ถึงเวลานางร้ายพลิกบท
ตอนแรกโจวหยางซีตั้งใจกลับบ้าน อันที่จริงเรียกว่าห้องพักถึงจะถูก ครอบครัวเธออยู่ตึกสูงสามชั้นสีเขียว มีพื้นที่แออัดสักหน่อย แต่ยามนี้ คุณนายหลี่ หรือ หลี่ฉู่กำลังสร้างเรื่องอย่างหนัก นั่นเป็นเพราะติดหนี้หลายทางโดยเฉพาะกับแก๊งขวานลำพอง และนั่นเป็นอีกเหตุที่เธอต้องรีบหาเงิน นอกจากนั้นตัวละครนี้ยังมีแรงปรารถนาอันแรงกล้าจะเป็นคุณนายมาเฟียตระกูลกัง อีกฝ่ายคือกังเหริน ภายภาคหน้าคือผู้ทรงอิทธิพลไม่น้อย และยังไม่กินเส้นกับเซียวหวังเหล่ยด้วย
หญิงสาวคุ้นๆ ว่าพวกเขามีรสนิยมชอบผู้หญิงคล้ายๆ กัน นั่นจึงทำให้ มีเหตุการณ์ช่วงกลางเรื่อง ถึงขั้นเกือบมีศึกชิงนางก็ว่าได้ หากน่าเสียดายผู้หญิงที่พวกเขาแย่งไม่ใช่ โจวหยางซี กลับเป็นนางเอกของเรื่อง แต่ตอนนี้ไม่ปรากฏตัว
ครึ่งชั่งโมงต่อมา หลังจากโจวหยางซีมั่นใจว่า เซียวหวังเหล่ยหนีหน้าเธออย่างแน่นอน ร่างทรงเสน่ห์จึงก้าวออกจากห้องสมุด เธอใช้ความคิดอย่างหนักแล้วต้องทำอย่างไรที่จะมัดใจอีกฝ่าย เมื่อเซียวหวังเหล่ยปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย ถึงอย่างนั้น เธอเชื่ออยู่ลึก ๆ ว่าเขาชอบเธอ เป็นเพราะนิยายถูกเขียนไว้อย่างนั้น ตอนนี้สิ่งที่พอจะทำได้คือ คงต้องลองเข้าทางลูกๆ เขา อีกฝ่ายมีลูกสามคน ประกอบด้วย
เซียวก้งเยว่ วัยสิบสี่ย่างสิบห้าปี เป็นเด็กสาวที่เงียบ มีโลกส่วนตัวสูง ภายหน้าเธอได้ใช้ความรู้ในการบริหารกิจการของตระกูลเซียว แต่กว่าจะมีวันนั้น เซียวก้งเยว่ ได้หนีออกจากบ้านอยู่หลายครั้งหลายหน สุดท้ายกว่าจะประคับประคองตนให้เดินถูกทาง น้องๆ ได้โตกันหมดแล้ว
เซียวอู๋ทง ตอนนี้เขาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่หก ร่าเริง กินเก่ง ชอบด้านศิลปะ หากเธอจำไม่ผิด เมื่อเขาโตขึ้น ได้เป็นเทพบุตรหน้าหยกของเมืองไห่ซาน ดังระดับซุปเปอร์สตาร์ทั่วทั้งเอเชียเลยทีเดียว
และสุดเด็กชายหลุนหลุน (เซียวตี้หลุน) เด็กชายที่แสนน่ารัก ที่เมื่อโตขึ้นช่วยงานบิดาอย่างแข็งขัน
สำหรับโจวหยางซี ทั้งในโลกนิยาย และโลกแห่งความจริงได้ลิขิตไว้ ให้หญิงสาวเกลียดเด็ก เอ่อ คำนี้รุนแรงไป เอาเป็นว่าเธอ ไม่ถูกกับเด็ก และสรรพสัตว์เกือบทุกชนิดก็ว่าได้
ซึ่งขณะที่เดินวนไปมาอยู่ที่หน้าห้องสมุด ดวงตากลมโตไปพบกับเซียวก้งเยว่โดยบังเอิญ
ฉากนี้ มีอยู่ในหนังสือ และมันกำลังเดินไปตามเรื่องราวที่บันทึกขึ้นใหม่ ซึ่งเธอจะเปลี่ยนมันให้ไปอีกด้าน แต่เดิมเรื่องที่เคยอ่าน ค่อนข้างร้ายแรง เป็นอดีตที่ไม่ดีสำหรับเซียวก้งเยว่ เนื่องจากเธอ อยู่ผิดที่ผิดทาง จึงขวางหูขวางตาเพื่อนๆ คนอื่น จนถูกกลั่นแกล้ง ความที่เซียวหวังเหล่ยมอบความรักให้ลูกมาก เขาจึงลืมสอนให้เธอรู้จักระวังเด็กแสบ และเด็กที่ขี้อิจฉา
ยามนั้น กลุ่มนักเรียนหญิงราวๆ ห้าหกคน กำลังปั่นจักรยานไล่ตามเซียวก้งเยว่ที่วิ่งด้วยเสื้อผ้ามอมแมม และดูเหมือนจะมีการโยนไข่ โยนเศษอาหาร และปาของสกปรกใส่เด็กหญิงด้วย
“นังเด็กไม่มีแม่ ชอบทำตัวเหมือนมีความสุขเหลือเกิน... คิดว่าสูงส่งกว่าคนอื่นตรงไหน รู้ไหมว่า เสี่ยวเหมยเป็นลูกสาวใคร กล้ามาอวดเบ่ง กับเขาอีกเหรอ”
“พวกฉันถาม แกได้ยินไหม เสี่ยวเหมย เขาดีกว่าแกตั้งเท่าไหร่ อยู่คฤหาสน์หรู ไม่ได้นอนในเล้าหมู หรือมีฟูกเป็นกองฟางเหมือนแก ฮิๆ ๆ”
เด็กสาวพวกนั้น กำลังต่อว่าเซียวก้งเยว่ โดยที่เธอไม่ได้โต้ตอบ เพียงแค่วิ่ง วิ่งไปข้างหน้า เพื่อพาตนเองออกไปจากพวกคนเกเร
“รุนแรงเกินไปแล้ว...” ใจของโจวหยางซีเดือด เธอกำหมัดแน่น ให้ตายเถอะ ฉากในนิยายได้อ่านมาแล้ว แต่ไม่นึกว่าพอเข้ามาอยู่ในเรื่องจริง มันโหดร้ายต่อจิตใจ
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ อันที่จริงคลี่คลายด้วยการช่วยเหลือของน้องชาย กังเหริน ที่ขี่จักรยานยนตร์มาเห็นเหตุการณ์พอดี และมันได้ขยี้ปมในเรื่องให้ต้องแก้ไขกันอีกยาว ด้วยหนทางข้างหน้าได้มีความสัมพันธ์ที่เกินเลยระหว่างเซียวก้งเยว่กับกังหรง จนเกิดเจ้าก้อนแป้งน้อยๆ
โดยทั้งสองต่างตกหลุมรักกัน เรียกว่ารักแรกพบที่ร้อนแรงก็ไม่ผิด
สิ่งเหตุนี้จึงเป็นเหตุการณ์พลิกผลันอีกครั้งในนิยายเรื่อง 1974 ซ้ำร้ายคนที่จับคู่ให้หนุ่มสาวในวัยไร้เดียงสา จนก่อเรื่องที่ไม่เหมาะสมก็คือ โจวหยางซี !
หญิงสาวก้าวไปข้างหน้า ตอนนั้นเธอต้องหยุดการกลั่นแกล้งนี้ให้สำเร็จ ก่อนที่กังหรงจะมาถึง!
โจวหยางซีต้องทำอย่างไร เธอกำลังสับสนอย่างที่สุด เซียวก้งเยว่วิ่งมาแล้ว และเด็กสาวข้างหลังปั่นจักรยานไล่ล่าอย่างเร็ว พร้อมส่งเสียงโหวกเหวกไม่หยุด
สถานการณ์ชวนปวดหัวยิ่ง ยามนั้นหญิงสาวจึงรีบคิดหาทางออก เมื่อมีเด็กเกเร ต้องมีอันธพาลที่โหดเหี้ยม และชอบฉุดเด็กสาวๆ ไปเล่นสนุกด้วย
“นะ นั่น แก๊งขวานลำพอง อ๊ะ... พวกถนนสายสาม และพวกสะพานปลาก็มาด้วย โอ๊ย ทั้งมีด ทั้งขวาน พวกเธอรีบหลบไปเร็วๆ”
เธอร้องขึ้นอย่างนั้น พวกที่ปั่นจักรยานต้องชะลอความเร็วลง ทว่าเป็นเพียงประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ส่วนเซียวก้งเยว่เงยหน้ามองหญิงสาว ก่อนวิ่งไปหลบหลังกองไม้พาเลทที่ตั้งสูงหลายกอง บริเวณนั้นมีถังน้ำมันที่ใช้เป็นถังขยะร่วมอยู่ด้วย
เซียวก้งเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย จำได้ว่า อีกฝ่ายคือคนในรูปที่บิดาอยากให้มาเป็นแม่ใหม่ เธอรู้เรื่องนี้มาเมื่อสองเดือนก่อน ซึ่งแน่นอนว่าต่อต้านแบบหัวชนฝา เพราะโจวหยางซีอายุมากกว่าเธอแค่สี่ห้าปี ไม่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ อีกอย่างบ้านอยู่ที่ตึกเขียวเรียกได้ว่าชุมชนแออัดก็ไม่ผิดไปจากนั้น ที่สำคัญผู้หญิงคนนี้กำลังจะมาแย่งความรักของบิดาไปจากเธอ
“เอ่อ... เสี่ยวเยว่ รออยู่ตรงนั้น เดี๋ยวทางนี้ฉันจัดการเอง”
ฝ่ายเซียวก้งเยว่ได้ยินอย่างนั้น ทั้งขำ ทั้งแปลกใจ
ด้วยโจวหยางซีคงไม่รู้ว่า เสี่ยวเหมยหรือไป๋อันเหมย เป็นลูกสาวสารวัตรใหญ่ ส่วนเด็กๆ ที่ไล่กวดเธอมา มีแต่ลูกคนมีเงินทั้งนั้น พวกนี้ชอบแกล้งคนอื่น และอิจฉาเสี่ยวก้งเยว่ที่มีครอบครัวอบอุ่นทั้งที่ขาดมารดา
“คุณเอาตัวให้รอดก่อนเถอะ อย่ามายุ่งกับหนูเลย”
เซียวก้งเยว่เอ่ยจบ ก็เตรียมผละจาก เป็นตอนนั้นที่สถานการณ์พลิกผลัน ด้วยไม่ได้มีแค่เด็กสาวที่ต้องการกลั่นแกล้งเซียวก้งเยว่ หากจู่ๆ พวกนักเรียนชาย กับพวกกุ๊ยปลายแถวโผล่มาอีกห้าหกคน ดูแล้วท่าทางไม่น่าไว้ใจเลย
“ไหน ใครบอกว่าแก๊งขวานลำพองมาทางนี้”
ไป๋อันเหมยจอดจักรยานได้ก็ก้าวเผชิญหน้าโจวหยางซีแล้วหัวเราะขบขัน ก่อนที่เธอจะกระดิกนิ้วเรียก พวกกุ๊ยของบิดา ซึ่งเตร่ไปเตร่มาบริเวณนี้
“พวกแกฟังให้ดี นังผู้หญิงคนนั้น ขายบริการให้เด็กนักเรียน และยังเป็นแม่เล้าบังคับอาเยว่ ให้นอนกับพวกขับรถบรรทุกด้วย ไป พวกลื้อจับตัวไปส่งป่าป๊า และขังในคุกสักสามสี่วัน มันจะได้หลาบจำไม่มาทำเรื่องเหม็นเน่าแถวนี้อีก”
ไป๋อันเหมยว่า และมองโจวหยางซีอย่างชิงชัง สายตาดังกล่าวทำให้หญิงสาวชะงักค้าง ให้ตายเถอะ นิยายเรื่องนี้มีนางร้ายกี่คนกันแน่ แล้วไป๋อันเหมยที่อยู่ตรงหน้าเธอ เหตุใดถึงเป็นคนพาลได้ถึงเพียงนี้
“เอ๊ะ ยังมามองฉันอีก ฉันรู้นะว่า พี่สาวนะ อยู่ตึกเขียว และยังอยากเป็นผู้หญิงของแก๊งขวานลำพอง แม่พี่ติดพนันจนแทบเสียคน และเหนียวหนี้เป็นที่หนึ่ง... หลายวันก่อน เห็นเอารูปของพี่ กับน้องสาวไปให้พวกพ่อค้าขายหมู กับตำรวจดูอยู่เลย สงสัย... อยากขายลูกกินและเอามาล้างหนี้”
โจวหยางซีหน้าซีด และเริ่มรู้หลายสิ่งมากกว่าเดิม ตัวเธอเพิ่งเข้ามาอยู่ในร่างนี้ได้ไม่กี่วัน หลังจากเจ้าของร่างพลัดตกคลอง พอลืมตาได้ ก็จับไข้หนาวสั่น มีอาการเสียขวัญอยู่หลายคืน กระทั่งตั้งสติได้ก็รีบจัดการพาตนตามหาเซียวหวังเหล่ย เพื่อหว่านเสน่ห์แล้วจับเขาให้อยู่หมัด โดยลืมไปว่า หลี่ฉู่ผู้เป็นมารดาคือตัวละครที่เข้าขั้นก่อปัญหาได้ไม่หยุดหย่อน เมื่อเป็นอย่างนี้ชื่อเสียงเธอคงฉาวโฉ่น่าดู จึงไม่น่าแปลกใจที่จู่ๆ เซียวหวังเหล่ยพลิกลิ้น แล้วหาข้ออ้างยกเลิกการดูตัว และแต่งเธอเข้าบ้านอีกฝ่าย ซึ่งแน่นอนไม่ใช่เกี่ยวกับปีชง หรือการที่หลี่ฉู่เรียกค่าสินสอดจากเขาอย่างหน้าเลือด เป็นเงินถึงหนึ่งหมื่นสามพันหยวน แต่เพราะเขาไม่อยากให้แม่ใหม่ของลูก เป็นสตรีที่มีเรื่องด่างพร้อยนั่นเอง
ทว่า... โจวหยางซีมาอยู่โลกในนิยายแล้ว อย่างไรก็ตาม เธอต้องมีชีวิตรอด อยู่อย่างสุขสบาย เป้าหมายเดียวตอนนี้คือเดินเข้าบ้านเซียวให้ได้เสียก่อน เรื่องอื่นๆ ค่อยสะสางในภายหลัง
ดวงตากลมโตมองไปยังไป๋อันเหมย มองด้วยความโกรธ และร่างของเธอมีไอร้อนแผ่ขยายออกมา
“ฮึ แกนี่นะ อายุยังน้อย พูดจาเหมือนสุนัขกลืนอุจาระ อีกอย่างฉันไปขายตัวให้พ่อแกหรือไง นังเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”
เสียงของโจวหยางซีแหลมสูงขึ้นอย่างผิดปกติ ท่าทางก็ถอดแบบตัวละครร้ายๆ ออกมาจนหมด
ไป๋อันเหมยแม้จะเป็นเด็กสาวที่แสบ ชอบข่มขู่ หรือบังคับให้ผู้อื่นทำเรื่องตามใจตน ด้วยบิดาเป็นตำรวจยศสูง ทว่านี่คงเป็นครั้งแรกที่ได้ยินผู้หญิงที่ไร้เกียรติพ่นคำพูดร้ายๆ ใส่เธอต่อหน้าเพื่อนๆ และพวกกุ๊ยของบิดา
“แกรู้ไหมว่าอาม่าฉันร่ำรวยแค่ไหน อีกอย่างไม่ใช่ป่าป๊าที่จะจับแค่ขังคุกได้ แต่ฉันจะให้คนจับแกไปขายตัวบนเรืออาม่ากลางทะเลโน่น ”
ได้ยินอย่างนั้น โจวหยางซีก็ยิ้มเย็นๆ ให้อีกฝ่าย โถ... เด็กหนอเด็ก สุดท้ายก็เผยสันดานของตน แบบนี้รบร้อยครั้งเธอก็จะชนะร้อยครั้ง!
ใครว่าพระเอกขี่ม้าขาว ชีวิตโจวหยางซีในโลกที่จากมาเป็นเพียงพนักงานร้านสะดวกซื้อ แต่ทำอยู่หลายปีและที่ไม่ยอมเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการร้าน หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูง เธอไม่อยากรับผิดชอบอะไรมากมาย เพียงแค่ต้องการมีเงินใช้ ได้อยู่ห้องแอร์เย็นๆ ทำงานใกล้บ้าน เพียงเท่านี้ชีวิตก็สมบูรณ์ เธอเรียนจนระดับปริญญาตรี การเรียนไม่ได้ใช่ไก่แลกเกรด อีกอย่างวันๆ พบคนหลายประเภท และยังชอบศึกษาเรื่องต่างๆ เป็นนักอ่านตัวยง เหนืออื่นใด อายุเธอไม่น้อยแล้วเฉียดสามสิบกว่า ประสบการณ์ชีวิตจึงมีพอตัว ส่วนการมาอยู่ในร่างหญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปี นับว่าเป็นกำไรมากโข ซึ่งเธอจะใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด และตอนนี้คือการสั่งสอน เด็กที่บังอาจปีนเกลียวกับเธอ “ฮึ พ่อแกคงมัวแต่ประจบพวกนักการเมือง เลยไม่มีเวลาได้สั่งสอน ส่วนแม่นั้น...” โจวหยางซีมองไปที่อีกฝ่าย ใช้สายตาอย่างพินิจ ช่วงเวลานั้น เรื่องราวของไป๋อันเหมยปรากฏในหัว อีกฝ่ายกำพร้ามารดา เนื่องจากหล่อนทนความอดดันในสกุลไป๋ไม่ไหว สามีเย็นชาและบ้างาน ส่วนแม่สามีเป็นพวกไม่อยากเห็นลูกสะใภ้ได้ดี มารดาไป๋อันเหมยจึงตัดสินใจผูกคอตายลาโลก ทิ้งเธอให้อยู
มามี้สุดหล่อ เหตุการณ์ก่อนหน้า ในขณะที่เซียวหวังเหล่ยจะไปรับลูกชายคนเล็กที่ชื่อหลุนหลุน หรือ เซียวตี้หลุนกับพี่เลี้ยงที่ดูแล เขาได้ยินเสียงรถของแก๊งขวานลำพองดังอย่างน่ารำคาญ ฝ่ายพวกแม่ค้าในละแวกนั้นบอกว่า กุ๊ยพวกนี้ ตั้งใจมาก่อกวนชุมชนตลาดเก่าเนื่องจากกังเหรินอยากได้พื้นที่บริเวณนั้นสร้างผับและคาสิโน ฝ่ายเขาไม่ค่อยสนใจ ด้วยตระกูลเซียวเป็นพวกชนชั้นสูงเก่า อีกทั้งมุ่งเน้นการค้าเป็นหลัก หากมีเรื่องใดๆ ก็จะมีหน่วยทหารจากแผ่นดินใหญ่ กับพรรคพวกของปู่ให้ความช่วยเหลือ นอกจากนั้นเขาอยากรีบพาลูกชายกลับบ้าน ตั้งใจจะทำแพนเค้กกินกับน้ำผึ้งเป็นอาหารเย็น และสิ่งที่ตั้งใจทำก่อนหน้านั้นก็สำเร็จไปด้วยดี รอเพียงปลาตัวโตๆ แสนสวยกินเหยื่อจากนั้นทุกอย่างคงเรียบร้อย ทว่าเป็นช่วงเวลานั้นที่พบลูกสาวคนโตที่วิ่งหน้าตื่นมา เขาให้คนรอรับเธอแท้ๆ แต่เซียวก้งเยว่คือขาลุย เรียกได้ว่าเป็นเด็กแสบคนหนึ่ง แน่นอนเธอไม่ต่างจากเขาตอนที่อายุน้อย “ป่าป๊า...เอ่อๆ ผู้หญิงคนนั้นน่ะ ถูกรุ่นพี่ที่โรงเรียนหนูจับตัวไว้ ขอโทษจริงๆ นะคะ ไม่นึกว่ามันจะมีเรื่องร้ายแรงจนได้” “เสี่ยวเยว่ หมายถึงใค
ฟันแล้วทิ้ง ประตูรถปิดดังปัง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของโจวหยางซี แน่ล่ะ เพราะเธอยังเล่นบทสลบไม่ได้สติ และยังหลับตาปี๋อย่างสมจริง ฝ่ายคนแซ่เซียวเลยอุ้ม และพาขึ้นมายังชั้นสองของตึกเขียว มันเป็นอาคารสี่เหลี่ยมที่ห้องเรียงกันเป็นแถว บรรยากาศไม่เจริญหูเจริญตา และตอนนี้เขาใช้เท้าเตะประตูห้องพักเธอ เสียงดังปังๆ อย่างคนไร้มารยาท ความเกรงใจคนอื่น สำหรับเซียวหวังเหล่ยคงไม่มี หรือไม่อย่างนั้น เขาก็ต้องการทำบางสิ่งให้บรรลุเป้าหมาย เลยเล่นใหญ่แบบจัดเต็ม “คุณนายโจว ออกมารับลูกสาวเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นผมจะทุ่มลงไปชั้นล่าง บอกไว้ก่อน ไม่พิการ ก็คงนอนซมหยอดน้ำข้าวต้มเป็นเดือนๆ” ให้ตายเถอะ ผู้ชายคนนี้ยังจะสามารถเป็นตัวเอกของนิยายเรื่องนี้ได้หรือ คิดไปคิดมาโจวหยางซีก็หวาดหวั่น หรือว่าเธอควรเดินตามบทเดิม คือกลับไปหากังเหริน แล้วค่อยๆ ปลอกลอกเขา พอได้เงินมาสักก้อน จึงหายตัวเข้ากลีบเมฆ จากนั้นก็ตัดหางปล่อยวัดผู้ชายเฮงซวยทุกคนในนิยายเรื่องนี้ไปเสีย แต่ความคิดของเธอต้องหายแวบไปเมื่อเสียงชายหนุ่มดังอย่างน่ารำคาญขึ้นอีก “คุณนายโจว!” ทั้งเสีย
นางร้ายตกสวรรค์ ส่วนเถาจื่อนั้นแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี หล่อนอับอายแทนหลานสาวคนนี้ เลี้ยงอีกฝ่ายช่วยหลี่ฉู่มาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย แม้จะรู้ว่าเธอแสบ ก๋ากั๋น แต่ใครเล่าจะกล้าคิดว่า วันนี้ ถึงขั้นอยากเป็นเมียของเซียวหวังเหล่ยจนตัวสั่น เถาจื่อเลยต้องสะกิดแขนหญิงสาวหวังให้เธอลดคำพูดคำจาลง ผู้ชายดีๆ ที่ไหนจะทนฟังเสียงนางงิ้ว ที่รับบทสตรีร่านราคะได้ ฝ่ายโจวหยางซีกลับทำเหมือนไม่รู้ตัว เธอยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ให้อีกฝ่าย ขนตาที่งอนดำเงางามไหวไปมา จริตเช่นนั้น ผู้ชายได้แต่ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ทว่าแทนที่เขาจะสั่งให้หยุดทำ กลับพูดว่า “ฮึ เอาไว้ เธอได้นอนกับฉันบนเตียงเมื่อไหร่ แล้วฉันจะให้เธอใช้คำว่าเมีย พร้อมทำหน้าที่นั้นอย่างเหนื่อยยากที่เดียวเลยล่ะ ” โจวหยางซีมองชายหนุ่ม มองและทำตาหวานเยิ้มกว่าเดิม ผู้ชายคนนี้ ปากร้าย พูดจาไม่เข้าหู แต่ลึกๆ ก็เซี้ยวจัด และทำให้เธอมันเขี้ยว แน่นอนหากคาดการณ์ไม่ผิด เขามีใจให้หญิงสาวอย่างไม่ต้องสงสัย ฮิๆ ๆ จับผู้ชายที่ขี้เก๊ก ชอบวางมาด ง่ายแค่นี้เอง “ตกลงค่ะ ถ้าเหล่ยต้าเกอยังเตะปี๊บดังปังๆ ๆ ซีซีก็จะนอนทั้งบ
ในเวลาเกือบสามทุ่ม โจวหยางซียังปรับตัวไม่ได้เลย เธอได้ยินแต่เสียงแมลง กับสุนัขเห่าสลับกันไปมา ท้องร้องหิวมาก อีกอย่าง...เธอพักที่เรือนคนงานหญิง เป็นที่นอนรวมมีกันหลายชีวิต! ฮึ มารดาเซียวหวังเหล่ยเถิด ตาลุงหน้าเข้มกำลังเล่นตลกอะไรกับเธอกันแน่ หญิงสาวนอนกุมท้องตนเอง ยามนี้หิวจัดเลยทีเดียว นั่นเป็นเพราะเธอมาถึงที่นี่ เห็นคนงานกินของที่ชวนให้คลื่นไส้ มีแต่ผักพัดน้ำมันเยิ้ม ไข่ไก่ที่ผัดใส่มะเขือเทศ บางส่วนก็ไหม้ กินไปได้คำเดียวก็เวียนหัว สุดท้ายพอถึงเวลาต้องนอน เสียงท้องร้องดัง และหิวจนนอนกระสับกระส่าย เป็นเหตุให้คนที่ดูแลเรือนนอน ซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานหญิงเดินมาถาม “อาซี... เธอไหวหรือไม่” เฮยหมิงก้าวมาที่ฟูกปูบนตั่งไม้ยกพื้น ยามนั้นโจวหยางซียังรู้สึกว่าตนเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ โดยแท้ “หิว... และไม่สบายตัว ไม่รู้ว่าฉันเป็นไข้หรือเปล่า” “มีหมั่นโถวเหลืออยู่สองลูก เธอไปเอามากินเถิด พรุ่งนี้ต้องลุกตั้งแต่ตีสี่ เตรียมเก็บไข่ไก่ ไข่เป็ดแล้วก็รดน้ำที่แปลงผัก” ได้ยินอย่างนั้น หญิงสาวจึงนิ่งค้าง นี่คืองานที่ต้องทำหรือ มิน่
ด้ายแดงร้อยใจ “เหล่ยต้าเกอ คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือยังไงเสี่ยวหลุนอยู่ตรงนี้” “เฮอะ บ้าแน่นอน ถ้ายังได้ยินเสียงเธอหัวเราะเยาะเรื่องของอั๊ว” ยามนั้น เซียวตี้หลุนทำตัวสั่นน้อยๆ ไม่ได้กลัว หรือตกใจ เขาแค่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น อีกอย่างเด็กชายรู้ว่า บิดามาที่นี่เพราะจะพาหญิงสาวกลับเรือนหลักด้วยกัน และนั่นคือสิ่งที่เขาร้องขอมาหลายวัน “น้องแค่อยากให้พี่ซีซี ไปนอนเล่นด้วย ปะ ป๊า อย่าโกรธเลยนะ เกี่ยวก้อยกันเถอะ ครอบครัวเดียวกัน ต้องรักกันไว้ฮะ” ชายหนุ่มลดความฉุนเฉียวลง ก่อนกวักมือเรียกพี่เลี้ยงของลูกชายให้มารับตัวเขาไป “เสี่ยวหลุนเด็กดี กลับบ้านไปกินขนมกับคุณย่าใหญ่ก่อนนะครับ เดี๋ยวป่าป๊า จะพามามี้ เอ๊ย พี่ซีซี ไปหาช่วงบ่าย ตอนนี้ต้องทำธุระของผู้ใหญ่ให้เสร็จเสียก่อน” “ได้ฮะ แต่ห้ามตีก้นเพียะๆ แต่นอนบนเตียงเล่นกันได้ น้องอนุญาตแล้ว จะไม่งองแง และร้องไห้สักแอะ ให้ป่าป๊าปวดหัว” ความไร้เดียงสาทำให้ทั้งชายหนุ่ม และหญิงสาวเงียบไปเกือบหนึ่งอึดใจใหญ่ๆ ก่อนที่เขาจะพูดเจื้อยแจ้วต่อ “ถ้าไม่ชอบ จะนอนกันสามคนก็ได้ น้องหลุนจะเป็นลูกให้ป่าป๊า
บทรักแสนเฮงซวย โจวหยางซีถูกพาตัวไปโรงเก็บอุปกรณ์การเกษตร และด้านหน้ามีออฟฟิศ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับเรือนหลัก เซียวหวังเหล่ยมากับเธอ ตั้งใจสอบถามหลายสิ่ง พร้อมกันนั้นคือเขาไม่อยากให้คนอื่นวุ่นวายกับหญิงสาว จึงไล่คนงาน และคนติดตามออกไปให้หมด เมื่อไม่มีใครอยู่ขวางหูขวางตา โจวหยางซีก็เพิ่งตระหนักได้ว่า ผู้ชายคนนี้แอบน่ากลัว และดูโรคจิตนิดๆ “ซีซี เมื่อเธออยากมาที่นี่ ต้องรับมือทุกเรื่องให้ได้ ฝ่ายอั๊วรู้ว่า เธอไม่ค่อยได้เรื่อง ในหัวมีแต่เรื่องเดียว คืออยากเป็นเมียอั๊ว” เขาหยาบคายมาก แรกๆ เธอก็ชื่นชมอยู่หรอก ตอนนี้ไม่อยากจะยกหางเขาแล้ว หากมีมีดคมๆ เธอก็จะตัดหางอีกฝ่ายทิ้งเสีย “หลงตัวเอง ซีซีก็แค่อยากเอาตัวรอด ไม่ได้พิศวาสคุณ อีกอย่างไม่มีรสนิยมกินเนื้อโคแก่” ทั้งหมดนั้น เธอพูดในใจ แต่สายตาที่สื่อถึงเขา มันเต็มไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น “อืม และอั๊วเชื่อว่า เธอคงไม่เก่งกล้า หรือมีความรู้มากพอที่จะทำเรื่องอัปมงคลพวกนั้น” “แน่นอน ซีซี...จะทำไปเพื่อเหตุผลอะไร ในเมื่อสุดท้ายเหล่ยต้าเกอก็เรียกหา และอยากให้ขึ้นเตียงอยู่ดี” โจวหยางซีพยายาม
นางร้ายที่ผู้ชายล้วนหมายปอง เขากวาดลิ้นรุกไล้ ไล่ต้อนเธอไม่หยุด ลิ้นเรียวเล็กก็หาทางหลบหนี ทว่ากลับจนแต้ม เลยต้องยอมให้เขานำพาไปสู่ความซาบซ่าน ซึ่งชวนให้หวามไหวอย่างที่สุด โจวหยางซีไม่เคยสัมผัสความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน หัวสมองเธอว่างเปล่า และร่างกายเหมือนจะตอบสนองเขา กระทั่งดึงสติตนกลับคืนได้ จึงส่งเสียงขึ้น “อี้... อะ อ๋าส์... คะ คน ละ เลว” เธอร้องอื้ออ้าประท้วง และมันยิ่งทำให้เขารุกหนัก อึดใจต่อมา มือใหญ่จึงล้วงเข้าไปในเสื้อของหญิงสาว แล้วสัมผัสหน้าอกภายในชั้นในที่ปกปิดสองเต้าอวบอัดที่สะท้านไหว เพราะเธอกำลังพยายามดิ้นรนขัดขืนเขา ปลายนิ้วสากๆ แตะเนื้อนิ่ม แล้วเกี่ยวสายชั้นในดึงรั้ง คล้ายกับพยายามจะทำให้มันขาดจนไม่อาจโอบอุ้มสองเต้าอวบๆ ของเธอไว้ได้ ยอดหน้าอกหญิงสาวชูชัน ความหวานฉ่ำในร่มผ้าก็ค่อยๆ หลั่งออกมา อาการของเธอมันฟ้องว่าต้องการเรื่องอย่างว่าไม่ต่างจากเขา ยามนี้เขายิ่งได้ใจ นิ้วมือนั้นก็ชำนาญในเรื่องอย่างว่ายิ่งนัก เสื้อตัวนอกถูกเลิกขึ้น แล้วอึดใจต่อมา ริมฝีปากบางของเขาก็จูบและเม้มที่เนินหน้าอกเธอ
ประตูห้องพักเปิดเข้าไป ภาพที่ซ่งฮ่าวตงเห็นแทนที่เจ้าหยวนอีจะเครียดหรือร้องไห้เสียใจ เธอกลับกำลังเตรียมอาหารมื้อพิเศษให้ซ่งฮ่าวตง รวมถึงเค้กอร่อยๆ สำหรับเจียวจ้าน ด้วยเขาอยากเป่าเค้กให้กับตุ๊กตาหมีของตน “เอ ฉันนึกว่า จะต้องมาปลอบใจใครบางคน แต่เธอคงกำลังยุ่งอยู่ใช่ไหม” “แน่นอนค่ะ เพราะอบเค้กเองไม่ง่าย อีกอย่างเมื่อครู่ เพิ่งทำไก่อบไหม้” เจ้าหยวนอีไม่เก่งด้านเข้าครัว แต่ก็ชอบทำมา ดังนั้นสิ่งที่ทำจึงมักเป็นอาหารที่ง่ายขั้นตอนไม่ยุ่งยาก และเธอตั้งใจว่า ในอนาคตนอกจากเป็นแม่ให้แก่ลูกๆ ของซ่งฮ่าวตง เธอจะต้องดูแลเรื่องทั่วไปของเด็กๆ ทั้งอาหารเสื้อผ้า รวมถึงการศึกษา สิ่งเหล่านี้ ในโลกเก่าก่อนเธอขาดแคลนเสมอมา “แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ตอนนี้แม่บ้านฟู่ คอยช่วยอยู่ และยังมีแม่ครัวที่ฉันขโมยมาจากห้องครัวโรงแรมอีกตั้งสองคน” หญิงสาวบอกชายหนุ่ม และผายมือให้เขาดูอาหารที่กำลังจัดเตรียมขึ้นโต๊ะ และเมื่อไก่อบไหม้ จึงทำไข่เจียวปู เบอร์เกอร์หมู แล้วสลัดผลไม้ พร้อมเค้กกล้วยหอม “ฉันทำเองเกือบทั้งหมด หวังว่าคุณกับจ้านเกอจะถูกใจ”
เกือบสองเดือนแล้วหลังจากแต่งงาน เจ้าหยวนอีกับซ่งฮ่าวตง ยังต้องพบปะผู้คนอยู่เสมอ รวมถึงเขาสะดวกในการพักที่โรงแรม ดังนั้นเจ้าหยวนอีจึงพลอยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ด้วย เธอติดความสะดวกสบาย อีกทั้งอ้างกับเขาว่า อาหารรถเข็นยามเช้า และสตรีทฟูดส์ตอนเย็น ถูกใจเธออย่างที่สุด ซึ่งฝ่ายซ่งฮ่าวตงก็เห็นด้วย ทั้งคู่จึงเลือกกลับไปนอนในคฤหาสน์สัปดาห์ละคืน แต่ก็เงียบเหงาไปสักหน่อย ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่ เจ้าหยวนอีกับซ่งฮ่าวตงจึงอยู่ในโรงแรม ตกบ่ายในวันที่อากาศแจ่มใส และสายลมพัดเย็นสดชื่น ขณะที่เจ้าหยวนอีออกมาดูเสื้อผ้า และรองเท้าเพื่อไปงานเลี้ยงการกุศล เกี่ยวกับการหาทุนเพื่อเด็กกับคนชรา ร่างสตรีที่แต่งตัวเฉิดฉายก็โผล่มายืนเผชิญหน้าเธอ อีกฝ่ายยิ้มเยาะ แสดงท่าทีราวกับถือไพ่เหนือกว่า “โอ้ คุณนายซ่งน้อย พบกันอีกจนได้” น้ำเสียงนั้นประชดประชัน ทว่าไม่ได้ทำให้เจ้าหยวนอีรู้สึกโมโห เจ้าหยวนอีกวาดตามองรอบๆ ตัว วันนี้เธอพลาดเอง ที่ไม่ได้ให้โทนี่ หรือ ฟู่เซิงติดตามมาด้วย นั่นเป็นเพราะเธอใช้ชีวิตที่ถนนสายนี้จนคุ้นชิน แต่โจวซานซานเป็นสตรีที่แค้นฝังหุ่น พอสมโอกาสยามที
เจียวจ้านติดเจ้าหยวนอี ตอนนี้เด็กชาย อวดกับทุกคนว่า เขามีแม่ใหม่ที่สวย อีกทั้งพ่อบอกว่า ไม่นานจะมีน้องมาเป็นเพื่อนเล่นเขาด้วย “แม่... แล้วน้อง ของน้องจะคลอดเมื่อไหร่ครับ” เจ้าหยวนอีมองเด็กชาย และยิ้มกว้างให้เขา นี่ไม่ใช่หนแรกที่เจียวจ้านถาม แต่เธอไม่เคยเบื่อที่จะตอบ “เร็วๆ นี้ จ้านเกอต้องอดทนรอสักหน่อยน้า แม่จะรีบมีน้องให้เร็วที่สุด” เอ่ยออกไปแล้ว เธอก็เขินเสียเอง อีกทั้งตอนนั้น คนตัวโตเดินเข้ามาในพื้นที่ทำอาหาร ท่าทางเขาหิวโซทีเดียว “โอ้ กลิ่นหอมจังเลย แต่จะเค็มขี้มือใครไหมน้า” ซ่งฮ่าวตงถาม เป็นตอนนั้นที่เด็กชายหันไปมองพ่อของตัวเอง ก่อนทำหน้าง้ำหน้างอนิดๆ “ไม่เค็มขี้มือ แต่น้องไม่อยากให้ ปะ ป๊ากิน” “เอ ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ” “เดี๋ยวหมด คนตัวโต กินจุ” เด็กชายตอบน้ำเสียงจริงจัง “จ้านเกอหวงของกินกับปะ ป๊าไม่ดีนะคะ” “เปล่าหวง น้องแค่โกรธอยู่ และปะ ป๊า กินจุ” เขาย้ำคำเดิมท้ายประโยค “โกรธปะ ป๊าน่ะหรือ” ซ่งฮ่าวตงถามเด็กชาย และเขาเงยหน้ามองคนตัวโตแวบหนึ่ง “อื้อฮึ
ในช่วงเวลาที่เจ้าหยวนอีได้อยู่กับซ่งฮ่าวตงช่างร้อนแรงเร้าใจ ทั้งคู่ต่างสาดความร้อนแรงเข้าใส่กัน และหลังจากนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่น่าโล่งใจอยู่สักหน่อย ที่ไม่มีหูตาของผู้อื่นคอยสอดแนม ซึ่งตอนกลับโรงแรม เจ้าหยวนอีไม่สามารถสวมชุดเดิมที่ใส่ออกไปได้ ด้วยหลังจากอาบน้ำกับซ่งฮ่าวตงเรียบร้อย โดยทั้งคู่แต่งตัวเสร็จ ก็เป็นชายหนุ่มที่อดใจไม่ไหว หญิงสาวก้าวไม่ทันถึงรถหรูส่วนตัวด้วยซ้ำ คนตัวโตก็ส่งสายตากรุ้มกริ่ม แล้วมือใหญ่จึงคว้าอวดคอดกิ่ว ก่อนบ่นอุบอิบว่าเสื้อผ้าเธอถอดยาก จากนั้นก็มีเสียงดังแคว่ก เขากับเธอต่างหัวเราะ “คุณเพิ่งเสร็จไปสองน้ำ!” เจ้าหยวนอีโพล่งเสียงดัง ด้วยน้ำเสียงกวนจัด ชายหนุ่มยอมรับว่า เก้อเขิน เกิดมาไม่เคยมีใครพูดตรงๆ กับเขาเช่นนั้น “อืม... ก็เสี่ยวอีอี เป็นเมียสุดโปรดของฉันนี่นา กินอย่างไร ไม่อิ่มสักที” เอ่ยจบเขาจึงทั้งกอด จูบ และใจอยากแทงเนื้อนิ่มของเธออีกหน แต่หญิงสาวเอ่ย เพื่อขอตัวช่วย “ขอเป็นใช้ปาก ลิ้น และมือแทนได้ไหมคะ... หากตามใจท่านเก้าอยู่อย่างนี้ เราคงไม่ถึงที่พักแน่นอน” “ลิ้นมัน
กระทั่งรถจอดด้านหน้าโรงอาบน้ำขนาดใหญ่ ในส่วนที่เป็นพื้นที่ส่วนตัว เนื่องจากเจ้าของประสงค์ให้ดูมีระดับสักหน่อย จึงแยกการบริการลูกค้าทั่วไป กับเฉพาะแขกระดับสูง หญิงสาวที่คอยบริการอยู่ด้านหน้า เพื่อต้อนรับต่างมีสีหน้าตื่นเต้น ด้วยเจ้าหยวนอีในยุคสมัยนั้น มีรูปตามป้ายโฆษณา และหน้านิตยสาร อีกทั้งตัวจริงของเธอ เรียกได้ว่างดงาม แบบที่ใครได้พบต้องตกตะลึง ขณะเดียวกัน พวกนักข่าวเพิ่มจำนวนมากกว่าเดิม ราวกับว่ามีการนัดหมาย หรือแจ้งให้คนติดตามเธอ “นายหญิงเล็กอี แล้วพวกนักข่าว และแฟนภาพยนตร์ของคุณ ให้ผมจัดการยังไง” ซึ่งประหลาดใจสักหน่อย การเดินทางของเจ้าหยวนอีมาที่โรงอาบน้ำ เหตุใดหนอผู้คนถึงได้ทราบเรื่องไวเช่นนี้ หากเธอคาดการณ์ไม่ผิด คงมีคนของฝ่ายโจวซานซานปะปนอยู่ที่โรงแรม และอยากฉีกหน้าเจ้าหยวนอี หรือไม่ก็ต้องการเห็นเธอ ทำเรื่องเสียหาย เพื่อเขียนข่าวทำลายชื่อเสียง “ก็ดี... ดูเหมือนที่ท่านเก้า แต่งงานกับฉัน เพราะอยากให้มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่เสมอ และฉันก็ทำหน้าที่ได้ดีเช่นนี้ เขาควรให้รางวัลงามๆ” “แต่นี่ อาจเป็นเรื่องในแง่ลบ ซึ่งมันไม่
ยานนั้น สิ่งที่โทนี่อธิบาย ไม่ได้เข้าไปอยู่ในหัวเจ้าหยวนอี ด้วยเธอไม่อาจสลัดภาพภายในห้องเช่าหลังเล็กๆ ที่อุดอู้ และมีกลิ่นเหม็นอับได้ เมื่อเข้าไปอยู่ในรถ ส่วนของเบาะหลัง ซึ่งเจียวจ้านที่กินไอศกรีมแสนอร่อยอิ่มนานแล้ว เขาเอ่ยกับเจ้าหยวนอีว่า “แม่ใหม่สวยจัง นะ น้องชอบแม่นะ” เพราะเสียงของเขาที่คอยเอ่ยอยู่ใกล้ๆ ทำให้เธอดึงสติตนกลับคืน “จ้านเกอ ว่าอย่างไรนะคะ” “น้องชอบแม่ จุ๊บๆ กัน” เขาบอก แล้วส่งจูบอย่างน่ารักให้แก่หญิงสาว เจ้าหยวนอี นิ่งค้างชั่วขณะ เมื่อครู่ทำเกือบทำสิ่งผิดพลาด เพราะมัวแต่คิดถึงการจากไปของถานจิง และการถูกจับของถานเหว่ย รวมถึงชะตาชีวิตหนิงถงที่ต้องใช้ร่างกายแลกกับเงินไม่กี่เหรียญ เมื่อเห็นและรับรู้ทุกอย่างในเวลาจำกัดก็เหมือนโลกถล่มใส่เธอจนแทบไร้เรี่ยวแรง กระทั่งเสียงของเจียวจ้าน กับท่าทางน่าเอ็นดูของเขาที่แสดงออก ฉุดให้เธอกลับคืนสู่ความจริง “แม่ก็ชอบหนูมาก จ้านเกอน่ารัก เป็นเด็กดี” เด็กชายยิ้มอวดฟันหล่อ แล้วถามว่า “แล้วแม่ใหม่ จะท้องป่องอ้วนๆ กับปะ ป๊าไหม” คำถามเขาไร้เดียงสา
ยามนี้เจ้าหยวนอีเข้าใจอีกขั้นแล้วว่า เหตุใดเจ้าของร่างถึงอยากให้เธอย้อนเวลามาเกิดใหม่ ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้เจ้าหยวนอี ได้สะสางความแค้น ต่อคนที่หักหลังและทรยศเธอ จนทำให้ครอบครัวเดิมที่เคยดูแลเธอต้องพบกับการสูญเสีย กับความทุกข์อย่างแสนสาหัส “ปะ ป้าคังยังอยู่ที่นี่ไหม” ยามนั้นหนิงถงมองเจ้าหยวนอีตาขวางจัด ก่อนตอบเสียงสะบัดว่า “แม่เกลียดพี่เข้าใส้ บอกว่า ตายไปก็อย่าได้เผาผีกัน!” ขณะที่หนิงถงเอ่ยจบ ได้มีชายสองคนเดินมาใกล้ๆ หนิงถง พร้อมกับยื่นข้อเสนอกับเธอ “เอาเป็นว่าตามที่คุยกันไว้ บุหรี่นอกสองซอง เหล้าหนึ่งกลม... และเงินอีก 3 ดอลล่า นอนกับอั๊ว แล้วก็ไอ้ผอมนี่ได้ไหม” สิ่งที่เจ้าหยวนอีได้ยิน ทำให้เธอเข้าใจทันทีว่าหนิงถงเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของตนด้วยอาชีพอะไร? โจวซานซานใช้อภิสิทธิ์ใดถึงเข้าไปรอซ่งฮ่าวตงที่ห้องรับรองของโรงงานแห่งนั้นได้ คงเป็นเพราะบ่ายนี้ บิดาของเธอ นัดแนะเจรจาธุรกิจกับชายหนุ่ม เย็นวันนี้ หญิงสาวเปลี่ยนชุดกี่เพ้าแขนกุด เนื้อผ้าดีแนวอวดทรวดทรงหุ่นนาฬิกาทรายสีแดงเพลิง และมันผ่าลึกด้านข้างจนเห็นเนื้อสาว
เมื่อเจ้าหยวนอีออกจากร้านไปพร้อมคนของเธอ ฝ่ายโจวซานซานก็อยากรู้เหลือเกินว่า โดนัททั้งหมดซื้อและส่งไปที่ใด พนักงานในร้านอ้ำอึ้ง ไม่กล้าตอบ กระทั่งถูกเค้นอย่างหนัก “ถ้าหากไม่อยากได้เงิน ก็หมายความว่า อยากถูกซ้อมจนกระดูกหักใช่ไหม” หนุ่มน้อย กลัวจนฉี่แทบราด แต่ก็เอ่ยปากส่งเสียงละล่ำละลัก “สะ ส่ง ที่โรงแรมโรแมนติกการ์เดนท์ ขะ ขอรับ” “ห้องไหน และชั้นไหนแกรู้ไหม” พนักงานไม่ได้ตอบ หากยื่นกระดาษโน้ตให้โจวซานซาน และเรื่องนี้เป็นแผนของเจ้าหยวนอีนั่นเอง เมื่อได้อ่านข้อความ โจวซานซานจึงกรีดร้องราวกับคนเสียสติ “นะ นั่น... นังโสเภณี หยวนอี... มันกล้าแสดงละครหลอกฉัน มะ มันต้องได้เห็นดีแน่!” ถนนซานเสอ เขตชุมชนเก่า เจ้าหยวนอีไม่ได้กลับโรงแรมในทันที แม้ฟู่เซิงบอกว่า ซ่งฮ่าวตงกำลังจะกลับฉางเผิงช่วงเย็นวันนี้ แต่เธอมีความอยากรู้บางสิ่ง รวมถึงต้องการพาเจียวจ้านไปกินไอศกรีมรสอร่อย ซึ่งเมื่อนานแล้ว เจ้าของร่างประทับใจมาก นั่นคือความคุ้นเคยที่กลับคืนมา จึงทำให้เธอมาที่ถนนเสอ “พูดกันตามตรง ถนนแถวนี้เร
เจ้าหยวนอีสวมชุดง่ายๆ เป็นเสื้อเชิ้ตขาวของซ่งฮ่าวตง และด้านล่างคือกางเกงตัวโคร่งสีเข้ม สวมรองเท้าบูต เธอแต่งแนวผู้หญิงเท่ (ทอมบอย) แล้วผมรวมเป็นหางม้า สวมหมวกเก๋ๆ อีกใบ บนใบหน้าเติมกระ ลดทอนผิวกระจ่างใสลง ทั้งยังมีแว่นตากันแดดปกปิดดวงตากลมโต ส่วนคนน่ารักนั้น เขาหัวเราะตั้งแต่ก้าวลงจากลิฟท์ ด้วยชุดที่ไม่เหมือนใคร เป็นชุดของมนุษย์จอมพลัง หรือ ซุเปอร์ฮีโร่ที่เขาชอบดู และยามว่างซ่งฮ่าวตงเคยเปิดหนังสือภาพ และอ่านให้ฟังยามนอน “เขาชื่ออะไรครับ” เด็กชายชี้ชุดซึ่งเขาสวมอยู่ “จ้านเกอไง เป็นผู้พิทักษ์ของแม่” “น้องชอบนะ มีผ้าปิดตาด้วย แล้วก็ผ้าคลุมสีแดง!” ด้วยความเร่งด่วน เจ้าหยวนอีเลือกตัดผ้าแบบง่ายๆ แล้วทำหน้ากากให้เด็กชาย ซึ่งเธอไม่แปลกใจหรอกที่ตนเองมีความสามารถด้านนี้ เพราะก่อนที่หญิงสาวจะก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดง เธออาศัยอยู่กับพ่อเลี้ยง และป้าซึ่งทำอาชีพเย็บผ้า ที่อีกฝั่งของเมือง เป็นเขตที่เรียกว่าสลัม “เชื่อไหมว่า จะไม่มีใครจำจ้านเกอ ของแม่ได้แน่นอน” “ฮู้เร ... เยี่ยมเลย คราวนี้น้องก็หายตัวได้ ต