ยามรุ่งอรุณวันใหม่เอได้มายืนอยู่หน้าบ้าน เพื่อส่งเจนที่กำลังจะกลับบ้านแต่เช้าตรู่ ซึ่งเจนก็ลีลาแกล้งอยากจะกลับใจจะขาด แต่ก็ยังไม่กลัวซักทีเพราะเขาอดคิดถึงเอไม่ได้ เพราะความรักของเขากำลังเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ จนแท่บจะหักห้ามใจไม่ได้ในช่วงเวลานี้
“มึงนี่ลีลาอยู่นั่นแหละ นั่งบนรถจนขาถ่างหมดแล้วมั้ง”
“กูคิดถึงมึงไม่อยากไปเลยวะ”
“ไอ้เจนมึงเป็นบ้าเป็นบออะไร ทีตอนเรียนมึงไม่เห็นหัวกูเลยนะ ที่ตอนนี้มาพูดนั่นพูดนี่อยู่ได้”
“กูก็เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก”เจนอยากจะพูดว่ากูรักมึงแต่ใจก็ไม่กล้า
“ไปได้แล้วไอ้เจนมือถือก็มีเดี๋ยวค่อยคุยกัน”
“มึงสัญญากับกูแล้วนะโว้ย”
“เอ่อน่า”
“ถ้างั้นกูไปแล้วนะ”
“โชดดีเพื่อนรัก”
“เช่นกัน”
เจนตัดใจครั้งสุดท้ายโดนไม่หันมามองหน้าเอ เขาสตาร์ทรถและขับไปในทันที ส่วนเอก็ยืนมองด้วยสายตาที่ว่างตา เพราะเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเจน เอคิดกับเจนแค่เพื่อนเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่านี้
ในระหว่างที่เอกำลังจะกลับเข้าบ้าน ก็มีรถมอเตอร์ไซค์สองคันสี่คนมาจอดตรงหน้าเขา พอทั้งสี่เปิดหมวดกันน็อคออก เอแท่บซ็อคเพราะคนที่เขาเห็นคนแรกคืออ้น และซัน ซี จีจี้ ในส่วนของจีจี้นั้นไม่อยากมาแต่ทนคำขอร้องของอ้นไม่ไหวเธอก็เลยจำใจต้องมา ส่วนซันและซี จีจี้เป็นคนชวนมา เพราะเธอคิดว่าถ้ามากันสองคนดูน่ากลัว ถ้ามีซันและซีมาเสริมทัพทำให้เธอไว้วางใจในการเดินทางครั้งนี้
“มาทำไม”อ้นพูดขึ้น
“เรามีเรื่องอยากจะเคลียร์กับนายได้ไหม”
“เรื่องอะไร”เอมีสีหน้าที่สงสัย
“ก็เรื่องของเราสองคนไง”
“ก็ได้แต่ตรงนี้ไม่เหมาะ”
“ก็ได้ตรงไหน”
“ตามเรามา”
“ฮือ”ต้นพยักหน้าและหันไปมอง จีจี้ ซัน ซี ที่ยืนนิ่งรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรกัน แต่ก็ผิดหวังเพราะเอกับอ้นจะไปคุยกันสองคน
“รอเราอยู่นี่นะ”
เมื่ออ้นพูดจบก็ไปกับเอที่สวนหลังบ้าน ซึ่งก็ใช้เวลาเดินไม่นานก็มาถึง ด้วยบรรยากาศร่มรื่นจนอ้นอยากจะนอนพัก แต่เขาก็ไม่ใคร่สนใจตรงนี้มากนัก
“มีอะไรพูดมา”อ้นหยุดทันทีเมื่อเห็นว่าเดินมาไกลพอสมควร
“ก็เรื่องความสัมพันธ์ของเราไง”
“ก็มันจบแล้วนี่”
“แต่เรายังไม่อยากจบนี่เอ”
“ถ้าไม่อยากจบจะให้ทำอย่างไรล่ะ”
“เรายังอยากอยู่กับนายเหมือนเดิมนะ หรือไม่ก็ยังติดต่อกันอยู่ นายไปทำงานส่วนเราก็เรียน ถ้าว่างๆเราค่อยมาเจอกันแบบนี้ก็ได้”
“ไม่ได้หรอกเรื่องของเรามันจบลงแล้ว ข้อสำคัญเราสองคนจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร ก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ นายน่าจะรู้ดีที่สุด”
“เหรอ แต่เราไม่สนใจ”
“แต่เราสน”
“แล้วที่นายมามีความสัมพันธ์กับเรานี่นายไม่ได้รักเราเลยใช่ไหม”
“ใช่ เราไม่ได้รักนายหรอก”
“ถ้างั้น นายมาอยู่กับเราทำไมและมาพูดจากับเราให้หลงคิดไปเอง”
“เราต้องพูดอีกเหรอ แค่นี้นายยังไม่เข้าใจอีกหรืออย่างไง”
“เราเข้าใจแต่เราไม่เชื่อ”
“ตามใจนาย”
“นายโกรธที่เราลงรูปคู่กับนายในโซเซียลเหรอ”
“นั่นก็ใช่ แต่ส่วนใหญ่เราไม่ได้รักนาย ขืนอยู่ด้วยกันต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
“แต่เรารักนายน่ะเอ”
“จะให้เราทำไงก็เราไม่ได้นายนี่ จะฝืนบอกว่ารักอย่างงั้นเหรอ”
“ที่ผ่านมานั้นนายฝืนใช่ไหม”
“ใช่ รู้แบบนี้ก็ทำใจซะ เราสองคนไปด้วยกันไม่ได้หรอก พอแค่นี้เถอะคนที่เจ็บไม่ใช่เราแต่เป็นนาย”
“ที่ผ่านมาเราทำให้นายทุกอย่าง นายไม่คิดที่จะเห็นความดีของเราบ้างเลยเหรอ”
“เห็นซิ และเราต้องขอบใจนายมากด้วยนะที่ดีกับเรา แต่เรื่องความรักไม่สามารถบังคับจิตใจใครได้หรอก”
“จริงของนาย ถ้างั้นเราก็จะไม่ตามตื้อนายอีกต่อไป”
“คิดได้แบบนั้นก็ดีแล้วนี่นายจะได้มีความสุข”
“แน่นอนเรามีความสุขอยู่แล้ว แต่นายนั่นแหละจะหาความสุขที่แท้จริงได้หรือเปล่า”
“ไม่ต้องห่วงเราหรอก ห่วงตัวเองดีกว่ามั้ง”
“ได้ คนหลอกลวงเราจะจำนายไว้จนขึ้นใจเลย”
“ไม่ต้องจำเราหรอก เราไม่ได้มีอะไรน่าจดจำขนาดนั้น”
“รู้ตัวก็ดีแล้วนี่ คนอย่างนายไม่มีวันเจริญหรอก”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ มีสิทธิ์อะไรมาว่าเราอย่างนี้”
“สิทธิ์ไม่มีแต่อยากจะว่า เพราะคนอย่างนายมันช่างไร้ค่าไร้ราคา”
“จะมากเกินไปแล้วนะไอ้อ้น เห็นไม่ทำอะไรเข้าหน่อยพูดจาไม่น่าฟังเลย”
“เพลี้ยะ”อ้นตบหน้าของเอ
“มึงจะมากไปแล้วนะ”เอง้างมือจะต่อยอ้นแต่เขาก็ลดมือลง เพราะเขาไม่อยากที่จะทำร้ายอ้น เพราะเขารู้ว่าอย่างไงอ้นก็ไม่มีทางสู้เขาได้
“นี่คือคำว่า จบ ต่อไปนี้ไม่ต้องมาพบเจอกันอีกต่อไป”
อ้นหันหลังกลับเดินไปที่ประตูหน้าบ้าน โดยมีเพื่อนของเขารออยู่ ส่วนเอก็เดินตามหลังอ้นไปอย่างช้าๆ เมื่ออ้นไปถึงที่หน้าประตู เพื่อนของเขาก็ถามไภ่ทันที
“เป็นไงบ้าง”จีจี้ถาม
“มันจบแล้ว”
“ดีมากอ้นเรารอวันที่เธอจะได้สติกลับคืนมาซักที”
“หล่อกินไม่ได้ ผู้ชายมีเยอะแยะอย่าไปแคร์”ซันพูดขึ้น
“ใช่ มีหล่อกว่านี้อีกตั้งหลายเท่า เราว่าเธอเอาเวลาไปตั้งใจเรียนดีกว่า”ซีพูดเตือนสติ
“ขอบใจทุกคนมากน่ะที่ปลอบใจ และมาเป็นเพื่อนเราจากใจจริง”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ในเมื่อทุกอย่างมันจบเราก็กลับกันเถอะ”จีจี้พูดขึ้น
เมื่ออ้นตัดความสัมพันธ์ขั้นเด็ดขาดกับเอได้ เขาก็ไม่หันหลังกลับมามองอีกเลย และในใจคิดว่าถ้าวันใดเจอกันอีกก็จะทำเหมือนคนที่ไม่รู้จักกัน แต่อ้นก็กลับไปด้วยดวงใจที่ร้าวรานไร้คนเยียวยารักษา แผลทางใจที่โดนกระทำซ้ำซากอยู่หลายหน จนอ้นอดรนทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เขาคิดว่าจะไม่มีวันห้วนคืนกลับมาที่นี้อีกแน่นอน
ส่วนเอยืนมองอ้นกลับพรรคพวกขับรถจากไป ด้วยท่าทีที่นิ่งเฉยเหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่เขาก็รู้สึกผิดที่พูดกับอ้นแรงเกินไป สาเหตุที่เขาพูดกับอ้นแรงเพราะเขาอยากให้อ้นเลิกรักเขา ส่วนตัวของเอเองนั้นเขายังไม่พร้อมที่จะมีใคร เพราะสิ่งที่เขาปราถนาที่สุดในตอนนี้คือทำงานหางานเลี้ยงตัวเองและครอบครัวของเขา เมื่อรถของอ้นแล่นจนลับตา เอค่อยๆหันหลังกลับเข้าไปในบ้านด้วยท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย
พงศกรมองหน้าเอด้วยความไม่พอใจยิ่งนัก เพราะเอดูไม่เรียบร้อยห่ามเถื่อนจนเกินไป เขาชอบผู้ชายที่ดูสุภาพอย่างจ๊อบ “ไอ้อ้น มึงพาแฟนกลับไปด้วยเลย กูไม่อยากเห็นหน้ามัน” “พ่อแฟนอ้นนะ” “กูรู้แล้วว่าแฟนมึงกูก็ไม่ได้ห้ามว่ามึงอย่ามีแฟนนี่ แต่ให้หาที่ดีกว่านี้หน่อยไม่ไม่เหรอ เอาผีบ้าผีบอจากที่ไหนมาเนี่ย” “ผมไม่ใช่ผีบ้าผีบอนะครับ ผมเป็นคนเหมือนพ่อนั่นแหละ วันนี้เดี๋ยวผมจะทำกับข้าว ซักผ้าถูกบ้านให้เอง เอ่อ เดี๋ยวจะไปถางหญ้าหวดทีทำทุกอย่างให้สะอาดเลย พ่อรออยู่นี่แหล่ะ” “อ้นคุยกับพ่อแม่ไปนะ เดี๋ยวเราจะไปทำงานบ้านและนอกบ้าน” เมื่ออ้นพูดเสร็จเขาก็เข้าไปในครัวทำกับข้าว ที่เขาซื้อเตรียมพร้อมไว้ เพราะเขาตั้งใจไว้ว่าจะต้องชนะใจพ่อตาให้ได้ ส่วนแม่ยายเอ้นคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร “ไอ้อ้น แฟนเองมันเพี้ยนแม่ว่า” “แม่ เอก็แบบนี้แหละ แต่เขาดูแลอ้นดีมากเลย ข้อสำคัญเขามีเวลาอยู่กับอ้นตลอด” “มีเวลาไม่มีประโยชน์ดูมึงดำไปมากเลย ไปอยู่กลางไร่กลางนามาแน่เลย” “ครับพ่อ” “นั่นไง กูเลี้ยงของกูไม
อ้นและเอใช้ชีวิตอยู่บ้านไร่มาร่วมเดือน จนพ่อแม่ของเอเกิดความสงสัย เพราะพ่อแม่ของเอแค่นึกว่าอ้นมาเที่ยวหา แต่นี่อยู่ร่วมเดือนยังไม่กลับไป ทั้งสองจึงอยากเห็นหน้าและพูดคุย ด้วย พ่อแม่ของเอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เขาทั้งสองไปอยู่กับพี่สาวคนโตในจังหวัดอื่น และอีกอย่างที่ทั้งสองมาเพราะคิดถึงลูกชายคนเดียวของพวกเขา เมื่ออำพลกับบังอรมาถึงเขาก็เห็นภาพอันบาดตา เป็นภาพที่เขาทั้งสองไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น เพราะเป็นภาพที่เอนอนบนตักของอ้น และที่หนักไปกว่านั่นเขาจับมือของอ้นมาดมและหอมอตลอดเวลา “ไอ้เอมึงทำอะไรของมึง”กำพลเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่ง “เอ หรือว่าลูกเป็น เอ่อ”บังอรใช้มือทาบอกด้วยความตกใจ เอรีบกระดกตัวลุกขึ้นทันที เขามีสีหน้าที่ไม่สู้ดีทันที ส่วนอ้นยังไม่เท่าไรแค่แปลกใจ ทำไมพ่อแม่ของเอมาไม่บอกล่วงหน้าแค่นั้น “พ่อแม่”เอลุกขึ้นยืนนิ่ง “สวัสดีครับพ่อแม่”อ้นยกมือไหว้ทันที “พวกเอ็งเป็นอะไรกันถึงมานอนหนุนตักหอมไม้หอมมือกัน อย่างกับเป็นคู่รักกันอย่างนั้นแหละ” “คือว่า พ่อกับแม่ คือผม เอ่อ อา อือ อู คือ
วันนี้อ้นแกล้งตื่นสาย เพราะอยากรู้ว่าเอจะอยู่บ้านหรือว่าแอบไปไหนหรือเปล่า เมื่อเขาแต่งตัวเสร็จจึงลงมาข้างล่าง แล้วสิ่งที่อ้นเห็นนั้นทำให้เขาปวดใจยิ่งนัก เพราะภาพตรงหน้าเอกำลังนั่งโซฟาคุยกับนิน มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทั้งสอง อ้นถึงกับของขึ้นอารมณ์ฉุนเฉียวมาทันที เขารีบเดินลงบันไดแล้วเดินไปหาเอ “คุยอะไรกัน”อ้นเอ่ยขึ้น “คุยเรื่องสมัยเรียนตอนมัธยม คิดถึงวันนั้นมากเลย เอชอบแกล้งเรานะ ไม่คิดเลยว่าโตมาจะเป็นคนละคน”นินยิ้มให้เอ “ใช่ โตแล้ว มีแฟนแล้วด้วย ยืนอยู่ตรงนี้”อ้นยืนกอดอก “เหรอ แฟนเอใช่ไหม” “เอ่อ ใช่ แฟนเราเอง”เอตอบอย่างหนักแน่น “เอ”นินอ้าปากค้างตาโต เพราะเขาไม่อยากได้ยินคำนี้ ถึงแม้เขาจะรู้ระแคะระคายมาบ้างนิดหน่อย แต่นินยังไม่เชื่อจนได้ยินจากปากของเอ เขาถึงกับอึ้งทำอะไรไม่ถูก “ได้ยินชัดแล้วใช่ไหม”อ้นนั่งลงข้างๆเอพร้อมยิ้มให้นิน “ได้ยินแล้ว แต่เราเป็นเพื่อนเอนี่ จะไปหามาหาสู่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” “แปลกซิ ถ้านายเป็นแบบนิก เราไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่นายเหมือนเรา อย่าคิดว่าเราไม่รู้น
เอรีบเข้าไปอุ้มร่างของอ้นทันที ส่วนอ้นยังทุบหน้าอกของเอไม่ยั้ง แต่แบบออมแรงไม่ทุบแรงอย่างครั้งแรก และก็ดิ้นให้น้อยลงนิดหน่อย เออดทนรีบพาอ้นเข้าไปในรถยนต์ของเขา เมื่ออ้นเข้าไปในรถแล้ว เขาก็นั่งนิ่งๆไม่มีท่าทีจะไปไหน พอเอขึ้นรถมาเท่านั้นแหละ อ้นหันหน้าไปทางอื่นแล้วอมยิ้ม แต่อ้นอารมร์ดีได้ไม่นานเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือของเอดังขึ้น เอจึงรีบควักโทรศัพท์มือถือออกมารับทันที “ว่าไง” “ตามอ้นเจอไหม” “เจอแล้วอยู่บ้านนิก” “เราขอโทษนายด้วยนะที่ทำให้ผิดใจกับอ้น”น้ำเสียงของนินบ่งบอกถึงความผิดหวัง “ไม่เป็นไรแค่นี้นะ” “ฮือ” เอกดวางมือถือแล้วหันมามองหน้าอ้น ที่กำลังบึ้งตึงอีกครั้ง เพราะอ้นคาดเดาได้ว่าเป็นเสียงของนินโทรมา “เป็นอะไรอีกล่ะ” “ไปส่งเราที่ขนส่งด้วยเราจะกลับกรุงเทพ” “กลับไปหาไอ้บอสของมึงเหรอ”เอเริ่มรู้สึกโมโหที่อ้นเอาแต่ใจมากขึ้น “ใช่” “ไอ้อ้น มึงอยากโดนอีกใช่ไหม” “โดนอะไร” “กระท่อมปลายไร่ ไปอยู่ในนั้นอีกครั้งไหม”
อ้นนั่งๆนอนอยู่บ้านเฉยๆจึงเกิดความเบื่อหน่าย และเป็นช่วงเวลาใกล้เที่ยงเขาจึงตักข้าวใส่ปิ่นโต พร้อมกับข้าวสามขนมหนึ่ง หลังจากนั้นอ้นจึงเดินออกไปไร่ข้าวโพดเพื่อไปหาเอแฟนหนุ่ม อ้นพอจำทางได้บ้างเมื่อครั้งโดนเอจับมาไว้ที่บ้านปลายไร่ เขาเดินไปเรื่อยๆจนเห็นไร่ข้าวโพด อ้นมองเห็นร่างผู้ชายสองคนอยู่ใต้ต้นไม่ใหญ่ท้ายไร่ อ้นจึงเดินต่อไปเพราะเขาจำร่างของเอได้ ยิ่งอ้นเดินเข้าไปใกล้ๆ เขาค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นเอ แต่ผู้ชายอีกคนอ้นคิดว่าไม่รู้จักแน่ๆ แต่อ้นคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของเอ อ้นจึงไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจอะไรไปมากกว่านี้ เขาจึงรีบเดินไปให้ถึงต้นไม้ใหญ่ไวๆ เพราะแดดค่อนข้างร้อนพอสมควร ถึงเขาจะใส่หมวกมาก็ตามที ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนัก เมื่ออ้นเดินไปถึง สิ่งที่เขาเห็น เอกำลังนั่งกินข้าวหัวเราะต่อกระซิบกับชายหนุ่ม ซึ่งเขาไม่ได้สนใจอะไรนึกแค่ว่าเพื่อน “คุยอะไรกันสนุกเชียว”อ้นยืนอยู่ข้างหลังเอ “อ้าวมาได้ไง”เอมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย “ใครเหรอ”ชายหนุ่มเสียงนุ่มนิ่มเอ่ยขึ้น “อ้นเพื่อนกูเอง”เอหันมามองชายหนุ่ม “นี่นินเพื่อนกูสมัยเรียนอนุบาล”เ
อ้นตื่นนอนมาเขาก็ไม่เห็นเอนอนอยู่บนเตียง เขาจึงเข้าไปอาบน้ำและแต่งตัวลงมาด้านล่าง เพียงแค่ลงมาเขาก็เห็นอาหารวางไว้เต็มโต๊ะ อ้นเดินเข้าไปดูซึ่งเป็นอาหารดีๆทั้งนั้น เขายืนยิ้มในความเอาใจใส่ของเอ “น่ากินทั้งนั้นเลย”อ้นตักข้าวใส่จานและนั่งลง อ้นค่อยๆกินข้าวอย่างช้าๆพร้อมกับคิดถึงเอตอนทำกับข้าว เขาถึงกับหัวเราะเบาๆจากหนุ่มห่ามกลายมาเป็นพ่อบ้านพ่อเรือน อ้นกินข้าวจนอิ่มถึงสองจานเพราะรสมือของเอนั้นเลิศรสยิ่งนัก เมื่ออ้นกินข้าวอิ่มเขาจึงเดินออกไปนอกบ้าน มองไปรอบๆซึ่งมีแต่ไร้ข้าวโพด เขายังจำวันที่เอลากไปช่วยหักข้าวโพดได้ อ้นถึงกับยิ้มออกมา “ยิ้มอะไรครับ”เพื่อนของเอที่เคยไปช่วยอ้นในป่า เดินเข้ามาใกล้ๆอ้น “คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเลยยิ้ม มาหาเอเหรอ สงสัยไปที่ไร่น่ะ” “ใช่ครับมาหาเอ ผมนิกจำผมได้ไหม”นิกยิ้มจนเห็นไรฟัน “ทำไมจะจำไม่ได้คนที่เคยใช้อ้นไว้ไงที่กลางป่า” “ดีจังที่จำผมได้ ผมก็นึกว่าอ้นลืมผมซะแล้ว” “จะลืมผู้มีพระคุณได้ไง”อ้นยิ้มหวานให้นิกเพื่อนของเอ “แล้วมาหาเอมีธุระอะไรหรือเปล่า”