Share

ตอนที่9 ท่านหญิงจวินจู่

last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-21 17:11:06

 เช้าวันต่อมา ฮ่องเต้ได้ส่งของรางวัลมาให้ว่านชิงอีที่จวน ซึ่งปกติคนที่นำมาจะเป็นหวังกงกง ขันทีคนสนิทของฮ่องเต้ แต่ว่าหวังกงกงถูกจับขังคุก ยังหาขันทีมารับตำแหน่งไม่ได้ ฮ่องเต้จึงให้ราชเลขามาส่งแทน

 “คุณหนูว่านชิงอีรับราชโองการ เนื่องจากคุณหนูว่านชิงอี มีความรู้ความสามารถ อีกทั้งกิริยามารยาทงดงาม จึงขอแต่งตั้งให้เป็นท่านหญิงจวินจู่ พระราชทานทองคำ10หีบผ้าไหม100พับ ตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึง จบราชโองการ” ฮูหยินผู้เฒ่ารีบให้คนหยิบถุงเงินให้กับราชเลขาเพื่อเป็นการขอบคุณ

 ราชเลขากลับไปนานแล้วแต่คนสกุลจ้าวยังคงคุกเข่าตกในภวังค์ของตน ทุกอย่างคล้ายดั่งความฝัน เสมือนเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริง ว่านชิงอีให้เสี่ยวหมานประคองไปนั่ง แล้วนางก็นั่งมองพวกเขาอย่างเบื่อหน่ายและเอือมระอา พวกเขามีอาการแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว พอมาวันนี้อาการยิ่งหนักกว่าเดิม แต่พอนางจะเรียกให้พวกเขาลุกขึ้น คนจากจวนอ๋องก็เข้ามา 

 “ทูลท่านหญิงจวินจู่ ท่านอ๋องให้ส่งตั๋วเงินมาขอบคุณหนึ่งหมื่นตำลึงพ่ะย่ะค่ะ” ว่านชิงอีแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง นางขอเขาห้าพันตำลึงเขาให้มาหนึ่งหมื่น ให้ประชดนางหรือเปล่านะ พอนางหันกลับมามองพวกเขาที่นั่งคุกเข่าอยู่ ก็ต้องกลอกตามองบน อาการหนักว่าก่อนหน้านี้อีก นางจึงรีบให้เสี่ยวหมานประคองพานางกลับเรือน ปล่อยให้พวกเขาหลุดออกมาจากความฝันและได้สติได้เองแล้วกัน

 สามวันถัดมาข่าวพระราชทานบรรดาศักดิ์แต่งตั้งคุณหนูสามว่านชิงอี เป็นท่านหญิงจวินจู่ แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนต่างพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหู ในความไม่เหมาะสมกับตำแหน่งท่านหญิงจวินจู่ เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีใครไม่รู้ว่า คุณหนูสามสามมีนิสัยเช่นไร ผู้คนยังคงติดภาพจำของว่านชิงอีคนเดิม เพราะไม่รู้ว่านางได้เปลี่ยนไปแล้ว

 บนโรงน้ำชาจินไฉ่ชั้นสองห้องพิเศษ สำหรับเชื้อพระวงศ์และคุณหนูคุณชาย ที่มักให้คนมาจองเวลาออกมาข้างนอกเพื่อแวะดื่มชาและกินอาหาร เหว่ยอ๋อง เจินซีห่าว องค์รัชายาทเจินเฟยเทียน นั่งอยู่ห้องริมระเบียงที่มองเห็นด้านล่างได้อย่างชัดเจน ฟังผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมของคุณหนูสามถึงตำแหน่งที่ได้รับ องค์รัชทายาทนั่งฟังอยู่นานก็เอ่ย

 “ข้าไม่เข้าใจเหตุใดเสด็จพ่อถึงแต่งตั้งนาง ในเมื่อชื่อเสียงของนางแย่ขนานนี้” แต่เหว่ยอ๋องและองค์ชายเจินซีห่าวกลับนั่งเงียบ ไม่ออกความคิดเห็นใดๆ สร้างความแปลกใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก

 “พวกเจ้าไม่แสดงความคิดเห็นหน่อยหรือ?”

 “ก็ข้าไม่มีความคิดเห็น” เหว่ยอ๋องเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะยกชาขึ้นจิบอย่างเฉื่อยชา 

 “ข้าก็ไม่มีเหมือนกัน” องค์ชายเจินซีห่าวเอ่ยขึ้นมาบ้าง ทำเอารัชทายาทยิ่งแปลกใจ สตรีนางนั้นชื่อเสียงไม่ดีผู้คนต่างไม่เห็นด้วย แต่เขาสองคนกลับไม่มีความคิดเห็น แปลกเกินไป เขาเริ่มมองอย่างจับผิด มีอะไรที่เขาพลาดไปหรือไม่ เขาต้องหาทางสืบหาข้อมูล เพราะพวกเขามีท่าทีน่าสงสัย

 เหว่ยอ๋องนั่งจิบชามองผู้คนเดินไปมา ก่อนสายตาจะไปสะดุดกับ สตรีเยาว์วัยใบหน้าแสนงดงามที่แสนจะคุ้นตา ก่อนเขาจะสะกิดเจินซีห่าวให้ดู เจินซีห่าวพอเห็นก็จำได้ทันที วันนี้นางดูสวยแปลกตาไปจากวันนั้น หรือเพราะการแต่งกายที่เปลี่ยนไป เขาคิดว่าอีกไม่นานนางจะเติบโตงดงามบานสะพรั่ง ในแคว้นนี้คงหาใครเทียบได้ เหว่ยอ๋องให้อู่ถงลงไปแจ้งนางว่าเขาเชิญ อู่ถงที่วิ่งลงไปด่านล่างเห็นท่านหญิงจวินจู่ กำลังจะเข้าไปนั่งในร้านริมถนน จึงรีบเข้าไปแจ้งต่อนางทันที ว่านชิงอีหันมองบนชั้นสองก็เห็นเหว่ยอ๋องนั่งอยู่ก็ถอนใจ นางอยากออกมานั่งกินอะไรแบบง่ายๆ สบายๆ นางไม่อยากไปกินบนนั้น แต่ก็ขัดไม่ได้

 พอขึ้นมาถึงชั้นสองอู่ถงก็พาไปยังห้องริมระเบียง ซึ่งมีสามบุรุษนั่งอยู่ ว่านชิงอียอบกายทำความเคารพก่อนอู่ถงจะยกเก้าอี้มาให้นางนั่ง พอนั่งลงนางก็เอ่ยปากทันที

 “ท่านอ๋องมีอะไรหรือเพคะ หม่อมฉันอยากกินบะหมี่ร้านนั้น ไม่ได้อยากกินอาหารที่นี่” นางเอ่ยความต้องการของนางออกไปทันที เพราะไม่อยากอยู่สนทนากับเขานาน รัชทายาทที่ยามนี้อยากรู้เหลือเกินว่าสตรีนางน้อยนี้คือใคร พยายามเงี่ยหูฟังอย่างเต็มที่

 “ข้อเท้าเจ้าหายดีแล้ว?” เขาเลิกคิ้วถามอย่างตำหนิเพราะเพิ่งผ่านไปสามวัน ข้อเท้านางไม่มีทางหายดี

 “ท่านหญิงข้อเท้าท่านเป็นอะไร?” เจินซีห่าวเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง องค์รัชทายาทพอรู้ว่านางคือว่านชิงอีที่ถูกแต่งตั้งเป็นท่านหญิง ก็รู้สึกไม่พอใจเพราะได้ฟังชื่อเสียงด้านแย่ๆ ของนางมาทั้งวัน

 “ท่านหญิง!” ว่านชิงอีหันไปตามเสียงเรียกทันที องค์รัชทายาทเจินเฟยเทียน พอสบตากับนางตรงๆ ถึงกับชะงักเสียอาการ นางช่างงดงามเหมือนตุ๊กตากระเบื้องชั้นดี ผิวพรรณขาวอมชมพูดั่งผลลูกท้อ แม้จะดูเยาว์วัยแต่อีกหน่อยคงงามหาใครเทียบ ว่านชิงอีมองเขาอย่างไม่เข้าใจ เรียกแต่ไม่พูดเอาแต่มอง คนบ้าอะไรเนี้ยะ

 เหว่ยอ๋องคิ้วกระตุกเมื่อเห็นอาการของรัชทายาท ส่วนเจินซีห่าวเริ่มหงุดหงิดที่รัชทายาทให้ความสนใจท่านหญิง ส่วนท่านหญิงไม่รู้เรื่องราวใดๆ ที่บุรุษคิดเลยสักนิด ก่อนนางจะดึงแขนเสื้อเหว่ยอ๋องเบาๆ

 “ท่านอ๋องหม่อมฉันหายดีแล้วเพคะ ถ้าอย่างไรหม่อมฉันขอตัวไปกินบะหมี่ร้านนั้น”

 “หากท่านอยากกิน ข้าจะไปด้วย” เหว่ยอ๋องเอ่ยขึ้น ว่านชิงอีได้ยินเช่นนั้น จากอารมณ์ไม่ดีกลายเป็นยินดีโดยทันที มีคนจ่ายค่าบะหมี่แล้ว ก่อนนางจะลุกแล้วดึงแขนเขาลุกด้วย

 “ไปกันเพคะวันนี้ท่านอ๋องจ่าย องค์ชายไปกันเพคะ” ท่านหญิงจวินจู่ยามนี้แสนรื่นเริงเพราะอยู่ๆ ก็มีเจ้ามือ เหว่ยอ๋องส่ายหัวกับความเจ้าเล่ห์ของนาง ส่วนรัชทายาทรีบตามพวกเขาไป เพราะเขาจะไม่ยอมพลาดอะไรอีกแล้ว

 พอหาที่นั่งได้เรียบร้อยว่านชิงอีก็ให้บ่าวที่ติดตามนางมาและเสี่ยวหมานไปนั่งอีกโต๊ะ และให้พวกเขาสั่งบะหมี่มากินนางทิ้งเงินไว้กับเสี่ยวหมานไว้จ่ายค่าบะหมี่ เพราะหากให้เหว่ยอ๋องมาจ่ายทั้งหมดก็ดูยังไงอยู่ ส่วนนางคนเดียวเขาคงไม่ว่าอะไร บะหมี่สี่ชามถูกนำมาวางบนโต๊ะ ว่านชิงอีสูดดมกลิ่นของน้ำซุปอย่างพอใจและมีความสุข ก่อนจะหันไปเห็นพวกเขานั่งมองชามบะหมี่และไม่ยอมลงมือ 

 “เป็นอะไรเพคะไม่หิวเหรอ?”

 “ข้าไม่ชอบต้นหอม/ข้าไม่ชอบกระเทียมเจียว/ข้าไม่ชอบผักชี/” ว่านชิงอีกลอกตามองบน ภาระชัดๆ ไม่น่าเลยว่านชิงอี

 “ไม่ชอบก็คีบออกสิเพคะ” พวกเขาก็ยังนั่งเฉยอยู่ทำเอานางปวดหัวขึ้นมาทันที ก่อนจะเลื่อนชามบะหมี่มาคีบสิ่งที่พวกเขาไม่ชอบใส่ถ้วยของนาง คิดอยากจะกินฟรีเป็นไงละ เสร็จแล้วก็เลื่อนชามไปให้พวกเขา และจะเริ่มกินบะหมี่ในถ้วยของตน แต่แล้วจู่ๆ ก็มีร่างของสตรีนางหนึ่งร่างกายชุ่มไปด้วยเลือดมายืนอยู่ข้างๆ ว่านชิงอีไม่ใช่คนกลัวผี แต่วิญญาณตนนี้แผลเหวอะหวะและเลือดเต็มตัว ทำให้นางตกใจกระโดดไปนั่งตักเหว่ยอ๋อง และคว้าลำคอเขาไว้แน่น เขาเองก็คว้าเอวนางไว้ทันทีเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รัชทายาทและเจินซีห่าวมองนางอย่างตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่พวกเขาตกใจมากกว่าคือนางและเหว่ยอ๋องไปสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อใด

 “ท่านอ๋องมีวิญญาณมายืนอยู่ข้างๆ หม่อมฉัน” นางกระซิบบอกเขาเบาๆ เพราะกลัวคนอื่นจะตกใจ ก่อนนางจะรีบลงจากตักเขา แล้วส่งจิตคุยกับปิงปิง” ปิงปิงเจ้าลองไปคุยกับนางได้เรื่องอย่างไร มาเล่าให้ข้าฟัง” ปิงปิงจึงเข้ามาจูงมือวิญญาญนางนั้นออกไป หลังจากวิญญาณตนนั้นไปแล้วนางก็กินอาหารไม่ลง ได้แต่หมุนบะหมี่ในชามไปมา วิญญาณตนนั้นร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ก่อนเสียชีวิตต้องทรมานมากแน่

 

สนุกไม่สนุกเม้นท์มาคุยกันได้นาาาาา

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่17 ทดสอบสติปัญญาและความสามารถ

    เหล่าบรรดาขุนนางพากันปาดเหงื่อกับปริศนาคำทายของท่านหญิง เหล่าคุณหนูและฮูหยิน ต่างพากันขบคิดกับปริศนาคำทายกันอย่างขะมักเขม้น แม้แต่เหว่ยอ๋อง เจินซีห่าว และรัชทายาท ก็พากันขบคิดว่าปริศนาคำทายนี้หมายถึงสิ่งใด นางบอกเริ่มที่ง่ายๆ ก่อน อันนี้ง่ายสุดแล้วใช่หรือไม่ ฮ่องเต้แอบดูคำตอบที่นางให้มาก็แอบยิ้มด้วยความสะใจ คำตอบที่ส่งมาให้ฮ่องเต้ตรวจคำตอบยังไม่มีใครที่ตอบถูกเลยสักคน การสั่งสอนคนบางทีก็ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังเสมอไป ธูปที่จุดบอกเวลาไหม้ลงเรื่อยๆ สร้างความกดดันให้กับเหล่าขุนนางเป็นอย่างมาก ก่อนขันทีจะประกาศหมดเวลา ทำเอาเหล่าขุนนางตกใจหน้าซีด เหตุใดเวลาถึงได้เดินเร็วนักเล่า “ทูลฝ่าบาทขอเวลาอีกสักครึ่งชั่วยามได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” ฮ่องเต้หันไปมองว่านชิงอี ว่าจะเอาอย่างไร นางก็พยักหน้าให้โอกาสอีกครึ่งชั่วยาม “ได้เราจะให้เวลาอีกครึ่งชั่วยาม หากยังไม่ได้คำตอบก็ถือว่าไม่มีใครหาคำตอบได้ เราจะเก็บของรางวัล500ตำลึงเข้ากองคลัง” ไม่นานครึ่งชั่วยามก็มาถึงอีกครั้ง เหล่าขุนนางเหงื่อตก เพราะไม่สามารถคิดหาคำตอบได้ทันเวลา “เอาละหมดเวลาแล้ว วันนี้ท่านหญิงได้ทำให้เราได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อย ขุนนางของเ

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่16 ปริศนาคำนาย

    หลังจากเรื่องราวคลี่คลาย ทุกอย่างก็กลับมาปกติอีกครั้ง วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลอง การแต่งตั้งท่านหญิงจวินจู่ ซึ่งฝ่าบาทจัดงานนี้เพื่อนางโดยเฉพาะ ตระกูลต่างๆ มาพร้อมฮูหยินและคนในครอบครัว แม้จะไม่ยินดีที่จะมาร่วมงาน แต่ก็ไม่อาจขัดพระประสงค์ของฝ่าบาทได้ พองานใกล้เริ่มทุกคนก็พากันไปนั่งประจำที่ ที่ทางวังหลวงจัดเอาไว้ตามตำแหน่งของแต่ละคน วันนี้ท่านหญิงจวินจู่มาในชุดอาภรณ์สีขาวขลิบสีชมพูอ่อน ประดับด้วยปิ่นหยกสีขาวเข้าชุด นางไม่ได้ประโคมแต่งมากจนเกินไป ตั้งใจให้ดูเรียบๆ แต่ดูดี ถึงจะเป็นเจ้าของงาน แต่ก็ไม่อยากโดดเด่นจนเกินไป พอนางมาถึงบริเวณจัดงาน ก็เห็นวิญญาณของพระสนมกุ้ยเฟยยืนรออยู่ นางส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “วันนี้เจ้าดูงดงามมาก” “ขอบพระทัยเพคะ” ว่านชิงอียิ้มหวานให้พระสนม และก้าวเดินเข้างานไปพร้อมกับนาง ก่อนจะไปยอบกายถวายความเคารพฮ่องเต้ต่อหน้าพระที่นั่ง “ท่านหญิงวันนี้ท่านดูงดงามมากจริงๆ เอาละไปนั่งที่ของท่านเถิดงานจะเริ่มแล้ว” ฮ่องเต้เจินเฉินหลงกล่าวอย่างยิ้มแย้มอารมณ์ดี พอนางนั่งลงดนตรีก็เริ่มบรรเลง เหล่านางกำนัลก็เริ่มทำหน้าที่ ยกอาหารและสุรามาวาง ว่านชิงอีมองอาหารอย่างสนใจ อาหารในว

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่15 พระราชโองการ

    “ท่านอ๋องยามนี้ผู้คนร่ำลือถึงข่าวท่านหญิง ว่าคบบุรุษทีเดียวสามคน ซึ่งในข่าวลือมีท่านร่วมอยู่ด้วย” อู่ถงหลังจากออกไปทำธุระกลับมา ได้ยินข่าวลือเรื่องท่านหญิงจึงรีบมารายงาน “เล่ามาให้ละเอียด” อู่ถงจึงเริ่มเล่าเรื่องที่ได้ยินมาอย่างละเอียดให้เขาฟัง ยิ่งฟังเขาก็ยิ่งไม่พอใจ ใครกันนะที่สร้างข่าวพวกนี้ขึ้น แล้วนางจะทนคำพูดเหล่านี้ได้หรือไม่? ช่วงนี้เขาต้องห่างจากนางออกมาหรือว่าเขาต้องทำตัวปกติดีนะ แต่ความคิดเขาก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อองครักษ์เข้ามารายงานว่า องค์ชายซีห่าวและรัชทายาทมาขอเข้าพบ เหว่ยอ๋องถอนใจ ดีเหมือนกันพวกเขามา จะได้ช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรดี เขารู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของนางจริงๆ “เสด็จพี่ท่านได้ข่าวหรือยัง?” องค์ชายซีห่าวร้อนใจร้องถามตั้งแต่ยังเดินมาไม่ถึง “เหว่ยอ๋องเราจะทำอย่างไรกันดี นางต้องทุกข์ใจมากเป็นแน่ เรื่องนี้ข้าต้องหาต้นตอคนปล่อยข่าวให้ได้” รัชทายาทเอ่ยน้ำเสียงเจ็บแค้น กับคนสร้างข่าวลือที่ไม่เป็นจริง “เราจะโทษคนปล่อยข่าวก็ไม่ถูก พวกเราออกไปข้างนอกกับนางจริงมีคนเห็นมากมาย เราควรคิดหาวิธีดีกว่า ว่าต่อไปพวกเราจะไปมาหาสู่นางได้อย่างไร เพราะนางเหมือนจะอยากให้พวกเราช่

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่14 ข่าวลือ

    จางเจียอีพอกลับมาถึงจวน ก็รีบตรงไปหาฮูหยินจางทันที นางต้องพยายามข่มเก็บอาการเคืองขุ่นและน้อยใจรัชทายาทเอาไว้ ไม่ให้แสดงออกมา เขาปกป้องสตรีนางนั้นอย่างออกหน้า แม้เขาและนางจะยังไม่ได้หมั้นหมายแต่ แต่ก็ได้มีการพูดคุยถึงว่าจะให้หมั้นหมายกัน ตั้งแต่ตระกูลจางรับรู้ข่าวนั้น ก็ได้ให้นางเตรียมตัวฝึกฝนกิริยามารยาท เพราะหากหมั้นและแต่งกับรัชทายาท นั้นก็หมายถึงตำแหน่งฮองเฮาในวันข้างหน้า เพราะฉะนั้นนางจึงต้องฝึกฝนอย่างเข้มงวด แต่ว่าวันเวลาผ่านไปรัชทายาท ก็ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับตระกูลจาง เจอกันในงานก็เพียงทักทาย ยามนี้ยังมาแสดงท่าทีแบบนี้ ใจของนางเหมือนแหลกสลาย พอมาถึงเรือนมารดา จางเจียอีก็โผเข้ากอดนางแน่นพร้อมกับร้องไห้อย่างอัดอั้น จากนั้นก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฮูหยินจางฟัง ฮูหยินจางได้ฟังก็นึกขุ่นเคืองรัชทายาท และพาลโกรธไปถึงท่านหญิง เป็นท่านหญิงแล้วอย่างไร คิดจะแย่งบุรุษที่มีคู่หมายแล้วได้อย่างงั้นรึ แต่ว่าวันนี้บุตรสาวนางบอกมีเหว่ยอ๋อง องค์ชายซีห่าว และองค์รัชทายาท ฮึเรื่องนี้นางจะปล่อยไว้ไม่ได้ ต้องเรียกอีกสามตระกูลมาคุยกัน “ท่านแม่ข้าไม่ยอม ข้าเตรียมตัวมาตั้งหลายปี หากข้าไม่ได้แต่งกับรั

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่13 วิญญาณอยากเป็นผู้ช่วย

    “ถวายบังคมรัชทายาท ท่านอ๋อง องค์ชาย สตรีสามนางยอบกายถวายความเคารพอย่างงดงาม ตามแบบฉบับคุณหนูที่เพียบพร้อม แต่ก็ต้องชะงักเมื่อรัชทายาทเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เหตุใดไม่ทำความเคารพท่านหญิง หรือว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่าสตรีที่เพียบพร้อมเขาปฎิบัติกับคนที่สูงกว่าหรือ?” สตรีสามนางหน้าซีดเผือด ไม่คิดว่าพวกนางจะพลาดในสิ่งที่ไม่ควรพลาดเช่นนี้ “ถวายบังคมท่านหญิงจวินจู่ ขอประทานอภัยที่หม่อมฉันมีตาหามีแววไม่ ได้โปรดท่านหญิงอย่าถือสา” จางเจียอีเอ่ยออกมาอย่างอ่อนหวาน แม้ภายนอกจะแสดงออกมาว่ารู้สึกผิด แต่ภายในใจนั้นกลับสุ่มไปด้วยเพลิงโทสะจางเจียอีจิกเล็บลงไปบนฝ่ามือจนรู้สึกเจ็บ เพื่อระงับอารมณ์และความรู้สึกภายในใจ เหว่ยอ๋องยืนอยู่ด้านหลังของว่านชิงอี มีองค์ชายซีห่าวและรัชทายาทยืนประกบซ้ายขวาคล้ายดั่งองครักษ์ ยิ่งทำให้สตรีสามนางแทบอยากกรีดร้องออกมา จึงได้แต่ขอตัวและจากไปด้วยความแค้นเคือง หลังจากพวกนางไปแล้วว่านชิงอีก็หมุนกายเดินเข้าไปในร้านบะหมี่ ก่อนจะสั่งอย่างละเอียดว่าชามไหนใส่อะไรไม่ใส่อะไร ทำเอาสามบุรุษหนุ่มยกยิ้มด้วยความพอใจที่นางให้ความใส่ใจกับพวกเขา พอชามบะหมี่ถูกยกมาวางบนโต๊ะ ว่านชิงอี

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่12 บุรุษที่หมายตา

    จวนสกุลว่าน เสนาบดีว่านพอกลับมาถึงจวนก็รีบตรงดิ่งไปหามารดา วันนี้เขารู้สึกมีความสุขอย่างยากจะบรรยาย เขารอแทบไม่ไหวที่จะเล่าเรื่องราวที่รับรู้ในท้องพระโรงให้ผู้เป็นมารดาฟัง แต่ก็ต้องแปลกใจที่ไม่เห็นมารดาอยู่ที่เรือน พอสอบถามบ่าวรับใช้ก็ได้ความว่านางไปที่เรือนใหญ่ได้สักพักแล้ว เขาจึงเปลี่ยนเส้นทางไปที่เรือนใหญ่ทันที พอมาถึงก็เห็นทุกคนนั่งกันอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เขาจึงคิดว่าเป็นการดีที่จะได้เล่าทีเดียว แต่พอเขาเล่าจบทุกคนกลับนั่งนิ่งไม่มีอาการดีใจเลยสักนิด เขารู้สึกผิดหวังที่ทุกคนไม่ให้ความสำคัญกับข่าวนี้ “เหตุใดไม่มีใครดีใจกับข่าวนี้เลย” ? “จื่อหยวนข่าวเจ้านะพวกข้ารู้ตั้งนานแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยยิ้มๆ นึกขำบุตรชายที่รีบรุดมาแจ้งข่าว แต่ที่ไหนได้ข่าวนี้กระจายออกมาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดที่ออกมากระพือข่าวนอกวัง “พวกข้าดีใจก่อนเจ้าจะมาแล้ว แต่ว่ามีข่าวใหม่ที่เจ้ายังไม่รู้อีกนะ” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยขึ้นแล้วยกชาขึ้นจิบอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อนที่จะเล่าออกไป ทำให้เสนาว่านร้อนใจอยากรู้มากขึ้น “ท่านแม่ท่านรีบเล่ามาเถิดข้ารอไม่ไหวแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่ายื่นกระดาษปกแข็งมาให้เขาตรงหน้า

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status