Mag-log inเธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ไปทำอะไรให้อดีตเพื่อนรักของตัวเองเกลียดขนาดนั้น ทั้งที่ตอนมัธยมความสัมพันธ์ของเราก็ดีทุกอย่าง แต่ทว่าพอเข้ามหาลัย โมนาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน รู้ทั้งรู้ว่าเธอชอบเรย์เพื่อนร่วมรุ่นมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง แต่ก็ยังไปยั่วจนเรย์คว้าเอามาเป็นแฟนจนคบกันเกือบสี่ปี
เป็นเรื่องที่ทำให้เธอแค้นใจอยู่จนถึงทุกวันนี้ เธอไม่ได้เสียใจที่ทั้งสองคนคบกัน แต่เสียใจที่ผู้ชายมีเป็นร้อยและส่วนใหญ่ก็ตามจีบโมนาทั้งนั้นแต่กลับไม่เอาผู้ชายพวกนั้น ดันมาต้องการผู้ชายคนเดียวกับเธอ แค่เว้นคนนี้ไว้สักคนไม่ได้หรืออย่างไร แต่เพื่อนก็ยังทำแบบนี้กับเธอ ทั้งที่เธอเล่าความรู้สึกตัวเองให้เพื่อนฟังมาโดยตลอด แต่กลับย่ำยีความรู้สึกของเธอจนเหมือนไม่ใช่เพื่อนกัน หลังจากนั้นเธอก็ตัดความเป็นเพื่อนลงทันที พอก้าวเข้ามาเป็นนักแสดง เป็นเธอที่เข้ามาก่อนจากการที่ครอบครัวลำบาก เธอต้องดิ้นรนทำงานตั้งแต่เรียน แล้วบังเอิญได้เจอกับพี่แจง ผู้จัดการส่วนตัวคนปัจจุบัน ชักชวนเธอให้มาลองเป็นตัวประกอบในละครเรื่องหนึ่ง ตอนนั้นเธอแทบไม่มีบทบาทอะไร คนดูน่าจะจำหน้าเธอไม่ได้ด้วยซ้ำไป แต่ทว่าเงินก้อนแรกที่เธอได้ กลับมากกว่าเงินเดือนที่เธอเป็นพนักงานเสิร์ฟคาเฟ่ทั้งเดือน ทำให้หลังจากนั้นเธอก็มุ่งมั่นฝึกฝนเรียนรู้ตัวเองมาตลอด เพราะรู้สึกรักในอาชีพนี้ขึ้นมาและคิดว่ามันทำรายได้ให้เธอและครอบครัวไม่ต้องลำบากอีก หลังเรียนจบมหาลัย เธอเลยก้าวเข้าวงการบันเทิงแบบเต็มตัว ไม่ว่าพี่แจงหาบทไหนมาให้ เธอไม่เคยเกี่ยง พยายามทำเต็มที่ทุกบทบาทที่ได้รับ แต่ทว่าเธอไปไม่ถึงบทนางเอก เป็นได้แค่นางร้ายที่ต้องตบตีแย่งชิงพระเอกมาตลอด พี่แจงเคยพูดปลอบใจเธอว่า นางร้ายก็คือบทนำเหมือนกัน เป็นตัวละครที่ถูกพูดถึงไม่ต่างจากพระเอกนางเอก เป็นสีสันของเรื่อง เพื่อให้เธอไม่ต้องน้อยใจ อันที่จริงเธอไม่ได้มีความฝันว่าอยากเป็นนางเอกเหมือนที่ใคร ๆ คิด ความฝันเดียวที่เธอมีคืออยากมีบ้าน มีทุกอย่าง เพื่อให้พ่อแม่และน้องสาวของเธอสบาย จะได้รับบทบาทไหนขอแค่เงินดี เธอก็ทำทั้งนั้น แต่ทว่าทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปเมื่ออยู่ ๆ โมนาก็ได้ก้าวเข้ามาสู่วงการบันเทิงเหมือนกับเธอ และที่สำคัญเราสองคนได้เล่นละครเรื่องเดียวกัน โมนาเป็นนางเอก ส่วนเธอเป็นนางร้าย ละครเรื่องนั้นดังเป็นพรุแตก เป็นกระแสถูกพูดถึงกระจายเป็นวงกว้าง ส่งผลให้เธอและนักแสดงนำในเรื่องมีงานเข้ามาไม่ขาดสาย เพราะละครเรื่องนั้นทำให้เธอสามารถทำความฝันของตัวเองในวัยยี่สิบสี่ปีได้สำเร็จ ปลดหนี้ให้พ่อกับแม่ มีเงินส่งน้องเรียนจนจบมหาวิทยาลัย และที่สำคัญมีบ้านที่ซื้อด้วยเงินสด ความสุขในครอบครัวกลับมาอีกครั้งและทุกอย่างกำลังไปด้วยดี แต่ใครจะรู้ว่าเธอเก็บความเจ็บปวดไว้กับตัวเอง ต้องทนเห็นภาพโมนากับเรย์รับส่งกันถึงกองถ่าย มีเวลาว่างเรย์ก็มานั่งเฝ้าถึงที่กอง ถึงทั้งสองคนจะไม่ได้สนใจเธอ แต่เธอรู้ดีว่านั่นคือการเยาะเย้ยเธอ ใครไม่รู้แต่เธอรู้ดีว่าโมนาเป็นคนนิสัยยังไง จนเมื่อห้าเดือนที่แล้ว ความอดทนเธอก็สิ้นสุดลงเมื่อวันหนึ่งโมนาตามมาเยาะเย้ยเธอถึงในห้องแต่งตัว จังหวะนั้นเธอขาดสติเลยตบหน้าโมนาจนอีกฝ่ายล้มลงไปกองกับพื้นและพี่นักข่าวคนหนึ่งที่มาเฝ้ากองถ่ายก็เก็บภาพไว้ได้พอดี กลายเป็นประเด็นในสื่อโซเชียล ทุกกระแสส่วนใหญ่แล้วโจมตีมายังเธอ เพราะเปลือกนอกจอมปลอมที่โมนาสร้างขึ้นมา ทำตัวเป็นนางเอกผู้น่าสงสาร อ่อนแอถูกเธอกระทำ หลังจากนั้นงานเธอก็หดลงเพราะข่าวฉาว พี่แจงให้เธอหยุดพักงานทุกอย่างเพราะสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ เธอเลยต้องนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ที่คอนโด ผ่านไปเดือนกว่าก็มีข่าวออกมาว่าโมนาเลิกกับเรย์ และไม่นานเรย์ก็แต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น เรื่องนี้เธอได้ข่าวมาจากเพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนมหาลัยด้วยกัน ถามว่ารู้สึกสะใจไหมที่เป็นแบบนี้ มันก็สะใจไม่น้อย แต่จะสะใจกว่าถ้าอดีตเพื่อนสนิทมีข่าวฉาวและทุกคนรู้ธาตุแท้ของมันบ้าง "กลับคอนโดนะ"ผู้จัดการส่วนตัวเอ่ยขัดความคิดของเธอออกมา "....." "พรุ่งนี้มีไปเวิร์คช็อปที่โรงแรม เตรียมท่องบทมาด้วยนะ เอาให้โมนามันอายไปเลย พี่เห็นเวลาเวิร์คช็อป มันไม่เคยอ่านบทมาสักครั้ง"พี่แจงเองก็ไม่ชอบนิสัยนางเอกตัวปลอมเหมือนกับเธอ ยิ่งเธอเล่าเรื่องในอดีตให้ฟัง พี่แจงยิ่งแค้นใจไปใหญ่ "ค่ะ" รถตู้เทียบเข้าจอดที่จอดรถของคอนโดหรู นินิวเดินลงจากรถทันทีเมื่อประตูเปิด เธอพักอาศัยอยู่ที่นี่เกือบสองปีแล้ว เหตุผลที่แยกออกมาอยู่คนเดียวเพราะต้องการอิสระ หากช่วงไหนงานเยอะ เวลาวันหยุดเธอจะนอนพักผ่อนได้เต็มที่ ส่วนพ่อกับแม่และน้องสาว ก็จะอยู่บ้านหลังใหญ่แถบชานเมืองที่เธอเป็นคนซื้อให้ จะมาหาเธอ อาทิตย์ละครั้ง ทำอาหารมาแช่ไว้ให้ เป็นห่วงตามประสาคนเป็นแม่ วันต่อมา วันนี้เป็นวันเวิร์คช็อปและอ่านบทของนักแสดงในละครหลังข่าวเรื่องนายหมอมาเฟีย นักแสดงนำของเรื่องทั้งสามคนคือขุนเขารับบทพระเอก โมนารับบทนางเอก และนินิวรับบทนางร้าย กำลังนั่งต่อบทกันอย่างสนุก ถึงจะมีปัญหาทะเลาะกันมาก่อน แต่ทว่าเวลาทำงานนินิวและโมนาก็มีความเป็นมืออาชีพมาก เรียกได้ว่าถ้าไม่ใช่คนสนิทกันจริง ๆ จะไม่มีใครรู้ว่าทั้งคู่เกาเหลากัน จนกระทั่งเกิดเรื่องเมื่อห้าเดือนที่แล้ว จนตอนนี้นินิวก็ยังงงว่า สปอนเซอร์หลักของละครเรื่องนี้ คิดอะไรอยู่ถึงได้ต้องการให้เธอมาแสดงเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่ข่าวดังไปทั่วว่าเธอตบนางเอกดัง "อีกสิบนาทีพักทานข้าวกันก่อนนะ วันนี้สปอนเซอร์หลักของเราเป็นคนสั่งอาหารมาจากร้านชื่อดังมาเลยนะ" ทีมงานคนหนึ่งเดินมาบอกในห้องสตูดิโอที่นักแสดงกำลังนั่งต่อบทกันอยู่ "นิวหิวหรือยังครับ" ขุนเขาพระเอกละครของเรื่องหันหน้ามาถามเธอด้วยรอยยิ้ม เธอกับเขาเล่นละครด้วยกันมาหลายเรื่อง เลยค่อนข้างสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง และเธอก็รู้ด้วยว่าขุนเขามีความรู้สึกเกินเพื่อนร่วมงานกับเธอ เขาเคยสารภาพความรู้สึกก่อนที่เธอจะหายหน้าไป ตอนนั้นเธอก็ปฏิเสธเขาไปแล้ว บอกว่าเธอคิดกับเขาแค่รุ่นพี่คนหนึ่งเท่านั้น "ก็นิดหน่อย" "แต่โมขอบายนะ เพราะไดเอทอยู่" โมนาพูดแทรกขึ้นมา นึกไม่ชอบใจที่ขุนเขาให้ความสำคัญกับอดีตเพื่อนสนิทเธอมากกว่า ไม่รู้มีดีอะไร ทำไมทีมงานหลายคนถึงได้เอ็นดูนัก ทั้งที่เธอพยายามทำดีแทบตาย แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร "ผอมขนาดนี้ ยังไดเอทอีกเหรอ" อัญชันนักแสดงในเรื่องอีกคนเอ่ยขัดขึ้นมา พร้อมกับเบะปากมองบน "ก็ฉันไม่อยากให้หน้าบานตอนออกกล้องอ่ะ คนที่มีบทบาทน้อยคงไม่เข้าใจหรอก" "นี่เธอว่าใคร?" "ก็ใครล่ะ ที่ไม่ได้เป็นตัวนำ" โมนาเองก็มองกลับไปอย่างไม่กลัวอีกฝ่าย เธอรู้ว่าอัญชันไม่ชอบหน้าเธอ ขนาดแสดงละครด้วยกันมาหลายเรื่อง แต่ก็ยังหาเรื่องแขวะเธอได้ตลอดเวลา น่าจะเพราะสนิทกับนินิวมากกว่าเธอ "ก็ยังดีกว่าคนแถวนี้ ที่รับบทนางเอกที่นิสัยห่างกับตัวจริง ราวฟ้ากับเหว" "นี่!!" "พอเถอะโม เธออยากให้ทีมงานเห็นหรือไง" ขุนเขาเอ่ยห้ามทัพทันที ส่วนนินิวกำลังนั่งยกยิ้มมุมปาก สะใจที่อดีตเพื่อนสนิทโดนอัญชันตอกหน้าไปแบบนั้น "เราไปกินข้าวกันดีกว่าอัญ" นินิวลุกขึ้นเดินไปจับแขนอัญชันให้ออกจากห้องไปพร้อมกันภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง อัญชันนอนอยู่บนเตียงของผู้ป่วย ใบหน้าซีดเซียวแต่ทว่ายังคงความสวย ถึงแม้จะเพิ่งผ่านการผ่าตัดคลอดลูกมาไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง เธอหลับตาพริ้ม ผมยาวสีดำขลับกระจายเต็มหมอน ข้างเตียงมีรถเข็นเด็กจอดอยู่ อาเธอร์ ลูกชายคนเล็กที่เพิ่งคลอด นอนหลับปุ๋ยในผ้าห่มสีฟ้า ใบหน้าแดงระเรื่อ ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ แกร๊ก!!! เสียงประตูห้องเปิดเข้ามาโดยขุนเขาคนเป็นสามี ในมือถือของพะรุงพะรังเดินเข้ามา คนตัวสูงลงไปซื้อของจากร้านค้าด้านล่างของโรงพยาบาล มีข้าวต้มของอัญชันและของใช้อีกหลายอย่าง ก่อนจะวางถุงลงบนโต๊ะข้างเตียง และก้มตัวลงจูบหน้าผากของอัญชันด้วยความรัก คนตัวเล็กบนเตียง ขยับเปลือกตาเปิดขึ้น เมื่อรู้สึกเหมือนถูกรบกวน ลืมตาขึ้นมาเจอหน้าสามีหนุ่มก็ส่งยิ้มหวานให้ทันที “ตื่นแล้วเหรอครับ รู้ไหมว่าเมียพี่เก่งที่สุด” เสียงทุ้มของเขานุ่มนวล ใช้ฝ่ามือลูบผมนุ่มของเธอแผ่วเบา “อาเธอร์หลับอยู่หรือเปล่าคะ” “หลับสนิทเลย”ขุนเขาตอบพลางหันไปมองลูกชาย ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจอย่างไม่คิดปิดบัง “หน้าตาเหมือนพี่ไอริสตอนเกิดเลย” “จริงเหรอคะ อัญอยากเห็นลูกชัด ๆ จังเลยค่ะ” “พยาบ
กระแทกไม่นานทั้งคู่ก็ถึงจุดสุดยอดพร้อมกันอีกครั้ง อัญชันเกร็งกระตุก น้ำสีใสพุ่งทะลัก ขุนเขาเองก็ปล่อยลาวาอุ่นร้อนเข้าไปข้างในตัวเธอจนมันเอ่อล้นออกมา หลังจากปลดปล่อย เขาก็ทิ้งตัวลงนอนกอดเธอแน่น หายใจหอบถี่ จูบซับใบหน้าชื้นเหงื่อของเธออย่างแสนรัก “พี่รักอัญมากนะครับ” อัญชันหลับตาลงด้วยความอ่อนล้า ได้ยินคำว่ารักแสนหวานของเขาก็คลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะผล็อยหลับไปทันที เวลาต่อมา แสงสีส้มของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า สาดส่องผ้าม่านผืนบางของบ้านพักวิลล่าเข้ามา ขุนเขากระพริบตาตื่นจากภวังค์ตั้งแต่ช่วงบ่าย จากบทรักที่สูบพลังเขาและอัญชันไปจนหมด ร่างกายแกร่งยังคงเปลือยเปล่า มีอัญชันนอนขดตัวอยู่ด้านข้าง ผมยาวสลวยสีดำสนิทกระจายบนหมอน ผิวเนียนละเอียดสีขาวผ่อง ร่างกายของเธอยังคงมีส่วนเว้าส่วนโค้งสวยงาม ถึงแม้จะอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ อกอวบใหญ่กระเพื่อมขึ้นลงตามลมหายใจสม่ำเสมอ ขุนเขายกยิ้มมุมปากเมื่อรู้สึกถึงความตื่นตัวที่ส่วนกลางกายของเขาอีกครั้ง ราวกับว่าร่างกายยังรู้สึกไม่พอ อยากจะลิ้มรสความหอมหวานจากร่างกายของเธออีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาเลื่อนตัวเข้าไปใกล้ โน้มลงไปยังอกอวบของอัญชัน ริมฝีปากร้อนผ
ขุนเขาคุกเข่าลงข้างเก้าอี้ตัวยาว มือหนาดึงสายบิกินี่ส่วนบนของอัญชันลงจากไหล่ทั้งสองข้าง เนื้อผ้าสีฟ้าร่วงลงบนพื้นไม้ทันที เต้าอวบคู่งามที่ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และจุกยอดสีหวานชูชันขึ้นท้าทายสายตาของเขา ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงดูดเม้มจุกยอดข้างหนึ่งทันที ลิ้นร้อนตวัดดูดเลียวนเป็นวงกลมอย่างหิวกระหาย มืออีกข้างบีบเค้นเต้าอีกข้างอย่างแรง จนเนินเนื้อปลิ้นออกมาตามง่ามนิ้ว อัญชันแอ่นอกครางออกมา มือจิกกลุ่มผมหนาของเขาด้วยความแรง “พี่ อื้อ~ เบา ๆ สิ” แต่ทว่าคนตัวสูงไม่ฟังเสียงเธอ ยังคงสลับเปลี่ยนไปดูดอีกข้าง ขบเม้มแรงจนจุกยอดบวมเป่งทั้งสองข้าง มือหนาลากต่ำลงไปคลายปมสายเส้นเล็กข้างสะโพก เนื้อผ้าบิกินี่ส่วนล่างร่วงลงตามแรงดึง เผยเนินเนื้ออวบอิ่มไร้ขนที่เปียกชุ่มจากความเสียวซ่าน ก่อนเขาจะจับขาเรียวเธอแยกออกกว้าง แล้วก้มลงดูดเลียช่วงล่างทันที ลิ้นร้อนสอดลึกเข้าไปในร่องแคบ เลียวนขึ้นลงบนความเปียกชื้น ดูดเม้มกลีบเนื้อนุ่มจนอัญชันตัวเกร็ง มือเล็กจิกลงบนขอบเก้าอี้แน่น น้ำสีใสไหลทะลักเข้ามาในปากของเขา “อร้ายยย”เธอครางออกมาเสียงดังอย่างเสร็จสม คนตัวสูงยกใบหน้าขึ้นมอง ริมฝีปากหนาเลอะเปรอะเปื้อน ก่อนจะดึงก
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านบางของบ้านพักวิลล่าสุดหรูบนเกาะมัลดีฟส์ ขุนเขานั่งกอดก่ายร่างเล็กของอัญชันอยู่ที่ระเบียง ที่ตอนนี้หน้าท้องขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จากอายุครรภ์ที่มากขึ้น ด้านหน้าคือท้องทะเลสีฟ้าครามที่ใสจนมองเห็นพื้นทรายด้านล่าง กระทบกับแสงของดวงอาทิตย์จนระยิบระยับไปทั่ว ทั้งสองคนตัดสินใจมาฮันนีมูนกันที่นี่ เป็นความต้องการของขุนเขาที่อยากพาเธอมาสัมผัสทะเลที่สุดแสนจะโรแมนติกนี้ ตัวเขาเองเคยมาถ่ายโฆษณาที่นี่เมื่อประมาณสองปีก่อน ความสวยงามของมันดึงดูดเขาจนเผลอแอบคิดว่าหากแต่งงาน เขาอยากจะพาภรรยามาฮันนีมูนที่นี่สักครั้ง ไม่คิดว่าหลังจากนั้นแค่สองปี เขาจะมีวันนี้จริง ๆ “พี่เคยมาที่นี่ใช่ไหมคะ อัญจำได้ตอนนั้นพี่น่าจะถ่ายโฆษณาอะไรสักอย่าง เราสองคนกำลังถ่ายละครด้วยกัน”อัญชันเอ่ยถามขึ้น มือเล็กลูบหน้าท้องกลม ๆ ของตัวเองที่ตอนนี้ลูกน้อยกำลังออกแรงดิ้นจนเธอรู้สึกได้ “อืม พี่มาแล้วติดใจ ก็เลยคิดว่าหากแต่งงานจะพาเมียมาฮันนีมูนที่นี่”คนตัวสูงละสายตาจากผืนน้ำทะเลเบื้องหน้ามามองเสี้ยวใบหน้าสวยของเธอ ที่ตอนนี้ดูอิ่มเอิบมากขึ้นกว่าเดิม เพราะอะไรหลายอย่างในชีวิตเธอที่ดีขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นอา
ยามบ่ายที่เขาใหญ่อากาศกำลังเย็นสบาย ออสตินลดกระจกหน้าต่างรถลงเล็กน้อย ให้สายลมเย็นพัดเข้ามาปะทะใบหน้า เขาหันไปมองนินิวที่นั่งข้าง ๆ กำลังป้อนขนมปังให้นาโนที่นั่งคาร์ซีทด้านหลัง ส่วนพี่ชายอย่างออกัสที่นั่งข้างน้องสาว เอาแต่ชี้สองข้างทางด้วยความตื่นเต้น “ปะป๊า ดูนั่นสิ ต้นไม้ต้นนั้นใหญ่จัง”เด็กชายตะโกนเสียงใส “ใช่ครับ ยิ่งตอนไม้ใหญ่ยิ่งมีประโยชน์นะรู้ไหม”ออสตินตอบพลางยิ้มกับความช่างพูดของลูกชาย “ตินขับช้า ๆ หน่อย นิวกลัวลูกเมารถ”ถึงแม้จะเคยมาที่นี่แล้ว แต่ทว่าตอนนั้นลูกของเธอสองคนก็ยังเด็กอยู่มาก เธอกลัวว่านั่งรถนาน ๆ จะทำให้ลูกเวียนหัว “ตินรู้หรอก ไม่ขับเร็วเลยเห็นไหม”ออสตินตอบพร้อมยิ้มกว้าง ก่อนจะหักหัวรถเลี้ยวเข้าถนนลูกรังแคบ ๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และดอกไม้ป่า ก่อนจะเห็นบ้านพักตากอากาศสไตล์โมเดิร์นทำจากไม้สักทั้งหลังปรากฏขึ้นตรงหน้า มีระเบียงกว้างและสวนหย่อมเล็ก ๆ หน้าบ้าน “ถึงแล้วครับ”ออสตินจอดรถ ดับเครื่องยนต์ แล้วรีบลงไปเปิดประตูรถให้ทุกคน ตุ้บ!! ออกัสรีบกระโดดลงจากรถทันที วิ่งไปรอบ ๆ บริเวณบ้านด้วยความตื่นเต้น ส่วนนาโนนั้นเดินเกาะขานินิวแน่นเข้าไปในบ้าน “แม่คะ
หลังจากมื้ออาหารเย็นจบลง ออกัสกับนาโนยังคงตื่นเต้นกับการได้มาบ้านตากับยาย เลยยังไม่มีอาการง่วงนอนแม้แต่น้อย จนคนเป็นตาต้องยกมือขึ้นเป็นสัญญาณ “คืนนี้หลานตานอนกับตากับยายนะ ไปอาบน้ำเตรียมตัวนอนกันดีกว่า” “เย้!! ได้ค่ะ/ครับ คุณตา”ทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกัน เดินขึ้นห้องนอนชั้นสองที่เคยเป็นห้องนอนของนิรินลูกสาวคนเล็กที่แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ถูกจัดใหม่ ให้มีเตียงขนาดคิงส์ไซส์และเตียงเด็กเล็กสองเตียงวางชิดกัน นิสาเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนอนลายการ์ตูนที่เตรียมไว้ให้หลานออกมาวางเอาไว้ “ออกัสใส่ชุดอุลตร้าแมน นาโนใส่ชุดเจ้าหญิงเอลซ่านะคะ” ออกัสพยักหน้าก่อนจะถอดเสื้อผ้าวิ่งเข้าไปอาบน้ำ หลังจากนาโนเดินห่อผ้าเช็ดตัวออกมาให้เธอช่วยเช็ดตัวและสวมชุดนอนให้ “หนูอยากฟังนิทานค่ะ”นาโนพูดขณะเดินขึ้นนอนบนเตียงของตัวเอง ส่วนคนเป็นตาก็เดินไปหยิบหนังสือนิทานออกมา เตรียมตัวจะเล่านิทานให้หลานตัวน้อยฟัง ก่อนออกัสที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็กระโดดขึ้นเตียงข้าง ๆ นอนตาแป๋วฟังคนเป็นตาที่กำลังจะเริ่มเล่านิทาน นินิวกับออสตินกำลังยืนมองจากประตูห้องนอน ทั้งสองคนอยากรู้ว่าลูกจะนอนกับคนเป็นตากับยายได้หรือเปล่า แ







