ในที่สุดก็ถึงห้วงเวลาที่เอจะต้องกลับบ้าน จิตใจตอนนี้ของเจนรู้สึกเสียดายอยากให้ยืดเวลาออกไปอีกนานเท่านาน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ไปมากกว่านี้ เพราะในส่วนตัวของเขาเองก็ต้องกลับบ้านเช่นกัน จึงเป็นความห่วงหาอาลัยยามจาก เพราะก่อนหน้านี้ไมได้ญาติดีคุ้นเคยกันเท่าไรนัก พอเริ่มสนิทมีความสัมพันธ์เกินเพื่อนก็จำใจต้องจากลา
“คิดแล้วเศร้าหนอต้องจากกันจริงแล้วเหรอเนี่ย”เจนพูดขึ้น
“อะไรของมีงจะคร่ำครวญอะไรนักหนา ทำอย่างกูเป็นผัวมึงอย่างนั้น”เอมีสีหน้าที่ไม่เข้าใจในตัวเจน
“ก็ใช่ไม่ใช่เหรอ”เจนยิ้ม
“ไอ้เจนมึงพูดดีดีนะเว้ย เรื่องนี้ต้องความลับมีแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้”
“เอ่อน่า กูไม่บอกใครหรอก มึงทำอย่างกับกูกล้าบอกคนอื่นอย่างนั้น กูไม่ใช่น้องอ้นของมึงที่ประกาศให้โลก”
“หุบปากไปเลย เลิกเอ่ยชื่อนี้ได้แล้วกูไม่อยากได้ยิน”
“ดีหนอได้เขาแล้วก็ทิ้งขวางไม่ใยดี”
“ถ้ามึงไม่หยุดพูดกูกลับรถประจำทางก็ได้”เอเริ่มมีอารมณ์โกรธในความแซะของเจนที่ไม่หยุดหย่อน
“เอ่อน่า พูดเล่นแค่นี้ก็ไม่ได้ทำเป็นขี้โมโหน้อยใจไปได้”
“ไม่ต้องพูดมากเดี๋ยวกูลงไปรอข้างล่างรีบตามไปล่ะ”พูดจบเอก็เปิดประตูลงไปรอเจนข้างล่างห้องพัก เพื่อที่จะให้เจนไปส่งที่บ้านของเขา
เอลงมาข้างล่างนั่งรอบนรถมอเตอร์ไซค์ของเจนอย่างเลื่อนลอย เพราะเขาคิดถึงอดีตไม่กี่วันที่ได้อยู่กับอ้น ถึงเขาจะไม่ได้รักอ้นฉันชู้สาวแต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจอ้นเลย แต่ที่โกรธเพราะอ้นเอารูปถ่ายที่คู่กันไปเผยแพร่ในโซเซียล เพราะเขายังรับไม่ได้และไม่อยากให้ใครสงสัยความสัมพันธ์ของเขาและอ้นที่คลุมเครือพอสมควร
“นั่งคิดถึงอ้นอยู่เหรอ”เจนมาถึงก็พูดขึ้นในทันที
“ไอ้นี่มึงอย่างไงของมึงวะ เมื่อไรมึงจะปากอยู่เป็นสุขสักที”
“ไม่พูดแล้ว นายขับนะเดี๋ยวเราซ้อนนายไปก่อน เพราะเราไม่รู้จักบ้านนายว่าอยู่ตรงไหน”
“เอ่อ ก็ได้”เอหยิบกุญแจรถที่เจนยื่นให้
“ใส่หมวกนี่ก่อน”เจนยื่นหมวกกันน็อคให้อ้นเพื่อส่วมใส
“เอ่อ”เอรับมาสวมใส่ไว้ทันที ส่วนเจนก็เช่นเดียวกัน
เอได้ขับรถด้วยความเร็วสูงพอสมควร เพราะเป็นทางเรียบที่ขับได้ง่าย ส่วนเจนก็ถือโอกาสกอดเอวของเอไว้อย่างหลวมๆ ไม่ใช่เพราะกลัวตกแต่เพราะอยากสัมผัสร่างกายของเอไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
เอใช้เวลานานพอสมควรก็มาถึงบ้านของเขา ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียวก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร เมื่อมาถึงเอเห็นว่าเวลาบ่ายแก่ก็กลัวเจนจะกลับบ้านไม่ทัน เพราะกว่าจึงบ้านของเจนก็หลายสิบกิโล เอจึงชวนเจนนอนค้างที่บ้านของเขาอีกหนึ่งคืน พอถึงพรุ่งนี้เช้าค่อยให้เจนกลับไปบ้านของเขา
“คืนนี้นอนนี่เหอะมึงน่ะ เดี๋ยวไปถึงบ้านมืดค่ำซะก่อน ทางมันเปรี่ยวอันตรายนะโว้ยไอ้เจน”
“ก็ได้ เดี๋ยวกูโทรบอกกูก่อนว่ากลับพรุ่งนี้ ก็ดีเหมือนกูจะนอนเปิดใจกับมึง”เจนยิ้ ม
“ไอ้เจนมึงเป็นอะไรจะมาเปิดใจอะไรกับกูไอ้นี่มึงอย่าคิดอะไรไม่ดีกับกูนะโว้ย”
“กูก็ไม่ได้คิดอะไรกับมึงมากมายขนาดนั้นหรอก ก็แค่อยากปรับความเข้าใจให้มากกว่านี้อีกซักหน่อย เพราะเรายังไม่ค่อยได้คุยอะไรกันอีกหลายเรื่อง”
“กูไม่อยากจะคุยกับมึงหรอกไอ้เจน มึงกวนกูตลอดจำได้เวลาสามปีมึงไม่เคยพูดดีกับกูเลย จูจู่จะมาพูดดีกับกูมึงต้องมีแผนชั่วร้ายแน่”
“อย่ามองโลกในแง่ร้ายอย่างนั้นซะวะไอ้เอ”
“กูไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายแต่กูมองว่ามึงร้ายต่างหากไอ้เจน”
“เอ่อน่ากูร้ายก็ได้มึงจะให้ก็อยู่หน้าบ้านตรงนี้นะ ชวนให้กูนอนบ้านมึงแต่ก็ยังไม่พากูเข้าไปสักที อยากให้กูนอนที่นี่จริงหรือเปล่าวะ”
“ก็มึงชวนกูคุยนี่ ยังจะมีหน้ามาพูดจาให้ร้ายกูอีก ถ้างั้นก็เข้าไปเลย”
“มึงอยู่กับใครบ้างล่ะ”เจนถาม
“อยู่กันสี่คน พ่อแม่กู ตัวกูและน้องสาวอีกคน”
“ดีใจมีน้องกูลูกคนเดียวเหงาจังเลยวะ”
“คนอื่นเขาก็ลูกคนเดียวตั้งเยอะเขาก็ยังไม่เห็นเหงาเลย”
“มึงรู้ได้ไง มึงไม่ใช่ลูกคนเดียวเหมือนกูนี่หว่า”
“จะคนเดียวหรือสองคนมึงจะสนใจทำไม ไร้สาระอยู่ให้มันรอดไปวันๆหนึ่งก็พอแล้วมั้งไอ้เจน”
“กูไม่ใช่มึงนี่จะไม่คิดอะไรอยู่ไปวันๆหนึ่ง”
“มึงไม่ต้องมาย้อนกูเลยนะ ขืนพูดมากกูจะไล่มึงกลับบ้านเลย”
“ไม่พูดมากแล้ว พาเข้าบ้านซะทีซิ”
“ตามมา”
เอนั้นสุดจะทนความปากมากของเจน แต่เขาก็ไม่ได้โกรธแค้นเคืองอะไรแม้แต่น้อย เพียงแต่รำคาญเฉยๆแค่นั้น เมื่อเอพาเจนเข้ามาในบ้านก็แนะนำให้พ่อแม่และน้องสาวของเขาได้รู้จัก หลังจากนั้นเอก็พาเจนเข้าไปในห้องนอน และหลังจากนั้นก็พาออกไปในสวนผสมที่ผลไม่หลากหลายชนิด
“บ้านมึงร่มรื่นดีวะ น่ามาอยู่เลย”
“แน่ใจว่าจะอยู่ได้เหรอ”
“ถ้ามึงอยู่ได้กูก็อยู่ได้ มึงอยู่ไหนกูก็อยู่นั่นแหละ”
“ตัวไม่ได้ติดกันเด้อจะมาอยู่ด้วยกันได้ไง มึงนี่เดี๋ยวนี้ชอบพูดอะไรแปลกๆทำให้กูคิดีไม่ได้เลย”
“คิดว่าอะไรล่ะ”เจนมองหน้าเออยากรู้คำตอบ
“มึงไม่ต้องรู้หรอก”
“ไม่บอกก็ไม่อยากรู้ก็ได้ แต่ทำไมสวนมึงมีผลไม้ ผัก อะไรเนี่ยเยอะมากเลย พื้นที่หน่อยเดียวทำไมปลูกได้ซะมากมายได้อย่าไงเนี่ย”
“ก็พื้นที่มีน้อยไงก็ต้องปลูกพืชให้หลากหลายหน่อย และใช้พื้นที่ให้คุ้มกับที่มีอยู่น้อยนิด การปลูกพืชห้าระดับนะ ทางเกษตรอำเภอเขาแนะนำมา”
“ไม่น่าเป็นเรียนช่างเลยหนอ น่าจะเป็นเกษตรกรอยู่บ้านนี่แหละ”
“มันอาชีพพ่อกับแม่กูเว้ย มันเกี่ยวอะไรกับกูมึงนี่ยุ่งเรื่องของกูทุกเรื่องเลย”
“ก็ไม่อยากยุ่งหรอก”
“ไม่อยากยุ่งก็อยู่เฉยๆพูดมากน่ารำคาญ”
“เอาน่า กลับกันเถอะนี่ก็เย็นแล้วหิวข้าว”
“เปลืองจริงๆไม่น่าชวนมาเลยมึงนี่ไอ้เจน”
“กูกินไม่เยอะหรอก”
“ถ้างั้นก็ไปกัน”
เมื่อทั้งสองกลับมาจากสวนก็มานั่งล้อมวงกินข้าวทั้งครอบครัว โดยมีเจนที่เป็นแขกแต่ก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี เมื่อทั้งสองกินข้าวเสร็จก็ช่วยแม่ของเอล้างจาน หลังจากนั้นก็เข้าไปในห้องนอน ซึ่งห้องนอนของเอก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก ถือว่าเล็กซะด้วยซ้ำมีเตียงนอนพอนอนได้คนเดียว ถ้าสองคนก็ต้องเบียดกันพอสมควร
“มึงนอนข้างบนก็ได้เดี๋ยวกูนอนข้างล่างเอง”
“เฮ้ยแบบนั้นได้ไงกูมารบกวนมึงหรือเปล่า ก็ต้องนอนบนเตียงด้วยกันนี่แหละ มึงจะให้กูนอนคนเดียวสบายคนเดียวได้ไงไอ้เอ มึงเห็นกูเป็นคนอย่างไรถึงคิดว่ากูจะเอาเปรียบมึง”
“กูไม่เอาเปรียบเลยหนอเมื่อคืนนี้มึงทำอะไรกู คืนนี้กูก็กลัวมึงอีกนะโว้ย”
“ที่ชวนกูนอนด้วย ก็นึกว่ามันอยากให้กูทำอีก”เจนมีสีหน้าแสร้งตกใจ
“มึงคิดไปคนเดียว มึงน่าเอาตายล่ะ”
“ใช่สิ ใครสู้น้องอ้นได้ล่ะ”
“จริงของมึง”
“นั่นแน่แสดงว่าแอบชอบน้องอ้นเข้าแล้วใช่ไหม”
“กูไม่ได้ชอบถ้าให้เลือกระหว่างมึงกับอ้นกูก็เลือกอ้นซิวะ”
“เหรอ ตอนนี้อ้นไม่อยู่นี่ มีแต่กูกับมึงเท่านั้นแหละ”
“แล้วไง”
“ไม่แล้วไงหรอก พวกเรามาทำอะไรสนุกๆดีกว่าไหม”
“ทำอะไรของมึงไอ้เจน”
“ก็ทำแบบเมื่อคืนนนี้แหละ เปลื่ยนกันก็ได้นะ”
“กูไม่เอากับมึงด้วยหรอก เรื่องอะไรกูจะปลื่ยนกับมึง กูต้องเอามึงอย่างเดียวไอ้นี่เพี้ยนหนักขึ้นนะ”
“ก็ได้นะถ้ามึงต้องการกูยอมเป็นของมึง”เจนมีโอกาสก็เปิดทันทีไม่ให้เสียเวลา
“กูพูดกับมึงเล่นๆนะโว้ยไอ้เจน”
“แต่กูไม่พูดเล่นกับมึงนะซิ”เจนขยับลงไปนั่งข้างเตียง เพื่ออยู่ใกล้ๆเอ
“มึงจะลงมาทำไม ขึ้นไปนอนข้างบนโน้น”
“กูอยากนอนกับมึงข้างล่างนี่หว่า”
“เอ่อตามสบายนอนเลย แต่กูก็จะนอนข้างบนคนเดียว”
เอลุกขึ้นทันทีและนั่งบนเตียงก่อนที่จะล้มตัวลงนอน พร้อมกับก่ายหน้าผากคิดว่าต่อไปจะทำงานอะไรที่ไหนดี ซึ่งเอก็ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะหางานให้ได้ภายในเร็ววันนี้
“ขยับไปหน่อยไม่ต้องคิดอะไรแล้ว”เจนลุกขึ้นมานั่งบนเตียง
“ไอ้นี่มันเกินคนแล้วนะ”เอขยับร่างจนสุดชิดขอบเตียงอีกฝั่งที่ติดข้างฝา
เมื่อเอได้ขยับร่างไปแล้วเจนจึงล้มตัวลงนอนข้างเอ ส่วนมืออีกข้างที่ติดกับลำตัวของเอ เจนก็เอื่อมไปจับมือของเอไว้แล้วยกขึ้น
“มึงเป็นอะไรมาจับมือกูทำไม”
“จับไม่ได้เหรอ”
“ไม่ต้องมาจับกูจะนอน แล้วอย่ามาลักหลับกูล่ะ ถ้ามึงมาทำกูอีกโดนหนักแน่”
“เอ่อน่าใครจะไปทำอะไรมึงล่ะ ตีนฉิบหายเลย”
“รู้ก็ดี คราวนี้ไม่ใช่แค่ตีนนะโว้ย”
“โอเค นอนเถอะ”
“ให้มันแน่นะ กูคิดผิดหรือคิดถูกที่ให้มึงนอนด้วยนี่ อันตรายเหลือเกินต้องคอยระแวดระวังตัว เป็นเพื่อนมึงนี่เปลืองเนื้อเปลืองตัวเหลือเกิน”
“ทีกับกูนี่กลัวเปลืองเนื้อเปลืองตัว ที่น้องอ้นนี่ แหมเต็มที่ถึงไหนก็ยอม”
“มึงจะพูดถึงมันทำไมอีก กูพึ่งหนีมันมามึงก็มาตอกย้ำกูจัง เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ไม่พูดแล้วกูก็จะนอนแล้วโว้ย”เจนพูดขึ้น
เอหันหน้ามามองเจนแวบหนึ่งแล้วหันหน้ากลับ หลังจากนั้นเขาก็หลับตาชั่วเวลาไม่นานเอหลับไปในทันที ส่วนเจนนั้นยังไม่หลับเพราะเขาก็อยากจะทำอะไรบางอย่างกับเอ แต่ก็ไม่กล้าเพราะคืนนี้เอไม่เมาเท่าไร และดูเอจะเครียดพอสมควร แต่อีกใจหนึ่งก็อยากลองอีกสักครั้ง แต่เขาก็พยายามหักห้ามจิตใจตัวเองไม่ให้คิด จนเขาก็หลับตามเอไปในที่สุด
พงศกรมองหน้าเอด้วยความไม่พอใจยิ่งนัก เพราะเอดูไม่เรียบร้อยห่ามเถื่อนจนเกินไป เขาชอบผู้ชายที่ดูสุภาพอย่างจ๊อบ “ไอ้อ้น มึงพาแฟนกลับไปด้วยเลย กูไม่อยากเห็นหน้ามัน” “พ่อแฟนอ้นนะ” “กูรู้แล้วว่าแฟนมึงกูก็ไม่ได้ห้ามว่ามึงอย่ามีแฟนนี่ แต่ให้หาที่ดีกว่านี้หน่อยไม่ไม่เหรอ เอาผีบ้าผีบอจากที่ไหนมาเนี่ย” “ผมไม่ใช่ผีบ้าผีบอนะครับ ผมเป็นคนเหมือนพ่อนั่นแหละ วันนี้เดี๋ยวผมจะทำกับข้าว ซักผ้าถูกบ้านให้เอง เอ่อ เดี๋ยวจะไปถางหญ้าหวดทีทำทุกอย่างให้สะอาดเลย พ่อรออยู่นี่แหล่ะ” “อ้นคุยกับพ่อแม่ไปนะ เดี๋ยวเราจะไปทำงานบ้านและนอกบ้าน” เมื่ออ้นพูดเสร็จเขาก็เข้าไปในครัวทำกับข้าว ที่เขาซื้อเตรียมพร้อมไว้ เพราะเขาตั้งใจไว้ว่าจะต้องชนะใจพ่อตาให้ได้ ส่วนแม่ยายเอ้นคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร “ไอ้อ้น แฟนเองมันเพี้ยนแม่ว่า” “แม่ เอก็แบบนี้แหละ แต่เขาดูแลอ้นดีมากเลย ข้อสำคัญเขามีเวลาอยู่กับอ้นตลอด” “มีเวลาไม่มีประโยชน์ดูมึงดำไปมากเลย ไปอยู่กลางไร่กลางนามาแน่เลย” “ครับพ่อ” “นั่นไง กูเลี้ยงของกูไม
อ้นและเอใช้ชีวิตอยู่บ้านไร่มาร่วมเดือน จนพ่อแม่ของเอเกิดความสงสัย เพราะพ่อแม่ของเอแค่นึกว่าอ้นมาเที่ยวหา แต่นี่อยู่ร่วมเดือนยังไม่กลับไป ทั้งสองจึงอยากเห็นหน้าและพูดคุย ด้วย พ่อแม่ของเอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เขาทั้งสองไปอยู่กับพี่สาวคนโตในจังหวัดอื่น และอีกอย่างที่ทั้งสองมาเพราะคิดถึงลูกชายคนเดียวของพวกเขา เมื่ออำพลกับบังอรมาถึงเขาก็เห็นภาพอันบาดตา เป็นภาพที่เขาทั้งสองไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น เพราะเป็นภาพที่เอนอนบนตักของอ้น และที่หนักไปกว่านั่นเขาจับมือของอ้นมาดมและหอมอตลอดเวลา “ไอ้เอมึงทำอะไรของมึง”กำพลเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่ง “เอ หรือว่าลูกเป็น เอ่อ”บังอรใช้มือทาบอกด้วยความตกใจ เอรีบกระดกตัวลุกขึ้นทันที เขามีสีหน้าที่ไม่สู้ดีทันที ส่วนอ้นยังไม่เท่าไรแค่แปลกใจ ทำไมพ่อแม่ของเอมาไม่บอกล่วงหน้าแค่นั้น “พ่อแม่”เอลุกขึ้นยืนนิ่ง “สวัสดีครับพ่อแม่”อ้นยกมือไหว้ทันที “พวกเอ็งเป็นอะไรกันถึงมานอนหนุนตักหอมไม้หอมมือกัน อย่างกับเป็นคู่รักกันอย่างนั้นแหละ” “คือว่า พ่อกับแม่ คือผม เอ่อ อา อือ อู คือ
วันนี้อ้นแกล้งตื่นสาย เพราะอยากรู้ว่าเอจะอยู่บ้านหรือว่าแอบไปไหนหรือเปล่า เมื่อเขาแต่งตัวเสร็จจึงลงมาข้างล่าง แล้วสิ่งที่อ้นเห็นนั้นทำให้เขาปวดใจยิ่งนัก เพราะภาพตรงหน้าเอกำลังนั่งโซฟาคุยกับนิน มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทั้งสอง อ้นถึงกับของขึ้นอารมณ์ฉุนเฉียวมาทันที เขารีบเดินลงบันไดแล้วเดินไปหาเอ “คุยอะไรกัน”อ้นเอ่ยขึ้น “คุยเรื่องสมัยเรียนตอนมัธยม คิดถึงวันนั้นมากเลย เอชอบแกล้งเรานะ ไม่คิดเลยว่าโตมาจะเป็นคนละคน”นินยิ้มให้เอ “ใช่ โตแล้ว มีแฟนแล้วด้วย ยืนอยู่ตรงนี้”อ้นยืนกอดอก “เหรอ แฟนเอใช่ไหม” “เอ่อ ใช่ แฟนเราเอง”เอตอบอย่างหนักแน่น “เอ”นินอ้าปากค้างตาโต เพราะเขาไม่อยากได้ยินคำนี้ ถึงแม้เขาจะรู้ระแคะระคายมาบ้างนิดหน่อย แต่นินยังไม่เชื่อจนได้ยินจากปากของเอ เขาถึงกับอึ้งทำอะไรไม่ถูก “ได้ยินชัดแล้วใช่ไหม”อ้นนั่งลงข้างๆเอพร้อมยิ้มให้นิน “ได้ยินแล้ว แต่เราเป็นเพื่อนเอนี่ จะไปหามาหาสู่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” “แปลกซิ ถ้านายเป็นแบบนิก เราไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่นายเหมือนเรา อย่าคิดว่าเราไม่รู้น
เอรีบเข้าไปอุ้มร่างของอ้นทันที ส่วนอ้นยังทุบหน้าอกของเอไม่ยั้ง แต่แบบออมแรงไม่ทุบแรงอย่างครั้งแรก และก็ดิ้นให้น้อยลงนิดหน่อย เออดทนรีบพาอ้นเข้าไปในรถยนต์ของเขา เมื่ออ้นเข้าไปในรถแล้ว เขาก็นั่งนิ่งๆไม่มีท่าทีจะไปไหน พอเอขึ้นรถมาเท่านั้นแหละ อ้นหันหน้าไปทางอื่นแล้วอมยิ้ม แต่อ้นอารมร์ดีได้ไม่นานเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือของเอดังขึ้น เอจึงรีบควักโทรศัพท์มือถือออกมารับทันที “ว่าไง” “ตามอ้นเจอไหม” “เจอแล้วอยู่บ้านนิก” “เราขอโทษนายด้วยนะที่ทำให้ผิดใจกับอ้น”น้ำเสียงของนินบ่งบอกถึงความผิดหวัง “ไม่เป็นไรแค่นี้นะ” “ฮือ” เอกดวางมือถือแล้วหันมามองหน้าอ้น ที่กำลังบึ้งตึงอีกครั้ง เพราะอ้นคาดเดาได้ว่าเป็นเสียงของนินโทรมา “เป็นอะไรอีกล่ะ” “ไปส่งเราที่ขนส่งด้วยเราจะกลับกรุงเทพ” “กลับไปหาไอ้บอสของมึงเหรอ”เอเริ่มรู้สึกโมโหที่อ้นเอาแต่ใจมากขึ้น “ใช่” “ไอ้อ้น มึงอยากโดนอีกใช่ไหม” “โดนอะไร” “กระท่อมปลายไร่ ไปอยู่ในนั้นอีกครั้งไหม”
อ้นนั่งๆนอนอยู่บ้านเฉยๆจึงเกิดความเบื่อหน่าย และเป็นช่วงเวลาใกล้เที่ยงเขาจึงตักข้าวใส่ปิ่นโต พร้อมกับข้าวสามขนมหนึ่ง หลังจากนั้นอ้นจึงเดินออกไปไร่ข้าวโพดเพื่อไปหาเอแฟนหนุ่ม อ้นพอจำทางได้บ้างเมื่อครั้งโดนเอจับมาไว้ที่บ้านปลายไร่ เขาเดินไปเรื่อยๆจนเห็นไร่ข้าวโพด อ้นมองเห็นร่างผู้ชายสองคนอยู่ใต้ต้นไม่ใหญ่ท้ายไร่ อ้นจึงเดินต่อไปเพราะเขาจำร่างของเอได้ ยิ่งอ้นเดินเข้าไปใกล้ๆ เขาค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นเอ แต่ผู้ชายอีกคนอ้นคิดว่าไม่รู้จักแน่ๆ แต่อ้นคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของเอ อ้นจึงไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจอะไรไปมากกว่านี้ เขาจึงรีบเดินไปให้ถึงต้นไม้ใหญ่ไวๆ เพราะแดดค่อนข้างร้อนพอสมควร ถึงเขาจะใส่หมวกมาก็ตามที ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนัก เมื่ออ้นเดินไปถึง สิ่งที่เขาเห็น เอกำลังนั่งกินข้าวหัวเราะต่อกระซิบกับชายหนุ่ม ซึ่งเขาไม่ได้สนใจอะไรนึกแค่ว่าเพื่อน “คุยอะไรกันสนุกเชียว”อ้นยืนอยู่ข้างหลังเอ “อ้าวมาได้ไง”เอมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย “ใครเหรอ”ชายหนุ่มเสียงนุ่มนิ่มเอ่ยขึ้น “อ้นเพื่อนกูเอง”เอหันมามองชายหนุ่ม “นี่นินเพื่อนกูสมัยเรียนอนุบาล”เ
อ้นตื่นนอนมาเขาก็ไม่เห็นเอนอนอยู่บนเตียง เขาจึงเข้าไปอาบน้ำและแต่งตัวลงมาด้านล่าง เพียงแค่ลงมาเขาก็เห็นอาหารวางไว้เต็มโต๊ะ อ้นเดินเข้าไปดูซึ่งเป็นอาหารดีๆทั้งนั้น เขายืนยิ้มในความเอาใจใส่ของเอ “น่ากินทั้งนั้นเลย”อ้นตักข้าวใส่จานและนั่งลง อ้นค่อยๆกินข้าวอย่างช้าๆพร้อมกับคิดถึงเอตอนทำกับข้าว เขาถึงกับหัวเราะเบาๆจากหนุ่มห่ามกลายมาเป็นพ่อบ้านพ่อเรือน อ้นกินข้าวจนอิ่มถึงสองจานเพราะรสมือของเอนั้นเลิศรสยิ่งนัก เมื่ออ้นกินข้าวอิ่มเขาจึงเดินออกไปนอกบ้าน มองไปรอบๆซึ่งมีแต่ไร้ข้าวโพด เขายังจำวันที่เอลากไปช่วยหักข้าวโพดได้ อ้นถึงกับยิ้มออกมา “ยิ้มอะไรครับ”เพื่อนของเอที่เคยไปช่วยอ้นในป่า เดินเข้ามาใกล้ๆอ้น “คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเลยยิ้ม มาหาเอเหรอ สงสัยไปที่ไร่น่ะ” “ใช่ครับมาหาเอ ผมนิกจำผมได้ไหม”นิกยิ้มจนเห็นไรฟัน “ทำไมจะจำไม่ได้คนที่เคยใช้อ้นไว้ไงที่กลางป่า” “ดีจังที่จำผมได้ ผมก็นึกว่าอ้นลืมผมซะแล้ว” “จะลืมผู้มีพระคุณได้ไง”อ้นยิ้มหวานให้นิกเพื่อนของเอ “แล้วมาหาเอมีธุระอะไรหรือเปล่า”