นินิวกำมือเข้าหากันแน่น ได้แต่นับหนึ่งถึงสิบในใจ ทั้งที่อยากตบหน้าผู้หญิงตอแหลตรงหน้าเธอเหลือเกิน เธอรู้ว่าที่โมนาพูดแบบนี้ เพราะต้องการดูดีในสายตาของออสติน
“กูเคยบอกไปแล้วว่าอย่ายุ่งกับกู ไม่ต้องมาเรียกชื่อหรือพูดกับกูนอกจากเวลาทำงาน กูไม่อยากเสียเวลาคุยกับคนอย่างมึงเลยแม้แต่วินาทีเดียว” “มีอะไรกันอีกนิว”อัญชันเดินเข้ามาในห้องและทันเห็นเหตุการณ์พอดี ด้วยความรักเพื่อนเลยเข้ามายืนเคียงข้างเพื่อนทันทีและเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่กลัว “ใครจะไปกล้ามีเรื่องกับนินิวเพื่อนรักเธอล่ะ องครักษ์เยอะขนาดนี้ นี่ถ้าตินไม่เข้ามากับฉันด้วย ไม่รู้ว่าพวกเธอจะรุมฉันหรือเปล่านะ” “พอเหอะโม เดี๋ยวผู้กำกับมาแล้ว” ขุนเขาเป็นคนเอ่ยห้ามออกมา เพราะตอนนี้เริ่มมีทีมงานเดินเข้ามาให้ห้องแล้ว และทุกสายตาก็มองมายังกลุ่มของพวกเขาที่กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่ “ไปค่ะติน โมไม่อยากยืนตรงนี้แล้วค่ะ” โมนาหันหน้าไปควงแขนออสตินออกไปทันที โดยที่ออสตินยังหันหน้ามาสบตากับนินิวตลอดเวลาที่เดินไปกับอีกฝ่าย เขาเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ไม่พูดออกมา “มึงดูมันดิ น่าตบฉิบหาย ถ้าไม่ติดว่าอยู่ที่นี่ กูจะตบให้หน้าหันเลย ตอแหลไม่มีใครเกินมันเลย” อัญชันยังโมโหไม่หาย พูดพึมพำไม่หยุดจนกระทั่งมานั่งประจำที่ก็ยังไม่หยุดพูดจนขุนเขาต้องเอ่ยแทรกขึ้นมา“เธอควรจะห้ามเพื่อน ไม่ใช่สนับสนุน เธอก็รู้ว่าโมนาเป็นคนยังไง ถ้าเราไปตามเกมส์ที่เขาวาง เราจะกลายเป็นคนผิดทันที” “พี่ก็ดีแต่พูดแบบนี้แหละ พี่ก็เห็นว่านิวมันไม่ได้เริ่มก่อน คนแบบนั้นใครจะอยากไปคุยด้วย ขยะแขยงจะตาย” “นิวยังไม่รู้เลยว่าจะอดทนได้ถึงขนาดไหน คิดว่านิวหายไปแล้วนางจะดีขึ้นเสียอีก”เธอเองก็เหนื่อยใจเต็มทีที่ต้องเป็นแบบนี้ ยังไม่ทันเปิดกล้อง ก็ดูเหมือนโมนาจะเริ่มเกมส์ประสาทกับเธอเสียแล้ว “ถ้ามีพี่อยู่ พี่ไม่ยอมให้เกิดเรื่องเหมือนห้าเดือนที่แล้วแน่นอน” ขุนเขาให้คำมั่นสัญญา วันนั้นถ้าเขาเอะใจและเดินตามหลังนินิวเข้ามาที่ห้องแต่งตัว เรื่องทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้ แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขาเพิ่งสารภาพรักกับเจ้าตัวไป ทำให้ต้องถอยห่างตัวเองออกมาปรับสภาพจิตใจที่โดนเธอปฏิเสธ “ค่า...เชื่อแล้วว่าเป็นองครักษ์ของยัยนิวจริง ๆ ขอให้ทำได้อย่างที่พูดนะคะ” “ถ้าไม่พูดบ้างก็ดีนะ ไม่มีใครเขาหาว่าเป็นใบ้หรอกนะ” “สองคนนี้ก็ยังเถียงกันไม่เปลี่ยนเลยนะคะ รู้ไหมคะว่านิวเคยเห็นแบบนี้แล้ว ต่อมาก็มีลูกหัวปีท้ายปีเลยค่ะ”นินิวเอ่ยหยอกล้อคนทั้งสองคนที่เอาแต่เถียงกันไม่หยุด “ไม่ใช่ฉันกับผู้ชายคนนี้แน่นอน” “เหอะคิดว่าฉันอยากมีลูกกับเธอหรือไง” “พอเถอะค่ะ ผู้กำกับมาแล้วค่ะ” นินิวส่ายหน้าและถอนหายใจออกมา ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ไม่ทำให้ทั้งสองหยุดเถียงกันได้เลย แต่โชคยังดีที่ผู้กำกับและพี่ทีมงานเข้ามาประจำที่เสียก่อน ไม่งั้นทั้งสองคนก็ยังคงไม่หยุดเถียงกัน ระหว่างที่กำลังนั่งต่อบทกันอยู่ นินิวก็รู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา เธอหันไปมองกี่ครั้ง เขาก็เอาแต่ยักคิ้วหลิ่วตาให้เธอ จนเธอต้องเป็นฝ่ายหลบหน้าเขาแทน “ลูกชายสปอนเซอร์รายใหญ่ มองหน้ามึงไม่หยุดเลย เขากับมึงนี่ยังไงกันว่ะ”อัญชันเอี้ยวตัวมากระซิบกับเธอ คงจะเห็นและรู้สึกเหมือนกันกับเธอว่าเขามองเธอแปลก ๆ มาสักพักแล้ว “มึงก็เห็นว่าเขามากับโมนา ผู้ชายของมันกูไม่ยุ่ง” “อีโมนามันควงยั่วมึงหรือเปล่าว่ะ เขาอาจไม่ได้คิดอะไรกับมันก็ได้ เพราะดูเหมือนเขาจะอยากคุยกับมึงมากกว่ามันอีกนะ” เธอเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจที่อัญชันพูด ไว้รอให้เลิกเวิร์คช็อปวันนี้ก่อน เธอเองก็อยากจะถามเขาเหมือนกันว่ามองเธอทำไมนักหนา แล้วมีเวลาว่างมากหรือไง ถึงได้มานั่งเฝ้าผู้หญิงที่นี่ เห็นแล้วก็หมั่นไส้ ด้านโมนาก็กำลังไม่พอใจที่ออสตินผู้ชายที่เธอกำลังสนใจอยู่ตอนนี้กำลังนั่งมองไปทางอดีตเพื่อนสนิทของเธอไม่วางตา เป็นแบบนี้ทุกครั้งตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ที่ไม่ว่าเธอสนใจผู้ชายคนไหน ผู้ชายพวกนั้นมักให้ความสนใจนินิวมากกว่าเธอและเธอก็รู้ด้วยว่าออสตินมีความรู้สึกพิเศษกับนินิวมาตลอด เพียงแต่เจ้าตัวไม่รู้ “เย็นนี้ไปทานข้าวที่ร้านอาหารริมแม่น้ำกันดีกว่าค่ะ” “……” ออสตินยังคงจ้องมองนินิว ทั้งที่เธอสะกิดเขาให้หันมาคุยกันเธอ แต่ก็ไม่มีผลอะไร“ถ้าอยากคุยกับเขา ทำไมไม่เข้าไปคุยล่ะคะ นั่งจ้องจากตรงนี้มาทั้งวันแล้วนะ” “……” “ตินทำแบบนี้โมน้อยใจนะคะ ตินมากับโมแต่กลับไปสนใจผู้หญิงคนอื่นมากกว่าโมอีก” ออสตินละสายตาจากหญิงสาวอีกคนหันมามองหญิงสาวที่กำลังพูดตัดพ้อเขาอยู่ อันที่จริงเธอก็น่าจะรู้ว่าเขาจำใจมากับเธอตามมารยาท ถ้าเธอไม่บอกว่าจะมาที่นี่แต่รถเสียและผู้จัดการก็ไม่อยู่ เขากับเธอคงไม่มีวันได้มาด้วยกัน “เมื่อกี้เธอว่าไงนะ” “โมบอกว่าอยากชวนตินไปทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารริมแม่น้ำค่ะ ร้านนี้โมไปกับผู้จัดการบ่อย ๆ รับรองว่าอร่อยแน่นอน” “เย็นนี้ฉันไม่ว่าง ไว้วันหลังแล้วกันนะ” “วันหลังวันไหนคะ อีกหน่อยพอเปิดกล้อง โมก็ไม่มีเวลาแล้วนะคะ” “ถ่ายละครเรื่องหนึ่งใช้เวลานานหรือเปล่า” “นานสิคะ ยิ่งถ้าฉากอารมณ์เยอะ ๆ แบบเรื่องนี้ คงหลายเดือนเลยค่ะ” “งั้นก็แปลว่าทุกคนที่ถ่ายก็จะไม่มีเวลาเหมือนกันใช่หรือเปล่า” โมนามองตามสายตาของออสติน ไปยังนินิวที่กำลังหันมาสบตากับชายหนุ่มพอดี ทั้งคู่มองสบตากันหวานเชื่อมจนเธอรู้สึกอิจฉาและไม่พอใจ ดูเหมือนนินิวจะเป็นศัตรูหัวใจคนสำคัญของเธอไปตลอด เพราะเหตุนี้ไงเธอถึงได้เกลียดอดีตเพื่อนคนนี้ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดบนโลกใบนี้ สัญญากับตัวเองแล้วว่าจะตามรังควานจนเพื่อนคนนี้ไม่มีที่ยืนในวงการนี้หรือแม้แต่กลับเข้ามาในวงการนี้ได้อีก 17.30น. ออสตินออกมาดักรอนินิวที่ลานจอดรถ ทันทีที่เห็นร่างบางเดินตรงมาที่รถของเธอ เขาก็ไปแอบอยู่อีกฝั่ง รอจนเธอปลดล็อคประตู เขาฉวยโอกาสตอนที่เธอกำลังเปิดประตูขึ้นรถฝั่งคนขับ เปิดประตูฝั่งนั่งข้างคนขับขึ้นไปนั่งบนรถทันทีอย่างหน้าตาเฉย “เอ๊ะ!! นี่นายขึ้นมาทำไม” นินิวตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ เธอเอามือผลักแขนแกร่งของเขาให้ลงจากรถเธอ แต่ทว่าแรงเธอเท่ามดไม่สามารถสู้แรงคนเจ้าเล่ห์ที่นั่งยิ้มกริ่มหัวเราะการกระทำของเธอได้ “รีบออกรถสิ ฉันหิวจะแย่แล้ว” “หิวก็ไปกินกับผู้หญิงของนายสิ เห็นหรือเปล่าว่าเธอมองหานายอยู่นั่นไง” คนตัวเล็กพยักเพยิดไปนอกรถฝั่งซ้าย ที่เห็นโมนากำลังสอดส่ายสายตาหาใครสักคนอยู่ และถ้าเดาไม่ผิดคนนั้นต้องเป็นผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างเธอตอนนี้แน่นอน “ก็ให้เธอหาไป ตอนนี้ฉันมีนัดกับเธอแล้ว” “นัด? นายนัดกับฉันตอนไหน อย่ามาโมเมนะ” “ก็นัดอยู่นี่ไง ไปกินข้าวกันนะ ฉันอยากไปกินข้าวกับเธอได้หรือเปล่า” ดวงตาคมมองเธอด้วยแววตากรุ้มกริ่ม เป็นแววตาของผู้ชายเจ้าชู้อย่างไม่ปิดบังและเธอก็ดันเขินกับสายตานั้นของเขา จนต้องหันหน้าหนีมาอีกฝั่ง “ฉันไม่ว่าง เหนื่อยด้วย จะกลับไปพักผ่อนแล้ว” “แค่กินข้าวเองนะ ฉันไม่ได้ชวนเธอไปออกกำลังกายสักหน่อย” “นี่นายพูดบ้าอะไร!! ออกกำลังกายอะไรของนาย?”นินิวกำมือเข้าหากันแน่น ได้แต่นับหนึ่งถึงสิบในใจ ทั้งที่อยากตบหน้าผู้หญิงตอแหลตรงหน้าเธอเหลือเกิน เธอรู้ว่าที่โมนาพูดแบบนี้ เพราะต้องการดูดีในสายตาของออสติน “กูเคยบอกไปแล้วว่าอย่ายุ่งกับกู ไม่ต้องมาเรียกชื่อหรือพูดกับกูนอกจากเวลาทำงาน กูไม่อยากเสียเวลาคุยกับคนอย่างมึงเลยแม้แต่วินาทีเดียว” “มีอะไรกันอีกนิว”อัญชันเดินเข้ามาในห้องและทันเห็นเหตุการณ์พอดี ด้วยความรักเพื่อนเลยเข้ามายืนเคียงข้างเพื่อนทันทีและเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่กลัว “ใครจะไปกล้ามีเรื่องกับนินิวเพื่อนรักเธอล่ะ องครักษ์เยอะขนาดนี้ นี่ถ้าตินไม่เข้ามากับฉันด้วย ไม่รู้ว่าพวกเธอจะรุมฉันหรือเปล่านะ” “พอเหอะโม เดี๋ยวผู้กำกับมาแล้ว” ขุนเขาเป็นคนเอ่ยห้ามออกมา เพราะตอนนี้เริ่มมีทีมงานเดินเข้ามาให้ห้องแล้ว และทุกสายตาก็มองมายังกลุ่มของพวกเขาที่กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่ “ไปค่ะติน โมไม่อยากยืนตรงนี้แล้วค่ะ” โมนาหันหน้าไปควงแขนออสตินออกไปทันที โดยที่ออสตินยังหันหน้ามาสบตากับนินิวตลอดเวลาที่เดินไปกับอีกฝ่าย เขาเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ไม่พูดออกมา “มึงดูมันดิ น่าตบฉิบหาย ถ้าไม่ติดว่าอยู่ที่นี่ กูจะตบให้หน้าหันเลย ตอแหลไม่มีใครเกินมันเลย
หลังจากหนึ่งวันที่แสนวุ่นวายผ่านไป นินิวก็เตรียมตัวจะไปขึ้นรถตู้ของผู้จัดการส่วนตัวที่จอดรออยู่ด้านหลังของโรงแรม "นิว" เสียงทุ้มคุ้นหูเรียกชื่อเธอดังขึ้น ไม่ต้องหันหน้าไปมอง เธอก็รู้ว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นใคร "เธอโกรธอะไรฉัน?" "เปล่านิ" "แล้วฉันถามทำไมเธอไม่ตอบ ฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจ" "นายเพิ่งเจอกันนะ แล้วฉันจะไม่พอใจอะไรนายตอนไหนล่ะ" ออสตินสบตากลมโตของเพื่อนที่เคยสนิทกันในช่วงเวลาหนึ่ง ตอนนี้เธอไม่ใช่เพื่อนผู้หญิงคนนั้นของเขาอีกแล้วและเขาก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนผู้ชายคนนั้นของเธอเหมือนกัน "หรือเธอไม่พอใจที่ฉันไปเรียนเมืองนอกโดยไม่บอกเธอ" “อันนั้นมันเป็นสิทธิ์ของนายที่จะบอกหรือไม่บอกก็ได้ แล้วทำไมฉันต้องไม่พอใจนายด้วยล่ะ” “งั้นทำไมเธอไม่คุยกับฉัน จะว่าเธอจำฉันไม่ได้ก็คงไม่ใช่ เพราะพ่อฉันถามเธอยังบอกว่ารู้จักฉันอยู่เลย” “นายอย่ามาเซ้าซี้ถามจะได้ไหม ฉันจะกลับคอนโด เหนื่อยจะแย่แล้ว”เมื่อไม่มีคำตอบให้เขา เธอก็ทำเป็นเบี่ยงประเด็นไปอีกเรื่องทันที แต่ทว่าชายหนุ่มไม่ยอม เขาเอามือหนาจับแขนเล็กของเธอเอาไว้และเอามืออีกข้างจับใบหน้าสวยของเธอให้หันมามองหน้าเขาตรง ๆ แววตาคมเข้มคุ้นตา กับ
"มึงไม่น่าลากกูมาเลย เห็นแล้วหมั่นไส้ ตอนมึงไม่อยู่มันก็เอาแต่ออเซาะคนอื่นไปทั่ว" "เหอะน่า ยังไงมึงก็ยังมีเวลาจัดการมันอีกเยอะ" “ลืมบอกไป กูดีใจนะที่มึงกลับมา”อัญชันพูดพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างจริงใจ ซึ่งนินิวเองก็ยิ้มกลับไปให้เหมือนกัน เธอกับอัญชันสนิทกันเพราะได้เล่นละครเรื่องแรกด้วยกัน อีกทั้งเราสองคนยังอายุเท่ากันอีกด้วย ทำให้พูดคุยกันถูกคอและเธอก็รู้ว่าอัญชันเป็นเพื่อนที่จริงใจกับเธอจริง ๆ “กูก็ดีใจนะ ที่ได้เล่นเรื่องเดียวกับมึงอีก” “ว้าวว มึงดูอาหารดินิว น่ากินทุกอย่างเลย วันนี้กูจะฟาดให้เรียบเลย” ตอนแรกเธอเองก็ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แต่ทว่าพอเห็นหน้าตาอาหารจากร้านอาหารดังแล้ว ก็ทำเอาน้ำย่อยในกระเพาะอาหารส่งเสียงออกมาทันที“มึงกินเยอะได้ดิ กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ไม่เหมือนกู” “มึงกินแล้วก็ไปออกกำลังกายสิ เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน” “นิวนั่งไหนเหรอครับ” ขุนเขาเดินตามเข้ามา ทำให้อัญชันเบะปากใส่ทันที เธอรู้ว่ารุ่นพี่คนนี้ชอบพอเพื่อนของเธอ ทั้งที่นินิวปฏิเสธไปแล้ว แต่ก็ยังทำตัวน่ารำคาญไม่หยุด “ปากเป็นอะไรเหรอครับอัญชัน” “จะเป็นอะไรก็เรื่องของฉันค่ะ พี่ไม่ต้องยุ่ง” "เอ่อ เราสองคนขอตัวก่อนนะ
เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ไปทำอะไรให้อดีตเพื่อนรักของตัวเองเกลียดขนาดนั้น ทั้งที่ตอนมัธยมความสัมพันธ์ของเราก็ดีทุกอย่าง แต่ทว่าพอเข้ามหาลัย โมนาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน รู้ทั้งรู้ว่าเธอชอบเรย์เพื่อนร่วมรุ่นมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง แต่ก็ยังไปยั่วจนเรย์คว้าเอามาเป็นแฟนจนคบกันเกือบสี่ปี เป็นเรื่องที่ทำให้เธอแค้นใจอยู่จนถึงทุกวันนี้ เธอไม่ได้เสียใจที่ทั้งสองคนคบกัน แต่เสียใจที่ผู้ชายมีเป็นร้อยและส่วนใหญ่ก็ตามจีบโมนาทั้งนั้นแต่กลับไม่เอาผู้ชายพวกนั้น ดันมาต้องการผู้ชายคนเดียวกับเธอ แค่เว้นคนนี้ไว้สักคนไม่ได้หรืออย่างไร แต่เพื่อนก็ยังทำแบบนี้กับเธอ ทั้งที่เธอเล่าความรู้สึกตัวเองให้เพื่อนฟังมาโดยตลอด แต่กลับย่ำยีความรู้สึกของเธอจนเหมือนไม่ใช่เพื่อนกัน หลังจากนั้นเธอก็ตัดความเป็นเพื่อนลงทันที พอก้าวเข้ามาเป็นนักแสดง เป็นเธอที่เข้ามาก่อนจากการที่ครอบครัวลำบาก เธอต้องดิ้นรนทำงานตั้งแต่เรียน แล้วบังเอิญได้เจอกับพี่แจง ผู้จัดการส่วนตัวคนปัจจุบัน ชักชวนเธอให้มาลองเป็นตัวประกอบในละครเรื่องหนึ่ง ตอนนั้นเธอแทบไม่มีบทบาทอะไร คนดูน่าจะจำหน้าเธอไม่ได้ด้วยซ้ำไป แต่ทว่าเงินก้อนแรกที่เธอได้ กลับมากกว่าเง
แชะ! แชะ! แชะ! แสงแฟลชวิบวับของนักข่าวสายบันเทิงที่มากันเนืองแน่นห้องแกรนด์บอลรูมของโรงแรมชื่อดัง ในงานแถลงข่าวเปิดตัวละครเรื่องใหม่ ที่ได้สองพระนางชื่อดังแห่งยุคคือขุนเขาและโมนามาเป็นแสดงนำทั้งคู่ ร่วมด้วยนางร้ายหน้าสวยอย่างนินิวที่มีข่าวฉาวรายวันและหายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงพักใหญ่กลับมารับงานแสดงโปรเจ็กต์ใหญ่เรื่องนี้ด้วย หลังจากงานแถลงข่าวจบลง ทุกคนก็เดินเข้าไปยังห้องรับรองของโรงแรมที่ทีมงานจัดไว้สำหรับแต่งหน้าทำผม นินิวที่เดินหน้าบูดหน้าบึ้งเพื่อเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนั้นพร้อมกับโมนานางเอกของเรื่อง “ดีใจด้วยนะ ที่เธอได้กลับมาแสดงอีกครั้ง” นินิวเบะปากพร้อมกับเหลือบมองไปยังคนพูด ผู้หญิงคนนี้เก่งมากที่คีพลุคเป็นนางเอกได้ดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งที่จริงนิสัยตัวเองต่างกันกับบทบาทที่ได้รับราวฟ้ากับเหว “สาบานว่าเธอดีใจที่ฉันกลับมา ตอนนี้ไม่มีกล้องไม่ต้องแอ๊บทำเป็นนางเอกหรอกนะ” “ทำไมเธอพูดแบบนั้นล่ะนิว เราเป็นเพื่อนกันนะ ฉันอุตส่าห์บอกให้พี่ใหญ่ผู้กำกับ ให้โทรเรียกเธอมาเล่นเรื่องนี้ด้วยกัน เพื่อให้เธอมีพื้นที่ข่าวหน้าแรกอีกครั้ง” แปะ! แปะ! “เป็นพระคุณอย่างสูงค่ะ งานนี้