นางกำลังทำงานในหน้าที่ของนางกำนัลเป็นอย่างดีนางเพียงต้องการเฝ้ารอ...รอใครบางคนปรากฏตัวนางรออยู่อย่างใจเย็น ยังยังหรอกยังก่อนนางยังไม่รีบ ยังไม่จำเป็นต้องรีบฆ่ายกครัวคนพวกนี้นางแค่อยากรู้ถึงใจของใครบางคนว่ายังรักมั่นคงต่อนางเช่นกาลก่อนหรือเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมแต่เดี๋ยวก่อนเวลาแค่เพียงไม่นานนี้เขาจะเปลี่ยนไปหรือคงไม่ไม่หรอกนางเชื่อใจเขานางควรจะเชื่อใจเขาเช่นนั้น คนพวกนี้ คงกำลังทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตัวเขาสินะอืม...เช่นนั้น นางจะรอชมงิ้วของเจ้าพวกนี้เสียหน่อยประไรหงเหม่ยหลงยังคงนั่งนิ่งๆ ก้มหน้าน้อยๆ เหมือนบรรดานางกำนัลคนอื่นอยู่ตรงนั้น อย่างสงบเยือกเย็น เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ จนพลบค่ำ ท้องฟ้ามืดมิด แต่ภายในงานเฉลิมฉลองนี่ ยังคงสว่างไสว ด้วยโคมไฟประดับประดาสวยสดงดงามตระการตา เหล่าขุนนางสูงศักดิ์ สตรีสูงส่งและข้าราชบริพาร ต่างเดินทางเข้ามาภายในงานอย่างเอิกเกริกเพียงไม่นานก็มีบรรดาองค์หญิง องค์ชาย องค์เล็กองค์น้อย เดินนวยนาดเข้ามาภายในงานจากทางด้านในผ่านไปอีกซักพักบุคคลสำคัญของหงเหม่ยหลงก็เดินทางเข้ามา เขาเดินทางมาเคียงคู่กับองค์หญิงเว่ยเชี่ยนเ
หลี่ซ่งหมินยืนอยู่ตรงริมระเบียงของตำหนักราช-บุตรเขยซึ่งเป็นตำหนักประจำตำแหน่งของเขาตั้งแต่เขาได้เข้ามาที่นี่ ในแคว้นนี้ เขากำลังนึกถึงสายตาคู่หนึ่ง สายตาที่เขารู้สึกได้ว่ากำลังจ้องมองเขาอยู่ สายตาที่เขาคุ้นเคย เขาค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นหงเหม่ยหลง นางอาจจะแฝงตัวเข้ามา ด้วยข่าวคราวที่เขาให้ซือเว่ยคอยดูแลเกี่ยวกับหงเหม่ยหลง ได้รายงานเขามาว่า นางมิได้อาศัยอยู่ที่วัง ทั้งยังออกมาจากสำนักหมื่นโลกันต์แล้วเช่นนั้น ย่อมเป็นไปได้ว่า นางอาจจะแฝงตัวอยู่ใกล้ตัวเขานางย่อมไม่ธรรมดาหลงเอ๋อร์ของเขา ไม่เคยธรรมดาแต่ทำไม?เพราะอะไร?นางจึงไม่ปรากฎตัวให้เขาได้เห็น...“องค์ชาย” ซือเว่ยเรียกหลี่ซ่งหมินให้ออกจากภวังค์ เมื่อเขารู้สึกได้ว่าองค์ชายของเขามีสีหน้าครุ่นคิดจนคิ้วขมวดยุ่งเหยิง“อดทนไว้ องค์ชาย” เขาปลอบองค์ชายของเขาได้แค่นั้นซือเว่ยติดตามองค์ชายหลี่ซ่งหมินมาอยู่ในแคว้นนี้เป็นเวลาร่วมเดือนแล้ว กำหนดเดินทางกลับแคว้นได้เปลี่ยนแปลงแล้วเปลี่ยนแปลงอีกอยู่ร่ำไปด้วยเหตุผลที่ว่าสุขภาพพลานามัยขององค์หญิงมิสู้ดี เดินทางไกลมิได้ ทำให้องค์ชายหลี่ซ่งหมินต้องติดอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน นานจนแม้แต่ตัวเขาเ
อั่ก! สตรีนางหนึ่งในชุดของนางกำนัลถูกหักคอจนล้มลงสิ้นใจอย่างสงบ มิรู้ได้ว่า สตรีนางนี้จะรู้ตัวหรือไม่ ว่าตนเองได้ตายไปเสียแล้ว แต่กระนั้น หงเหม่ยหลงก็มิได้สนใจว่าสตรีนางนี้จะรู้ตัวหรือไม่ว่าตนเองได้ตายไปแล้วเพียงไม่นานอาภรณ์ของนางกำนัลที่สิ้นอายุขัยไปเมื่อครู่ก็มาอยู่บนตัวของหงเหม่ยหลงหญิงสาวหันไปมองศพอันเปลือยเปล่าหลังพุ่มไม้ด้วยสายตาราบเรียบเย็นยะเยือก ก่อนหมุนตัวผละไปอย่างเยือกเย็นหงเหม่ยหลงใช้เวลาเพียงไม่นานก็เดินทางเข้ามายังอาณาเขตของแคว้นเว่ย และแฝงตัวเข้ามายังพระราชวังแห่งนี้ภายในพระราชวังแห่งนี้ทั้งใหญ่โต ทั้งกว้างขวาง ไม่ต่างจากพระราชวังในแคว้นของราชวงศ์หลี่มากนักแต่ที่ไม่เหมือนกันก็เห็นจะเป็นตรงที่ ไม่มีใครนำทางนางเที่ยวชมเหมือนครั้งอยู่ที่พระราชวังของแคว้นหลี่ครานั้นหลี่ซ่งหมินพานางเที่ยวชมทั่วทั้งพระราชวัง ชี้ตรงนั้นให้นางดู ชี้ตรงนี้ให้นางมอง จนตลอดทางที่เดินผ่าน ด้วยท่าทางเปี่ยมสุข ใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทั้งยังบอกกล่าวแก่นางว่าวันหนึ่ง นางจะได้เข้าไปอยู่ในพระราชวัง ในฐานะของสตรีผู้เคียงข้างเขาแต่ครานี้ ในพระราชวังแห่งนี้ นางต้องเดินเที่ยวชมอยู่คนเดียวอย่างเดียวดาย ทั
“ตอบ” หลิวฉวนหยู่ร์กดดัน “นางเป็นอย่างไรบ้าง” เยว่เทียนหันมาถามหงเหม่ยหลงที่ทรุดตัวลงนั่งที่ตั่งใกล้โต๊ะตรงหน้า เพื่อสังเกตกิริยาของชายหนุ่ม“นางยังสวยสดงดงามอยู่ไม่น้อย” หงเหม่ยหลงตอบแค่นั้น นางอยากรู้ว่าบุรุษตรงหน้าจะทำอย่างไรต่อไป“นางยังดีเสมอสำหรับท่านสินะ” หลิวฉวนหยู่ร์หรี่ตากล่าวอย่างหงุดหงิด“ท่านควรจะชัดเจน ว่ามา” หลิวฉวนหยู่ร์เริ่มกอดอก“ถ้าจะกลับไป ก็แค่บอกแก่ข้า แต่ถ้าไม่ จงตอบจดหมายบอกกล่าวแก่นางไป อย่าให้นางต้องรอโดยไร้จุดหมาย” หลิวฉวนหยู่ร์กล่าวอย่างฉะฉานจนหงเหม่ยหลงนึกชื่นชม พลางคิดถึงตนเองขึ้นมาเยว่เทียนยังคงนิ่งงันด้วยสายตากดดันของทุกคนที่ส่งมา“ตอบสิ ตอบเลย” เฟิงเหวินเอ่ยขึ้นก่อน“ตอบเจ้าค่ะ” เว่ยฟางเร่งรัด“ว่าไง” หลิวฉวนหยู่ร์ยังคงกดดันเยว่เทียนมองตอบสบตาทุกคนก่อนเอ่ย“ต่อให้ข้ากลับไป แต่ใจข้าคงไม่เหมือนเดิม”คำตอบของเยว่เทียนทำหลิวฉวนหยู่ร์คลี่ยิ้มออกมาโครม! โต๊ะตรงหน้าของหงเหม่ยหลงพลันแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยฝีมือของหญิงสาวจนทั้งหมดต้องสะดุ้งกันจนตัวโก่ง “ดี” หงเหม่ยหลงกล่าวเสียงรอดไรฟัน“ตอบได้ดียิ่ง ข้าเองก็อยากได้ยินคำพูดที่ชัดเจนอย่างนี้เหมือนกัน” จบคำหงเหม
สงครามระหว่างชายแดนยังคงคุกรุ่นมีการปะทะกันอยู่ตลอดเวลา และดูเหมือนว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆแต่ด้วยทางฝ่ายตรงข้าม เป็นเสมือนแคว้นของพระสหายของฮ่องเต้ จึงทำให้เหตุการณ์เหมือนจะคงระดับความรุนแรงเอาไว้อย่างดีเยี่ยมด้วยเพราะว่าความเป็นสหายกันของฮ่องเต้ดูเหมือนถูกลดทอนลง ไม่เหมือนกาลก่อน เพียงไม่นาน...ด้วยสงครามที่เหมือนจะยืดเยื้อไม่มีวี่แววว่าจะสิ้นสุดลงทำให้เหล่าพลทหารล้วนล้มตาย ครอบครัวหลายครอบครัวขาดเสาหลัก จึงเป็นเหตุให้ผู้นำต้องการเจรจาสงบศึกครั้งใหม่และครั้งนี้ยังคงต้องเป็นองค์รัชทายาทหลี่ซ่งหมินอีกเช่นเคย ที่อยู่ในสัญญาสงบศึกนั่น “หมินเอ๋อร์” ฮ่องเต้ยังคงหว่านล้อมหลี่ซ่งหมินที่ครานี้เหมือนจะไม่ยอมง่ายๆ “ในจำนวนองค์ชายทั้งหมด ก็เห็นจะมีเพียงเจ้า ที่เหมาะสม”ฮ่องเต้เดินมาตบไหล่ของชายหนุ่มเบาๆ เอ่ยต่อ “ฝ่ายนั้นเป็นถึงองค์หญิงหนึ่งเดียวของฮองเฮาแคว้นเว่ย ฐานะของนางเหนือกว่าเว่ยฟาง อีกทั้งยังเจาะจงด้วยว่าต้องเป็นเจ้าเพียงเท่านั้น”หลี่ซ่งหมินยังคงนิ่งเฉย ไม่ตอบรับคำใดๆ“หมินเอ๋อร์ บิดาของเจ้าช่างไร้ความสามารถ” ฮ่องเต้ตัดพ้อตนเอง เพียงหวังจะให้โอรสตรงหน้าใจอ่อน “เสด็จพ่อ...”
หมู่บ้านภายในอาณาเขตสำนักหมื่นโลกันตร์“ท่านจะรีบกลับไปไย อยู่เที่ยวชมที่นี่ก่อนจะเป็นไร”เฟิงเหวินเอ่ยถามเยว่เทียนเมื่อชายหนุ่มกล่าวว่าจะเดินทางกลับเข้าเมืองหลวงขณะนี้พวกเขาทั้งสี่คนกำลังนั่งดื่มเหล้าฉลองกัน หลังจากเสร็จสิ้นการเดินทางมาหลายวันก่อนหน้านี้“อยากกลับไปหาหยางเจียนจนตัวสั่นกระมัง” หลิวฉวนหยู่ร์ยังคงเน้นย้ำเย้ยหยันเยว่เทียนไม่เลิกเยว่เทียนปรายตามองหลิวฉวนหยู่ร์อย่างไม่พอใจ ก่อนเอ่ย “เจ้าเลิกตอกย้ำข้าสักทีจะเป็นไร” “ข้าจะตอกย้ำจนกว่าท่านจะฉลาดขึ้น” หลิวฉวนหยู่ร์ยังไม่ยอม“เจ้า” เยว่เทียนนึกอยากจัดการกับสตรีปากร้ายนี่จริงๆ“อย่าทะเลาะกันเลย ตอนอยู่ในถ้ำเห็นรักกันดี” เฟิงเหวิน กล่าวตัดบทประโยคนั้นของเฟิงเหวินทำให้ทั้งสองถึงกับชะงักงัน“มา ดื่มกันดีกว่า” เฟิงเหวินเอ่ยพลางยกจอกเหล้าขึ้นเชิญชวนเยว่เทียนกับหลิวฉวนหยู่ร์จึงรีบดื่มเหล้ากันอึกใหญ่เวลาผ่านไปครู่ใหญ่เหล้าหมดไปสามไห เว่ยฟางจึงชวนเฟิงเหวินกลับไปส่งที่บ้านเพื่อพักผ่อน คงเหลือเพียงเยว่เทียนกับหลิวฉวนหยู่ร์นั่งดื่มเหล้าพลางถกเถียงกันอยู่อย่างนั้น“เจ้าหยุดพูดจาร้ายกาจกับข้าเสียที” เยว่เทียนยังคงบ่นอย่างขัดเคืองด้วย