กั่วชิงคุกเข่าลงกับพื้น ต่อหน้าอิงนา
“อิงนา ได้โปรด”
อิงนานั่งนิ่งดังหุ่นไม้ ไร้คำพูด
“เจ้าไม่ช่วยเรา ข้าคงไม่มีโอกาสได้พบกับฟางหลานอีกแน่ แล้วฟางหลานก็คงผิดหวังเพราะคิดว่า อิงนาเจ้าจะเข้าใจเราทั้งสองเข้าใจความรักของเราทั้งสอง ห้องนอนของฟางหลานมีการอารักขาอีกทั้งหากข้าเข้าไปพบ พี่เขยของเจ้า”
อิงนาครุ่นคิดอยู่ในเงาสลัวของจันทรา
โลกสดใสสวยหรูของอิงนาหายไป ทุกคนล้วนอ้างว่าทำเพื่อรัก หมิงเซ่อผู้นั้นอ้างว่ารักจึงสู่ขอฟางหลาน กั่วชิงอ้างว่าเพราะรักจึงทำเรื่องผิดศีลธรรม ฟางหลานอ้างความรักจึงยอมเป็นของกั่วชิงง่ายดาย ความรักทำไมถึงทำให้คนดีดีเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้
อิงนาเคยคิดตลอดมาว่ากั่วอิงเป็นสหายของฟางหลานที่เอ็นดูอิงนาที่สุด มาบัดนี้ ฟางหลานกับกั่วชิงหาใช่สหายกันต่อไป อีกทั้งยังทำเรื่องที่ต้องห้ามลักลอบพบกัน ฟางหลานในเมื่อมีกั่วชิงอยู่แล้วทำไมไม่ปฏิเสธการแต่งงานกับหมิงเซ่อ หมิงเซ่อเองก็ในเมื่อไม่เคยถามความสมัครใจฟางหลานเหตุใดต้องมาสู่ขอฟางหลานด้วยทุกอย่างวนเวียนไปมาไม่รู้จบ อิงนาทอดถอนใจ ดวงจันทร์ถูกเมฆหมอกบดบังเสียสิ้น
หมิงเซ่อเอามือไพล่หลังยืนมองอิงนาเงียบกริบ
“คิดอะไรอยู่”
ประโยคชวนคุย อิงนารีบหันหลังกลับตั้งใจกลับเข้าไปในห้องจงใจไม่ตอบคำถาม
“ถามว่าเจ้าคิดอะไรอยู่”
ส่ายหน้าไปมา สาวเท้าออกจากตรงนั้นแต่กลับถูกคว้าข้อมือบางกระชากเข้าหาตัว
“เป็นอะไรไปถึงหลบหน้าข้า”
ก้มหน้านิ่งไม่พูดจา หลากหลายความรู้สึกทั้งสงสารหมิงเซ่อทั้งอับอายเรื่องที่ฟางหลานทำ และสุดท้ายจบลงที่ความรู้สึกพิเศษที่มีให้หมิงเซ่อ
“อิงนา ง่วงแล้วอากาศก็เย็นอยากจะนอนเต็มทีแล้ว”
แม้น้ำเสียงที่พูดออกมาจะถูกปรับแต่งให้เรียบเฉย ทว่ากลับสั่นระรัวตามจังหวะหัวใจ
“ข้าถาม จะไม่ไร้มารยาทไปหน่อยหรือไม่ยอมตอบคำถามข้า หรือว่ายังเคืองโกรธข้าอยู่กันแน่เมื่อจวนตัวจึง กล้าพูด”
“เปล่าอิงนาง่วงนอนแล้วจริงๆ ”ยืนยันทว่าใจสั่นไหว
น้ำตาหากเป็นเขื่อนก็กำลังจะพังทลายลงเสียแล้ว
“เจ้า โกรธข้าอย่างนั้นหรือ”
ไม่โกรธไม่เกลียดแต่รู้สึกว่าไม่อยากเข้าใกล้หมิงเซ่อ เมื่อเข้าใกล้เขาครั้งใดหัวใจของอิงนาเจ็บแปลบ คิดไปเองว่าตัวเองรู้สึกผิดที่ รู้ทั้งรู้ว่าฟางหลานมอบใจและกายให้กั่วชิงไปแล้วแต่ยังทำเป็นตีเนียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจึงกลายเป็นความรู้สึกผิดที่อิงนาคิดไปเอง
ส่ายหน้าไปมาอีกครั้ง หลบตาคมที่จ้องมองเหมือนกำลังค้นหาบางอย่างในสายตาของอิงนา
“เจ้าไม่โกรธแล้วทำไมหลบหน้าข้า”
"พี่เขย เจี่ยฟูท่านจะสนใจข้าทำไม ในเมื่อเราสองคนแค่เพียงพี่เขยกับน้องเมียไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน อิงนาไม่มีสิทธิไปโกรธท่านด้วยซ้ำในเมื่ออิงนามาอาศัยพักพิงที่นี่ แต่หากรู้ว่าพี่เขยจงใจจะไม่ยุ่งเกี่ยวอิงนาจึงจำต้องหาทางหลบหลีกเพื่อไม่ให้ท่านต้องรำคาญใจ”อธิบายยืดยาวเจ็บที่ข้อมือเล้กที่อีกคนกำและบิดมันอิงนาเองพยายามดึงมือออก
หมิงเซ่อจับไหล่บางให้หันมาจ้องตากลมโตที่บัดนี้มีแต่แววเศร้าสร้อยที่ทำเขารำคาญเหลือเกิน สองสามวันมานี้พบอิงนาทีไรเห็นแต่แววตาเศร้าสร้อยตลอดมา อิงนาหลบตาคม หมิงเซ่อก้มลงจ้องตาเอียงคอตามดวงหน้าที่หลบตาของเขา
“ไม่โกรธแล้วทำไมต้องหลบตาข้าด้วย”อิงนา ช้อนตาขึ้นมองดวงตาคมนั้นนิ่ง หมิงเซ่อเองก็จ้องมองอิงนา อย่างเผลอไผลโน้มตัวลงช้าๆ อย่างที่ไม่อาจห้ามใจในเมื่อริมฝีปากสีชมพูระเรื่อกับดวงตาเศร้าๆ นั้นเขาอยากจะประทับริมฝีปากกับดวงตาคู่นั้นเหลือเกิน อิงนานิ่งงัน เมื่อลมหายใจผะแผ่วอบอุ่นรินรดใบหน้าหมิงเซ่อมองริมฝีปากสีชมพูอย่างที่สุดจะห้ามใจ
“ไม่โกรธแล้วทำไม ..ใจเจ้าเต้นแรงจนข้า...รู้สึกถึงมันได้”
ริมฝีปากอุ่นจ่ออยู่ที่ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ ความรู้สึกชั่วดีบังเกิดขึ้นในใจ ผลักร่างใหญ่สุดแรงก่อนจะวิ่งกลับห้องไปทันที
ตำหนักชิงหนิงกง
“หมิงเซ่อ วันก่อนแม่ให้คนส่งยาบำรุงไปที่ตำหนักจันทร์เคียงฟ้า ชายาเจ้าเมื่อไหร่จะพามาพบแม่เสียที”
“หมิงเซ่อรับบัญชา พรุ่งนี้ตั้งใจพานางถวายพระพรเสด็จแม่”
“เจ้าแปด มาเล่าให้แม่ฟังบ่อยๆ ว่าน้องภรรยาเจ้าหน้าตาน่าเอ็นดู พรุ่งนี้พานางมาพบแม่บ้าง ตามที่เจ้าแปดพร่ำพรรณนา จนแม่อดใจที่จะพบนางไม่ได้”
หมิงเซ่อก้มหน้านิ่ง
“ไม่สะดวกหรือไรหรือว่ามีเรื่องหนักใจใดกัน”
ฮองเฮาสังเกตสีหน้าของหมิงเซ่อ
“ไม่มีเรื่องใดให้กังวล พรุ่งนี้ลูกจึงพานางทั้งสองมาถวายพระพรเสด็จแม่อย่างแน่นอน”
แม้จะพูดไปแบบนั้นแต่แววตาเศร้าสร้อยและท่าทีเฉยชาของอิงนาเมื่อคืนที่ผ่านมาทำเอาหมิงเซ่อถึงกลับถอนหายใจ
“เจ้าป่วยหรือเปล่านี่”สีหน้าห่วงใยอย่างที่สุด อี้จื่อเงยหน้ามองปลายคางของอีกคนใบหน้าหล่อเหลาที่แสดงออกว่าห่วงใยทำเอาใจสั่น“ไม่นะไม่ได้เจ้บป่วยอะไร”หมิงซื่อดึงมือให้นั่งลงกับแท่นนอนยาวลืมเรื่องตำรากามสูตรที่อี้จื่อซ่อนมันไปเสีย“ตำหนักบูรพาลมพัดผ่านเข้าออกสะดวกอากาศเปลี่ยนแปลงเจ้าเพิ่งเข้ามาอาจไม่คุ้นชิน มานี่ให้ข้าดูดีดีว่าป่วยหรือไม่”มืออุ่นยังกุมมืออี้จื่อไว้“มะมะไม่ได้ป่วยเสียหน่อย”“แต่เจ้าหน้าแดง”อี้จื่อกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นก็เพิ่งจะอ่านตำรากามสูตรที่หญิงชายแนบชิด พอเจอเข้ากับตัวก็เขินอายเป็นธรรมดา“อากาศร้อน” ยกมือขึ้นโบกไปมาคลายคอเสื้อที่รัดแน่นออกหลวมแต่ดันเกินดี เสื้อหลุดหลุ่ยเผยให้เห็นนื้อเนียนขาว หมิงซื่อรีบหันหน้าหนีเสีย“เจ้าแต่งตัวให้เรียร้อยเสีย”หมิงซื่อเสียงแหบหร่า “ไท่จือท่านก็ออกไปสิยิ่งอยู่ที่นี่ข้ายิ่งร้อน..รุ่ม”หมิงซื่อขมวดคิ้ว“ร้อนรุ่ม นี่เจ้าไม่ชอบหน้าข้าเพียงนั้นเชียวหรือก็ได้ข้าจะออกไป ให้เจ้าสบายใจ ใครจะกล้าขัดบัญชาไท่จือเฟยกันเล่า”เหน็บแนม อี้จื่อรู้สึกว่าหมิงซื่อไม่พอใจเพราะเข้าใจผิด“ไท่จื่อ องค์ชาย”อ้าปากค้างคิดไม่ถึงว่าอี้จื่อจะทำเสียงออดอ้อน ยกมื
“นี่รับนี่ไปเจ้าค่ะ”เสี่ยวหยาวางตำรากามสูตรลงบนโต๊ะข้างหน้าอี้จื่อ“ข้าไม่สนใจ”ใบหน้าแดงระเรื่อ“ไมไ่ด้เจ้าค่ะไม่เช่นนั้นเห็นทีจะต้องไปฝึกการเอาใจบุรุษที่หอนางดลมจริงๆเจ้าค่ะเรื่องนี้เรื่องใหญ่ทีเดียวไท่จือเฟยจะบอกว่าให้เงวาลาสามเดือนหนึ่งปีหรือเท่าไหร่ก็ช่างแต่เป็นไท่จือเฟยเองที่ไม่ยอมปรับเปลี่ยนอะไรเช่นนั้นมิสู้หย่ากัไท่จือไปเสียเลยดีกว่า”“ข้าจะต้องอ่านมันจริงๆหรือ”“เจ้าค่ะ เอาเข้าจริงไคนที่เอาแต่ใจก้คือไท่จือเฟยไท่จือมีอำนาจสูงส่งยังไม่อาจฝืนใจไท่จือเฟยได้คิดดูสิเจ้าค่ะว่าไท่จือรักแล้วตามใจไท่จือเฟยแค่ไหนไม่ยอมหักหาญน้ำใจยอมตามใจและอดทนยอมหนีไปทั้งๆที่เมื่อคืนจะต้องเข้าหอตามทำเนียมและวันนี้ยังไม่ได้เข้าหอทั้งที่ผ่านมาทั้งคืน”อี้จื่อหน้าเง้า“แล้วจะต้องทำอย่างไรไท่จือจึงจะหายโกรธข้า”ป้าถงที่แอบฟังอยุ่ด้านนอกรีบแจ๋นกลับไปที่ตำหนักชิงหนิงกง“เจ้าค่ะ ป้าได้ยินไม่ผิดจริงๆฮองเฮาเพคะเราจะต้องจัดการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนโธ่ไท่จือ น่าสงสารคืนเข้าสหอแต่ไม่ได้เข้าหอ”“ป้าถงคนที่น่าสงสารคือไท่จือเฟยที่ต้องแบกรับคำว่าสามีไม่ยอมร่วมหอด้วยหมิงซื่อนะหมิงซื่อเห็นชัดๆว่าปากล้ากล้าขอนางในท้องพระ
“จริงด้วยทำไมข้าคิดเรื่องแบบนี้ไม่ได้นะท่านปลอมตัวใส่หนวดเคราก้ไม่มีใครจำได้ไปศึกษเารื่องแบบนี้มาให้ดีๆข้าให้เวลาสามเดือนไม่สิหนึ่งปีไปเลย แล้วเราค่อยมาพูดเรื่องเข้าหอ”ทั้งหมดก็เพื่อยิ้อเวลาไว้ก้เท่านั้นก็อี้จื่อยังไม่เคยต้องมือชายแล้วอีกอย่างยังไม่ได้รู้สึกอะไรกับหมิงซื่อเสียหน่อยจะให้ร่วมหอลงโลงก็ฝืนใจไม่น้อยหมิงซื่อสบตากลมกับริมฝีปากชมพูระเรื่อที่ขยับขึ้นลงเจื้อยแจ้วไม่หยุด“ท่านว่าดีไหมหรือท่านมีวิธีที่ดีกว่านี้อุ๊ปปปปป”หมิงซื่อประกบริมฝีปากปิดบางสีชมพูดที่ขยับขึ้นลงไปม่หยุดนั้นเสียมืออุ่นกอดรอวเอวบางกดริมฝีปากบดเบียดอ่อนหวานนุ่มนวล หมิงซื่อใจเต้นไม่เป็นจังหวะบางอย่างในกายร้อนฉ่า อี้จื่อเองหมดแรงภายใต้รอยจูบหวานแต่ก้ยังไม่วายฝืนใจ“อือออออออปะปะปล่อยนะ ข้าไม่ชอบแบบนี้”ผลักอกกว้างออกห่างทั้งที่อีกคน กลับคิดไปไกลถึงไหนถึงไหน เกือบจะปลดปล่อยบางอย่างทั้งที่แค่ได้ลิ้มรสจูบของอี้จื่อเท่านั้น หมิงซื่อซี๊ดปาก ก่อนจะขบเม้มริมฝีปากตัวเขาไว้แน่นอย่างที่สะกดกลั้นอารมณ์ปรารถนาที่เร่าร้อนไว้เต็มที่“ออกไปห่างๆข้าเลยท่านทำข้า…ใจสั่น”“อือบอกแล้วว่ายังไม่พร้อม ท่านก็ยังกล้าเข้าใกล้ข้า”หมิงซื่
“เฮ๊ย”หันมองหน้าสบตาอี้จื่อที่เอาแต่ก้มหน้าป้าถงยิ้ม พยักหน้าขึ้นลง“เอาละคอข้าน้อยไม่กวนใจแล้ว ทำเนียมปฏิบัติยังคงอยู่บ่ายวันนี้ต้องยกน้ำชากับฮองเฮา เสี่ยวซงจะเป็นคนบอกเวลาที่ต้องไปยกน้ำชาอีกทีเอาล่ะเชิญไท่จือกับไท่จือเฟยพักผ่อนให้สบาย”ป้าถงไปแล้ว อี้ตจื่อทรุดกายลงนั่งแหมะบนพื้นยกมือขึ้นปิดหน้าถอนหายใจยาว“ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องลำบาก”อี้จือหันมาสบตาที่เต็มไปด้วยแววจริงใจและสำนึกผิดของหมิงซื่อ“ขอโทษทำไมไม่ได้ลำบากอะไรเสียหน่อย”ถลาเข้ามาประชิดตัวคว้ามือบางไปพลิกดูทีละนิ้วทีละนิ้ว“เจ็บไหม”อี้จื่อส่ายหน้าดึงมือออกจากการเกาะกุม“ไม่เจ็บ”“ความจริงเจ้าไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ข้าคิดสินบนป้าถงให้เพ็ดทูลกับเสด็จแม่ก็ได้ป้าถงรักข้าจะตายไปนางไม่ทางไม่ช่วยข้า”อี้จื่อค้อนจะรู้อะไรแค่เรื่องโกหกใครๆก็ทำได้ง่ายนิดเดียว แต่จะทำอย่างไรให้เขาเชื่อต่างหากที่ต้องลำบากใจ“ช่างเถอะแบบนี้ดีกว่าอย่างน้อยป้าถงก้มีเรื่องไปกราบทูลเสด็จแม่ดีกว่าท่านกับข้าเราสองคนจะต้องไปหาข้อแก้ตัวกับฮองเฮาบ่ายนี้”“้เจ้าไม่โกรธข้าใช่ไหม”น้ำเสียงแสดงว่าสำนึกผิด“ใครจะกล้าโกรธไท่จือเล่าท่านเป็นถึงไท่จือตัดมาที่ข้าแค่เพียง…
“พรุ่งนี้ข้าจะต้องแบกรับคำว่าสามีไม่เปิดผ้าคุลมหน้าท่านเองก็ควรแบกรับคำว่าภรรยาไม่ล้างเท้าให้”“นี่เจ้า”หมิงซื่อชี้นิ้วสั่นระริกตรงหน้าอี้จื่ออี้จื่อเดินดุ่มๆไปที่แท่นนอนทรุดกายลงนอนดึงผ้าห่มมาห่มหลับตาพลิ้ม“เฮ๊ยยยนี่เจ้าจะทำแบบนี้ไม่ได้นะเรายังไม่ได้เข้าหอ”“ข้าง่วงแล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ทำเนียมบ้าบออะไรเหนื่อยมาทั้งวันง่วงก็ง่วงดื่มสุรามงคลเมาก็เมายังจะให้ อุ่นเตียงกันอีกพรุ่งนี้ค่อยพูดกันอีกที”กลบเกลื่อนสิ่งที่กำลังรู้สึกท้้งกลัวทั้งอายและไม่แน่ใจ“นี่เจ้า กล้านอนข้าจะหย่าเจ้าเสีย”“หย่าหรือไม่วันพรุ่งนี้ค่อยพูดกัน ท่านก็นอนเถอะเหนื่อยมาทั้งวันแล้วข้าเห็นท่านยืนขาแข็งรับแขกที่มาร่วมงานจะ ปะจิงทิ่งๆข้าไหวอยู่หรือไร”หมิงซื่อยิ้มเจื่อนๆเขาเองก็ปแทบจะยืนไม่ไหว หันหน้าหันหลังเปิดปากหาววอดๆ ถอนหายใจแล้วทิ้งตัวลงนอนข้างๆอี้จื่อ“อย่าโดนตัวข้านะข้า ข้า บ้าจี้” หมิงซื่อถอดเสื้อคลุมสีแดงโยนกองไว้กับพื้น“เชอะใครกันอยากจะโดนตัวเจ้าถ้ามิใช่หญิงที่อาบน้ำขัดผิวข้าก็ไม่อยากร่วมแท่นอนด้วยเหมือนกัน”นางหยิง่ได้เขาก็ยะโสเป็น หลับไปทั้งอย่างนั้นเช้าสดใสอี้จื่อค่อยๆจับแขนอุ่นของหมิงซื่อออกจากเอ
“เสด็จพ่อใจร้ายกับลูกบิดานางไม่ขัดข้องแต่นางกลับไม่ยอมแต่งกับลูก”อิงนาอมยิ้ม“ไท่จือเมื่อไหร่จะโตสักทีเจ้าเอาแต่ใจนางเอาแต่ใจจึงเกรงว่าชาตินี้ก็ไม่ได้แต่งกัน”หมิงซื่อหน้าง้ำ“เสด็จพ่อ ลูกประทานอนุญาติให้เสด็จพ่อมีราชโองการแต่งนางเข้ามาในตำหนักบูรพาเพื่อให้ลูกได้ใกล้ชิดนางไม่แน่นางอาจยินดีร่วมชีวิตกับลูก”“ไท่จือเจ้าขา ป้าถงคิดว่าเรื่องนี้ไม่ยากนางไม่ยอมก็รวบหัวรวบหางนางเสีย โบราณว่าไว้หญิงแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจต่อกรกับบุรุษที่เป็นสามี”“ป้าถง อิงนาว่าท่านป้าให้ท้ายไทจื่อมากไปแล้ว”ป้าถงยิ้มหมิ่งเซ่อเองก็อมยิ้ม“เสียวชง รับบัญชาข้าให้แต่งบุตรีท่านแม่ทัพอี้จงในตำแหน่งไท่จือเฟยในอีกสามวันข้างหน้า”อิงนาส่ายหน้าไปมาเพิ่งจะปรามป้าถงแต่หมิงเซ่อกลับมอบของกำนัลให้กับหมิงซื่ออีกจนได้อิงนาถอนหายใจจะจัดการกับหมิงซื่อที่เอาแต่ใจอย่างไรดีเกี้ยวสีแดงถูกหามเข้ามายังตำหนักบูรพา อี้จื้อก้มมองมองมือตัวเองที่ประสานกันที่ตักมือเย้นเฉียบจะว่าไปแม้จะเคยปะทะคารมกันมาแล้วบ้างแต่หลายวันมานี้หมิงซื่อเจ้าตัวร้ายไม่สิไท่จือตัวร้ายคนนั้นไม่เคยแวะไปที่บ้านจงเกี้ยวหยุดชะงักมือเย็นยิ่งเย็นเฉียบแม้จะบอกว่าทำใจไว้บ้