“เราเป็นสามีภรรยากันแล้วนะครับ” ไทธรณ์ถือโอกาสรั้งเบาๆให้คนตัวเล็กเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของตน แล้วกระซิบข้างหูเบาๆ
“ค่ะ...รับทราบค่ะคุณสามี”
รสิตาตอบรับยิ้มๆอยู่ชิดแผงอกกว้าง
ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ก็เป็นคืนเข้าหอสินะ...รอยยิ้มฉาบอยู่บนในหน้าคมเข้มเมื่อคิดถึงคืนนี้
“อ้าว! ตาธีร์ หนูไอ วันนี้กินข้าวเที่ยงกับแม่เลยนะ แล้วค่อยไปดูชุดที่ร้าน แม่ไปหาพระอาจารย์คอนเฟิร์มฤกษ์เดือนหน้ามาแล้วนะ ฤกษ์ดีสำหรับแต่งทั้งสองคู่” คุณกานดาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นลูกชายคนเล็กจูงมือลูกสะใภ้ขึ้นมาบนเรือนไทย
“สองคู่!” ธีร์ภาณุและไอรักเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
“จะตกใจอะไรกัน ก็ตาธีร์กับหนูไอ ตาไทกับแนนไง เฮ้อ! ในที่สุดแม่ก็จะได้นอนตายตาหลับเสียที เจ้าทโมนทั้งสองได้เป็นฝั่งเป็นฝากับเขาแล้ว”
“ทำไมอยู่ดีๆ พี่ไทถึงได้แต่งปุ๊บปั๊บล่ะครับ” ธีร์ภาณุยังไม่หายสงสัย เพราะไม่เห็นพี่ชายจะเล่าอะไรให้ตนฟังเลย นี่เขาพลาดอะไรไปหรือเปล่า ถึงไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพี่ชายตนเอง คุณกานดาเลยต้องเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ลูกชายคนเล็กฟัง ธีร์ภาณุแอบหลุดขำเล็กน้อย เมื่อรู้ถึงเห
“ก็ได้ครับ นอนคนเดียวพี่คงเหงาน่าดู” ธีร์ภาณุก็ยังอดไม่ได้ที่จะตีหน้าเศร้า แต่ชายหนุ่มก็ยินยอมที่จะทำตามที่ไอรักต้องการ เขาไม่ได้กลัวว่าจะโดนฟ้อง เพราะยังไงผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็ยินยอมพร้อมให้ที่จะจับคู่ให้เขาอยู่แล้ว เพียงแต่เขาต้องการให้ไอรักมั่นใจในตัวเขา ว่าทำตามที่พูดได้จริงๆ ไอรักยิ้มให้กับชายหนุ่ม“ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่ธีร์ต้องกลับมาส่งหนูไออีก กว่าจะกลับไร่เดี๋ยวจะค่ำมืด”“หนูไอเป็นห่วงพี่ใช่ไหมครับ” ไอรักยิ้ม“ค่ะ เป็นห่วง”“ดีใจจัง” ธีร์ภาณุพูดจบก็หมายจะหอมแก้มนวลอีกสักฟอด ไอรักรู้ทันเบี่ยงตัวหลบทันท่วงที“พอแล้วค่ะพี่ธีร์ ไปค่ะ”หญิงสาวออกแรงดึงชายตัวโต ให้เดินตามกันไปขึ้นรถเพื่อจะลองชุดที่ร้าน เพราะดูๆสถานการณ์แล้ว ถ้ายังยืนคุยกันอยู่ตรงนี้ เธอต้องเสียค่ามัดจำไปอีกหลายกระบุงโกยแน่นอน“อยากให้ถึงวันแต่งงานเร็วๆจัง พี่จะตรอมใจตายก่อนไหมหนอ?” ธีร์ภาณุออดอ้อนคนนั่งข้างๆ ขณะที่ขับรถอย่างสบายอารมณ์ ไอรักยิ้มหวานให้อย่างรู้ทัน“อย่างพี่ธีร์ไม่มีทางตรอมใจตายหรอกค่ะ หรือถ้าจะตรอมใจตายจริงๆ ก็ดีน
รสิตาขับรถไปตามทางอย่างระมัดระวังเพราะถึงแม้จะชินทาง แต่เธอก็ไม่ประมาท หากแต่สองสาวก็ไม่ได้สังเกตเลยว่ามีรถจักรยานยนต์ขับตามมาตั้งแต่ออกจากร้าน และพอถึงเส้นทางเปลี่ยวก่อนถึงทางเข้าไร่มันก็เร่งเครื่องแซงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว“นั่นอะไรน่ะ! พี่แนนระวังนะคะ” แสงจากไฟหน้ารถทำให้หญิงสาวทั้งสองเห็นภาพรถจักรยานยนต์ล้มขวางอยู่กลางถนน ซึ่งส่งผลให้รสิตาต้องเหยียบเบรกกะทันหัน“ใครน่ะ เป็นอะไรมากหรือเปล่านะ” ไอรักพูดพร้อมกับเปิดประตูลงจากรถ และเดินตรงไปยังรถจักรยานยนต์ที่ล้มอยู่ รสิตาเดินตามมาติดๆ“อ้าว! ไม่มีคนนี่นา กระเด็นไปข้างทางหรือเปล่า ช่วยกันหาเถอะค่ะพี่แนน เผื่อจะได้พาส่งโรงพยาบาล” หญิงสาวทั้งสองกวาดตามองรอบๆตัว เพื่อหวังจะหาเจ้าของรถที่อาจจะได้รับบาดเจ็บ แต่แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อมีชายหนุ่มสองคนสวมหมวกไหมพรมสีดำคลุมหน้าตา วิ่งกรูเข้ามาจับตัวทั้งสองไว้“นี่มันอะไรกันปล่อยนะ” รสิตาโวยวายเมื่อถูกจู่โจมจับสองมือไพล่หลัง“ถ้าไม่อยากตายอย่าดิ้น แล้วก็หุบปากซะ” เสียงห้าวของคนที่จับตัวเธอพูดขึ้น พร้อมกับออกแรงบีบแขนเธอแรงขึ้น จนรสิตาหน้านิ่วด้วยความเจ็บ“พวก
ไทธรณ์คลายอ้อมแขนออกเปลี่ยนมากอดเอวบางไว้หลวมๆ เขาทราบเรื่องราวทั้งหมดที่น้องชายโทรไปเล่าให้ฟังแล้ว ระหว่างทางที่ขับรถมา ชายหนุ่มคิดถึงแต่ใบหน้าของคนตัวเล็ก รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาจับใจ ถึงน้องชายจะบอกแล้วว่าเธอปลอดภัยดี แต่เขาก็อยากเห็นกับตาตัวเองมากกว่า“ขอบคุณมากเลยนะครับคุณภูชิต ขอบคุณจริงๆครับ” ไทธรณ์ยื่นมือเพื่อสัมผัสกับมือของภูชิต“ไม่เป็นไรครับคุณไท ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงเลยครับ ช่วยๆกันไปเรามันคนกันเองนะครับ”“พี่ขอโทษที่ไม่ได้ดูแลแนนให้ดีกว่านี้” ไทธรณ์เอ่ยขึ้นเมื่อขับรถออกมาจากไร่แสงตะวันได้สักครู่“อย่าโทษตัวเองสิคะพี่ไท ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นหรอกค่ะ” รสิตาเอื้อมมือไปวางบนมือหนาที่วางไว้บนต้นขาของชายหนุ่ม“แต่พี่เป็นสามี พี่ควร...”“ไม่เอาไม่พูดเรื่องนี้แล้วค่ะ เห็นไหมว่าแนนไม่เป็นอะไรสักหน่อย แนนสัญญาว่าต่อไปจะดูแลตัวเองดีๆ ไม่ให้พี่ไทต้องเป็นห่วงนะคะ” รสิตายิ้มหวาน เธอไม่อยากให้ไทธรณ์เป็นกังวลกับตัวเองมากนัก เพราะรู้ว่าเขาต้องทำงานหนัก หากจะมามัวแต่ห่วงเธออาจจะทำให้เสียการเสียงานได้
ขณะที่อีกมือยังบีบเคล้นหยอกล้อกับอกอวบอยู่ หญิงสาวหลับตาพริ้ม เม้มริมฝีปากแน่น ไทธรณ์มองภาพคนรักด้วยความ เสน่หา และเมื่อเขาสัมผัสถึงความชุ่มฉ่ำพรั่งพร้อม ชายหนุ่มจึงไม่รอช้าก้มลงไล้เลียไปทั่วเนินรักแสนหวานของหญิงสาว ดูดดึงขบเม้มอย่างเอาแต่ใจ รสิตาขยำศีรษะทุยได้รูปของไทธรณ์รุนแรง เพื่อระบายความรู้สึกเสียวซ่านที่ก่อตัวขึ้น มันตีตื้นขึ้นมาจนหญิงสาวกลัวว่าตนเองอาจจะขาดใจตายได้“พี่ไท...อื้อ!” ลิ้นสากรัวเร็วสะกิดติ่งที่ไวต่อความรู้สึก นิ้วเรียวใหญ่ร้ายกาจสอดหายเข้าไปในช่องทางรัก สำรวจตรวจตราอย่างช่ำชอง ไทธรณ์รู้สึกถึงความรัดแน่นรอบนิ้วของตน จึงเร่งจังหวะขยับเข้าออกเร็วขึ้น ริมฝีปากบางเผยอขึ้นครางกระเส่า สะโพกเต่งตึงแอ่นรับท้าทายทุกสัมผัสที่ชายหนุ่มมอบให้ ร่างบางบิดเร่าสั่นสะท้าน“พี่ไท พี่ไท อ๊า!” รสิตากรีดร้องเสียงดัง กายสาวสั่นสะท้านรุนแรง หยาดน้ำอุ่นใสไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ไทธรณ์ดูดกลืนน้ำหวานนั้นอย่างภูมิใจ ลิ้นสากยังไม่วายไล้เลียจาบจ้วง จนคนที่เตะวิมานแสงดาวไปแล้วสะท้านกายซ้ำแล้วซ้ำเล่า นิ้วเรียวใหญ่รับรู้ถึงการตอดรัดเป็นจังหวะของช่องทางรัก เขาหยุดแช่แน่นิ่งไว้เพื
ไทธรณ์รั้งศีรษะของหญิงสาวให้รับจุมพิตอีกครั้ง รสิตาจูบตอบอย่างเต็มใจ มือบางประคองแก้มสากไว้ในมือ จูบของไทธรณ์อ่อนหวานเย้ายวน จนทำให้เธอลืมความไหวหวั่นปนตกใจ กับอะไรของเขาที่ได้เห็นเมื่อสักครู่ มือหนาลูบไล้ทั่วร่างบางทุกซอกทุกมุม ทำให้ร่างของคนที่ถูกรุกรานทำความสะอาดให้ สั่นระริกด้วยแรงปรารถนาล้ำลึก ไทธรณ์จงใจใช้มือหนาไล้วนอยู่บริเวณซอกขาด้านใน ก่อนที่นิ้วเรียวใหญ่สอดหายเข้าไปในใจกลางความเป็นสาวที่อยู่ใต้น้ำ รสิตาครางเสียงหวานอย่างสุดจะกลั้นได้ คนขี้แกล้งจงใจถูอยู่ที่เดียวนั่นแหละ จากจังหวะช้าๆก็เร่งเร็วขึ้นจนที่สุดเธอต้องกรีดร้องออกมาพร้อมกับร่างกายที่กระตุกเกร็งโดยที่เธอควบคุมตัวเองไม่ได้เลยรสิตาทุบอกแกร่งเบาๆ เธอแทบจะหมดแรงลุกขึ้น เมื่อไทธรณ์ลุกขึ้นก่อนแล้วคว้าตัวเธอประคองลุกออกจากอ่างอาบน้ำไปด้วยกัน ไทธรณ์เช็ดตัวให้เธอและตัวเองอย่างลวกๆ เพราะเขากำลังเคร่งครัดจนจะระเบิดอยู่แล้ว ชายหนุ่มตวัดร่างรสิตาขึ้นแนบอก เดินออกจากห้องน้ำโดยทั้งสองร่างเปล่าเปลือยเหมือนกันร่างบางถูกวางลงบนเตียงกว้าง แล้วร่างหนาก็โถมทับเธอไว้จนแทบจมหายไปกับเตียงนุ่ม ริมฝีปากหนารุกรานดูดดึงริมฝีปา
ไทธรณ์พลิกร่างบางให้นอนคว่ำลงช้าๆ และยังไม่ยอมถอดถอนกายแกร่งออก ท่อนแขนแข็งแรงสอดช้อนใต้ท้องของร่างนุ่มนิ่มขึ้น ให้ตนเองขยับรุกได้ล้ำลึก ขณะที่ศีรษะทุยของคนที่ถูกรุกรานหนักหน่วงซบหน้าตะแคงลงที่หมอนนุ่ม มือบางกำหมอนไว้แน่น เมื่อรับรู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกจับจูงพุ่งทะยานไปยังเส้นทางรักที่สุขสมอีกครั้งไทธรณ์วางเข่าทั้งสองข้างของตนแนบแน่นไปกับท่อนขาเรียว ที่คุกเข่าคุดคู้อยู่ใต้ร่างของตน ชายหนุ่มขยับเอวสอบรัวถี่ขณะกอดเกี่ยวเอวบางแน่น มืออีกข้างลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนแล้ววกกลับไปด้านหน้า บีบเคล้นอกอวบรุนแรง ตามอารมณ์ปรารถนาที่กำลังจะพุ่งถึงขีดสุดห้องนอนกว้างอบอวลไปด้วยเสียงร้องระงมด้วยความสุขสมของสองร่าง ที่กอดเกี่ยวกันท่องไปในดินแดนแสงดาวด้วยความสุขสม ไทธรณ์กระแทกจังหวะสุดท้ายล้ำลึกกดแช่แน่นิ่ง ถ่ายเทความรุ่มร้อนจากร่างแกร่งสู่ร่างบางที่สั่นสะท้านอยู่ใต้ร่างของตนรสิตาเมื่อยล้าจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น เมื่อคนตัวโตพลิกกายให้นอนนอนราบลงกับเตียงนุ่ม แล้วเอนตัวลงนอนข้างๆกัน หญิงสาวขยับร่างซุกซบกับแผงอกกว้างอย่างไม่อิดออดเลย ไทธรณ์จูบซับแก้มนวลเบาๆ กอดกระชับภรรยาตัวเองแนบแน่น
มือใหญ่ปลดกระดุมออกทุกเม็ดและกำจัดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ให้พ้นสายตา เขารู้ว่าไอรักไม่ได้ใส่ชุดชั้นในนอน นั่นมันก็ทำให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วทรวงอกอิ่มตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เมื่อธีร์ภาณุถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง แล้วยกตัวขึ้นทาบทับหญิงสาวไว้โดยที่ตัวเองยังไม่ได้ถอดชุดนอนออกจากร่างกาย มือหนาหยอกเอินอกอวบอย่างเบามือ และไล้ไปมาวนรอบตุ่มไตของยอดอกสีสวยหนักบ้างเบาบ้างเป็นจังหวะเน้นๆ ริมฝีปากหนาก้มลงครอบครองดูดกลืนยอดอกอีกข้าง ลิ้นร้อนสากไล้วนไปมาบนยอดอกช้าๆก่อนจะเพิ่มความเร็วรัวจนร่างบางแอ่นสะท้าน ไอรักแทบจะสำลักลมหายใจตัวเอง หญิงสาวอ้าปากเพื่อช่วยในการดูดอากาศเข้าปอด ถึงกระนั้นเธอก็ยังได้ยินเสียงครางแว่วหวานของตัวเองทุกจังหวะการรุกรานเป็นไปอย่างหนักแน่นและรัวเร็ว ในขณะไอรักคิดว่าตนเองกำลังจะขาดใจ หากต้องผวาเสียววาบไปทั่วท้องน้อย เมื่อนิ้วเรียวใหญ่แทรกผ่านกลางเนินเนื้อสาว ธีร์ภาณุค้นพบว่าไอรักเร่าร้อนพอแล้วสำหรับเขา หากแต่ชายหนุ่มเคยบอกไปแล้วไงว่าจะไม่ทำอะไร หากหญิงสาวไม่เต็มใจนิ้วเรียวใหญ่ช่างร้ายกาจนัก เมื่อชายหนุ่มจงใจกดเน้นล้ำลึกอย่างช้าๆ แล
“หนูไอขี้โกง” ไอรักขมวดคิ้วนิดหนึ่งไม่เข้าใจความหมาย ก่อนที่จะรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ร่างกายส่วนที่เพิ่งได้รับการเติมเต็มไปเมื่อสักครู่ก็ถูกรุกรานอีกครั้ง ธีร์ภาณุขยับกายเข้าออกอย่างเชื่องช้าในจังหวะแรก มือหนาบีบเคล้นอกอวบด้วยอารมณ์รัก ก่อนจะเร่งจังหวะสุดท้ายพร้อมกับใช้นิ้วมือบีบเคล้นจุดที่ไวต่อสัมผัสกลางกายสาว ไอรักบิดตัวไปมาครางเสียงหวานเมื่อไม่สามารถต้านทานความรู้สึกเสียวซ่านได้ ในที่สุดชายหนุ่มก็จับจูงหญิงสาวพาไปสัมผัสความรู้สึกสุขสมที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างพร้อมกัน วิมานแสงดาวที่ธีร์ภาณุพาไอรักมาแตะต้องครั้งนี้ ช่างเร่าร้อนและอิ่มเอม จนหญิงสาวต้องกรีดร้องเสียงดังยาวนาน ในขณะที่ชายหนุ่มก็คำรามเสียงทุ้มออกมาอย่างสุดกั้น ธีร์ภาณุซบลงบนตัวหญิงสาว เสียงหายใจถี่กระชั้นของทั้งสองดังประสานกัน“พี่ธีร์...หนูไอหนักค่ะ” เสียงประท้วงอ้อมแอ้มหลังจากพายุอารมณ์รักพัดผ่านไปสักครู่ ทำให้ธีร์ภาณุเลื่อนตัวลงมานอนข้างๆไอรัก ก่อนจะกอดเกี่ยวร่างบางไว้แนบอก แล้วจูบย้ำที่หน้าผากมนแรงๆ“เห็นไหมว่าพี่ไม่เคยบังคับใจใคร” ไอรักก้มหน้างุดกับอกกว้าง หญิงสาวรู้ตัวดีว่าตนเองเป็นฝ่ายเรียกร้องจากช
มือเล็กค่อนข้างสั่นเล็กน้อยขณะที่หยิบสิ่งของที่ต้องการออกจากกระเป๋า เธอเลือกใช้อันที่แกะออกจากซองแล้ว แต่พอหยิบอกมาดูก็เกิดอาการงง แล้วเขาใส่กันยังไง พลิกไปพลิกมาขยี้ขยำจนถุงยางอนามัยคลายตัวออกมา นั่นแหละใบหน้านวลถึงยิ้มออกมาได้เออ...อย่างนี้หน่อย ถึงพอจะคิดออกว่าใส่ยังไงน่านน้ำมองสิ่งของที่ถืออยู่ในมือสลับกับกลางกายของคนที่นอนนิ่งอยู่ หญิงสาวเลือกที่จะหลับตาก่อนจะยื่นมือออกไปเปิดผ้าขนหนู เพื่อเปิดเผยบางสิ่งที่เร้นลับเหลือเกินในความคิดของตัวเอง เกิดมาไม่เคยเจอไม่เคยเห็นมันจะเป็นยังไงหนอ ตาที่ปิดอยู่ค่อยๆหรี่ขึ้นมองช้าๆ“อุ๊ย!” น่านน้ำสะดุ้งสุดตัว เมื่อขณะที่กำลังจะชักมือกลับพร้อมกับลืมตาขึ้นทีละน้อยนั้น มือใหญ่ก็กำข้อมือเล็กของเธอไว้หมับ“ขอกอดหน่อย” อยู่ดีๆภูชิตก็ตวัดวงแขนเกี่ยวเอาร่า
หญิงสาวใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กรองน้ำจากก๊อกน้ำอุ่นที่อ่างล้างหน้า ขณะที่ขยำและพลิกผ้าไปมาเพื่อให้เปียกทั่วทั้งผืน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำเล็กๆวางอยู่ในกระจาดเล็กรวมกับของใช้จำพวกแชมพูครีมอาบน้ำในขวดเล็กๆ น่านน้ำโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ เห็นคนตัวโตยังนอนหลับอยู่ที่โซฟาจึงตัดสินใจวางผ้าผืนเล็กลงในอ่างล้างหน้า แล้วหยิบกล่องเล็กนั้นขึ้นพลิกไปพลิกมา ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันคือกล่องถุงยางอนามัย แต่ที่อยากรู้คือมันใช้ยังไง“อยากรู้ก็ต้องเปิดดูสิ” เมื่อบอกตัวเองดังนั้น น่านน้ำจึงจัดแจงแกะพลาสติกที่หุ้มกล่องอยู่ออก แล้วเอากล่องมาจ่อที่จมูก“ไม่มีกลิ่นแฮะ!” มือเล็กเปิดฝากล่องออกแล้วเทของที่อยู่ในกล่องออกมาเทบนเคาเตอร์“ตั้งสามอันแน่ะ เขาใส่กันทีเดียวสามอันเลยเหรอ” คนอยากรู้อยากเห็นจับของที่อยู่ในซองพลิกไปพลิกมาสำรวจทีละอัน ก่อนจะตัดสินใจฉีกซองแล้วจีบมือจับบางสิ่งบางอย่างออกจากซอง บางส
“ไปสิ คุณก็ควรจะพักผ่อนเหมือนกันนะ” ขายาวก้าวนำก่อน ขาเล็กจึงลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินตาม หัวใจเต้นโครมคราม สมองกำลังคิดไตร่ตรองว่าสิ่งที่ตัดสินใจถูกแล้วหรือนี่เรากำลังจะเต็มใจสูญเสียพรหมจรรย์ทิ้งไว้ที่นี่เหรอ เอาจริงใช่ไหม ถอยตอนนี้ทันไหม เอายังไงดีในขณะที่สมองทำงานอย่างหนัก น่านน้ำไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าประตูถูกปิดลงแล้ว และเธอก็ถูกจูงมานั่งบนเตียงกว้างกลางห้อง ภูชิตปล่อยมือบางแล้วเอนตัวลงนอนทันที ปล่อยหญิงสาวที่นั่งหลับตาปี๋รอคอยอย่างคาดหวัง เมื่อรอจนนานแล้วยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกาย ตากลมโตจึงเปิดขึ้น แล้วหันไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้ม น่านน้ำไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือโล่งใจดี หญิงสาวหันรีหันขวาง ความเงียบรอบกายและอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้คนที่นอนน้อยตัดสินใจเดินตรงไปที่โซฟาตัวใหญ่ ร่างบางนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มแล้วเอนตัวลงนอน ไม่ถึงห้านาทีน่านน้ำก็เข้าสู่ห้วงนิทรา หลับสนิททันที&nbs
จริงจัง?“ผมหมายความว่ามันดูสมเหตุสมผลที่จะเอาคุณไปอ้าง” น่านน้ำถอนหายใจแรง ใจเต้นกับคำว่าจริงจังนี่สินะพรหมลิขิต เราต่างก็จริงจังต่อกัน“ก็ได้ค่ะคุณภูชิต น้ำถือว่ายังอยู่ในเนื้องาน” จะให้ตอบตกลงใบหน้ายิ้มแป้นก็กระไรอยู่ เป็นผู้หญิงมันต้องมีชั้นเชิง น้ำเสียงที่ใช้จึงค่อนข้างราบเรียบ“ไหน...เรียกใหม่ซิ”“ค่ะ...คุณภูขา” คนถูกเรียกกลั้นยิ้มไว้ภายใต้หน้าตานิ่งเฉย คนที่เอ่ยเรียกใจเต้นโครมคราม เมื่อคิดว่าสิ่งที่หวังใกล้ความจริงไปทุกขณะ“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณภูชิตจะมีคู่หมั้นแล้ว” กำนันช้างผู้
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน