“คุณนิลมณีจะรับเป็นเงินสดหรือเงินโอนดีครับ” เจ้าของร้านถามด้วยรอยยิ้ม
“คะ?” นิลมณีถึงกับงง มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เธอจะมีนามสกุลเดียวกับตระกูลเจ้าขุนแบบนั้น นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งสับสนไปหมดจนเผลอทำหน้าเหรอหรา
“โอนไหมครับ?”
“เอ่อ...ค่ะ...ได้ค่ะ” เธอตอบออกไปทั้งที่ตัวเองยังงุนงงอยู่ ดีนที่นั่งไขว่ห้างกอดอกมองเธอถึงกับคลายวงแขนออกแล้วหันทั้งตัวไปจ้องมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง ในขณะที่เจ้าของร้านกำลังก้มลงไปเขียนเช็คเงินสดให้เธออยู่
“คุณร้อนเงินขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ไม่ใช่เรื่องของบอสนี่คะ”
&nb
ลิ้นพันกันจนพูดไม่ถูกแต่เพราะเขายังคงทำหน้านิ่งจึงทำให้นิลมณีขมวดคิ้วกับคำพูดเมื่อครู่ เธอหันหลังแล้วกลับขึ้นรถไปโดยพูดทิ้งท้ายเอาไว้อย่างไม่ใส่ใจ“ช่างมันเถอะค่ะ”“ไม่ใช่อย่างนั้น...เอ่อ ผมหมายถึงไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร...”“ไหนว่าจะพาไปหาเจ้าสีนิลไง?” นิลมณีเอ่ยขัดขึ้นมาทันทีไม่ยอมฟังคำแก้ตัวของเขา มีที่ไหน...ว่าผู้หญิงที่ตัวเองนอนด้วยเป็นผีสางเหล่านั้น ถึงจะพูดผิดก็เถอะ...เธอไม่ใช่เปรตเสียหน่อย เธอเป็นแมวดำต่างหากล่ะ คิดๆแล้วก็ปิดประตูรถใส่คนที่ยืนทำหน้าไม่ถูกอย่างอารมณ์เสีย เปรียบกับอะไรไม่เปรียบ...ดีนถอนหายใจกับตัวเองพลางนวดหัวคิ้ว เกือบจะดีอยู่แล้วเชียวแต่เขาดันพลาดเสียได้ เขาตั้งใจจะบอกความจริงใจของเขาแท้ๆ ว่าไม่ว่าเธอจะเป็นใครเขาก็ยังยืนยันที่จะจริงจังกับเธอก็เท่านั้น แต่เพราะเขาไม่เคยเจอคนที่ดูเฉยชาแบบนี้มาก่อน ถึงได้ทำให้เขาที่มีแต่คนเข้าหาดันลิ้นพันกันเพราะความประหม่าเสียได้ดีนเดินอ้อมไปขึ้นรถประจำตำแหน่งคนขับแล้วขับรถออกจากวัดตรงไปยังคอนโดของเขา บรรยากาศภายในรถกลับมาเงียบอีกครั้ง เพราะเขาเองก็ไม่รู้จะพู
และเขาก็พาเธอไปวัดจริงๆ ทั้งสองไหว้พระตามปกติ แม้ในตอนแรกนิลมณีจะยืนชั่งใจอยู่หน้าวัดครู่ใหญ่เพราะเธอไม่แน่ว่าตัวเองจะเข้าในเขตวัดได้หรือไม่ แต่เพราะดีนลากเธอเดินเข้าประตูโบสถ์ไปถึงได้รู้ว่าเธอเข้าวัดได้ อีกใจหนึ่งของเธอก็รู้สึกเศร้าเพราะมันคือสัญญาณบ่งบอกว่า...เธอกำลังจะกลายเป็นมนุษย์ ซึ่งเธอไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น แต่เพราะคำพูดที่เคยให้ไว้กับอัคคีจึงต้องทำนิลมณีใช้เงินก้อนหนึ่งที่เธอกดออกมาบริจาคให้วัดเพื่อสร้างพระพุทธรูปอย่างไม่ลังเล ราวกับว่าถูกชะตาขีดเขียนให้มาวัดที่กำลังจะสร้างพระองค์ใหญ่พอดิบพอดี การที่เธอสมทบทุนไปด้วยเงินก้อนนั้นวัดก็สามารถสร้างพระได้แล้วเหมือนการปิดจ็อบ เธออยากจะหัวเราะให้กับชะตาชีวิตตัวเองแต่ก็ทำได้เพียงยิ้มเจื่อนๆแล้วรับพรก็เท่านั้น และไม่ลืมที่จะนึกถึงเจ้าของสมบัติที่เธอได้มา...“ผมไม่ยักรู้ว่าคนอย่างคุณจะทำบุญหนักขนาดนี้”“คนอย่างฉันมันทำไมเหรอคะ? ทำบุญไม่ได้งั้นสิ”“ก็...ดูไม่เหมือนคนที่ชอบทำบุญ...ตอนนั้นผมชวนคุณไปวัดแต่คุณปฏิเสธท่าเดียว ยังไงก็ไม่ยอมเข้าวัด”“ฉันแค่ไม่อยากท
“คุณนิลมณีจะรับเป็นเงินสดหรือเงินโอนดีครับ” เจ้าของร้านถามด้วยรอยยิ้ม “คะ?” นิลมณีถึงกับงง มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เธอจะมีนามสกุลเดียวกับตระกูลเจ้าขุนแบบนั้น นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งสับสนไปหมดจนเผลอทำหน้าเหรอหรา “โอนไหมครับ?” “เอ่อ...ค่ะ...ได้ค่ะ” เธอตอบออกไปทั้งที่ตัวเองยังงุนงงอยู่ ดีนที่นั่งไขว่ห้างกอดอกมองเธอถึงกับคลายวงแขนออกแล้วหันทั้งตัวไปจ้องมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง ในขณะที่เจ้าของร้านกำลังก้มลงไปเขียนเช็คเงินสดให้เธออยู่ “คุณร้อนเงินขนาดนั้นเลยเหรอ?” “ไม่ใช่เรื่องของบอสนี่คะ”&nb
“มะ...เมื่อคืนคุณทำท่ากลัวฉันอยู่เลยแท้ๆ แล้วยังจะมาพูดแบบนี้อีก...ถ้าว่างเอาเวลาไปหาแมวดีกว่าไหมคะ” นิลมณีเอ่ยด้วยใบหน้าที่แดงเรื่อ เธอเบือนหน้าหนีเขาเพราะไม่อยากให้เขาเห็นสีหน้าของเธอ ถึงเธอจะหยิ่งจะเย็นชาแค่ไหน แต่ถ้ามาพูดกันแบบนี้ไม่มีใครไม่เขินหรอก... “แมวมันกลับมาแล้วล่ะครับ...แต่แมวตัวใหญ่นี่สิหนีไป” ดีนเอ่ยพลางมองเธอด้วยสายตาเป็นประกาย แมวตัวใหญ่ที่เขาว่านั่นหมายถึงเธอ นิลมณีหันขวับไปทางเขาด้วยท่าทีตกใจ ในใจพลางคิดว่ามันจะเป็นไปได้ยังไงกันในเมื่อเจ้าสีนิลของเขาคือเธอ “เจอแล้วเหรอคะ?...ได้ยังไง...” ประโยคท้ายเธอเอ่ยเสียงแผ่วด้วยสีหน้าครุ่นคิด “อะไรนะ?” ดีนขมวดคิ้วเล็กน้อยพลา
“เจ้าที่อย่างข้าไม่ขออะไรมากมายนักดอก...แค่นำสมบัติที่แปรเปลี่ยนเงินตราส่วนหนึ่งทำบุญสร้างกุศลให้ข้าบ้างก็เท่านั้น”“หึ...แค่นั้นจริงรึ?” นิลมณีมองอัคคีอย่างไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ แต่อัคคีกลับเพียงแค่ยิ้มให้เธอเท่านั้น“พลังข้าก็เหลือน้อยเต็มทีแล้ว เพราะการอยู่ในกายหยาบมันต้องใช้พลังมากโข...หากไม่เหนือบ่ากว่าแรงท่านข้าก็อยากให้ท่านช่วยเหลือตอบแทนข้าเพียงเท่านั้น ทรัพย์สมบัตินี้หมดบุญไปก็ไม่ได้ใช้...”นิลมณีหรี่ตามองอัคคีครู่หนึ่ง เธอยอมเชื่อเพราะมันเป็นเรื่องจริง...เหล่าภูติผีเจ้าที่เจ้าทางย่อมอยากได้บุญอยู่แล้ว ปีศาจอย่างเธอทำบุญไม่ได้ทำทานได้อย่างเดียว ไม่สามารถเข้าใกล้วัดวาอารามได้ ส่งบุญเท่าไหร่ก็ไม่ถึงภพภูมิที่ขึ้นว่าปีศาจอยู่ดี จะได้ก็แค่เศษบุญดวงไฟเล็กๆเท่านั้น การมีพลังเยอะได้สำหรับปีศาจนั้นคือการทำชั่ว คิดไปคิดมา...เธอก็ไม่ค่อยทำชั่วเสียเท่าไหร่ เพราะไม่อยากเบียดเบียนใคร เพราะแบบนี้หรือเปล่า...พลังของเธอถึงได้หายไป...“เข้าใจแล้ว อยู่ในร่างมนุษย์คงทำบุญที่ท่านว่าได้สินะ”“ใช่...อย่างข้าถึ
นิลมณีหลับตาแน่นด้วยความรู้สึกรำคาญ เจ็บที่ตอนนี้ไม่สามารถแสดงพลังอะไรได้แล้ว เธอจึงตัดสินใจนิ่งเงียบ ก่อนที่รถแท็กซี่คันหนึ่งจะแล่นมาจอดเทียบตรงหน้าเธอพอดิบพอดี เธอจึงรีบขึ้นรถแท็กซี่โดยไม่หันหลังกลับไปมอง ปล่อยให้ผีสาวหน้าซีดตาโปนยืนมองเธอตามหลังอยู่อย่างนั้น “ผู้หญิงคนเมื่อกี้ไม่ใช่เพื่อนคุณหรือครับ ไม่เห็นขึ้นมาด้วยกันเลย” คนขับรถแท็กซี่เอ่ยถามพลางเหลือบสายตามองนิลมณีผ่านกระจกหน้ารถ นิลมณีหันไปมองคนขับผ่านกระจกด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไม่เห็นมีใครนี่คะ...ตรงนั้นมีแค่ฉันคนเดียว” พอเธอเอ่ยขึ้นมาแบบนี้คนขับรถแท็กซี่ถึงกับทำหน้าเหวอ ไม่กล้าที่จะถามต่อก่อนที่นิลมณีจะเอ่ยบอกสถานที่ที่เธอต้องการจะไป “ไปร้าน
ถึงจะได้สติแต่ดีนกลับไม่ปล่อยให้เธอได้พักจนเธอเพลียหลับคาอกแกร่ง ดีนหลบสายตามองหญิงสาวที่นอนข้างกายตนพลางยกยิ้ม สุดท้ายเขาก็เกินเลยกับพนักงานของตัวเองจนได้ เขาคิดพลางหลับตาครู่หนึ่งก่อนที่จะรู้สึกไออุ่นบางอย่างข้างกาย...ซึ่งแน่นอนว่ามาจากทางนิลมณีที่เขานอนกอดอยู่ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นเหลือบมองหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างกาย ควันสีดำโอบล้อมร่างกายของนิลมณีที่หลับใหลอยู่พร้อมแสงสีส้มระยิบระยับ ดีนเด้งตัวลุกขึ้นมาด้วยความแปลกใจ ขยี้ตาตัวเองราวกับว่าตนตาพร่าเบลอที่เห็นแบบนั้น ก่อนจะเบิกตากว้างเพ่งมองหญิงสาวข้างกาย “อะไรวะ...” มันยังคงเด่นชัดในสายและไม่ใช่ความฝันแน่ๆ เพราะเขายังไม่หลับ...ถ้าไม่ติดที่เธอเพลียหลับไปก่อนเขายังมีแรงสู้ต่อแน่นอน นั่นก็เป็นการยืนยันแล้วว่าเขาไม่ได้เบลอ ดีนเอามือวาดไปมาตรงคว
ความยับยั้งช่างใจในคราแรก...ความกลัวว่าจะมีผลต่อการทำงานของเขาและเธอ มันถูกลบด้วยแรงอารมณ์ที่มีในตอนนี้ ด้วยความที่ในใจเขาสนใจเธอคนนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงสนใจเธอเป็นพิเศษ รู้แค่ว่าตัวเธอมีแรงดึงดูดบางอย่างที่เขายากจะปฏิเสธ ยิ่งมายั่วกันแบบนี้ด้วยล่ะก็...ริมฝีปากหยักเข้าช่วงชิงริมฝีปากบางได้รูปของคนใต้ร่าง ป้อนรสจูบหวานตามที่เธอต้องการให้อย่างดูดดื่ม เธอเองก็ตอบรับจูบนั้นไปตามแรงอารมณ์ที่มีในตอนนี้แม้จะเก้ๆกังๆไปหน่อยก็ตาม ดีนอดสงสัยไม่ได้ว่าเธอไม่เคยจูบใครหรือเปล่า แต่ก็ยอมหยุดความคิดนั้นไป บรรจงจูบนำหญิงสาวใต้ร่างหวังให้ได้เรียนรู้มือหนาเริ่มประปรายไปทั่วเรือนร่างที่น่าหลงใหลของเธอ โดยที่เธอไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใดอีกทั้งยังแอ่นกายรับอย่างจำยอมด้วยฤทธิ์ยาที่ดื่มเข้าไป เสื้อผ้าถูกถกถอดโดยมือหนาอย่างช้าๆ เหลือเพียงแพนตี้ตัวน้อยสีดำลายลูกไม้ให้ได้เห็น สายตาคมมองไปทั่วเรือนร่างที่น่าหลงใหลนั้นผมสีดำขลับตรงยาวตัดกับสีผิวเด่นชัดขึ้น ผิวเรียบเนียนขาวอมชมพูมันวาวชวนให้แตะต้อง...ทั้งผิว ทั้งเรือนร่าง ราวกับถูกปั้นมา...&ldq
ภายในรถได้ยินแต่เสียงอื้ออึงครางเสียงหวานของเลขาสาวคนสวย เธอนั่งบิดตัวไปมาพลางกำมือแน่นอย่างไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับอารมณ์ร้อนรุ่นที่มันพลุ่งพล่านอยู่ภายในกายจนใจหวิวไปหมด ดีนปราดปรายสายตามองเธอเป็นระยะสลับกับการมองทางข้างหน้า มือหนายังคงควงพวงมาลัยอยู่อย่างใจเย็น “คอนโดของคุณไปทางไหน?” “อือ...ห้อง...อืม...ห้องคุณ” “ฮะ?...หมายถึง ไปห้องผม?” ดีนแทบจะอยากไม่เชื่อหูของตัวเอง เมื่อได้ยินเธอพูดออกมาแบบนั้น เขาถึงกหันไปมองหน้านิลมณีครู่หนึ่งก็เห็นเธอช้อนตามองเขาพร้อมกับพยักหน้าด้วยสายตาออดอ้อน ก่อนที่เขาจะหันไปตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป ใจดวงโตเต้นรัวอย่างไม่อยากเชื่อ...