Home / รักโบราณ / นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี / ตอนที่11 ยื่นฎีกาถอดถอนท่านหญิง

Share

ตอนที่11 ยื่นฎีกาถอดถอนท่านหญิง

last update Last Updated: 2025-09-22 15:55:40

จวนตระกูลกู้ วันนี้นัดพบอีกสองตระกูลใหญ่เพื่อปรึกษาหารือกัน เสนาบดีกู้ฟู่อัน เสนาบดีซูโม่เฉิง เสนาบดีจางเจียโยว ทั้งสามตระกูลคบหากันมาอย่างยาวนาน ในท้องพระโรงทั้งสามตระกูลไม่เคยขัดขากันเลยสักครั้ง ทำงานกันอย่างสามัคคีเกาะเกี่ยวกันอย่างเหนี่ยวแน่น อย่างในครั้งนี้ทั้งสามตระกูลมองเห็นแกะดำที่โผล่ออกมา นั้นก็คือสกุลว่าน ที่เมื่อก่อนไม่เคยมีบทบาทในราชสำนัก แต่จู่ๆ ก็เป็นม้ามืดคว้าทุกอย่างไปเป็นของตน สามตระกูลยอมรับว่าเสียหน้าไม่น้อย จึงต้องเรียกประชุมด่วน 

 “เหตุใดฮ่องเต้ถึงแต่งตั้งบุตรสาวของสกุลว่านเป็นท่านหญิง เรื่องนี้ข้าว่ามันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย หากคนที่แต่งตั้งมีความรู้ความสามารถข้าจะว่าเลย แต่ว่าชื่อเสียงของนางไม่มีข้อไหนดีเลย ข้าว่าเราควรยื่นฎีกาถอดถอนนางเรื่องความไม่เหมาะสม” กู้ฟู่อันเสนอขึ้น

 “ข้าก็คิดเหมือนกันกับท่าน คุณหนูสามอายุเพียงสิบสี่หนาวไม่มีผลงานอะไรโดดเด่นอะไร ส่วนชื่อเสียงของนางตามที่ได้ยินมา ก็ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะให้เป็นท่านหญิง ข้าขอสนับสนุนท่านเสนากู้ ถอดถอนนางออกจากตำแหน่ง” ซูโม่เฉิงเอ่ยจุดยืนของตน

 “คนที่ถูกแต่งตั้งเป็นท่านหญิงคุณสมบัติต้องเพียบพร้อม ข้าก็ยอมไม่ได้เช่นกันที่ให้ใครก็ได้มาเป็นท่านหญิง สกุลว่านมีดีอะไรตลอดเวลาที่ผ่านมา แทบไม่เคยเห็นผลงาน อยู่ๆ จะมาชุบมือเปิบเช่นนี้ข้ายอมไม่ได้” จางเจียโยวคัดค้านเต็มที่ 

 “ในเมื่อพวกท่านเห็นด้วยกับข้า พรุ่งนี้ข้าจะร่างฎีกายื่นในวันพรุ่งนี้ อย่างไรฮ่องเต้ก็ต้องเสียงของพวกเรา ไม่รู้ว่าเสนาว่านไปพูดเป่าหูฝ่าบาทอะไร ฝ่าบาทถึงพระทานตำแหน่งให้บุตรสาวนาง เรื่องนี้ข้าคิดว่าเหล่าเสนาบดีในท้องพระโรงต้องเห็นด้วยกับเราแน่นอน” กู้ฟู่อันกล่าวอย่างมั่นใจ 

 เช้าวันต่อมา ณท้องพระโรง เหล่าขุนนางตบเท้าเข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง อีกทั้งเหว่ยอ๋อง องค์รัชทายาท องค์ชายเจินซีห่าวก็เข้าร่วมประชุมด้วย พอทุกคนเห็นฮ่องเต้เดินขึ้นบัลลังก์ ก็กล่าวอวยพรตามธรรมเนียม จากนั้นฝ่าบาทก็เริ่มประชุมตามปกติ แต่ฮ่องเต้เจินเฉินหลงพอจะรู้อยู่บ้างว่าวันนี้พวกเขาจะพูดเรื่องอะไร หลังจากเขาถูกวางยาและหายดี เขาก็เริ่มจัดการเปลี่ยนแปลงระบบในราชสำนัก และส่งคนไปแอบสืบเหล่าขุนนางอย่างเงียบๆ เขาจะไม่ไว้ใจใครอีกแล้ว โชคดีที่คุณหนูว่านช่วยเขาเอาไว้ 

 “ฝ่าบาทกระหม่อมอยากยื่นฎีกาถอดถอน ตำแหน่งท่านหญิงของคุณหนูว่านพ่ะย่ะค่ะ” เสนากู้เริ่มเปิดประเด็นทันที

 “กระหม่อมก็ขอยื่นฎีกาถอดถอนตำแหน่งท่านหญิงเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ” คนแรกผ่านไปคนที่สองก็ตามมา เสนาซู

 “กระหม่อมก็ขอยื่นฎีกาถอดถอนตำแหน่งท่านหญิงเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ” เสนาจางก็มาเสริม

 “เราอยากฟังเหตุผลว่าทำไมต้องถอดถอนนาง” ฮ่องเต้ถามขึ้นอย่างใจเย็น

 “ทูลฝ่าบาทคุณหนูสามว่านชิงอี ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง นางไร้ความสามารถ อีกทั้งชื่อเสียงเลวร้าย ไม่เหมาะจะเป็นท่านหญิงเลยแม้แต่น้อยพ่ะย่ะค่ะ”

 “แล้วในความคิดท่านเสนากู้ คิดว่าใครเหมาะสมกับตำแหน่งท่านหญิง” ?

 “คนที่เหมาะสมกับตำแหน่งท่านหญิง ต้องมีความรู้ความสามารถโดดเด่น สามารถเชิดหน้าชูตาให้กับแคว้น กระหม่อมคิดว่าบุตรสาวกระหม่อม กู้ผิงอันเหมาะสมยิ่ง กับตำแหน่งนี้พ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีว่านเมื่อได้ยินเหล่าขุนนางคัดค้าน และยื่นฎีกาถอดถอนบุตรสาวของตนก็เริ่มไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่กล้าออกไปงัดข้อกับพวกเขา ได้แต่เก็บอาการไม่พอใจเอาไว้ น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ เหว่ยอ๋องเริ่มมีโทสะขึ้นมา สุดท้ายเสนากู้ก็อยากให้บุตรสาวของตนได้ตำแหน่งนี้ น่าสมเพชจริงๆ หางโผล่ออกมาจนได้

 “ข้ามีเรื่องจะเล่าให้พวกท่านฟังเรื่องหนึ่งตั้งใจฟังกันให้ดีๆ ไม่นานมานี้เราล้มป่วยลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ หมอหลวงที่ว่ามีความสามารถที่สุด ตรวจไม่พบว่าเราเป็นอะไร อาการของเราแย่ลงเรื่อยๆ จนแทบไม่รอด เราอยากถามเสนากู้ว่า หากเป็นบุตรสาวของท่าน จะสามารถช่วยชีวิตเราได้หรือไม่?”

 “ทูลฝ่าบาทบุตรสาวกระหม่อมไม่ได้เรียนวิชาเเพทย์ คงไม่อาจทำได้พ่ะย่ะค่ะ” เสนากู้ตอบออกไปตามความเป็นจริง

 “แล้วหากมีคนที่ช่วยชีวิตเราได้ เราควรตอบแทนเขาอย่างไร อันนี้เราอยากได้ยินทุกคนตอบ” ภายในท้องพระโรงเงียบสนิท ก่อนเหล่าเสนาจะตอบออกไปอย่างพร้อมเพรียงกัน

 “ตอบแทนให้อย่างเหมาะสมกับความสามารถของเขาพ่ะย่ะค่ะ”

 “ดี!พวกท่านพูดได้ดี ซึ่งเราก็ตอบแทนคุณหนูว่านด้วยตำแหน่งท่านหญิง พวกท่านคิดว่ามีอะไรไม่เหมาะสมหรือ?”

 “หา!…..เป็นคุณหนูว่านที่ช่วยชีวิตฝ่าบาทหรือ”

 ฮ่องเต้แสยะยิ้มด้วยความสะใจ สบตากับโอรสทั้งสามอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ได้ตบหน้าเหล่าขุนนางโดยไม่ต้องใช้กำลัง ความรู้สึกมันดีอย่างนี้นี่เอง เสนาว่านเองก็เพิ่งรู้ว่าว่านชิงอีเป็นคนช่วยฝ่าบาท เขารู้สึกปลาบปลื้มจนแทบจะล้นอก บุตรสาวของเขาคนนี้มันได้ใจพ่อจริงๆ แต่แล้วจู่ๆ เหล่าขุนนางก็มายินดีกับเขา กันอย่างมากหน้าหลายตา จนเขารับไม่หวาดไม่ไหว เขารอไม่ไหวที่จะกลับไปบอกข่าวดีกับมารดาและคนในครอบครัว

 หลังจากเลิกประชุม ฮ่องเต้ได้เรียกโอรสทั้งสาม ให้ไปพบที่ห้องทรงอักษร ที่จริงเขามีโอรสมากกว่านี้ แต่สามคนนี้เท่าที่เขาสังเกตและเฝ้าดู ค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียว ไม่โลภมากและมักใหญ่ใฝ่สูงและเคารพในความเป็นพี่น้องซึ่งกันและกัน เขายอมรับว่าโชคดีกว่าราชวงศ์อื่น ที่พี่น้องห้ำหั่นฆ่ากันเองเพื่ออำนาจอันยิ่งใหญ่

 “ถวายบังคมเสด็จพ่อ” สามโอรสเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ฮ่องเต้เจินเฉินหลง ระบายยิ้มบนใบหน้าอย่างพอใจ พวกเขาปีนี้อายุ23ปียังไม่มีคู่ครองเป็นของตัวเอง เขาไม่อยากบังคับแต่องค์รัชทายาทนั้น มีคู่หมั้นที่ได้พูดคุยกันมาเนิ่นนานกับตระกูลจาง แต่องค์รัชทายาทก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด ตั้งแต่เขาหายป่วยร่างกายเขาก็แข็งแรงขึ้นมาก แต่เขาก็ไม่อาจวางใจ อย่างไรเสียหากรัชทายาท แต่งงานออกเรือน เมื่อใดที่ขึ้นครองราชย์บัลลังก์ก็จะมั่นคง สกุลจางก็คงพร้อมสนับสนุนเขา

 “ที่เรียกพวกเจ้ามาในวันนี้ เพราะข้ามีเรื่องจะพูดกับพวกเจ้าเรื่องคู่ครอง รัชทายาทเจ้ามีคนที่อยากจะแต่งด้วยหรือไม่ หากยังคุณหนูตระกูลจางก็เป็นตัวเลือกที่ดี แม้จะยังไม่ได้ไปพูดคุยอย่างเป็นทางการ แต่ทางฝั่งนั้นก็ได้เตรียมตัวไว้แล้ว รอแต่เจ้าพร้อมก็ไปเจรจาได้เลย ข้าไม่คิดจะบังคับเจ้า แต่บัลลังก์จะมั่นคงได้ก็ต้องมีคนหนุนหลัง พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่?”

 “เสด็จพ่อลูกอยากขอเวลาอีกหน่อย ได้ข่าวเป็นท่านหญิงทำการรักษาเสด็จพ่อ หากว่าให้นางจัดยาให้เสด็จพ่อ ร่างกายของเสด็จพ่อก็คงแข็งแรง อยู่ไปได้อีกร้อยปีพ่ะย่ะค่ะ” รัชทายาทรีบเสนอแนวทางเพราะเขายังไม่เจอคนที่ชอบ แต่ที่เพิ่งพบก็ยังเยาว์วัยนักเขาต้องรอนางอีกหน่อย

 “เหว่ยอ๋องพบเจอกับท่านหญิงบ้างหรือไม่? พานางมาพูดคุยกับข้าบ้างก็ดี” เขาอยากเจอเด็กคนนั้นที่ช่วยชีวิตเขา นางเหมือนมีพลังบางอย่าง ที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจและปลอดภัย

 “ทูลเสด็จพ่อ ข้าเพิ่งพบเจอท่านหญิงเมื่อวาน นางได้ช่วยหญิงชาวบ้านที่ถูกสามีฆ่าตาย และยังได้ช่วยเด็กๆ อีกสามคนพ่ะย่ะค่ะ” พูดถึงนางเขาก็รู้สึกดีอย่างประหลาด หากเสด็จพ่อให้พานางมาพบ เขาก็มีเรื่องไปพบนางได้อย่างไม่เคอะเขิน

 “เด็กคนนี้ช่างทำให้ข้าประหลาดใจ แล้วเจ้าละองค์ชายเจินซีห่าว เรื่องคู่ครองเจ้าได้เคยคิดเรื่องนี้บ้างหรือไม่?”

 “ทูลเสด็จพ่อลูกยังไม่เคยคิดเลยพ่ะย่ะค่ะ” จะให้เขาพูดอย่างไรดี ที่จริงเขาถูกใจคุณหนูว่านมาก แต่ว่านางยังดูเยาว์วัยและไร้เดียงสา เขาจึงอยากจะเก็บความรู้สึกดีๆ นี้ไว้เงียบๆ คนเดียว

 “อีกเรื่องที่ข้าจะพูด วันนี้ข้าได้เปิดเผยเรื่องที่ท่านหญิงเป็นคนรักษาข้า ข้ากังวลว่านางจะไม่ปลอดภัย เหว่ยอ๋องจัดหายอดฝีมือคอยคุ้มครองท่านหญิง องค์ชายเจินซีห่าวจัดหาองครักษ์ลับเพิ่มอีก รัชทายาทช่วงนี้ฝึกกองกำลังค่ายพยัคย์ ให้แข็งแกร่งและเตรียมพร้อมตลอดเวลา เหว่ยอ๋องกองกำลังลับของเจ้าก็ให้กระจายกำลัง จับตาทุกการเคลื่อนไหวของทุกตระกูล ข้าว่าหลังจากวันนี้พวกเขาไม่อยู่นิ่งเฉยแน่ และอีกสามวันข้าจะจัดงานเลี้ยงฉลอง การแต่งตั้งท่านหญิงจวินจู่ อย่างไรเหว่ยอ๋องก็พานางมาพบข้าด้วย

 “พ่ะย่ะค่ะ”

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่ 51 วันแต่งงาน

    แล้ววันที่เหว่ยอ๋องรอคอยก็มาถึง วันนี้เขาแต่งอาภรณ์สีแดงได้อย่างหล่อเหล่าและสง่างาม ตามมาด้วยเกี้ยวแปดคนหามเพื่อมารับเจ้าสาว และขบวนสินสอดที่ยาวเป็นทาง ผู้คนมายืนรอชมกันอย่างเนืองแน่นพอมาถึงจวนสกุลว่าน เสนาว่านจื่อหยวนและฮูหยินว่านซูอวี้ ก็ช่วยประคองว่านชิงอีออกมาส่งที่หน้าประตูจวน เหว่ยอ๋องกระโดดลงจากหลังม้า เพื่อมารับนางให้ขึ้นเกี้ยว เสนาว่านจับมือของว่านชิงอี วางลงบนมือของเหว่ยอ๋อง ด้วยใจที่ปลาบปลื้มปิติยินดีจนน้ำตาไหล ว่านชิงอีก้าวขึ้นเกี้ยวด้วยความตื่นเต้นยินดี สุดท้ายเขากับนางก็ได้แต่งงานกัน บุรุษที่นางจะฝากชีวิตไว้ด้วยตลอดชีวิตสินเจ้าสาวที่แต่งออกก็มากมายไม่ต่างกับสินเจ้าบ่าว ผู้คนต่างกล่าวชื่นชมถึงความเหมาะสม บางคนก็ยังกล่าวอย่างมีอคติว่า ตำแหน่งชายาอ๋องนั้นไม่คู่ควรกับนาง ว่านชิงอีนั่งฟังในเกี้ยวอย่างไม่ใส่ใจ พวกเขาจะพูดอย่างไรก็ช่าง อย่างไรนางก็ได้แต่งกับเขาอยู่ดี บุรุษผู้นี้เป็นของข้าผู้เดียว ว่านชิงอีระบายยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อมาถึงจวนของเหว่ยอ๋อง เขาก็เดินมายื่นมือให้นางจับเพื่อเดินเข้าไปในจวน เพื่อเริ่มพิธีการตามประเพณี วันนี้ฮ่องเต้มาร่วมงานด้วยตัวเอง และองค์รัชทายา

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่50 ประกาศความผิด

    ว่านชิงอีและเหว่ยอ๋องรีบเร่งมาที่เหมืองหลวงอย่างเร่งรีบ แต่ก็ต้องชะงักกับภาพตรงหน้า เมื่อมีทหารหลายพันนายยืนรออยู่หน้าประตูเมือง แต่ที่ทำให้ว่านชิงอีใจกระตุกจนใจเจ็บ เมื่อร่างที่ถูกจับมัดห้อยไว้บนกำแพงเมืองนั้น คือคนในครอบครัวของนาง ว่านจื่อหยวน ว่านซูอวี้ ว่านชิงหลิน ว่านชิงหลาน เหนือขึ้นไปมีบนกำแพงเมือง มีร่างของฮ่องเต้ถูกจับมัดไว้เช่นกัน เหว่ยอ๋องโกรธจนดวงตาแดงก่ำ สองมือกำแน่นกับอารมณ์ที่ปะทุภายในใจ ฮองเฮาและรัชทายาทก้าวออกมา ปรายตาลงมองด้านล่าง ที่มีเหว่ยอ๋องและว่านชิงอี นั่งอยู่บนหลังม้า สายตาที่มองมานั้นเย็นชาและเย้ยหยัน รัชทายาทเฟยหยาง ภายในใจเจ็บปวดไม่แพ้กัน กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อก่อนเขาเคยมีความคิดอยากขึ้นครองบัลลังก์ แต่หลังจากได้รู้จักว่านชิงอี ได้ทำงานร่วมกันกับ เหว่ยอ๋องและองค์ชายซีห่าว ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป แต่ว่าทุกอย่างมันไม่ง่าย เมื่อขึ้นบนหลังเสือก็ยากที่จะลง มารดาของเขานั้นก็คือฮองเฮา วางแผนร่วมมือกับตระกูลโจวมาตั้งแต่ต้น อีกทั้งดึงสามตระกูลขุนนางมาร่วมด้วย แลกกับผลประโยชน์มากมาย เมื่อเขาขึ้นครองราชย์ อำนาจทุกอย่างก็จะตกเป็นของฮองเฮาและตระกูลโจว และอ

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่49 จัดการขั้นเด็ดขาด

    ทางด้านองค์ชายซีห่าว ยามนี้กำลังต่อสู้กับคนร้ายอย่างดุเดือด เขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนร้าย มาดักรอเพื่อฆ่าเขามากขนาดนี้ องครักษ์ที่เขาพามาด้วยสิบคน ก็พยายามต่อสู้และปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถ แต่นักฆ่าที่มาดักรอก็มีจำนวนไม่น้อย ทำให้ฝ่ายขององค์ชายซีห่าวเสียเปรียบพลาดท่าเสียที ได้รับบาดเจ็บกันอย่างสาหัส เรี่ยวแรงก็เริ่มถดถอย เพราะต่อสู้กันมาได้สักพัก องครักษ์ทั้งสิบยามนี้ เลือดอาบไปทั่วทั้งร่างแต่ก็สู้ไม่ถอย เพื่อปกป้องชีวิตขององค์ชาย องค์ชายซีห่าวเองก็ถูกดาบฟันที่แขนเลือดอาบเช่นกัน แต่เขาก็คิดว่าแผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากเทียบกับพวกเขาที่ีมีแผลเต็มตัว องค์ชายซีห่าวมององครักษ์ด้วยความซาบซึ้งใจ พวกเขายอมต่อสู้แลกชีวิตเพื่อปกป้องเขา บุญคุณครั้งนี้เขาไม่มีทางลืมได้อย่างแน่นอน แต่เขาจะไม่ยอมหลบอยู่ข้างหลังแบบนี้ ยามนี้พวกเขาเริ่มอ่อนแรง เขาจะต้องปกป้องชีวิตพวกเขา “พระองค์จะทำอะไรพ่ะย่ะค่ะ?” หนึ่งในองครักษ์เดาความคิดของเขาได้เป็นอย่างดี จึงรีบเอ่ยทักเขาเอาไว้ “อย่าแม้แต่จะคิดพ่ะย่ะค่ะ ถึงพวกกระหม่อมจะตาย ก็ต้องปกป้องชีวิตองค์ชายให้ได้พ่ะย่ะค่ะ” เจินซีห่าวได้ฟังก็ถึงกับพูดไม่ออก ในความจงร

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่48 ความสุขมาไวไปไว

    ว่านชิงอีมองเหว่ยอ๋องกับองครักษ์ ที่พากันไปหาฟืนแล้วแบกกลับมาอย่างเอ็นดู ไม่อยากเชื่อว่าจะเห็นมุมนี้ของเขา เมื่อก่อนเขาดูเงียบขรึมและเย็นชา แต่ทว่าเดี๋ยวนี้เขากลับดูอ่อนโยน และเริ่มเป็นกันเองกับคนใต้บังคับบัญชามากขึ้น ที่จริงก็ใช้ว่าคนเราจะเปลี่ยนแปลงตนเองไม่ได้ หากมีแรงจูงใจที่มากพอและคิดอยากจะเปลี่ยนแปลงมัน นางคิดว่าความรักก็มีส่วนทำให้คนอ่อนโยนลงได้ เพราะหากเรารักใครสักคน เราก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อคนที่เรารัก ว่านชิงอีและฮุ่ยเจียงช่วยกันทำอาหาร อย่างสนุกสนาน ว่านชิงอีเริ่มสังเกตว่าองครักษ์สาวข้างกาย ช่วงนี้เริ่มทำตัวเหมือนสตรีขึ้นมาบ้าง อย่างเช่นเรื่องการแต่งกาย เมื่อก่อนนางทำตัวคล้ายกับบุรุษทุกอย่าง ยามนี้เสื้อผ้าอาภรณ์เปลี่ยนเป็นสวมใส่ดั่งสตรีทั่วไป ว่านชิงอีหรี่ตามองฮุ่ยเจียงอย่างจับผิด หรือว่านางจะมีความรัก ใครกันนะ? หรือว่า? “ฮุ่ยเจียงเจ้าดูสิ อู่ถงแบกฟืนกองใหญ่ขนาดนั้น เดี๋ยวก็ปวดหลังเอาได้หรอก สงสัยจะทำอวดสาว ๆ แถวนี้” ว่านชิงอีแกล้งพูดออกไปแต่ว่าก็ได้ผล แก้มของฮุ่ยเจียงขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที ว่านชิงอียกยิ้มหากทั้งสองชอบพอกัน นางก็พร้อมสนับสนุน ความรักเป็น

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่47 วิญญาณผีพราย

    วันรุ่งขึ้นเหว่ยอ๋องก็มารับว่านชิงอีที่จวน การไปในครั้งนี้นางและเหว่ยอ๋อง ไปในฐานะพ่อค้าที่ต้องเดินทางไปทั่วแคว้น การแต่งกายจึงต้องเหมือนคนธรรมดาทั่วไปคือเรียบ ๆ ไร้สีสันใด ๆ องครักษ์ที่นำไปด้วยก็แต่งกายเหมือนบ่าวรับใช้ บนเกวียนว่านชิงนำสิ่งของเครื่องใช้ใส่ไปมากพอสมควร เพราะนางไม่รู้ว่าจะไปกี่วัน นางจึงบอกให้องครักษ์เตรียมผ้าห่ม และผ้าสำหรับกางกระโจม หากว่าต้องได้นอนตามป่าเขาจะได้ไม่ยุ่งยาก ว่านชิงอีรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากกับการเดินทางครั้งนี้ เพราะเหมือนกับว่านางจะได้ไปท่องเที่ยวเดินป่า และนอนตามป่าเขา ซึ่งในยุคก่อนเป็นสิ่งที่นางใฝ่ฝันและอยากจะทำสักครั้ง ไม่อยากเชื่อว่าพอได้ทำขึ้นมาจริง ๆ กลับเป็นคนละยุคกัน ภูเขาตงซานหากเดินทางจริง ๆ จะใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม ๆ แต่ว่าว่านชิงอีอยากใช้เวลาท่องเที่ยวไปด้วย ซึ่งเหว่ยอ๋องก็เห็นด้วย ดีเหมือนกันเขากับนางจะได้ใช้เวลาร่วมกันบ้าง เพราะส่วนใหญ่เจอกันที่สำนักงาน ก็มีคุยกันบ้างแต่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเรื่องงานเสียมากกว่า พอรถม้าพ้นเขตเมืองหลวง ก็เป็นไร่นาเรือกสวนของชาวบ้าน ต้นไม้ปกคลุมเขียวขจีไปทั่วบริเวณ ว่านชิงอีเปิดม่านหน้าต่างรถม้า มองธรรมชา

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่46 สอบสวนต่อหน้าทุกคน

    เหว่ยอ๋องก้าวเดินลงไปหาชายนักบวชที่ถูกผูกติดไว้กับเสา จากนั้นเขาก็เดินเลือกว่าจะใช้อุปกรณ์สอบสวนอันใดเป็นสิ่งแรก ผู้คนมองตามทุกอิริยาบถของเหว่ยอ๋องอย่างลุ้นระทึก และหวาดหวั่นกับท่าทางเย็นชาของเขา ก่อนที่เขาจะหยิบตะขอ ที่มีปลายแหลมคมขึ้นมา จากนั้นก็ให้ทหารมาจับเขาอ้าปาก เขาปรายตามองกลุ่มคนที่เป็นนักพรตก็แสยะยิ้ม ก่อนจะเอ่ยถามชายนักบวชตรงหน้า แต่ว่าก็มีเอ่ยถามขึ้นมาก่อนด้วยความสงสัย “ทูลท่านอ๋องเหตุใดต้องสอบปากคำเขาด้วยละพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อคำทำนายของเขา กล่าวได้ดี และคล้ายกับท่านโหรหลวงทำนายทุกอย่าง และไม่มีคำกล่าวร้ายต่อท่านหญิงเลยพ่ะย่ะค่ะ?” เหว่ยอ๋องยกยิ้ม “เจ้าพูดถูกทหารไปจับท่านนักพรตมามัดอีกคน ข้าจะไต่สวนพร้อมกัน” คราวนี้ทุกคนยิ่งไม่เข้าใจ กับการกระทำของเหว่ยอ๋อง ในเมื่อชายที่เป็นนักบวช ทำนายออกมาได้ดี แล้วเหตุใดยังคงต้องสอบสวน เขาจะไร้เหตุผลเกินไปหรือไม่ เหว่ยอ๋องเหลือบตามองทหารที่จับนักพรตมามัดไว้กับเสา คู่กันกับชายนักบวช ก่อนจะวางตะขอในมือลง แล้วหยิบกระบี่ยาวเฟื้อยขึ้นมา ก่อนจะจับกระบี่ลากไปกับพื้นอย่างช้า ๆ พร้อมกับเอ่ยถามนักบวชที่ถูกมัดอยู่กับเสา “ท่านนักบวชคำทำนายของท่านไม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status