บ้านหลังน้อยของทรายทอง
อังเดรไขรั้วเข้ามาด้วยกุญแจที่เขามี บ้านช่องเงียบเชียบ ทว่าเปิดไฟทิ้งไว้หลายดวง เขาไขกุญแจประตูบ้านอีกชั้น และน่าโมโหนักที่ทรายทองเลินเล่อขนาดลืมล็อก เขาผลักประตูเข้าไปด้านใน แล้วความเงียบสงัดก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงของใครบางคน “กรี๊ดดด!!!” อังเดรวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบน เสียงกรีดร้องของทรายทองทำเอาใจเขาหล่นไปอยู่ตาตุ่ม หล่อนเป็นอะไร มีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับหล่อนอย่างนั้นหรือ และเขาก็ได้รู้คำตอบ ทรายทองยังนอนอยู่บนเตียงตอนที่เขาเปิดประตูเข้ามา ห้องทั้งห้องสว่างโร่ ราวกับว่าหล่อนกลัวที่จะปิดไฟนอน “ทราย! ทรายทอง! ตื่นเดี๋ยวนี้นะ!” เขาจับร่างน้อยเขย่าเบาๆ และต้องเพิ่มแรงเขย่ามากขึ้นเมื่อหล่อนยังอยู่ในห้วงนิทราอันแสนทุกข์ “ไม่! ไม่ไป! หนูไม่ไป กรี๊ดดด!!!” “ทราย! ตื่น! ทรายทอง!!” เฮือก! ทรายทองดีดตัวขึ้นนั่ง หายใจหอบแรงราวกับไปวิ่งมาสักสิบกิโลฯ หยดน้ำตายังเปื้อนบนใบหน้างาม แต่ยังน้อยกว่าความงุนงงที่อังเดรมานั่งอยู่ข้างเธอ สีหน้าเขาดูตื่นตระหนก และเขา...ยังหล่อเหลาไม่เปลี่ยนแปลง “เธอฝันร้าย?” หญิงสาวพยักหน้า ขมปร่าในลำคอ แล้วนาทีถัดมาหยดน้ำตาก็พร่างพรู เธอกอดเขาไว้ ซบหน้าเข้ากับสูทผ้าไหมเนื้อดีที่เริ่มเปียกชุ่ม “เหล้าหมด ทรายเลยฝันร้าย” เธอว่า ปาดน้ำตาแม้ว่ามันยังไหล “เธอต้องรักษาตัว เธอจะใช้เหล้าแทนยานอนหลับไม่ได้” “ก็หมอไม่ยอมจ่ายยานอนหลับให้ทรายนี่นา” ทรายทองเถียงบ้าง ผละจากอกเขาแล้วมานั่งพิงหมอนที่อังเดรช่วยยกมาซ้อนกันถึงสองใบ สีหน้าของเขาฉายชัดถึงความห่วงใยในตัวเธอ มองแล้วก็ยิ่งสะกิดใจ เพราะมันไม่ควรเกิดขึ้น “ไหนว่าไปต่างประเทศไงคะ” “ก็เห็นแล้วว่าไม่ได้ไป ฉันคงไม่ต้องรายงานเธอใช่ไหม” “ค่ะ คุณจะได้เอาเวลาไปเอาใจแม่นางแบบสาวแธมม่า หึๆๆ แต่หนักหน่อยนะคะกว่าจมูกหล่อนจะหายน่ะ” ว่าพลางปาดเช็ดน้ำตา สะใจไม่น้อยเมื่อคิดถึงวีรกรรมร้ายๆ ของตัวเอง อังเดรส่ายหน้าระอา “เธอทำเกินไป แธมม่าไม่แจ้งตำรวจก็บุญแล้ว” “แล้วทำไมไม่แจ้งล่ะ ทรายพร้อมขึ้นศาลนะคะ แม่นั่นตบทรายก่อน” “แต่เธอพูดจาดูถูกแธมม่าก่อน” เขาเถียงบ้าง ระอาเหลือกับความดื้อรั้นของทรายทอง “โธ่เอ๊ย...สุดท้ายก็เข้าข้างแฟนตัวเอง” ร้องใส่หน้าเขาอย่างเคืองๆ นางเช่ากับคนรักมันคนละชั้นกันอยู่แล้ว “แธมม่าไม่ใช่แฟนฉัน ฉันยังไม่มีแฟน” เขาเถียงอีก ทรายทองหันมองหน้าเขาอย่างเคืองๆ ดึงหมอนออกจากหลังหนึ่งใบแล้วเอนกายลงนอนอีกครั้ง ทั้งยังดึงผ้าห่มมาปิดถึงปลายคางแล้วหลับตาลงเสีย “ขยับไปสิ นอนด้วย” “ไม่ค่ะ วันนี้ไม่รับลูกค้า NO SEX ค่ะ มันเซ็ง” ทรายทองว่า เบะปากใส่อังเดรนิดๆ ด้วย ชายหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆ หรี่ตามองคนสวยที่ดื้อรั้นแล้วอยากเอาชนะขึ้นมา เขาถอดเสื้อนอกออก ตามด้วยกางเกงและเสื้อเชิ้ต จนเหลือเพียงกางเกงชั้นในแบบขาสั้นสีขาวสะอาด เดินไปปิดไฟดวงใหญ่ให้เหลือเพียงโคมไฟดวงน้อย ก่อนจะปีนขึ้นเตียง แทรกกายเข้าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับทรายทอง “เอ๊ะ! คุณเอื้อ! วันนี้ทรายไม่มีอารมณ์” เธอบอกอีก แต่เขาตีมึน เอื้อมมือไปปิดสวิตช์โคมไฟจนเรียบร้อย “ก็ไม่ต้องมี นอนเฉยๆ” ทรายทองส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ไม่พอใจที่ถูกบังคับทางอ้อม เขาคงจะค้างคามาจากแม่สาวแธมม่าละสิ “ขยับมาใกล้ๆ หน่อย ที่นอนเย็นๆ ฝั่งโน้นมันดีกว่าฝั่งนี้ที่อุ่นๆ หรือยังไง” “ก็ไม่อยากนอนใกล้ บอกแล้วว่าไม่มีอารมณ์” ทรายทองชี้แจง หน้าตายังไม่สบอารมณ์นัก ทว่าเพียงชั่ววินาที มืออุ่นๆ ของอังเดรก็ดึงเธอไปกอด กอดแน่นๆ แต่ไม่ทำอะไรมากกว่านั้น “หลับตาลงแล้วกอดฉัน คิดถึงแค่ฉัน คิดถึงแค่คนที่กอดเธออยู่ แล้วก็...หลับฝันดีนะทรายทอง” เสียงกระซิบที่ข้างหูทำเอาทรายทองคลี่ยิ้มละไม อังเดรไม่ใช่ผู้ชายที่อ่อนโยนมากนัก นานๆ ครั้งถึงจะได้สัมผัสถึงไออุ่นจากความอ่อนโยน เขาเป็นผู้ชายที่นิยมความเงียบขรึม และเหมือนมีเรื่องบางอย่างอยู่ในใจเสมอ ทั้งยังเป็นผู้ชายที่มีพลังขับเคลื่อนทางเพศสูงมาก เธอเคยรับมือเขาจนเหนื่อยอ่อน เธอรู้จักเขาดีนะ แต่บางครั้งก็เหมือนกับว่าเธอไม่เคยรู้จักเขาเลย ทรายทองหลับไปในอ้อมแขนของอังเดร ทั้งสองกอดกันไว้ เป็นเพียงไม่กี่คืนที่นอนกอดกัน เพราะสำหรับอังเดรแล้ว การมาหาทรายทองเป็นเหมือนการมาหาความสำราญ ต้องตักตวงจากหล่อนให้คุ้มค่า ในขณะที่ทรายทองก็ปรนเปรอเขาให้สมกับราคาที่เขาต้องจ่าย หลายๆ ครั้ง ความสัมพันธ์และความผูกพัน มันจึงเกิดขึ้นเพราะแรงราคะเป็นตัวขับเคลื่อนให้เป็นไปบทส่งท้าย___________ทรายทองนั่งป้อนข้าวสองแฝด ในตอนที่อังเดรเดินลงบันไดมา นิคยืนอยู่ไม่ไกล รอรับคำสั่งเจ้านายอย่างเอลฟ์ตัวยักษ์ผู้ภักดีอยู่เช่นเดิม ผิดก็แต่ช่วงนี้ เอลฟ์ตัวยักษ์มักเปลี่ยนฝ่ายย้ายข้างมาภักดีต่อคุณหนูตัวแสบแสนซนอยู่บ่อยๆ แน่ละ สองแฝดน่ารักและน่าเอ็นดูเหลือเกิน“โอย...สายๆๆ สายแล้วที่รัก” เขาบ่นขณะเดินรีบๆ มาหาภรรยากับลูก ก้มลงหอมแก้มสองแฝดแรงๆ ลูกน้อยที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ ก่อนจะหันมาจุมพิตภรรยาที่ข้างขมับ“รีบก็ไปสิคะ เดี๋ยวรถติดนะคุณเอื้อ”อังเดรพยักหน้า ก็อยากจะไปละนะแต่ว่า...“อะไรคะ” ถามสามีเพราะเขาก้มลงมาใกล้เธอแล้วแบมือขออะไรสักอย่าง“ก็ตังค์ไปทำงานไง”ทรายทองทำหน้ายุ่ง “ให้แล้ว วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเหมือนทุกวันไงคะ” บอกเหมือนรำคาญ ก็แหม...สามีที่รักทำเหมือนจำวันสำคัญวันนี้ไม่ได้นี่นา“แต่มันไม่พอนี่ที่รัก” ก้มลงมากระซิบอีก อายเจ้านิคเกินจะกล่าวยามต้องแบมือขอเงินภรรยา“โอ๊ยคุณเอื้อ จะเอาอะไรนักหนาคะ อาหารการกินทรายก็สั่งเลขาจัดให้แล้ว แทบไม่ต้องซื้ออะไรเลยนะ แถมที่ให้ไปก็ตั้งเยอะ” บ่นอย่างงอนๆ“สองร้อยเนี่ยนะที่รัก!” อังเดรร้องออกมาอย่างสุดจะทน ได้ยินเสีย
คนถูกทักสะดุ้งโหยงรีบซ่อนถุงยางอนามัยกับเข็มไว้ข้างหลัง สองตามองไปที่หน้าประตูห้องน้ำ ปรายรุ้งโผล่แค่ส่วนหน้ากับไหล่ขาวๆ ออกมานิดหน่อยแต่ช่างยั่วคนมองสิ้นดี“อ่า...ก็...หะ...หา หากรรไกรตัดเล็บไง”“หรือคะ...ฉันถูหลังไม่ถึง มาถูให้หน่อยสิ” คนสวยมียั่ว คนถูกยั่วหูผึ่ง “อ๊ะๆ หยิบถุงยางมาด้วยสิคะที่รัก”“จ้า...ไม่ลืมจ้าไม่ลืม หึๆๆ” บอกว่าไม่ลืมแต่น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เหลือร้าย ทว่าปรายรุ้งไม่ทันได้สังเกต เพราะเพียงแค่ชลกรถอดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาในห้องน้ำในสภาพเปลือยเปล่า หญิงสาวก็ลืมไปแล้วว่าการถูหลังมันคืออะไร_____________สองเดือนต่อมางานเลี้ยงครบรอบการแต่งงานของทรายทอง ถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์อัชวินอย่างเป็นกันเองที่สุด ทว่าแขกที่มาร่วมงานก็ยังต้องแต่งตัวสวยแบบว่าผูกเนกไทใส่สูท ทั้งสหายและญาติๆ ของครอบครัวอัชวินและครอบครัววัฒนากูร ต่างถูกเชิญมางานเลี้ยงอย่างอบอุ่น งานเลี้ยงแบบที่มีการเปิดฟลอร์เต้นรำจึงดูหรูหราอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนในงานต่างมีรอยยิ้มพร่างพราย ซุ้มอาหารและเครื่องดื่มถูกจัดไว้อย่างสวยงามและพรั่งพร้อมอย่างที่สุด สองแฝดของทรายทองถูกพาเข้านอนตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม ทั้งสองหลับสนิทรา
“เป็นอะไรไปคะ แค่จะมีน้องต้องงอนพ่อแม่ด้วยเหรอ ไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ” ทรายทองติงสามี ไม่ได้เอ่ยอย่างตำหนิมากมาย แค่อยากให้เขาเข้าใจว่าทุกสิ่งมันเกิดขึ้นได้เสมอ คนเราไม่สามารถบงการทุกอย่างได้หรอกคนถูกติงถอนหายใจอีกครั้ง สองตาทอดมองออกไปยังชายหาด สองแขนโอบเอวภรรยาไว้แน่น“ก็ห่วงนี่นา แม่ไม่ใช่สาวรุ่นแล้วนะ อีกไม่กี่ปีก็ห้าสิบแล้ว มันอันตราย ฉันเคืองพ่อด้วย อะไรจะฟิตขนาดนั้น”“โธ่คุณเอื้อ พวกเขาก็เหมือนคู่แต่งงานใหม่ดีๆ นี่เอง อย่าไปงอนพวกเขามากเลย ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ให้พวกเขาได้อยู่ดูแลกันไปอย่างมีความสุขเถอะ อีกอย่างน่ะ มีเด็กเยอะๆ ครอบครัวจะได้อบอุ่นไม่ใช่หรือคะ”“มีปัญหาตั้งมากกับการมีลูกในตอนอายุเยอะแล้ว” เขายังท้วงติงไม่เลิก“งั้นคุณก็ช่วยพ่อคุณดูแลแม่สิคะ เราอาจต้องมีหมอประจำบ้านที่เป็นหมอสูติก็คราวนี้แหละ ยิ่งอายุเยอะยิ่งอันตราย แต่ถ้าเรารู้วิธีดูแลแก้ไข มันก็ไม่น่าห่วงไม่ใช่หรือคะ แม่คุณไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ มันเป็นความผิดพลาดเหมือนกัน แต่มันเป็นความผิดที่งดงามเหลือเกินคุณเอื้อ มันเป็นเรื่องดี แทนที่จะงอนพวกเขา ทรายว่ามาเอาใจช่วยพวกเขาดีกว่านะคะ”อังเดรกอดภรรยาแน่นขึ้นไปอีก ทรา
[20]กรงขังผีเสื้อ_________“พี่ทราย...พี่คะ!”ทรายทองสะดุ้งโหยง กะพริบตาปริบๆ รู้สึกถึงมืออุ่นของน้องสาวที่จับมือตนอยู่“เอ่อ...ขอโทษที มันแค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ” ตอบออกไปแล้วเหลือบมองสามีแวบหนึ่ง อังเดรเดินเข้ามาหาเธอ วางมือบนไหล่บางอย่างต้องการให้กำลังใจปรายรุ้งยิ้มให้พี่สาว “บอกหนูหน่อย ทำไมพี่ไปอยู่กับคนอื่น ทำไมไม่อยู่กับหนูคะ แล้วทำไมแม่ต้องบอกว่าพี่ตายแล้ว”“เรื่องมันยาวน่ะปราย แต่ว่า มันไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่สองผัวเมียที่มีลูกไม่ได้ มาเจอพี่ เห็นพี่แล้วคงนึกเอ็นดูเลยขอไปเลี้ยง พ่อแม่เอง ก็คงอยากให้ลูกมีความเป็นอยู่ที่ดีละมั้ง ก็แค่นั่นแหละ”“หรือคะ ดีจัง...แม่เคยเล่าว่าตอนหนูเด็กๆ บ้านเราจนมากๆ เพิ่งพอมีใช้บ้างตอนที่พ่อมีเรือเป็นของตัวเอง แล้วพี่ละคะ พี่เป็นยังไงบ้าง”“ก็สบายดี คนฐานะดีย่อมเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งได้ดีอย่างใจพวกเขา เสียก็แต่พวกท่านอายุสั้นไปหน่อย”ปรายรุ้งพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังมีอีกหลายข้อที่ยังไม่ได้บทสรุป“แล้วทำไมพี่ไม่มาหาเราบ้าง”“เพราะว่า เอ่อ...เรื่องมันยาวไงปราย คร้านจะเล่า เอาไว้ว่างๆ จะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน” ทรายทองปฏิเสธ เงยหน้ามองสามีก็เห็นเขามองลงมาอย่
สองสาวต่างกอดกันแล้วร่ำไห้ ทรายทองรู้สึกเหมือนว่าความลับที่แบกมานานได้ถูกทำลายให้สูญสลายไป ด้วยคำถามเพียงไม่กี่คำของน้องสาว ส่วนปรายรุ้งนั้นสุดแสนจะดีใจ ดีใจยิ่งกว่าถูกบอกรักจากชลกรเสียอีก“พี่ทราย พี่รู้ไหมว่าหนูดีใจแค่ไหน...ฮึกๆ ในที่สุดพี่ก็เป็นพี่สาวหนูจริงๆ ฮึกๆ”“อือ...แกอย่าร้องสิ ร้องทำไม เลยทำให้ฉันร้องด้วย” ว่าพลางปาดน้ำตาป้อยๆ รอยยิ้มแห่งความยินดีปรากฏบนใบหน้าของทั้งสอง สองบุรุษที่ยืนดูอยู่ อดยิ้มออกมาไม่ได้ทั้งอังเดรและชลกรต่างรู้ว่าสองสตรีรักกันมากแค่ไหน มันเป็นเรื่องดีที่ทั้งคู่กลายมาเป็นพี่น้องกันจริงๆ แต่ลึกๆ แล้วอังเดรยังข้องใจ เหตุใดทรายทองถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้ปรายรุ้งรู้ตั้งแต่แรกปรายรุ้งผละจากการกอดพี่สาว“พี่ปิดบังหนูทำไม ทำไมไม่บอกล่ะ”“มัน...ไม่มีจังหวะน่ะ” ทรายทองแก้ต่างไปเรื่อย เธอกลัวต่างหาก กลัวความจริง ไม่อยากให้ปรายรุ้งต้องเจ็บปวดไปกับตัวเอง“ทำไมละคะ ทำไมพี่ถึงไม่อยู่กับหนู ไม่อยู่กับพ่อแม่ ทำไม”ปรายรุ้งถามรัวๆ นั่งถามพี่สาวจริงจัง ไม่หวั่นแม้ว่าใต้เข่าของตัวเองจะเป็นเม็ดทราย หยดน้ำตาบนใบหน้ายังมีอยู่ แต่หญิงสาวไม่สนใจจะเช็ดมันแล้วนัยน์ตาของตาทรายทองไ
“ฉันจะใส่”“ไม่เอา อายเขา เอารองเท้าคุณคืนไปนะตาบ้า ฮ่าๆๆ” เธอหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ มองเท้าเขาแล้วขำแรง เหมือนเอารองเท้าเด็กมาสวมให้ช้างอะไรอย่างนั้น“ใส่เถอะน่า ถ้าฉันใส่แล้วเธอหัวเราะ ฉันจะใส่มันให้เธอดูทุกวันเลย”“โอ๊ย...คุณโช...แค่นี้ก็รักจะตายอยู่แล้ว...” บอกเขาแล้วเกาะแขนประจบ เอาแก้มถูๆ ต้นแขนเขาเหมือนอย่างที่เคยเห็นทรายทองทำกับอังเดร“ก็อยากให้รักมากๆ นี่นา เอาละ เราจะไปซื้อรองเท้าหรือว่าจะขึ้นไปหาพี่สาวเธอก่อนดี”“ไปซื้อรองเท้าค่า อย่าไปห่วงพี่ทรายเลย สามีนางมาค่ะ เราเข้าไปก็เป็นส่วนเกิน”“ดีจริง...เราไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า...หึๆ”“อย่านะคุณโช ไม่ต้องเลย” บอกเขาอย่างนั้นแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สุดท้ายก็โดนชลกรลากแขนไปขึ้นรถ และไม่ได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีก แม้ว่าจะถึงเวลาที่ทรายทองต้องกลับบ้านก็ตาม___________หลายเดือนต่อมากลิ่นน้ำทะเลเค็มๆ ลอยมาปะทะประสาทรับกลิ่นของทรายทองอย่างจัง ทว่านั่นไม่ทำให้คุณแม่มือใหม่สนใจมันได้เท่ามะม่วงเปรี้ยวในตะกร้าที่แม่ค้าหิ้วมาขาย ลูกชายฝาแฝดของเธอตอนนี้อายุได้สิบเดือนแล้ว และกำลังนั่งเล่นกองทรายอยู่กับบิดาของแกและนิค น้ำทะเลตอนบ่ายคล้อยเริ