"มึงไม่น่าลากกูมาเลย เห็นแล้วหมั่นไส้ ตอนมึงไม่อยู่มันก็เอาแต่ออเซาะคนอื่นไปทั่ว"
"เหอะน่า ยังไงมึงก็ยังมีเวลาจัดการมันอีกเยอะ" “ลืมบอกไป กูดีใจนะที่มึงกลับมา”อัญชันพูดพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างจริงใจ ซึ่งนินิวเองก็ยิ้มกลับไปให้เหมือนกัน เธอกับอัญชันสนิทกันเพราะได้เล่นละครเรื่องแรกด้วยกัน อีกทั้งเราสองคนยังอายุเท่ากันอีกด้วย ทำให้พูดคุยกันถูกคอและเธอก็รู้ว่าอัญชันเป็นเพื่อนที่จริงใจกับเธอจริง ๆ “กูก็ดีใจนะ ที่ได้เล่นเรื่องเดียวกับมึงอีก” “ว้าวว มึงดูอาหารดินิว น่ากินทุกอย่างเลย วันนี้กูจะฟาดให้เรียบเลย” ตอนแรกเธอเองก็ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แต่ทว่าพอเห็นหน้าตาอาหารจากร้านอาหารดังแล้ว ก็ทำเอาน้ำย่อยในกระเพาะอาหารส่งเสียงออกมาทันที“มึงกินเยอะได้ดิ กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ไม่เหมือนกู” “มึงกินแล้วก็ไปออกกำลังกายสิ เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน” “นิวนั่งไหนเหรอครับ” ขุนเขาเดินตามเข้ามา ทำให้อัญชันเบะปากใส่ทันที เธอรู้ว่ารุ่นพี่คนนี้ชอบพอเพื่อนของเธอ ทั้งที่นินิวปฏิเสธไปแล้ว แต่ก็ยังทำตัวน่ารำคาญไม่หยุด “ปากเป็นอะไรเหรอครับอัญชัน” “จะเป็นอะไรก็เรื่องของฉันค่ะ พี่ไม่ต้องยุ่ง” "เอ่อ เราสองคนขอตัวก่อนนะคะ" นินิวที่เห็นท่าไม่ดี กลัวว่าทั้งสองคนจะเถียงกันอีก เลยรีบจับมืออัญชันเดินแยกออกไปตักอาหารทันที "มึงไม่รำคาญบ้างเหรอว่ะ" "ช่างเขาเถอะ พี่เขาก็อยู่ในขอบเขตนะ ถ้าเกินขอบเขตอีกเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน" ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังตักอาหารกันอยู่นั้น หางตานินิวก็เหลือบไปเห็นทีมผู้กำกับและผูัจัดกำลังเดินเข้ามาในห้องอาหารพร้อมกับผู้ใหญ่แต่งตัวด้วยชุดสูทเต็มยศ ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ของละครเรื่องนี้ "นินิวกับขุนเขามานี่ก่อนครับ มารู้จักคุณธีรดลเจ้าของบริษัทxxx" พี่แมนผู้กำกับเรียกชื่อเธอกับขุนเขาให้เข้าไปทำความรู้จักกับสปอนเซอร์รายใหญ่ของละครเรื่องนี้ ซึ่งเธอและขุนเขาก็ยกมือขึ้นสวัสดีผู้อาวุโสกว่าทันที ส่วนโมนานั้นเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่เธอเห็นแล้วชะงักไปทันที "ออสตินเหรอ"เสียงหวานพึมพำออกมาเสียงเบา แต่ทว่าธีรดลทันได้ยินพอดี "รู้จักกันด้วยเหรอ" ธีรดลเอ่ยถามเธอออกมา ทำให้เธอรีบพยักหน้าตอบทันที "อะ เอ่อค่ะ" "คนนี้คือลูกชายของผมเอง เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ผมจะให้เขามาดูโปรเจ็กต์นี้แทนผม" นินิวจ้องหน้าเพื่อนสมัยมัธยมอีกคนของเธอไม่วางตา ไม่น่าเชื่อว่าโลกจะกลมขนาดนี้ ล่าสุดที่เจอกันคือเมื่อหลายปีก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อเมืองนอกกระทันหันโดยไม่ได้ร่ำลาเธอสักคำ ทั้งที่เป็นเพื่อนสนิทอยู่กลุ่มเดียวกันแท้ ๆ "แกหิวไม่ใช่เหรอ ให้หนูโมนาพาไปหาอะไรกินสิ วันนี้เป็นอาหารจากภัตตาคารชื่อดังเชียวนะ ส่วนผมขอตัวก่อนนะครับ แค่แวะพาลูกชายมาแนะนำให้ทุกคนรู้จัก" "ได้ค่ะคุณลุง ไปเถอะติน เดี๋ยวโมนาจะทานเป็นเพื่อน" "เมื่อกี้มันยังบอกลดความอ้วนอยู่เลย" อัญชันที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเพราะยืนอยู่ด้านหลังนินิวก็กระซิบเสียงเบาใกล้หูเพื่อนสนิททันทีด้วยความหมั่นไส้ "แล้วเธอทานข้าวหรือยังนิว" เสียงทุ้มของออสตินถามนินิวขึ้นมา แต่ทว่าเธอเลือกที่จะไม่ตอบและหันหน้าไปหาอัญชันกับขุนเขา เอ่ยชวนทั้งสองคนไปทานข้าวทันที "เราก็ไปกินข้าวกันเถอะ" หมับ!!! "ฉันถามเธอไม่ได้ยินเหรอ" ใบหน้าสวยก้มมองแขนเล็กที่ถูกฝ่ามือหนาจับเอาไว้ พร้อมกับทำสายตาเป็นเชิงบอกให้ปล่อย "อย่าไปสนใจเลยค่ะ เดี๋ยวนี้นินิวเธอไม่ใช่เพื่อนสมัยมัธยมที่เรารู้จักอีกแล้วค่ะ" "นี่โมนา คำนี้เธอหมายถึงตัวเองมากกว่ามั้ง" อัญชัญพูดแทรกไปทันทีเมื่อได้ยินอะไรไม่เข้าหู "พอเหอะอัญ แล้วก็ปล่อยแขนฉันด้วยค่ะ ฉันจะไปกินข้าว" ออสตินเหยียดยิ้มออกมากับคำพูดที่ดูห่างเหินของเธอ แต่ทว่าก็ยอมปล่อยมือเธอทันที ถึงแม้อยากจะแกล้งเธอต่อให้นานกว่านี้ "ไปเถอะนิว" อัญชันเดินควงแขนเพื่อนออกไปทันที พร้อมกับขุนเขาที่เดินตามไปด้วย "ผู้ชายคนนั้นเป็นพระเอกของเรื่องนี้เหรอ" "ใช่ค่ะ ชื่อขุนเขา" "เขาชอบนินิว?" โมนายกยิ้มขึ้นมา ขนาดคนที่เพิ่งเจอกันยังดูออก"ใช่ค่ะ ชอบกันมาตั้งนานแล้วนะคะ ไม่รู้ความสัมพันธ์คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว" ออสตินหันหน้ามามองผู้หญิงที่ยืนเกาะแขนเขาอยู่ ถึงจะอยู่เมืองนอกนาน แต่เขายังคงติดตามข่าวจากเมืองไทยตลอด เรื่องนินิวกับโมนาเขาเองก็พอจะอ่านตามสื่อโซเชียลมีเดียมาพอสมควร ถามว่าเขาเชื่อข่าวที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน ก็ตอบได้ทันทีว่าไม่ เพราะเขาคบกับนินิวมาตั้งแต่มัธยมต้น เธอไม่ได้มีนิสัยแบบในข่าวสักนิด แต่ทว่าไม่รูัข่าวที่เกิดขึ้นมีความจริงแค่ไหนและอะไรคือเหตุผลที่ทำให้เธอทำแบบนั้น ตอนนี้เขาพร้อมกลับมาพิสูจน์ความจริงนั้นและช่วยนินิวให้พ้นจากคำกล่าวหาทั้งหมด "แล้วเธอล่ะ ฉันเคยเห็นข่าวว่ามีแฟนแล้วนิ" "เลิกไปตั้งนานแล้วค่ะ ตอนนี้โมโสดสนิท" โมนายักคิ้วลิ่วตาให้ออสตินเพื่อบอกเป็นนัยน์ว่าเธอกำลังสนใจเขาอยู่"แล้วตินล่ะ มีแฟนหรือยัง" "หึ ยังเลย ฉันไม่ชอบผูกมัดกับใคร" ออสตินตอบออกไปอย่างไม่คิดปิดบัง เขาเป็นคนเจ้าชู้ เรื่องผู้หญิงไม่เคยขาดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ที่ถูกคนเป็นพ่อส่งไปเรียนต่างประเทศ ก็เพราะความกินไม่เลือกของเขานี่แหละ ท่านเลยต้องการดัดนิสัยเขา แต่ดูเหมือนท่านจะคิดผิด เพราะอยู่ต่างประเทศเขายิ่งใช้ชีวิตสนุกสุดเหวี่ยงมากกว่าเดิม ถ้าไม่ติดว่าถึงเวลาที่เขาต้องมาจัดการเรื่องบางอย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งนานแล้ว เขาคงดูแลกิจการที่นู่นต่อและไม่กลับมาเมืองไทยอีก "บางทีตินอาจยังไม่เจอผู้หญิงที่พร้อมจะหยุดก็ได้ค่ะ" "ก็คงงั้น" "มึงรู้จักผู้ชายคนนั้นเหรอนิว" อัญชันเอ่ยถามเพื่อนทันทีด้วยความสงสัย ขณะกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ "เคยอยู่กลุ่มเดียวกันตอนมัธยม" "จริงเหรอ หล่อมากเลยนะ นักเรียนนอกด้วย" "แต่ดูเจ้าชู้มากเลยและเหมือนโมนาจะสนใจเขานะ" ขุนเขาเอ่ยออกมาบ้าง เขาเองก็พอจะรู้นิสัยของนางเอกของเขาคนนี้เหมือนกัน เล่นละครคู่กันมาหลายเรื่อง ถูกแฟนคลับจับให้เป็นคู่จิ้นกัน แต่ทว่าเขาไม่เคยอยากเป็นคู่จริงกับโมนาเลย ผู้หญิงตรงหน้าเขาต่างหากคือคนที่เขาแอบชอบมาหลายปี ถึงจะสารภาพความรู้สึกออกไปและโดนเธอปฏิเสธกลับมา แต่เขาก็ยังไม่ละความพยายามของตัวเอง ตราบใดที่เธอยังโสด เขาก็มีสิทธิ์ที่จะทำให้เธอเปลี่ยนใจมาชอบเขาให้ได้ "ยัยนั่นก็สนใจไปทั่วนั่นแหละ ขอแค่แก้คันให้มันได้"อัญชันเอ่ยออกมาอย่างเหลืออด ยิ่งเห็นอาการออเซาะกับผู้ชายคนนั้นแล้ว เธอยิ่งอยากจะอาเจียนออกมา "พูดแรงไปหรือเปล่า" "เหอะ ทำไมคะ หรือว่าพี่ก็เคยชอบผู้หญิงคนนั้นเหมือนกัน แต่ก็ไม่แน่นะ" "....." "เป็นคู่จิ้นกันมาหลายปี ออกงานคู่ด้วยกันบ่อย ๆ มันก็ต้องมีหวั่นไหวกันบ้างแหละ" "ฉันไม่เคยหวั่นไหว ฉันเป็นคนรักเดียวใจเดียว" อัญชันเบะปากมองบนทันที น้ำเสียงที่เขาใช้กับเธอแตกต่างจากน้ำเสียงที่เขาใช้กับนินิวยิ่งนัก เธอล่ะเกลียดผู้ชายประเภทนี้ที่สุด ทำเป็นพูดจาดูดีเข้าตัว "จะรอดูวันที่พี่สมหวังนะคะ ว่าแต่จะมีหรือเปล่าเถอะ" "อัญชัน"นินิวส่ายหน้าให้เพื่อนหยุดโต้เถียงกับขุนเขาเสียที สองคนนี้อยู่ใกล้กันไม่ได้เลย เข้าตำราขิงก็ราข่าก็แรงจริง ๆ "ฉันก็จะรอวันที่เธอมีแฟนนะ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เหมือนกัน" "นี่พี่ด่าฉันเหรอ" "พอเถอะทั้งคู่นั่นแหละ เห้อออ"นินิวกำมือเข้าหากันแน่น ได้แต่นับหนึ่งถึงสิบในใจ ทั้งที่อยากตบหน้าผู้หญิงตอแหลตรงหน้าเธอเหลือเกิน เธอรู้ว่าที่โมนาพูดแบบนี้ เพราะต้องการดูดีในสายตาของออสติน “กูเคยบอกไปแล้วว่าอย่ายุ่งกับกู ไม่ต้องมาเรียกชื่อหรือพูดกับกูนอกจากเวลาทำงาน กูไม่อยากเสียเวลาคุยกับคนอย่างมึงเลยแม้แต่วินาทีเดียว” “มีอะไรกันอีกนิว”อัญชันเดินเข้ามาในห้องและทันเห็นเหตุการณ์พอดี ด้วยความรักเพื่อนเลยเข้ามายืนเคียงข้างเพื่อนทันทีและเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่กลัว “ใครจะไปกล้ามีเรื่องกับนินิวเพื่อนรักเธอล่ะ องครักษ์เยอะขนาดนี้ นี่ถ้าตินไม่เข้ามากับฉันด้วย ไม่รู้ว่าพวกเธอจะรุมฉันหรือเปล่านะ” “พอเหอะโม เดี๋ยวผู้กำกับมาแล้ว” ขุนเขาเป็นคนเอ่ยห้ามออกมา เพราะตอนนี้เริ่มมีทีมงานเดินเข้ามาให้ห้องแล้ว และทุกสายตาก็มองมายังกลุ่มของพวกเขาที่กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่ “ไปค่ะติน โมไม่อยากยืนตรงนี้แล้วค่ะ” โมนาหันหน้าไปควงแขนออสตินออกไปทันที โดยที่ออสตินยังหันหน้ามาสบตากับนินิวตลอดเวลาที่เดินไปกับอีกฝ่าย เขาเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ไม่พูดออกมา “มึงดูมันดิ น่าตบฉิบหาย ถ้าไม่ติดว่าอยู่ที่นี่ กูจะตบให้หน้าหันเลย ตอแหลไม่มีใครเกินมันเลย
หลังจากหนึ่งวันที่แสนวุ่นวายผ่านไป นินิวก็เตรียมตัวจะไปขึ้นรถตู้ของผู้จัดการส่วนตัวที่จอดรออยู่ด้านหลังของโรงแรม "นิว" เสียงทุ้มคุ้นหูเรียกชื่อเธอดังขึ้น ไม่ต้องหันหน้าไปมอง เธอก็รู้ว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นใคร "เธอโกรธอะไรฉัน?" "เปล่านิ" "แล้วฉันถามทำไมเธอไม่ตอบ ฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจ" "นายเพิ่งเจอกันนะ แล้วฉันจะไม่พอใจอะไรนายตอนไหนล่ะ" ออสตินสบตากลมโตของเพื่อนที่เคยสนิทกันในช่วงเวลาหนึ่ง ตอนนี้เธอไม่ใช่เพื่อนผู้หญิงคนนั้นของเขาอีกแล้วและเขาก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนผู้ชายคนนั้นของเธอเหมือนกัน "หรือเธอไม่พอใจที่ฉันไปเรียนเมืองนอกโดยไม่บอกเธอ" “อันนั้นมันเป็นสิทธิ์ของนายที่จะบอกหรือไม่บอกก็ได้ แล้วทำไมฉันต้องไม่พอใจนายด้วยล่ะ” “งั้นทำไมเธอไม่คุยกับฉัน จะว่าเธอจำฉันไม่ได้ก็คงไม่ใช่ เพราะพ่อฉันถามเธอยังบอกว่ารู้จักฉันอยู่เลย” “นายอย่ามาเซ้าซี้ถามจะได้ไหม ฉันจะกลับคอนโด เหนื่อยจะแย่แล้ว”เมื่อไม่มีคำตอบให้เขา เธอก็ทำเป็นเบี่ยงประเด็นไปอีกเรื่องทันที แต่ทว่าชายหนุ่มไม่ยอม เขาเอามือหนาจับแขนเล็กของเธอเอาไว้และเอามืออีกข้างจับใบหน้าสวยของเธอให้หันมามองหน้าเขาตรง ๆ แววตาคมเข้มคุ้นตา กับ
"มึงไม่น่าลากกูมาเลย เห็นแล้วหมั่นไส้ ตอนมึงไม่อยู่มันก็เอาแต่ออเซาะคนอื่นไปทั่ว" "เหอะน่า ยังไงมึงก็ยังมีเวลาจัดการมันอีกเยอะ" “ลืมบอกไป กูดีใจนะที่มึงกลับมา”อัญชันพูดพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างจริงใจ ซึ่งนินิวเองก็ยิ้มกลับไปให้เหมือนกัน เธอกับอัญชันสนิทกันเพราะได้เล่นละครเรื่องแรกด้วยกัน อีกทั้งเราสองคนยังอายุเท่ากันอีกด้วย ทำให้พูดคุยกันถูกคอและเธอก็รู้ว่าอัญชันเป็นเพื่อนที่จริงใจกับเธอจริง ๆ “กูก็ดีใจนะ ที่ได้เล่นเรื่องเดียวกับมึงอีก” “ว้าวว มึงดูอาหารดินิว น่ากินทุกอย่างเลย วันนี้กูจะฟาดให้เรียบเลย” ตอนแรกเธอเองก็ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แต่ทว่าพอเห็นหน้าตาอาหารจากร้านอาหารดังแล้ว ก็ทำเอาน้ำย่อยในกระเพาะอาหารส่งเสียงออกมาทันที“มึงกินเยอะได้ดิ กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ไม่เหมือนกู” “มึงกินแล้วก็ไปออกกำลังกายสิ เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน” “นิวนั่งไหนเหรอครับ” ขุนเขาเดินตามเข้ามา ทำให้อัญชันเบะปากใส่ทันที เธอรู้ว่ารุ่นพี่คนนี้ชอบพอเพื่อนของเธอ ทั้งที่นินิวปฏิเสธไปแล้ว แต่ก็ยังทำตัวน่ารำคาญไม่หยุด “ปากเป็นอะไรเหรอครับอัญชัน” “จะเป็นอะไรก็เรื่องของฉันค่ะ พี่ไม่ต้องยุ่ง” "เอ่อ เราสองคนขอตัวก่อนนะ
เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ไปทำอะไรให้อดีตเพื่อนรักของตัวเองเกลียดขนาดนั้น ทั้งที่ตอนมัธยมความสัมพันธ์ของเราก็ดีทุกอย่าง แต่ทว่าพอเข้ามหาลัย โมนาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน รู้ทั้งรู้ว่าเธอชอบเรย์เพื่อนร่วมรุ่นมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง แต่ก็ยังไปยั่วจนเรย์คว้าเอามาเป็นแฟนจนคบกันเกือบสี่ปี เป็นเรื่องที่ทำให้เธอแค้นใจอยู่จนถึงทุกวันนี้ เธอไม่ได้เสียใจที่ทั้งสองคนคบกัน แต่เสียใจที่ผู้ชายมีเป็นร้อยและส่วนใหญ่ก็ตามจีบโมนาทั้งนั้นแต่กลับไม่เอาผู้ชายพวกนั้น ดันมาต้องการผู้ชายคนเดียวกับเธอ แค่เว้นคนนี้ไว้สักคนไม่ได้หรืออย่างไร แต่เพื่อนก็ยังทำแบบนี้กับเธอ ทั้งที่เธอเล่าความรู้สึกตัวเองให้เพื่อนฟังมาโดยตลอด แต่กลับย่ำยีความรู้สึกของเธอจนเหมือนไม่ใช่เพื่อนกัน หลังจากนั้นเธอก็ตัดความเป็นเพื่อนลงทันที พอก้าวเข้ามาเป็นนักแสดง เป็นเธอที่เข้ามาก่อนจากการที่ครอบครัวลำบาก เธอต้องดิ้นรนทำงานตั้งแต่เรียน แล้วบังเอิญได้เจอกับพี่แจง ผู้จัดการส่วนตัวคนปัจจุบัน ชักชวนเธอให้มาลองเป็นตัวประกอบในละครเรื่องหนึ่ง ตอนนั้นเธอแทบไม่มีบทบาทอะไร คนดูน่าจะจำหน้าเธอไม่ได้ด้วยซ้ำไป แต่ทว่าเงินก้อนแรกที่เธอได้ กลับมากกว่าเง
แชะ! แชะ! แชะ! แสงแฟลชวิบวับของนักข่าวสายบันเทิงที่มากันเนืองแน่นห้องแกรนด์บอลรูมของโรงแรมชื่อดัง ในงานแถลงข่าวเปิดตัวละครเรื่องใหม่ ที่ได้สองพระนางชื่อดังแห่งยุคคือขุนเขาและโมนามาเป็นแสดงนำทั้งคู่ ร่วมด้วยนางร้ายหน้าสวยอย่างนินิวที่มีข่าวฉาวรายวันและหายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงพักใหญ่กลับมารับงานแสดงโปรเจ็กต์ใหญ่เรื่องนี้ด้วย หลังจากงานแถลงข่าวจบลง ทุกคนก็เดินเข้าไปยังห้องรับรองของโรงแรมที่ทีมงานจัดไว้สำหรับแต่งหน้าทำผม นินิวที่เดินหน้าบูดหน้าบึ้งเพื่อเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนั้นพร้อมกับโมนานางเอกของเรื่อง “ดีใจด้วยนะ ที่เธอได้กลับมาแสดงอีกครั้ง” นินิวเบะปากพร้อมกับเหลือบมองไปยังคนพูด ผู้หญิงคนนี้เก่งมากที่คีพลุคเป็นนางเอกได้ดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งที่จริงนิสัยตัวเองต่างกันกับบทบาทที่ได้รับราวฟ้ากับเหว “สาบานว่าเธอดีใจที่ฉันกลับมา ตอนนี้ไม่มีกล้องไม่ต้องแอ๊บทำเป็นนางเอกหรอกนะ” “ทำไมเธอพูดแบบนั้นล่ะนิว เราเป็นเพื่อนกันนะ ฉันอุตส่าห์บอกให้พี่ใหญ่ผู้กำกับ ให้โทรเรียกเธอมาเล่นเรื่องนี้ด้วยกัน เพื่อให้เธอมีพื้นที่ข่าวหน้าแรกอีกครั้ง” แปะ! แปะ! “เป็นพระคุณอย่างสูงค่ะ งานนี้