ใครว่าพระเอกขี่ม้าขาว
ชีวิตโจวหยางซีในโลกที่จากมาเป็นเพียงพนักงานร้านสะดวกซื้อ แต่ทำอยู่หลายปีและที่ไม่ยอมเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการร้าน หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูง เธอไม่อยากรับผิดชอบอะไรมากมาย เพียงแค่ต้องการมีเงินใช้ ได้อยู่ห้องแอร์เย็นๆ ทำงานใกล้บ้าน เพียงเท่านี้ชีวิตก็สมบูรณ์
เธอเรียนจนระดับปริญญาตรี การเรียนไม่ได้ใช่ไก่แลกเกรด อีกอย่างวันๆ พบคนหลายประเภท และยังชอบศึกษาเรื่องต่างๆ เป็นนักอ่านตัวยง เหนืออื่นใด อายุเธอไม่น้อยแล้วเฉียดสามสิบกว่า ประสบการณ์ชีวิตจึงมีพอตัว ส่วนการมาอยู่ในร่างหญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปี นับว่าเป็นกำไรมากโข ซึ่งเธอจะใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด และตอนนี้คือการสั่งสอน เด็กที่บังอาจปีนเกลียวกับเธอ
“ฮึ พ่อแกคงมัวแต่ประจบพวกนักการเมือง เลยไม่มีเวลาได้สั่งสอน ส่วนแม่นั้น...”
โจวหยางซีมองไปที่อีกฝ่าย ใช้สายตาอย่างพินิจ ช่วงเวลานั้น เรื่องราวของไป๋อันเหมยปรากฏในหัว อีกฝ่ายกำพร้ามารดา เนื่องจากหล่อนทนความอดดันในสกุลไป๋ไม่ไหว สามีเย็นชาและบ้างาน ส่วนแม่สามีเป็นพวกไม่อยากเห็นลูกสะใภ้ได้ดี มารดาไป๋อันเหมยจึงตัดสินใจผูกคอตายลาโลก ทิ้งเธอให้อยู่ในความเลี้ยงดูของย่า และนั่นจึงกลายเป็นการบ่มเพาะเด็กร้ายกาจเช่นนี้
“อย่า แกไม่มีสิทธิ์ พูดถึงหม่าม้า”
อันที่จริงโจวหยางซีร้ายตามบทตัวละครเดิม และเธอในโลกเก่าเป็นคนที่ยอมหักไม่ยอมงอเช่นกัน แต่ไม่อยากขยี้ปมในใจเด็กสาวให้แหลกสลาย ทว่าพวกจิ๊กโก๋ ลูกน้องสารวัตรไป๋ล้วนถือดี มีคนหนึ่งเข้ามาหมายจะฉุดเธอ และนับว่าโจวหยางซีคล่องแคล่วพอตัว จึงเตะผ่าหมากไปเต็มๆ
“บอกให้พวกมันถอยไป ไม่อย่างนั้นฉันจะกรี๊ดให้ลั่น และพูดเรื่องแม่ของแกไม่หยุด ว่าทำไม ถึงด่วนจากไปเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ และทิ้งให้แกเป็นเด็กกำพร้าจนถึงทุกวันนี้”
“ตบมัน ตบนังนี่ให้สมองเสื่อมไปเลย”
ไป๋อันเหมยหวีดร้องลั่น เธอรู้ว่า มารดาตนสนิทกับหลี่ฉู่ เนื่องจากฝ่ายนั้นเคยมารับใช้ที่บ้านเธอ มีหน้าที่ทำความสะอาด ดูแลเสื้อผ้าหลายปี อีกทั้งเป็นคนพบศพแม่ของเธอด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่หลี่ฉู่จะรู้ถึงความทุกข์ของมารดาเธอ และคนปากมากเช่นนั้น ย่อมเล่าเรื่องต่างๆ ให้โจวหยางซีที่เป็นลูกสาวฟังอย่างละเอียด เพียงแค่คิด ไป๋อันเหมยก็แทบกระอักเลือด
“ตบมันแล้วจิกหัวลากไปที่โรงพัก สั่งตำรวจขังเดี่ยว ให้อดข้าวอดน้ำ จนตายไปเลยยิ่งดี”
เด็กสาวร้องโวยวาย ยามนั้นเซียวก้งเยว่หายตัวไปแล้ว ฝ่ายโจวหยางซีกวาดตามองหาอีกฝ่ายพอไม่พบ และอดสังหรณ์ใจแปลกๆ ไม่ได้ แต่อย่างน้อยเธอเปลี่ยนบทในช่วงนี้ได้ เพียงแต่ว่าสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานตรงหน้าเล่า หญิงสาวจะเอาตัวรอดอย่างไร!
และเป็นอย่างที่ในหัวคิดเรื่องราวเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ ไป๋อันเหมยก้าวเข้ามาหาเธอ อีกฝ่ายอยู่มัธยมปลาย ทั้งยังเรียนช้าอายุจึงเกือบสิบเก้าปี เธอจึงยกตนเป็นพี่ใหญ่ของกลุ่ม
“ก่อนจะจับตัวนังนี่ไปขังลืมโรงพัก ฉันขอตบสั่งสอนสักหน่อยก็แล้วกัน”
ไป๋อันเหมยกางฝ่ามือออก หมายตบลงบนหน้าโจวหยางซี และวาดมือเตรียมพร้อม ซึ่งช่วงเวลานั้น ไป๋อันเหมยไม่ทันได้ทำอย่างใจต้องการ ด้วยมีเสียงบีบแตรลั่น เป็นเก๋งคันใหญ่ขับผ่านมา พร้อมเสียงกระหึ่มของรถจักรยานยนต์หลายคัน
“คุณเหมย นั่นๆ ๆ เป็นพวกขวานลำพองมาทางนี้จริงๆ ด้วย พวกผมว่า รีบกลับเถอะครับ แถวนี้เราไม่ใช่เจ้าถิ่น เกิดเหตุร้ายขึ้นมา พวกผมจะพลอยแย่ไปด้วย”
พวกกุ๊ยที่เป็นลูกน้องปลายแถวบอกไป๋อันเหมย ตอนแรกเธอยังมีไฟกรุ่นๆ ในอก คิดสั่งสอนโจวหยางซี แต่เสียงแตรบีบดังกว่าเดิม เลยทำให้เด็กสาวเพื่อนของไป๋อันเหมยถีบจักรยานกลับทางเดิม พลอยให้เธอต้องตัดสินใจใหม่
“ฉันปล่อยแกไปก่อน พบกันคราวหน้า หวังว่าจะไม่เห็นแกไปเป็นเมียพ่อค้าเขียงหมูในตลาด หรือยืนโบกรถขายหมาก* แลกเศษเงินไม่กี่หยวนหรอกนะ”
ไป๋อันเหมยพูดจบ ก็รีบกลับไปขึ้นจักรยานแล้วปั่นหลบไปจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว
(*สาวขายหมากเป็นอาชีพของหญิงสาวในยุคสมัยนั้น ตามหัวมุมถนน จะมีหญิงสาวแต่งตัวสวยงาม นุ่งกระโปรงสั้น ขายหมากเคี้ยวที่ห่อเป็นคำๆ ให้แก่หนุ่มที่สัญจรผ่านไปมา)
ฝ่ายโจวหยางซีที่พอจะหายใจสะดวกได้บ้าง ก็หมุนตัวตั้งใจกลับบ้านเสียก่อน เธอกลัวเหลือเกินว่าในกลุ่มรถที่ขับผ่านมาจะมีกังเหริน หากเป็นเช่นนั้น อาจถึงคราวซวย เธอยังไม่พร้อมพบหน้าผู้ชายตระกูลกัง เนื่องจากตัวละครนี้รักปักใจอีกฝ่าย และเธอมั่นใจว่า หากได้เห็นหน้ากังเหริน หัวใจดวงน้อยคงพ่ายแพ้ต่อเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าเดินไปเพียงเล็กน้อย หญิงสาวก็สะดุดขาตัวเอง วินาทีนั้น เอวบางถูกรวบจากมือใหญ่ๆ ที่สากอยู่สักหน่อยและอุ่นจัด
“อุ๊ย... ปล่อยนะ อร๊าย...”
เธอร้องบอกอย่างนั้น อึดใจต่อมา ก็รู้สึกว่าตกอยู่ในอ้อมกอดแกร่งๆ ของบุรุษ
หญิงสาวไม่กล้ามองอีกฝ่ายในทันที ตัวสั่น และกลัวเหลือเกินว่าจะเป็นกังเหริน ผู้ชายที่ตัวละครนี้ ปรารถนาจะเป็นของเล่นอีกฝ่าย ให้เขาได้ย่ำยี และทำร้ายเธอสารพัด ถึงอย่างนั้นโจวหยางซีก็ยอมเป็นทาสรักเขา
ทว่าเพราะเสียงกระแอมไอที่ดังขึ้น คุ้นหูพิกล ดวงตากลมโตเลยค่อยๆ มองร่างที่รับเธอเอาไว้ วินาทีนั้น หญิงสาวตัวแข็งค้าง หัวใจคล้ายหยุดเต้น
ให้ตายเถอะ เธอดีใจมากที่เป็นเขา แต่สถานการณ์เมื่อครู่ ทั้งคำร้ายๆ ที่เธอพ่นไฟแล่บออกมา มันสมควรให้ว่าที่สามีวัยคราวพ่อ...ได้ยินหรือไม่
“โจวหยางซี ทำไมยังอยู่แถวนี้อีก!”
เสียงก็ดุ สีหน้าปั้นให้ขรึมเข้ม ใจหญิงสาวอ่อนระทวยไปหมด และสิ่งที่ทำได้ตอนนี้ เพื่อไม่ให้ต้องถูกคนตัวโตซักไซ้ไล่ต้อนให้เธอขวัญกระเจิง ย่อมเป็นไม้ตายของตัวร้ายเช่นเธอ
“ชะ อุ้ย... เป็นลม... ซีซี... มะไหว หน้ามืด อ๊ะ...”
พูดจบเธอ ก็ตัดสินใจทิ้งตัวเพื่อทำให้ตนเองตกเป็นภาระของเซียวหวังเหล่ย
มามี้สุดหล่อ เหตุการณ์ก่อนหน้า ในขณะที่เซียวหวังเหล่ยจะไปรับลูกชายคนเล็กที่ชื่อหลุนหลุน หรือ เซียวตี้หลุนกับพี่เลี้ยงที่ดูแล เขาได้ยินเสียงรถของแก๊งขวานลำพองดังอย่างน่ารำคาญ ฝ่ายพวกแม่ค้าในละแวกนั้นบอกว่า กุ๊ยพวกนี้ ตั้งใจมาก่อกวนชุมชนตลาดเก่าเนื่องจากกังเหรินอยากได้พื้นที่บริเวณนั้นสร้างผับและคาสิโน ฝ่ายเขาไม่ค่อยสนใจ ด้วยตระกูลเซียวเป็นพวกชนชั้นสูงเก่า อีกทั้งมุ่งเน้นการค้าเป็นหลัก หากมีเรื่องใดๆ ก็จะมีหน่วยทหารจากแผ่นดินใหญ่ กับพรรคพวกของปู่ให้ความช่วยเหลือ นอกจากนั้นเขาอยากรีบพาลูกชายกลับบ้าน ตั้งใจจะทำแพนเค้กกินกับน้ำผึ้งเป็นอาหารเย็น และสิ่งที่ตั้งใจทำก่อนหน้านั้นก็สำเร็จไปด้วยดี รอเพียงปลาตัวโตๆ แสนสวยกินเหยื่อจากนั้นทุกอย่างคงเรียบร้อย ทว่าเป็นช่วงเวลานั้นที่พบลูกสาวคนโตที่วิ่งหน้าตื่นมา เขาให้คนรอรับเธอแท้ๆ แต่เซียวก้งเยว่คือขาลุย เรียกได้ว่าเป็นเด็กแสบคนหนึ่ง แน่นอนเธอไม่ต่างจากเขาตอนที่อายุน้อย “ป่าป๊า...เอ่อๆ ผู้หญิงคนนั้นน่ะ ถูกรุ่นพี่ที่โรงเรียนหนูจับตัวไว้ ขอโทษจริงๆ นะคะ ไม่นึกว่ามันจะมีเรื่องร้ายแรงจนได้” “เสี่ยวเยว่ หมายถึงใค
ฟันแล้วทิ้ง ประตูรถปิดดังปัง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของโจวหยางซี แน่ล่ะ เพราะเธอยังเล่นบทสลบไม่ได้สติ และยังหลับตาปี๋อย่างสมจริง ฝ่ายคนแซ่เซียวเลยอุ้ม และพาขึ้นมายังชั้นสองของตึกเขียว มันเป็นอาคารสี่เหลี่ยมที่ห้องเรียงกันเป็นแถว บรรยากาศไม่เจริญหูเจริญตา และตอนนี้เขาใช้เท้าเตะประตูห้องพักเธอ เสียงดังปังๆ อย่างคนไร้มารยาท ความเกรงใจคนอื่น สำหรับเซียวหวังเหล่ยคงไม่มี หรือไม่อย่างนั้น เขาก็ต้องการทำบางสิ่งให้บรรลุเป้าหมาย เลยเล่นใหญ่แบบจัดเต็ม “คุณนายโจว ออกมารับลูกสาวเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นผมจะทุ่มลงไปชั้นล่าง บอกไว้ก่อน ไม่พิการ ก็คงนอนซมหยอดน้ำข้าวต้มเป็นเดือนๆ” ให้ตายเถอะ ผู้ชายคนนี้ยังจะสามารถเป็นตัวเอกของนิยายเรื่องนี้ได้หรือ คิดไปคิดมาโจวหยางซีก็หวาดหวั่น หรือว่าเธอควรเดินตามบทเดิม คือกลับไปหากังเหริน แล้วค่อยๆ ปลอกลอกเขา พอได้เงินมาสักก้อน จึงหายตัวเข้ากลีบเมฆ จากนั้นก็ตัดหางปล่อยวัดผู้ชายเฮงซวยทุกคนในนิยายเรื่องนี้ไปเสีย แต่ความคิดของเธอต้องหายแวบไปเมื่อเสียงชายหนุ่มดังอย่างน่ารำคาญขึ้นอีก “คุณนายโจว!” ทั้งเสีย
นางร้ายตกสวรรค์ ส่วนเถาจื่อนั้นแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี หล่อนอับอายแทนหลานสาวคนนี้ เลี้ยงอีกฝ่ายช่วยหลี่ฉู่มาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย แม้จะรู้ว่าเธอแสบ ก๋ากั๋น แต่ใครเล่าจะกล้าคิดว่า วันนี้ ถึงขั้นอยากเป็นเมียของเซียวหวังเหล่ยจนตัวสั่น เถาจื่อเลยต้องสะกิดแขนหญิงสาวหวังให้เธอลดคำพูดคำจาลง ผู้ชายดีๆ ที่ไหนจะทนฟังเสียงนางงิ้ว ที่รับบทสตรีร่านราคะได้ ฝ่ายโจวหยางซีกลับทำเหมือนไม่รู้ตัว เธอยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ให้อีกฝ่าย ขนตาที่งอนดำเงางามไหวไปมา จริตเช่นนั้น ผู้ชายได้แต่ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ทว่าแทนที่เขาจะสั่งให้หยุดทำ กลับพูดว่า “ฮึ เอาไว้ เธอได้นอนกับฉันบนเตียงเมื่อไหร่ แล้วฉันจะให้เธอใช้คำว่าเมีย พร้อมทำหน้าที่นั้นอย่างเหนื่อยยากที่เดียวเลยล่ะ ” โจวหยางซีมองชายหนุ่ม มองและทำตาหวานเยิ้มกว่าเดิม ผู้ชายคนนี้ ปากร้าย พูดจาไม่เข้าหู แต่ลึกๆ ก็เซี้ยวจัด และทำให้เธอมันเขี้ยว แน่นอนหากคาดการณ์ไม่ผิด เขามีใจให้หญิงสาวอย่างไม่ต้องสงสัย ฮิๆ ๆ จับผู้ชายที่ขี้เก๊ก ชอบวางมาด ง่ายแค่นี้เอง “ตกลงค่ะ ถ้าเหล่ยต้าเกอยังเตะปี๊บดังปังๆ ๆ ซีซีก็จะนอนทั้งบ
ในเวลาเกือบสามทุ่ม โจวหยางซียังปรับตัวไม่ได้เลย เธอได้ยินแต่เสียงแมลง กับสุนัขเห่าสลับกันไปมา ท้องร้องหิวมาก อีกอย่าง...เธอพักที่เรือนคนงานหญิง เป็นที่นอนรวมมีกันหลายชีวิต! ฮึ มารดาเซียวหวังเหล่ยเถิด ตาลุงหน้าเข้มกำลังเล่นตลกอะไรกับเธอกันแน่ หญิงสาวนอนกุมท้องตนเอง ยามนี้หิวจัดเลยทีเดียว นั่นเป็นเพราะเธอมาถึงที่นี่ เห็นคนงานกินของที่ชวนให้คลื่นไส้ มีแต่ผักพัดน้ำมันเยิ้ม ไข่ไก่ที่ผัดใส่มะเขือเทศ บางส่วนก็ไหม้ กินไปได้คำเดียวก็เวียนหัว สุดท้ายพอถึงเวลาต้องนอน เสียงท้องร้องดัง และหิวจนนอนกระสับกระส่าย เป็นเหตุให้คนที่ดูแลเรือนนอน ซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานหญิงเดินมาถาม “อาซี... เธอไหวหรือไม่” เฮยหมิงก้าวมาที่ฟูกปูบนตั่งไม้ยกพื้น ยามนั้นโจวหยางซียังรู้สึกว่าตนเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ โดยแท้ “หิว... และไม่สบายตัว ไม่รู้ว่าฉันเป็นไข้หรือเปล่า” “มีหมั่นโถวเหลืออยู่สองลูก เธอไปเอามากินเถิด พรุ่งนี้ต้องลุกตั้งแต่ตีสี่ เตรียมเก็บไข่ไก่ ไข่เป็ดแล้วก็รดน้ำที่แปลงผัก” ได้ยินอย่างนั้น หญิงสาวจึงนิ่งค้าง นี่คืองานที่ต้องทำหรือ มิน่
ด้ายแดงร้อยใจ “เหล่ยต้าเกอ คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือยังไงเสี่ยวหลุนอยู่ตรงนี้” “เฮอะ บ้าแน่นอน ถ้ายังได้ยินเสียงเธอหัวเราะเยาะเรื่องของอั๊ว” ยามนั้น เซียวตี้หลุนทำตัวสั่นน้อยๆ ไม่ได้กลัว หรือตกใจ เขาแค่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น อีกอย่างเด็กชายรู้ว่า บิดามาที่นี่เพราะจะพาหญิงสาวกลับเรือนหลักด้วยกัน และนั่นคือสิ่งที่เขาร้องขอมาหลายวัน “น้องแค่อยากให้พี่ซีซี ไปนอนเล่นด้วย ปะ ป๊า อย่าโกรธเลยนะ เกี่ยวก้อยกันเถอะ ครอบครัวเดียวกัน ต้องรักกันไว้ฮะ” ชายหนุ่มลดความฉุนเฉียวลง ก่อนกวักมือเรียกพี่เลี้ยงของลูกชายให้มารับตัวเขาไป “เสี่ยวหลุนเด็กดี กลับบ้านไปกินขนมกับคุณย่าใหญ่ก่อนนะครับ เดี๋ยวป่าป๊า จะพามามี้ เอ๊ย พี่ซีซี ไปหาช่วงบ่าย ตอนนี้ต้องทำธุระของผู้ใหญ่ให้เสร็จเสียก่อน” “ได้ฮะ แต่ห้ามตีก้นเพียะๆ แต่นอนบนเตียงเล่นกันได้ น้องอนุญาตแล้ว จะไม่งองแง และร้องไห้สักแอะ ให้ป่าป๊าปวดหัว” ความไร้เดียงสาทำให้ทั้งชายหนุ่ม และหญิงสาวเงียบไปเกือบหนึ่งอึดใจใหญ่ๆ ก่อนที่เขาจะพูดเจื้อยแจ้วต่อ “ถ้าไม่ชอบ จะนอนกันสามคนก็ได้ น้องหลุนจะเป็นลูกให้ป่าป๊า
บทรักแสนเฮงซวย โจวหยางซีถูกพาตัวไปโรงเก็บอุปกรณ์การเกษตร และด้านหน้ามีออฟฟิศ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับเรือนหลัก เซียวหวังเหล่ยมากับเธอ ตั้งใจสอบถามหลายสิ่ง พร้อมกันนั้นคือเขาไม่อยากให้คนอื่นวุ่นวายกับหญิงสาว จึงไล่คนงาน และคนติดตามออกไปให้หมด เมื่อไม่มีใครอยู่ขวางหูขวางตา โจวหยางซีก็เพิ่งตระหนักได้ว่า ผู้ชายคนนี้แอบน่ากลัว และดูโรคจิตนิดๆ “ซีซี เมื่อเธออยากมาที่นี่ ต้องรับมือทุกเรื่องให้ได้ ฝ่ายอั๊วรู้ว่า เธอไม่ค่อยได้เรื่อง ในหัวมีแต่เรื่องเดียว คืออยากเป็นเมียอั๊ว” เขาหยาบคายมาก แรกๆ เธอก็ชื่นชมอยู่หรอก ตอนนี้ไม่อยากจะยกหางเขาแล้ว หากมีมีดคมๆ เธอก็จะตัดหางอีกฝ่ายทิ้งเสีย “หลงตัวเอง ซีซีก็แค่อยากเอาตัวรอด ไม่ได้พิศวาสคุณ อีกอย่างไม่มีรสนิยมกินเนื้อโคแก่” ทั้งหมดนั้น เธอพูดในใจ แต่สายตาที่สื่อถึงเขา มันเต็มไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น “อืม และอั๊วเชื่อว่า เธอคงไม่เก่งกล้า หรือมีความรู้มากพอที่จะทำเรื่องอัปมงคลพวกนั้น” “แน่นอน ซีซี...จะทำไปเพื่อเหตุผลอะไร ในเมื่อสุดท้ายเหล่ยต้าเกอก็เรียกหา และอยากให้ขึ้นเตียงอยู่ดี” โจวหยางซีพยายาม
นางร้ายที่ผู้ชายล้วนหมายปอง เขากวาดลิ้นรุกไล้ ไล่ต้อนเธอไม่หยุด ลิ้นเรียวเล็กก็หาทางหลบหนี ทว่ากลับจนแต้ม เลยต้องยอมให้เขานำพาไปสู่ความซาบซ่าน ซึ่งชวนให้หวามไหวอย่างที่สุด โจวหยางซีไม่เคยสัมผัสความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน หัวสมองเธอว่างเปล่า และร่างกายเหมือนจะตอบสนองเขา กระทั่งดึงสติตนกลับคืนได้ จึงส่งเสียงขึ้น “อี้... อะ อ๋าส์... คะ คน ละ เลว” เธอร้องอื้ออ้าประท้วง และมันยิ่งทำให้เขารุกหนัก อึดใจต่อมา มือใหญ่จึงล้วงเข้าไปในเสื้อของหญิงสาว แล้วสัมผัสหน้าอกภายในชั้นในที่ปกปิดสองเต้าอวบอัดที่สะท้านไหว เพราะเธอกำลังพยายามดิ้นรนขัดขืนเขา ปลายนิ้วสากๆ แตะเนื้อนิ่ม แล้วเกี่ยวสายชั้นในดึงรั้ง คล้ายกับพยายามจะทำให้มันขาดจนไม่อาจโอบอุ้มสองเต้าอวบๆ ของเธอไว้ได้ ยอดหน้าอกหญิงสาวชูชัน ความหวานฉ่ำในร่มผ้าก็ค่อยๆ หลั่งออกมา อาการของเธอมันฟ้องว่าต้องการเรื่องอย่างว่าไม่ต่างจากเขา ยามนี้เขายิ่งได้ใจ นิ้วมือนั้นก็ชำนาญในเรื่องอย่างว่ายิ่งนัก เสื้อตัวนอกถูกเลิกขึ้น แล้วอึดใจต่อมา ริมฝีปากบางของเขาก็จูบและเม้มที่เนินหน้าอกเธอ
รับบทนางร้าย ยากยิ่งนัก ประตูห้องเปิดเข้ามาในอีกห้านาทีต่อมา เฮยหมิงได้รับคำสั่งให้คอยจับตาหญิงสาวไว้ และยังมีน้ำดื่ม ของกินเล่น และผลไม้ด้วย “เอา ยังไม่รีบกินอีก หิวอยู่ไม่ใช่เหรอ นี่ตั้งแต่มาถึง ฉันก็รีบเข้าครัว หาของกินมาให้เลย ได้มันฝรั่งผัดมาด้วยนะ ยังมีถัวทอดอีก” โจวหยางซีบุ้ยใบ้ไปข้างหลัง บอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอถูกคนเผด็จการใช้เข็มขัดรัดข้อมือไว้ด้วยกัน “อาซี... เถ้าแก่เซียวเข้มงวดมาก ดุอยู่สักหน่อย แต่ทั้งหมดเขาก็แค่หลอกให้กลัว เพื่อจะไม่หาทางออกไปข้างนอกเท่านั้น และเข็มขัดนั้นก็หมัดไว้รวมๆ สลัดมือสองสามหนก็หลุดแล้ว” เฮยหมิงบอก พอหญิงสาวลองทำตามก็ปรากฏว่ามันเป็นปมหลอกๆ ที่ชายหนุ่มทำไว้ คราวนี้โจวหยางซีเลยรู้สึกเสียหน้ามาก “อยู่ที่นี่แล้ว อย่ากลัวสิ่งใดไป อีกอย่างจำเอาไว้เถ้าแก่เซียว อยากให้เธอรับใช่จริงๆ แต่ตอนนี้ คุณเหรินก็พยายามเหลือเกินที่จะหาเรื่องเอาตัวเธอไปอยู่ด้วย...ทั้งข่มขู่คุณนายโจว และน้องของเธอยังหายตัวไปอีก เรื่องมันวุ่นวายชวนปวดหัวเช่นนี้ ถ้าเถ้าแก่เซียวไม่หัวเสีย ก็แปลกแล้วล่ะ” พอเฮยหมิงว่าอย่างนี้ สิ่งที่ไ
ประตูห้องพักเปิดเข้าไป ภาพที่ซ่งฮ่าวตงเห็นแทนที่เจ้าหยวนอีจะเครียดหรือร้องไห้เสียใจ เธอกลับกำลังเตรียมอาหารมื้อพิเศษให้ซ่งฮ่าวตง รวมถึงเค้กอร่อยๆ สำหรับเจียวจ้าน ด้วยเขาอยากเป่าเค้กให้กับตุ๊กตาหมีของตน “เอ ฉันนึกว่า จะต้องมาปลอบใจใครบางคน แต่เธอคงกำลังยุ่งอยู่ใช่ไหม” “แน่นอนค่ะ เพราะอบเค้กเองไม่ง่าย อีกอย่างเมื่อครู่ เพิ่งทำไก่อบไหม้” เจ้าหยวนอีไม่เก่งด้านเข้าครัว แต่ก็ชอบทำมา ดังนั้นสิ่งที่ทำจึงมักเป็นอาหารที่ง่ายขั้นตอนไม่ยุ่งยาก และเธอตั้งใจว่า ในอนาคตนอกจากเป็นแม่ให้แก่ลูกๆ ของซ่งฮ่าวตง เธอจะต้องดูแลเรื่องทั่วไปของเด็กๆ ทั้งอาหารเสื้อผ้า รวมถึงการศึกษา สิ่งเหล่านี้ ในโลกเก่าก่อนเธอขาดแคลนเสมอมา “แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ตอนนี้แม่บ้านฟู่ คอยช่วยอยู่ และยังมีแม่ครัวที่ฉันขโมยมาจากห้องครัวโรงแรมอีกตั้งสองคน” หญิงสาวบอกชายหนุ่ม และผายมือให้เขาดูอาหารที่กำลังจัดเตรียมขึ้นโต๊ะ และเมื่อไก่อบไหม้ จึงทำไข่เจียวปู เบอร์เกอร์หมู แล้วสลัดผลไม้ พร้อมเค้กกล้วยหอม “ฉันทำเองเกือบทั้งหมด หวังว่าคุณกับจ้านเกอจะถูกใจ”
เกือบสองเดือนแล้วหลังจากแต่งงาน เจ้าหยวนอีกับซ่งฮ่าวตง ยังต้องพบปะผู้คนอยู่เสมอ รวมถึงเขาสะดวกในการพักที่โรงแรม ดังนั้นเจ้าหยวนอีจึงพลอยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ด้วย เธอติดความสะดวกสบาย อีกทั้งอ้างกับเขาว่า อาหารรถเข็นยามเช้า และสตรีทฟูดส์ตอนเย็น ถูกใจเธออย่างที่สุด ซึ่งฝ่ายซ่งฮ่าวตงก็เห็นด้วย ทั้งคู่จึงเลือกกลับไปนอนในคฤหาสน์สัปดาห์ละคืน แต่ก็เงียบเหงาไปสักหน่อย ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่ เจ้าหยวนอีกับซ่งฮ่าวตงจึงอยู่ในโรงแรม ตกบ่ายในวันที่อากาศแจ่มใส และสายลมพัดเย็นสดชื่น ขณะที่เจ้าหยวนอีออกมาดูเสื้อผ้า และรองเท้าเพื่อไปงานเลี้ยงการกุศล เกี่ยวกับการหาทุนเพื่อเด็กกับคนชรา ร่างสตรีที่แต่งตัวเฉิดฉายก็โผล่มายืนเผชิญหน้าเธอ อีกฝ่ายยิ้มเยาะ แสดงท่าทีราวกับถือไพ่เหนือกว่า “โอ้ คุณนายซ่งน้อย พบกันอีกจนได้” น้ำเสียงนั้นประชดประชัน ทว่าไม่ได้ทำให้เจ้าหยวนอีรู้สึกโมโห เจ้าหยวนอีกวาดตามองรอบๆ ตัว วันนี้เธอพลาดเอง ที่ไม่ได้ให้โทนี่ หรือ ฟู่เซิงติดตามมาด้วย นั่นเป็นเพราะเธอใช้ชีวิตที่ถนนสายนี้จนคุ้นชิน แต่โจวซานซานเป็นสตรีที่แค้นฝังหุ่น พอสมโอกาสยามที
เจียวจ้านติดเจ้าหยวนอี ตอนนี้เด็กชาย อวดกับทุกคนว่า เขามีแม่ใหม่ที่สวย อีกทั้งพ่อบอกว่า ไม่นานจะมีน้องมาเป็นเพื่อนเล่นเขาด้วย “แม่... แล้วน้อง ของน้องจะคลอดเมื่อไหร่ครับ” เจ้าหยวนอีมองเด็กชาย และยิ้มกว้างให้เขา นี่ไม่ใช่หนแรกที่เจียวจ้านถาม แต่เธอไม่เคยเบื่อที่จะตอบ “เร็วๆ นี้ จ้านเกอต้องอดทนรอสักหน่อยน้า แม่จะรีบมีน้องให้เร็วที่สุด” เอ่ยออกไปแล้ว เธอก็เขินเสียเอง อีกทั้งตอนนั้น คนตัวโตเดินเข้ามาในพื้นที่ทำอาหาร ท่าทางเขาหิวโซทีเดียว “โอ้ กลิ่นหอมจังเลย แต่จะเค็มขี้มือใครไหมน้า” ซ่งฮ่าวตงถาม เป็นตอนนั้นที่เด็กชายหันไปมองพ่อของตัวเอง ก่อนทำหน้าง้ำหน้างอนิดๆ “ไม่เค็มขี้มือ แต่น้องไม่อยากให้ ปะ ป๊ากิน” “เอ ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ” “เดี๋ยวหมด คนตัวโต กินจุ” เด็กชายตอบน้ำเสียงจริงจัง “จ้านเกอหวงของกินกับปะ ป๊าไม่ดีนะคะ” “เปล่าหวง น้องแค่โกรธอยู่ และปะ ป๊า กินจุ” เขาย้ำคำเดิมท้ายประโยค “โกรธปะ ป๊าน่ะหรือ” ซ่งฮ่าวตงถามเด็กชาย และเขาเงยหน้ามองคนตัวโตแวบหนึ่ง “อื้อฮึ
ในช่วงเวลาที่เจ้าหยวนอีได้อยู่กับซ่งฮ่าวตงช่างร้อนแรงเร้าใจ ทั้งคู่ต่างสาดความร้อนแรงเข้าใส่กัน และหลังจากนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่น่าโล่งใจอยู่สักหน่อย ที่ไม่มีหูตาของผู้อื่นคอยสอดแนม ซึ่งตอนกลับโรงแรม เจ้าหยวนอีไม่สามารถสวมชุดเดิมที่ใส่ออกไปได้ ด้วยหลังจากอาบน้ำกับซ่งฮ่าวตงเรียบร้อย โดยทั้งคู่แต่งตัวเสร็จ ก็เป็นชายหนุ่มที่อดใจไม่ไหว หญิงสาวก้าวไม่ทันถึงรถหรูส่วนตัวด้วยซ้ำ คนตัวโตก็ส่งสายตากรุ้มกริ่ม แล้วมือใหญ่จึงคว้าอวดคอดกิ่ว ก่อนบ่นอุบอิบว่าเสื้อผ้าเธอถอดยาก จากนั้นก็มีเสียงดังแคว่ก เขากับเธอต่างหัวเราะ “คุณเพิ่งเสร็จไปสองน้ำ!” เจ้าหยวนอีโพล่งเสียงดัง ด้วยน้ำเสียงกวนจัด ชายหนุ่มยอมรับว่า เก้อเขิน เกิดมาไม่เคยมีใครพูดตรงๆ กับเขาเช่นนั้น “อืม... ก็เสี่ยวอีอี เป็นเมียสุดโปรดของฉันนี่นา กินอย่างไร ไม่อิ่มสักที” เอ่ยจบเขาจึงทั้งกอด จูบ และใจอยากแทงเนื้อนิ่มของเธออีกหน แต่หญิงสาวเอ่ย เพื่อขอตัวช่วย “ขอเป็นใช้ปาก ลิ้น และมือแทนได้ไหมคะ... หากตามใจท่านเก้าอยู่อย่างนี้ เราคงไม่ถึงที่พักแน่นอน” “ลิ้นมัน
กระทั่งรถจอดด้านหน้าโรงอาบน้ำขนาดใหญ่ ในส่วนที่เป็นพื้นที่ส่วนตัว เนื่องจากเจ้าของประสงค์ให้ดูมีระดับสักหน่อย จึงแยกการบริการลูกค้าทั่วไป กับเฉพาะแขกระดับสูง หญิงสาวที่คอยบริการอยู่ด้านหน้า เพื่อต้อนรับต่างมีสีหน้าตื่นเต้น ด้วยเจ้าหยวนอีในยุคสมัยนั้น มีรูปตามป้ายโฆษณา และหน้านิตยสาร อีกทั้งตัวจริงของเธอ เรียกได้ว่างดงาม แบบที่ใครได้พบต้องตกตะลึง ขณะเดียวกัน พวกนักข่าวเพิ่มจำนวนมากกว่าเดิม ราวกับว่ามีการนัดหมาย หรือแจ้งให้คนติดตามเธอ “นายหญิงเล็กอี แล้วพวกนักข่าว และแฟนภาพยนตร์ของคุณ ให้ผมจัดการยังไง” ซึ่งประหลาดใจสักหน่อย การเดินทางของเจ้าหยวนอีมาที่โรงอาบน้ำ เหตุใดหนอผู้คนถึงได้ทราบเรื่องไวเช่นนี้ หากเธอคาดการณ์ไม่ผิด คงมีคนของฝ่ายโจวซานซานปะปนอยู่ที่โรงแรม และอยากฉีกหน้าเจ้าหยวนอี หรือไม่ก็ต้องการเห็นเธอ ทำเรื่องเสียหาย เพื่อเขียนข่าวทำลายชื่อเสียง “ก็ดี... ดูเหมือนที่ท่านเก้า แต่งงานกับฉัน เพราะอยากให้มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่เสมอ และฉันก็ทำหน้าที่ได้ดีเช่นนี้ เขาควรให้รางวัลงามๆ” “แต่นี่ อาจเป็นเรื่องในแง่ลบ ซึ่งมันไม่
ยานนั้น สิ่งที่โทนี่อธิบาย ไม่ได้เข้าไปอยู่ในหัวเจ้าหยวนอี ด้วยเธอไม่อาจสลัดภาพภายในห้องเช่าหลังเล็กๆ ที่อุดอู้ และมีกลิ่นเหม็นอับได้ เมื่อเข้าไปอยู่ในรถ ส่วนของเบาะหลัง ซึ่งเจียวจ้านที่กินไอศกรีมแสนอร่อยอิ่มนานแล้ว เขาเอ่ยกับเจ้าหยวนอีว่า “แม่ใหม่สวยจัง นะ น้องชอบแม่นะ” เพราะเสียงของเขาที่คอยเอ่ยอยู่ใกล้ๆ ทำให้เธอดึงสติตนกลับคืน “จ้านเกอ ว่าอย่างไรนะคะ” “น้องชอบแม่ จุ๊บๆ กัน” เขาบอก แล้วส่งจูบอย่างน่ารักให้แก่หญิงสาว เจ้าหยวนอี นิ่งค้างชั่วขณะ เมื่อครู่ทำเกือบทำสิ่งผิดพลาด เพราะมัวแต่คิดถึงการจากไปของถานจิง และการถูกจับของถานเหว่ย รวมถึงชะตาชีวิตหนิงถงที่ต้องใช้ร่างกายแลกกับเงินไม่กี่เหรียญ เมื่อเห็นและรับรู้ทุกอย่างในเวลาจำกัดก็เหมือนโลกถล่มใส่เธอจนแทบไร้เรี่ยวแรง กระทั่งเสียงของเจียวจ้าน กับท่าทางน่าเอ็นดูของเขาที่แสดงออก ฉุดให้เธอกลับคืนสู่ความจริง “แม่ก็ชอบหนูมาก จ้านเกอน่ารัก เป็นเด็กดี” เด็กชายยิ้มอวดฟันหล่อ แล้วถามว่า “แล้วแม่ใหม่ จะท้องป่องอ้วนๆ กับปะ ป๊าไหม” คำถามเขาไร้เดียงสา
ยามนี้เจ้าหยวนอีเข้าใจอีกขั้นแล้วว่า เหตุใดเจ้าของร่างถึงอยากให้เธอย้อนเวลามาเกิดใหม่ ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้เจ้าหยวนอี ได้สะสางความแค้น ต่อคนที่หักหลังและทรยศเธอ จนทำให้ครอบครัวเดิมที่เคยดูแลเธอต้องพบกับการสูญเสีย กับความทุกข์อย่างแสนสาหัส “ปะ ป้าคังยังอยู่ที่นี่ไหม” ยามนั้นหนิงถงมองเจ้าหยวนอีตาขวางจัด ก่อนตอบเสียงสะบัดว่า “แม่เกลียดพี่เข้าใส้ บอกว่า ตายไปก็อย่าได้เผาผีกัน!” ขณะที่หนิงถงเอ่ยจบ ได้มีชายสองคนเดินมาใกล้ๆ หนิงถง พร้อมกับยื่นข้อเสนอกับเธอ “เอาเป็นว่าตามที่คุยกันไว้ บุหรี่นอกสองซอง เหล้าหนึ่งกลม... และเงินอีก 3 ดอลล่า นอนกับอั๊ว แล้วก็ไอ้ผอมนี่ได้ไหม” สิ่งที่เจ้าหยวนอีได้ยิน ทำให้เธอเข้าใจทันทีว่าหนิงถงเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของตนด้วยอาชีพอะไร? โจวซานซานใช้อภิสิทธิ์ใดถึงเข้าไปรอซ่งฮ่าวตงที่ห้องรับรองของโรงงานแห่งนั้นได้ คงเป็นเพราะบ่ายนี้ บิดาของเธอ นัดแนะเจรจาธุรกิจกับชายหนุ่ม เย็นวันนี้ หญิงสาวเปลี่ยนชุดกี่เพ้าแขนกุด เนื้อผ้าดีแนวอวดทรวดทรงหุ่นนาฬิกาทรายสีแดงเพลิง และมันผ่าลึกด้านข้างจนเห็นเนื้อสาว
เมื่อเจ้าหยวนอีออกจากร้านไปพร้อมคนของเธอ ฝ่ายโจวซานซานก็อยากรู้เหลือเกินว่า โดนัททั้งหมดซื้อและส่งไปที่ใด พนักงานในร้านอ้ำอึ้ง ไม่กล้าตอบ กระทั่งถูกเค้นอย่างหนัก “ถ้าหากไม่อยากได้เงิน ก็หมายความว่า อยากถูกซ้อมจนกระดูกหักใช่ไหม” หนุ่มน้อย กลัวจนฉี่แทบราด แต่ก็เอ่ยปากส่งเสียงละล่ำละลัก “สะ ส่ง ที่โรงแรมโรแมนติกการ์เดนท์ ขะ ขอรับ” “ห้องไหน และชั้นไหนแกรู้ไหม” พนักงานไม่ได้ตอบ หากยื่นกระดาษโน้ตให้โจวซานซาน และเรื่องนี้เป็นแผนของเจ้าหยวนอีนั่นเอง เมื่อได้อ่านข้อความ โจวซานซานจึงกรีดร้องราวกับคนเสียสติ “นะ นั่น... นังโสเภณี หยวนอี... มันกล้าแสดงละครหลอกฉัน มะ มันต้องได้เห็นดีแน่!” ถนนซานเสอ เขตชุมชนเก่า เจ้าหยวนอีไม่ได้กลับโรงแรมในทันที แม้ฟู่เซิงบอกว่า ซ่งฮ่าวตงกำลังจะกลับฉางเผิงช่วงเย็นวันนี้ แต่เธอมีความอยากรู้บางสิ่ง รวมถึงต้องการพาเจียวจ้านไปกินไอศกรีมรสอร่อย ซึ่งเมื่อนานแล้ว เจ้าของร่างประทับใจมาก นั่นคือความคุ้นเคยที่กลับคืนมา จึงทำให้เธอมาที่ถนนเสอ “พูดกันตามตรง ถนนแถวนี้เร
เจ้าหยวนอีสวมชุดง่ายๆ เป็นเสื้อเชิ้ตขาวของซ่งฮ่าวตง และด้านล่างคือกางเกงตัวโคร่งสีเข้ม สวมรองเท้าบูต เธอแต่งแนวผู้หญิงเท่ (ทอมบอย) แล้วผมรวมเป็นหางม้า สวมหมวกเก๋ๆ อีกใบ บนใบหน้าเติมกระ ลดทอนผิวกระจ่างใสลง ทั้งยังมีแว่นตากันแดดปกปิดดวงตากลมโต ส่วนคนน่ารักนั้น เขาหัวเราะตั้งแต่ก้าวลงจากลิฟท์ ด้วยชุดที่ไม่เหมือนใคร เป็นชุดของมนุษย์จอมพลัง หรือ ซุเปอร์ฮีโร่ที่เขาชอบดู และยามว่างซ่งฮ่าวตงเคยเปิดหนังสือภาพ และอ่านให้ฟังยามนอน “เขาชื่ออะไรครับ” เด็กชายชี้ชุดซึ่งเขาสวมอยู่ “จ้านเกอไง เป็นผู้พิทักษ์ของแม่” “น้องชอบนะ มีผ้าปิดตาด้วย แล้วก็ผ้าคลุมสีแดง!” ด้วยความเร่งด่วน เจ้าหยวนอีเลือกตัดผ้าแบบง่ายๆ แล้วทำหน้ากากให้เด็กชาย ซึ่งเธอไม่แปลกใจหรอกที่ตนเองมีความสามารถด้านนี้ เพราะก่อนที่หญิงสาวจะก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดง เธออาศัยอยู่กับพ่อเลี้ยง และป้าซึ่งทำอาชีพเย็บผ้า ที่อีกฝั่งของเมือง เป็นเขตที่เรียกว่าสลัม “เชื่อไหมว่า จะไม่มีใครจำจ้านเกอ ของแม่ได้แน่นอน” “ฮู้เร ... เยี่ยมเลย คราวนี้น้องก็หายตัวได้ ต