บทที่ 3/2 มหาธาตุหยินหยาง "โอ้ นี่มันธาตุลมเหมือนกับของฮูหยินเลยเจ้าค่ะ" ดวงตาสองคู่จดจ้องลมหมุนสีเขียวอ่อนบนฝ่ามือเล็กอย่างยินดี พวกนางดีใจที่หวังลี่ถิงมีธาตุลมเหมือนมารดา หาใช่ธาตุไฟเหมือนบุรษใจดำผู้นั้น! หวังลี่ถิงเก็บพลังของตน ก่อนขอให้แม่นมและสาวใช้ตามนางเข้าไปห้องนอน เอ่ยขอให้ทั้งสองนั่งลงบนตั่ง พลางหันไปพูดกับนกกระเต็น "เสี่ยวหลาน ช่วยดูให้ถิงเอ๋อร์ทีว่ามีใครอยู่แถวหน้าบ้านหรือด้านหลังหรือเปล่า" "ได้เลย" นกกระเต็นผละออกไปตามคำขอ ครู่หนึ่งจึงบินกลับมาหาเด็กหญิง ยามได้รับคำตอบว่ารอบบ้านปลอดคน หวังลี่ถิงจึงหันมาหาแม่นมและสาวใช้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ที่มองอย่างไรก็น่าเอ็นดูที่สุดในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสอง "แม่นมเจ้าคะ พี่ชุนอิ่งเจ้าคะ สิ่งที่ถิงเอ๋อร์กำลังจะบอก เป็นเรื่องสำคัญมากเจ้าค่ะ และถิงเอ๋อร์ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี แต่ก่อนอื่น ถิงเอ๋อร์อยากให้พวกท่านสัญญาก่อนเจ้าค่ะว่าจะไม่ตกใจ" แม่นมชุนหงหันมาสบตากับหลานสาว คล้ายกำลังสื่อสารว่าวันนี้คุณหนูดูมีลับลมคมนัยแปลกๆ ทั้งสองพยักหน้าให้กัน ก่อนหันมาตอบรับคำของเจ้านายตัวน้อยอย่างพร้อมเพรียง "พวกเราสัญญาว่าจะไม่ตกใจเจ้
บทที่ 3 /1 มหาธาตุหยินหยาง เสียงเจื้อยแจ้วของเสี่ยวหลานช่วยเรียกสติหวังลี่ถิงให้กลับมา ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ จ้องมองไฟธาตุสีทองและสีดำที่เพิ่งเรียกขึ้นมาในมือด้วยแววตาใคร่รู้ จนแทบมองเห็นเครื่องหมายคำถามผุดขึ้นเหนือศีรษะเล็กๆ ของนาง "เสี่ยวหลาน ท่านปู่นกฮูกได้บอกหรือไม่ ว่าไฟธาตุพิเศษมีสีอะไรบ้าง ธาตุปกติข้าพอรู้ ธาตุพิเศษอย่างสายฟ้ากับน้ำแข็งก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่ธาตุแสงกับธาตุมืดนี่สิ ข้าไม่เคยพบเห็นมาก่อน" นกกระเต็นที่ดื่มน้ำจนหายคอแห้ง รีบยืดอกของตนก่อนเอ่ยตอบเด็กหญิง ด้วยท่าทางคล้ายผู้คงแก่เรียน "อ่ะ แฮ่ม นี่ใคร นี่เสี่ยวหลานนะ เรื่องรอบคอบขอให้บอกนกกระเต็นแสนสวยอย่างข้า ไฟธาตุต้นกำเนิดในมือของถิงเอ๋อร์ก็คือธาตุแสงและธาตุมืดอย่างไรล่ะ เห็นชัดออกขนาดนี้ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ข้าไม่ได้บอกเรื่องของเจ้ากับท่านปู่นกฮูกหรือใครๆทั้งสิ้น" "ธาตุแสงและธาตุมืดอย่างนั้นหรือ?" หวังลี่พึมพำเสียงแผ่วก่อนที่… "ว้ายยย ถิงเอ๋อร์เจ้าเป็นอะไรไป! จวี๋จื่อช่วยที" เสี่ยวหลานร้องเสียงหลง ยามเห็นสหายมนุษย์ตัวน้อยของมันลมจับหงายท้องตึง ลงไปกองอยู่บนตั่งจากอารามตกใจเรื่องธาตุสุดพิเศษของตน แมวส้มหน้
บทที่ 2 พลังที่ตื่นขึ้น แสงทองของวันใหม่ทาบทับขอบฟ้า เสียงสกุณาขับขานบทเพลงแห่งชีวิต สายลมอุ่นยามเช้าโลมเลียผิวอ่อนของเด็กหญิงตัวน้อยบนกองฟาง เปลือกตาของร่างเล็กพลันเคลื่อนไหว "คิกๆๆ จั๊กจี้ เช้าแล้วเหรอ นี่ข้ายังไม่ตายเหรอ?!" หวังลี่ถิงปรือตาตื่น ผมเผ้ายุ่งเหยิงมีฟางติดผมหลายเส้น ดวงตาดอกท้อกลอกไปมาแลดูสับสน "ก็เช้าแล้วน่ะสิ ถิงเอ๋อร์ ไยเจ้าถึงมาหลับอยู่ตรงนี้กัน แล้วที่บอกว่ายังไม่ตายอีก แปลกจริงเขียว ว่าแต่เจ้าไปทำอะไรมาถึงได้สกปรกเหม็นหึ่งขนาดนี้" นกกระเต็นสีฟ้าสดใสใช้ปากของมันเขี่ยใบหูของเด็กหญิง ส่งเสียงเจื้อยแจ้วทักทายอยู่ข้างหูเล็ก นี่คือความพิเศษของหวังลี่ถิง ซึ่งมีเพียงแม่นมและสาวใช้คนสนิทเท่านั้นที่รู้ แม้ว่านางจะไม่มีพลังธาตุ ทว่ากลับสามารถสื่อสารกับสัตว์ได้ทุกชนิด ยกเว้นจำพวกแมลง… "อรุณสวัสดิ์ เสี่ยวหลาน!" เด็กหญิงเอ่ยทักทายนกน้อยเสียงใส ก้มหน้าสำรวจคราบสีดำส่งกลิ่นคละคลุ้งบนร่างกาย "เห คราบสีดำพวกนี้มาได้อย่างไรเนี่ย เหม็นชะมัด" หรือว่านางนอนละเมอไปเล่นกับหมูอสูรในเล้ามากันนะ ร่างเล็กรีบไถลลงจากกองฟาง วิ่งตรงไปยังบ้านของตนเพื่อชำระร่างกาย "ข้ารีบกลับบ้านไ
ยามเมื่อถึงเวลาปลุกพลัง เด็กๆ ทุกคนที่มีอายุถึงเกณฑ์ ซึ่งอยู่ในวัยหกหรือเจ็ดหนาวตามช่วงเดือนที่เกิด จะถูกพาไปทดสอบพลังในวิหารเทวะธาตุของแต่ละเมืองผลปรากฏออกมาว่า ตัวนางซึ่งเป็นบุตรที่เกิดอดีตฮูหยินเอกผู้ล่วงลับกลับไร้พลังธาตุใดๆ ส่วนพี่น้องอีกสามคน ซึ่งเกิดจากฮูหยินรองและอนุ กลับมีพลังธาตุไฟสองคน ธาตุดินหนึ่งคนถึงแม้เจ้าวิหารจะบอกกับ หวังเหลียง ผู้เป็นบิดาของหวังลี่ถิงว่า เด็กบางคนพลังธาตุอาจตื่นช้าไปบ้าง ตัวเขาเคยเจอเด็กหลายคนที่พลังธาตุตื่นขึ้นตอนอายุสิบหนาว ขอให้บิดาของนางรอดูไปก่อนอย่าเพิ่งหมดหวังทว่าสำหรับท่านเสนาธิการ การมีบุตรสาวหน้าตาอัปลักษณ์ กระทั่งเจ็ดหนาวพลังธาตุก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา นี่ถือเป็นจุดด่างพร้อยอันน่าอับอายของวงศ์ตระกูลหวังลี่ถิงในวัยเจ็ดหนาว ถูกบิดาบริภาษจนน้ำตาร่วง ถ้อยคำเสียดแทงหัวใจดวงน้อยที่กล่าวว่านางเป็นขยะไร้ประโยชน์ ดังก้องสองหูในคืนนั้นเช้าวันถัดมา หวังเหลียงมีคำสั่งให้ส่งตัวหวังลี่ถิงออกจากจวน ด้วยการส่งนางและบ่าวรับใช้คนสนิทไปอยู่ไกลถึงหมู่บ้านติดชายแดนอาณาจักรผ่านมาสองปีกว่าแล้วที่หวังลี่ถิงมาใช้ชีวิตอยู่ ณ หมู่บ้านซีซานกับแม่นมและสาวใช้ ร่างเล็ก
สวัสดีเพื่อนๆนักอ่านที่รักทุกท่านก่อนอื่นเลย ไรต์ตัวเล็กๆคนนี้ขอขอบคุณเพื่อนๆนักอ่านทุกคนจากใจที่เป็นกำลังใจและช่วยสนับสนุนงานเขียนของไรต์นะคะ ปลื้มใจมากๆเลยค่ะ ^^ไรต์ขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้แนะนำนิยายอีกเรื่อง ชื่อเรื่อง ทั่วทั้งใต้หล้าข้ายอมสยบเพียงนาง เป็นแนวโรแมนติก คอมเมดี้ นางเอกเก่งน่ารัก พระเอกกวนๆหน่อยแต่คลั่งรักสุดใจ มีเทพเซียน ทาสแมว ร่วมขายขำกันสุดๆ อ่านไป ยิ้มไป ขำไป ไม่ปวดตับ อาจมีฉากแอบซึ้งบ้างเล็กน้อย จบสุขนิยม นิยายเรื่อง ทั่วทั้งใต้หล้าข้ายอมสยบเพียงนาง ลงจนจบแล้วนะคะ ไม่ต้องกลัวว่าไรต์จะเทนิยาย ลองอ่านเนื้อหาบางส่วนกันได้เลยค่า ขอบคุณจากใจค่ะนักเขียน ชวี่เหว่ยบทที่ 1 ขอพรกับดาวตกณ แดนเทพอันศักดิ์สิทธิ์มหาเทพหวงหลงนั่งหรี่ตาเล็งศิลาเทวะธาตุหลายลูกในกล่องด้วยสีหน้าคร่ำเครียด ครุ่นคิดว่าจะหยิบศิลาลูกไหนขึ้นมาดีดใส่ศิลาของอีกฝ่ายเพื่อทำแต้มตีเสมอคู่ต่อสู้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามมีใบหน้างดงามราวอิสตรี เอนกายอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน พิงหมอนอิงใบใหญ่บนตั่ง อากัปกิริยาค่อนไปทางเกียจคร้านมือขาวหมุนจอกสุราดอกท้อหยกพันปี ส่งกลิ่นหอมกรุ่นละมุนไปทั่วสวนลอยฟ้า ณ ตำหนักของมหา
ตอนพิเศษ เดินหน้าเกี้ยวบุรุษ (ตอนปลาย) ชิงชิงขอเผือก แต่ต้องบอกว่าไม่ได้ต้องการจะเผือก นางแค่หวังดี แค่อยากช่วยให้ผู้ใหญ่ทั้งสองมีความสุข ไม่ว่าด้วยฐานะ อายุ รูปร่างหน้าตาล้วนเหมาะสม แถมทั้งคู่ยังเป็นหม้ายคู่ครองตายไปนานแล้ว ไม่มีใครในต้าซวินกล้าครหาแน่นอน! แต่กระนั้น…ก็ลองใครกล้าดูสิ! แม่จะตามไปยิงกบาลทิ้งด้วยปืนเลเซอร์! เซียวหนิงชิงเปิดใจถามไถ่ความรู้สึกขององค์หญิงที่มีต่อบิดาของนาง ลี่นาซานิ่งเงียบ หากแต่เหลือบตามองเสื้อที่ตนเย็บให้เฉินชิงเหอแทน คืนนั้นลี่นาซานอนหลับฝันถึงหยาอิน ในฝันชายหนุ่มยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงา เขาระบายยิ้มกว้างเมื่อเห็นนาง ลี่นาซายิ้มอย่างดีใจวิ่งโผเข้าไปกอดเขา ทั้งคู่กอดกันแน่นอยู่ครู่ใหญ่ หยาอินคลายอ้อมกอดของตนออกอย่างนุ่มนวล สองมือใหญ่ประคองดวงพักตร์งดงามของลี่นาซาที่ปราศจากรอยแผลเป็น เขาจ้องมองนางด้วยสายตานุ่มนวลและห่วงใย เอ่ยถ้อยคำพร้อมรอยยิ้ม "นาซา ขอบใจมากนะที่ให้กำเนิดบุตรชายแก่ข้า ดูแลเขาอย่างดีจนเติบใหญ่ ลูกของเราเติบโตและปลอดภัยแล้ว ถึงเวลาที่เจ้าต้องทำเพื่อตัวเองและท่านอ๋องเสียที ขอบคุณเขาแทนข้าด้วย จงให้โอกาสตัว