Share

บทที่ 9

บทที่ 6

‘เข้าเฝ้าฉีฮองเฮา’

.

.

“เจ้าว่าอย่างไร ความคิดของข้าเป็นเช่นไรบ้าง?” ฉีฮองเฮาถามด้วยรอยยิ้มคล้ายจะเป็นมิตรแต่ประสงค์ร้าย

“พระองค์ว่าเช่นไร หม่อมฉันก็ว่าเช่นนั้น ความคิดของพระองค์ย่อมหวังดีต่อหม่อมฉันอยู่แล้วเพคะ” นางพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มที่ฝืนอยู่ไม่ใช่น้อยเลย

‘เจ๊ว่าไงหนูก็ว่างั้นแหละ หนูจะพูดอะไรได้ก็เจ๊เป็นฮองเฮาเป็นแม่ของแผ่นดิน!’

“ดีมาก เจ้ายังเป็นเด็กดีเสมอ อดีตแม่ทัพและรองแม่ทัพเย่ต้องภูมิใจในตัวเจ้าที่เติบโตมาอย่างแข็งแกร่งและกล้าหาญเผชิญอันตรายเพื่อส่วนรวมเช่นนี้”

“เพคะ หม่อมฉันก็หวังใจเช่นนั้น”

‘ไม่ได้กล้าหาญจ้า ไม่ได้แข็งแกร่งด้วย ไม่ได้อยากไปด้วย แต่โดนเจ๊บังคับไง เจ๊เป็นฮองเฮาใครจะกล้าปฏิเสธ หัวได้หลุดออกจากบ่า สู้ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่าอาจจะฟลุ๊ครอดกลับมาก็ได้’

……….

.

หลังจากที่พบฉีฮองเฮาแล้วเย่ซูชางก็ยังไม่กลับว่าจะแวะไปหาหยวนหวงกุ้ยเฟยเสียหน่อย หวงกุ้ยเฟยผู้นี้เป็นอาหญิงของหยวนฉินเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้มากและพระนางก็มีจิตใจดีไม่ฝักใฝ่อำนาจไม่แทรกแซงฮองเฮาด้วย ยามว่างก็มักจะสวดมนต์ปฏิบัติธรรมเสมอเลยยังอยู่รอดปลอดภัยได้อยู่ ถ้าคิดท้าทายฮองเฮาหน่อยคงสิ้นชีพไปนานแล้วแน่

แต่ยังไม่ทันจะเดินถึงพระตำหนักของหยวนหวงกุ้ยเฟยก็มีขบวนเสด็จของใครบางคนมาขวางทางเอาไว้ก่อน สตรีในชุดสูงศักดิ์เดินออกมา จากการแต่งกายก็เดาไม่ยากน่าจะเป็นองค์หญิงสักพระองค์แน่นอน หรืออาจจะเป็นองค์หญิงสี่เซียวซิงหยา

“เห็นข้าแล้วยังไม่ก้มหัวอีก”

“ขออภัยเพคะ” นางยอมก้มหัวให้แต่โดยดีเพราะไม่อยากมีเรื่อง

“ข้าเป็นถึงองค์หญิง ส่วนเจ้าเป็นแค่ท่านหญิง อย่าคิดว่าได้รับการโปรดปรานจากเสด็จพ่อแล้วจะกระทำสิ่งใดก็ได้ไม่ต้องสนหัวผู้ใด”

“ขออภัยเพคะ”

“เจ้าพูดได้แต่คำว่าขออภัยหรือ?”

“แล้วจะให้หม่อมฉันทำสิ่งใดเพคะ?”

“คุกเข่าก้มกราบข้าสิ”

“หม่อมฉันไม่ได้มีความผิดถึงขั้นนั้นเสียหน่อย”

‘ข้าก็เดินของข้าอยู่ดี ๆ เป็นเจ้าที่เข้ามาหาเรื่องข้าเองแท้ ๆ’

“ข้าคือองค์หญิงเซียวซิงหยา พระมารดาของข้าคือฮองเฮาเจ้ากล้าขัดคำสั่งข้าหรือ!”

‘ที่แท้ก็คู่ปรับนางร้ายนี่เอง ก็ดูร้ายสมกันดี ตอนอ่านนิยายความร้ายก็สูสีกันเลยแหละ’

“จับนางคุกเข่าลง!”

“เพคะ!”

เหล่านางกำนัลพากันพุ่งเข้ามาหาเย่ซูชางพยายามกดตัวนางให้นั่งคุกเข่าลงกับพื้นแต่นางก็ไม่ยอมออกแรงสะบัดจนพวกนางกำนัลผอมแห้งแรงน้อยกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง

“ถ้านางไม่ยอมคุกเข่าก็ฟาดขานางให้หัก!”

องค์หญิงสี่ เซียวซิงหยา ยังคงออกคำสั่งอย่างเหี้ยมโหดสีหน้าของนางจริงจังบ่งบอกว่าต้องการให้เย่ซูชางขาหักจริง ๆ จนนางกำนัลต้องพากันไปหาท่อนไม้มาถือเอาไว้ เย่ซูชางจ้องมองหน้าองค์หญิงสี่ด้วยความโกรธ รุมรังแกกันมากเกินไปแล้วอยากให้นางร้ายมากนักใช่ไหมก็จะจัดให้

“พระองค์ทรงรูปโฉมงดงาม น้ำเสียงก็หวานไพเราะ ชาติกำเนิดสูงส่งเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ แต่เหตุใดต้องมาริษยาคนต่ำต้อยเยี่ยงหม่อมฉันด้วยเพคะ?”

“เพราะข้าเกลียดเจ้า เกลียดก็คือเกลียด ข้าไม่เห็นจะต้องมีเหตุผลอะไรเลย”

“หรือที่พระองค์รังเกียจหม่อมฉันมากถึงเพียงนี้เป็นเพราะรองเจ้ากรมพิธีการที่พระองค์หมายปองกำลังจะแต่งงานเป็นสามีของหม่อมฉันหรือเปล่าเพคะ?”

“เอาไม้ฟาดปากนางให้ฟันร่วงหมดปากเดี๋ยวนี้ ใครถอนฟันนางได้ข้าจะให้ทองเป็นรางวัล!”

เมื่อถูกหลอกล่อด้วยของมีค่าพวกเหล่านางกำนัลก็เหมือนจะลืมกลัวไปหมดจนสิ้นหันเป้าหมายมาหาเย่ซูชางทันทีจนนางต้องก้าวเท้าถอยเพื่อออกมาตั้งหลัก จังหวะนั้นก็เห็นหยวนฉินเดินมาไกล ๆ พอดี

‘นี่สิจังหวะพระเอก!’

นางหันมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าด้านหลังเป็นบ่อน้ำก็ตัดสินใจกระโดดลงไปทันทีจนทุกคนต่างตกใจแม้แต่องค์หญิงสี่ก็ด้วย เย่ซูชางที่ว่ายน้ำเป็นก็แสร้งทำเป็นว่ายน้ำไม่เป็นดำผุดดำว่ายอยู่แบบนั้นพร้อมตะโกนจนดังลั่น

“ช่วยด้วย!”

“ชะ… ช่วยด้วย ข้าว่ายน้ำไม่เป็น!”

เสียงตะโกนของนางมันดังไปถึงหูของหยวนฉินที่กำลังจะเดินไปตำหนักหยวนหวงกุ้ยเฟยพอดิบพอดี เขาที่หันมาเห็นว่าที่คู่หมั้นหมายว่าที่ภรรยาในอนาคตของตนดำผุดดำว่ายอยู่ในน้ำก็รีบวิ่งจนชายอาภรณ์ปลิวไม่สนความสำรวมอะไรทั้งนั้น แหวกกลางวงขบวนขององค์หญิงสี่แล้วกระโดดพุ่งลงน้ำทันทีคว้าตัวของเย่ซูชางเอาไว้แล้วพานางขึ้นมาบนฝั่ง

“แค่ก ๆ” เย่ซูชางยังคงแสดงอย่างแนบเนียนด้วยการสำลักน้ำออกมาเพราะอมน้ำไว้ในปากก่อนแล้ว

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” หยวนฉินถามด้วยความเป็นห่วง มือก็ลูบหลังนางไปด้วยท่าทางร้อนใจแต่การกระทำกลับอ่อนโยน

“ขะ… ข้ากลัว” นางแสร้งพูดเสียงสั่นแล้วซบหน้าลงบนอกกว้างเนื้อตัวสั่นเทาเหมือนเจ้าเข้า

“ท่านพี่ฉิน” องค์หญิงสี่เอ่ยเรียกหยวนฉิน

“องค์หญิงอย่าทำอะไรหม่อมฉันเลยเพคะ เรื่องที่หม่อมฉันกำลังจะหมั้นหมายกับอาฉินล้วนเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ได้คาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรก ขอองค์หญิงอย่าโมโหเลยเพคะ”

“หมายความว่ายังไง?” หยวนฉินรีบถามทันที

“ข้าจะรู้ได้อย่างไร ข้าถูกฮองเฮาเรียกมาเข้าเฝ้าเมื่อคุยธุระเสร็จจึงจะไปเยี่ยมหยวนหวงกุ้ยเฟยเสียหน่อย แต่องค์หญิงสี่ก็เข้ามากล่าวหาข้า หาว่าข้าใช้มารยาสาไถยหลอกล่อเจ้าให้หมั้นหมายด้วย ไม่พอใจที่เจ้ากำลังจะหมั้นหมายกับข้าเลยจะให้คนมาตีขาข้าให้หัก ไม่พอยังกล่าวอีกว่าถ้าใครถอนฟันข้าได้จะให้ทองคำ ข้ามีผู้เดียวแต่ถูกรุมรังแกจึงกลัวจนต้องกระโดดน้ำหนีก็ยังถูกองค์หญิงสี่สั่งห้ามผู้ใดช่วยเหลืออีก”

องค์หญิงเซียวซิงหยาถึงกับตกใจที่ถูกเย่ซูชางใส่สีตีไข่เรื่องราวจนมันดูเป็นเรื่องใหญ่โตเกินความจริงไปมาก นางพยายามจะหันไปอธิบายกับหยวนฉินแต่เขาก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

“องค์หญิงสี่ท่านอย่าทรงทำเช่นนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้กระหม่อมไม่ได้หมั้นหมายกับเย่ซูชาง กระหม่อมก็ไม่สามารถรับไมตรีของพระองค์ได้ แต่ตอนนี้กระหม่อมกำลังจะหมั้นหมาย ในอนาคตก็ต้องแต่งงาน ขอให้องค์หญิงตัดใจเรื่องนี้แล้วลืมเรื่องราวที่เคยพูดกับกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

หยวนฉินกล่าวออกไปตรง ๆ เพราะเขารู้ถึงความรู้สึกที่องค์หญิงสี่มีให้ตนดี ก่อนหน้านี้องค์หญิงเคยมาสารภาพรักแล้วครั้งหนึ่งแต่เขาก็ปฏิเสธไปตั้งแต่ตอนนั้น และขอให้หยวนหวงกุ้ยเฟยทูลขอฮ่องเต้ให้ว่าอย่าบังคับเขาแต่งงานกับองค์หญิงคนไหนถึงได้รอดมาได้ไม่โดนสมรสพระราชทานแต่องค์หญิงสี่ก็ยังไม่ล้มเลิกและคอยตามเอาอกเอาใจส่งของกำนัลมาให้เสมอ

ยามที่รู้ว่าเขามีใจให้ถังซีเยว่ก็ไปทำร้ายนางแต่เพราะเป็นองค์หญิงที่เป็นพระธิดาในฮองเฮาจึงไม่มีผู้ใดกล้าเอาผิด พอมาตอนนี้ที่เขาจะหมั้นหมายกับเย่ซูชางก็ยังมาทำร้ายนางอีก ในเมื่อตนเองไม่ได้แต่งก็จะทำร้ายสตรีทุกคนที่ข้องเกี่ยวกับเขาเลยหรือไง ทั้งที่เขาก็ชัดเจนมาตั้งแต่ปฏิเสธแล้วว่าไม่ต้องการพระองค์

“เจ้าพาข้าออกไปจากตรงนี้เถิด ขะ… ข้าหนาว ข้าไม่ไหวแล้ว” เย่ซูชางแกล้งเสียงสั่นตัวสั่นเหมือนเจ้าเข้า

หยวนฉินเลยตัดสินใจอุ้มนางขึ้นมาอย่างอ่อนโยนก่อนจะพาเดินฝ่าวงล้อมออกไปทิ้งให้องค์หญิงสี่ยืนมองแผ่นหลังหนาของคนที่ตนรักเดินจากไปด้วยความเจ็บปวดและเคียดแค้นในเวลาเดียวกัน ด้วยความโมโหเลยหาที่ลงอย่างคนพาลด้วยการหันไปตบหน้าเหล่านางกำนัลเรียงตัวจนทุกคนหวาดกลัวพากันรีบนั่งคุกเข่าก้มลงกราบองค์หญิงเพื่อร้องขอชีวิตกันทันที

“ข้าสั่งพวกเจ้า ไยพวกเจ้าไม่ทำตาม ถ้าเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ก็อย่าอยู่ให้เปลืองข้าวเปลืองเบี้ยหวัดเลย เอาพวกนางไปโบยให้ตาย!”

“องค์หญิงโปรดเมตตาด้วยเพคะ!”

“เอาออกไปข้ารำคาญ!”

“องค์หญิงโปรดเมตตาด้วยเพคะ องค์หญิง!”

เซียวซิงหยาไม่คิดจะฟังคำขอร้องขอความเมตตาทั้งนั้น นางเลือกจะหันไปมองทางอื่นมือยังคงกำหมัดแน่น ฟันขบกัดเข้าหากันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น

“เดิมทีข้าจะปล่อยเจ้าไปอยู่แล้วเย่ซูชาง แต่ในเมื่อเจ้ากล้าเป็นศัตรูหัวใจของข้าก็อย่าหวังว่าจะได้ตายดีเลย แม้นตายศพของเจ้าก็ต้องถูกสับเป็นหมื่นชิ้นให้หมูหมามันกิน”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • นางร้ายเหนื่อยแล้ว   บทที่ 45

    บทที่ 20‘ตอนจบของนิยาย’..เย่ซูชางเปิดกล่องเครื่องประดับออกก่อนจะหยิบเอาปิ่นปักผมสีทองอร่ามออกมาทาบลงบนผมเพื่อดูว่าปิ่นอันไหนเหมาะสมกับตนเอง ของเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องประดับที่หยวนฉินซื้อให้นางซะเป็นส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ซื้อเองนักหรอก เวลาเขาเห็นเครื่องประดับสวย ๆ งาม ๆ ก็มักจะซื้อมาฝากนางเสมอ ยิ่งต

  • นางร้ายเหนื่อยแล้ว   บทที่ 44

    บทที่ 20‘ตอนจบของนิยาย’..เย่ซูชางดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เจ้าแฝดที่ตอนนี้นอนหลับปุ๋ยไปแล้วเพราะวันทั้งวันเอาแต่วิ่งเล่นตกกลางคืนเลยอ่อนเพลียหลับง่ายเป็นธรรมดา นางหันตัวเดินออกมานอกห้องก่อนจะปิดประตูแผ่วเบาเพื่อไม่ให้รบกวนลูกทั้งสองสายตามองไปยังห้องตำราก็เห็นมีแสงสว่างอยู่ แปลว่าหยวนฉินยังไม่กลับเร

  • นางร้ายเหนื่อยแล้ว   บทที่ 43

    บทที่ 19'พระกระโดดกำแพง'..“หมายความเช่นไรเจ้าคะ?”“เจ้าไม่รู้อะไร การมีฝูอ๋องอยู่ในเมืองหลวงคอยช่วยงานฮ่องเต้ นอกจากจะคอยค้านอำนาจฝ่ายองค์รัชทายาทแล้ว ยังช่วยขับเคลื่อนองค์รัชทายาทให้เอางานเอาการสนใจงานบ้านเมืองด้วย เพราะถ้าไม่สร้างผลงานไม่ทำให้ฮ่องเต้พอใจก็อาจจะถูกแย่งตำแหน่งองค์รัชทายาทไปก็ได้

  • นางร้ายเหนื่อยแล้ว   บทที่ 42

    บทที่ 19'พระกระโดดกำแพง'..เสียงมีดหั่นลงบนเขียงดังก้องภายในโรงครัวที่มีควันลอยฟุ้งจากเตาถ่านที่ถูกจุดเอาไว้ บนเตามีหม้อที่กำลังตุ๋นเนื้อหมูสามชั้นให้นุ่มจนเข้าเนื้อ เย่ซูชางหันไปหยิบปลิงทะเลและหอยเป่าฮื้อมาหันเป็นชิ้นพอดีคำ“พี่หญิงรองทำสิ่งใดอยู่เจ้าคะ?” เย่ซูเจินเดินเข้ามาภายในครัวเมื่อได้กลิ่

  • นางร้ายเหนื่อยแล้ว   บทที่ 41

    บทที่ 18'ฉีฉีชิงชิง'..“เจ้านี่ยังปากร้ายเสมอต้นเสมอปลาย”หยวนฉินโน้มลงไปจูบริมฝีปากเอิบอิ่มด้วยความมันเขี้ยวจนเย่ซูชางตกใจจะดันเขาออกแต่ก็ถูกมือใหญ่รวบแขนเอาไว้จนไร้ทางขัดขืนได้แต่จ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าถมึงทึง“เจ้าทำบ้าอะไร สติเพี้ยนไปแล้วหรือ ถึงกล้าทำเรื่องบัดสีเช่นนี้”“เรื่องบัดสีอะไรกัน ข้า

  • นางร้ายเหนื่อยแล้ว   บทที่ 40

    บทที่ 18'ฉีฉีชิงชิง'..ห้าปีต่อมาเมืองหนานตูเสียงเด็ก ๆ วิ่งกันเจื้อยแจ้วไปตามถนนของเมืองที่ครึกครื้นไปด้วยผู้คนมากมายที่แวะเวียนมาค้าขายตามประสาของเมืองท่าติดทะเลที่มีเรือขนส่งมากมายมาจอดเทียบท่า ผู้คนล้วนมีความสุขกับการใช้ชีวิตภายใต้เมืองที่เงียบสงบไร้เหตุร้ายเพราะทุกคนล้วนมีงานทำมีเงินใช้จึง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status