อาณาจักรผ้าไหม ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแคว้น
นางก้าวลงจากเตียง สวมชุดคลุมเรียบง่าย แล้วเดินออกไปจากห้องอย่างสงบ
ซูเหยาคนเก่าที่เคยอ่อนแอได้ตายลงไปแล้วจริง ๆ
ซูเหยาคนใหม่ กำลังจะเริ่มต้นชีวิตในฐานะ นายหญิงผู้ยิ่งใหญ่
เขาเริ่มเห็น 'เสน่ห์' ที่มาจากอำนาจและความสามารถของนาง เป็นเสน่ห์ที่แข็งแกร่งและดึงดูดใจอย่างร้ายกาจ มันแตกต่างจากความงามที่อ่อนหวานอย่างสิ้นเชิงหลังจากจัดการกับพ่อค้าเฉินได้แล้ว ซูเหยาเดินกลับไปที่เรือนรับรองของโรงงานทันที นางนัดหมายประชุมกับ ท่านหลิว พ่อค้าส่งรายใหญ่ที่ได้สั่งซื้อผ้าไหมของฉื่อเยว่ไปในปริมาณมหาศาล เพื่อหารือเรื่องการขยายตลาดไปยังแคว้นทางใต้องค์ชายหานเย่ว์ ในนามพ่อค้าแซ่หาน ไม่ยอมพลาดโอกาสนี้ จึงพยายามหาช่องทางเข้าถึงและแสดงความสามารถ เขารีบตามเข้าไปในห้องประชุมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จางซื่อจะทันขวางไว้"เรียนนายหญิงซู ในฐานะพ่อค้าที่สนใจลงทุนในธุรกิจผ้าไหม ข้าขออนุญาตเข้าร่วมรับฟังการประชุมเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมงานได้หรือไม่" องค์ชายกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและเป็นมืออาชีพที่สุดซูเหยาปรายตามองเขาเล็กน้อย นางรู้ว่าพ่อค้าแซ่หานผู้นี้ไม่ได้มาเพื่อลงทุน แต่มาเพื่อตามติดนาง นางไม่ได้ปฏิเสธอย่างโจ่งแจ้ง "เชิญท่านพ่อค้าแซ่หาน" นางจัดให้เขานั่งที่มุมห้องในฐานะผู้สังเกตการณ์เท่านั้นซูเหยาเริ่มนำเสนอแผนการขยายตลาดอย่างเป็นระบบ นางกางแผนที่ขนาดใหญ่ออกมา และชี้ไปยั
"พ่อค้าแซ่หาน ทางเรามีห้องพักที่สะอาดและปลอดภัยที่สุดรอท่านอยู่เจ้าค่ะ กรุณาชำระค่าห้องพักเป็นรายสัปดาห์ ท่านจะได้รับกุญแจสำหรับล็อคห้องพักและตู้นิรภัยส่วนตัวทันที" ชิงหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรตามที่ถูกฝึกฝนมา"อืม ข้าเป็นพ่อค้าที่เดินทางมาไกล ข้าหวังว่าการมาเยือนตงไห่ครั้งนี้จะได้พบปะกับพ่อค้าท้องถิ่นที่น่าสนใจ" เขาพยายามพูดให้ดูเหมือนพ่อค้าทั่วไปชิงหลิงเพียงโค้งคำนับ "แน่นอนเจ้าค่ะ ที่โรงเตี๊ยมซูแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของพ่อค้าจากหลายแคว้น หวังว่าท่านจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์นะเจ้าคะ" นางไม่แสดงความสนใจในตัวเขาเกินความจำเป็นองค์ชายเดินตามชิงหลิงไปยังห้องพัก เขาสำรวจทุกตารางนิ้วด้วยสายตาที่เฉียบคม ห้องพักที่ไม่หรูหรานั้นเต็มไปด้วยความใส่ใจในรายละเอียด เตียงนอนสะอาดสะอ้าน ผ้าห่มอบอุ่น ไม่มีกลิ่นอับชื้น และมีตู้เก็บของที่มีกุญแจโลหะแข็งแรงติดอยู่จริงเขาต้องยอมรับอย่างเงียบ ๆ ว่า โรงเตี๊ยมซู แห่งนี้ มีระบบจัดการที่เฉลียวฉลาดอย่างน่าตกตะลึงองค์ชายหานเย่ว์ไม่ได้พักผ่อน แต่รีบลงมายังห้องโถงหลักอย่างรวดเร็ว เขาสั่งชาสมุนไพรมาจิบ แล้วเลือกโต๊ะที่อยู่ใกล้กับโต๊ะทำงานของซูเหยามากที
เขาเรียกประชุมเจ้ากรมที่เกี่ยวข้องกับการค้าชายแดน"ช่วงนี้มีรายงานเรื่องเส้นทางการค้าบริเวณเมืองตงไห่ล่าช้าและมีการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายมากนัก" องค์ชายกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาตามปกติ "ข้าจะเดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ด้วยตนเอง เพื่อจัดระเบียบการค้าและหาช่องทางในการจัดหาวัตถุดิบคุณภาพดีเข้าสู่โรงงานหลวง"ทุกคนยอมรับคำสั่งขององค์ชายอย่างไม่มีข้อสงสัย เพราะดูสมเหตุสมผลและเหมาะสมกับตำแหน่งของเขา แต่ในใจขององค์ชาย เขารู้ดีว่า เขาไปเพื่อดูซูเหยา ไปดูว่าสตรีที่เคยหลงรักเขาจนโง่เง่าผู้นั้น ได้เปลี่ยนไปเป็นคนใหม่ที่เฉลียวฉลาดได้อย่างไรองค์ชายตัดสินใจที่จะไม่เดินทางไปในฐานะรัชทายาทผู้สูงศักดิ์"หลี่กงกง เตรียมชุดเดินทางให้ข้า ข้าต้องการชุดผ้าฝ้ายธรรมดาที่ดูเหมือนพ่อค้าหรือนักเดินทาง ไม่ใช่ชุดปักไหมทองของวัง"หลี่กงกงชะงักไปเล็กน้อย "ทูลองค์ชาย ท่านจะปลอมตัวไปในฐานะพ่อค้าหรือพ่ะย่ะค่ะ เกรงว่า... ออร่าและรูปโฉมของท่านอาจจะทำให้การปลอมตัวไม่สำเร็จนะพ่ะย่ะค่ะ"องค์ชายปรายตามองอย่างเย็นชา ทำให้หลี่กงกงรีบโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว องค์ชายเลือกชุดที่เรียบง่ายที่สุด แต่แม้จะเรียบง่ายเพียงใด ผ้าที่ทอก็ย
ตำหนักบูรพาของ องค์ชายหานเย่ว์ ในเมืองหลวงยังคงโอ่อ่าสง่างามตามปกติ องค์ชายผู้เป็นรัชทายาทในอนาคตกำลังนั่งพิจารณาฎีกาการเก็บภาษีฤดูใบไม้ผลิด้วยท่าทีเย็นชา โต๊ะทำงานของเขาเต็มไปด้วยเอกสารสำคัญ ไม่มีสิ่งของไร้สาระใด ๆ วางอยู่เขาใช้ชีวิตอย่างปกติ... ทว่าความปกติที่แสนจะสมบูรณ์แบบนี้กลับมี ความรู้สึก 'ขาดอะไรบางอย่าง' ไปอย่างประหลาด ปกติแล้ว ไม่ว่าจะเช้าหรือเย็น โต๊ะทำงานของเขาจะต้องมีจดหมายรักที่เขียนด้วยลายมือบรรจง หรือของว่างที่ถูกส่งมาจาก ซูเหยา ‘ไร้สาระ’ องค์ชายคิดอย่างหงุดหงิด เขามักจะคิดว่าคำอ้อนวอนและของขวัญเหล่านั้นเป็นเรื่องไร้แก่นสารที่รบกวนสมาธิ แต่ตอนนี้... เมื่อความวุ่นวายนั้นหายไป ความสงบที่ได้รับกลับไม่เป็นที่พึงพอใจเลยแม้แต่น้อยองค์ชายหานเย่ว์ตระหนักว่าเขาไม่ได้เห็นหรือได้ยินเรื่องของซูเหยามาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว นับตั้งแต่ที่นางปฏิเสธคำเชิญร่วมงานเลี้ยงบุปผา"หลี่กงกง" องค์ชายเรียกขันทีคนสนิทด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่แฝงความหงุดหงิดที่ไม่สามารถซ่อนได้ "เหตุใดเจ้ากรมซูจึงยังไม่กลับจากเมืองตงไห่ และเหตุใด... ข้าถึงไม่ได้รับรายงานการเตรียมตัวอภิเษกของสตรีผู้นั้นเลย"
"หากทรัพย์สินของท่านหายไปในขณะที่พักอยู่ในโรงเตี๊ยมซู ทางเราจะรับผิดชอบชดใช้เต็มจำนวน" ข้อเสนอนี้ดึงดูดพ่อค้าที่ต้องเดินทางพร้อมเงินจำนวนมากได้ทันทีหนึ่งเดือนถัดมา โรงเตี๊ยมซู ก็กลายเป็นชื่อที่ถูกกล่าวถึงอย่างหนาหูในหมู่พ่อค้าและนักเดินทางที่ผ่านเข้าออกเมืองตงไห่ ทุกเย็น ซูเหยาจะมานั่งในห้องโถงโรงเตี๊ยมเพื่อตรวจบัญชี และสิ่งที่นางได้รับไม่ได้มีเพียงเงินทอง แต่คือ ข้อมูลข่าวสารที่มีค่า นางได้ยินเรื่องเส้นทางการค้าใหม่ ๆ การเก็บภาษีที่เข้มงวดของแคว้นใกล้เคียง และแม้กระทั่งข่าวลือเกี่ยวกับความไม่สงบทางการเมืองที่อาจกระทบต่อกิจการของนางกิจการผ้าไหม ฉื่อเยว่ และ โรงเตี๊ยมซู ต่างทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง รายได้รวมของกิจการทะลุเป้าหมายที่นางวางไว้ในช่วงสามเดือนแรก ความมั่นคงทางการเงินนี้มอบอิสรภาพที่นางปรารถนาซูเหยานั่งคำนวณตัวเลข ทรัพย์สินที่นางสร้างขึ้นด้วยตนเองในเมืองตงไห่ มีมูลค่าเกินกว่าสินเดิมที่นางเคยมีเมื่อครั้งอยู่ในเมืองหลวง ทว่า ความสงบสุขก็ไม่ได้อยู่ยืนยาวตลอดไปจดหมายที่ส่งมาจากมารดาของนางที่เมืองหลวง เริ่มมีน้ำเสียงที่แสดงความกังวลมากขึ้น"เหยาเอ๋อร์... เจ้าควรกลับมาเยี่ยมพ่
ท่านผู้เฒ่าหลิวมองซูเหยาด้วยความแปลกใจ นางเป็นสตรีที่งดงามเกินกว่าจะเป็นพ่อค้าทั่วไป และท่วงท่าก็สง่างามเกินกว่าจะมาขายของในตลาด"นายหญิงซู... ท่านมาถึงที่นี่มีธุระอันใดกับหลิวผู้เฒ่าหรือ"ซูเหยาไม่ได้กล่าวคำทักทายที่ยืดยาว นางเปิดหีบผ้าไหมออกอย่างช้า ๆ ผ้าไหมย้อมเย็นสีแดงมงคลสะท้อนแสงไฟในห้องอย่างสวยงาม สีสันที่สดใสและเนื้อผ้าที่นุ่มนวลอย่างประหลาด ทำให้ท่านผู้เฒ่าหลิวต้องลูบผ้าอย่างพิถีพิถัน"ท่านหลิว ข้าทราบว่าสินค้าผ้าไหมในตลาดตอนนี้ไม่ได้สร้างความแตกต่างให้แก่ท่านเลยแม้แต่น้อย แต่ผ้าไหม ฉื่อเยว่ ชุดใหม่นี้แตกต่างกัน" ซูเหยาเริ่มการเจรจา"ผ้าไหมทั่วไปมีสีที่ซีดจางง่ายและไม่ทนทานต่อความชื้น แต่ผ้าไหมย้อมเย็นของข้ามีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า ข้ากล้าให้ 'การรับประกัน' แก่ท่าน หากผ้าไหมของข้ามีปัญหาเรื่องสีตกหรือความคงทนภายในหนึ่งปี ข้าจะยินดีรับคืนสินค้าทั้งหมดและชดเชยค่าเสียหายเต็มจำนวน"ข้อเสนอการรับประกัน ในธุรกิจผ้าไหมยุคโบราณเป็นเรื่องที่ไม่มีใครกล้าทำ "คุณภาพดีเยี่ยมจริง ๆ นายหญิงซู แต่... ราคาขายส่งของท่านสูงกว่าราคาตลาดถึงหนึ่งในสิบส่วน""ราคาที่สูงกว่าของข้า แต่แลกกับการที






Komen