“พี่ธีร์” ไอรักเรียกหาคนป่วยเมื่อขึ้นบ้านมาแล้วไม่เห็นธีร์ภาณุนั่งอยู่ที่เดิม
“ไปไหนของเขานะ” ไอรักเดินตามเข้าไปหาในห้องนอน มองไปยังประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่
“พี่ธีร์อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่าคะ” ไอรักเคาะประตูห้องน้ำเบาๆ แต่ก็เงียบไม่มีเสียงตอบ หญิงสาวเลยเปิดประตูห้องน้ำ แล้วโผล่หน้าเข้าไปมองหา จึงได้เห็นว่าคนตัวโตนอนหลับตาพริ้มแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ
“พี่ธีร์” ไอรักเรียกเบาๆ ธีร์ภาณุลืมตาขึ้นช้าๆ เขายันกายขึ้นนั่งตัวตรงในอ่างอาบน้ำ
“พี่เมื่อยตัวเลยอยากแช่น้ำอุ่นหน่อย นี่เผลอหลับไปหรือเนี่ย” ธีร์ภาณุพูดด้วยน้ำเสียงเพลียๆ
“หนูไอรอที่โต๊ะหลังบ้านนะคะ อีกเดี๋ยวป้าบัวจะยกกับข้าวมาให้”
“ครับ...โอ๊ย!” ธีร์ภาณุยกมือขึ้นกุมหัว สีหน้าแสดงอาการเจ็บปวดได้อย่างแนบเนียน ไอรักรีบปราดเข้าไปนั่งลงข้างอ่างอาบน้ำ แล้วจับบ่าคนสำออยด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรคะ ปวดหัวหรือคะ ไปหาหมอไหม” คนเป็นห่วงซักถามอาการเร็วปรื๋อ
“เจ็บตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้” ธีร์ภาณุจับมือบางวางตรงนั้น ตรงนี้แล้วทำหน้าสำออย แต่ไอ้ตรงนี้สุดท้ายของเขาน่ะ มันอยู่ใต้น้ำ คนที่สัมผัสได้ถ
“ได้ยาดีอย่างนี้หายวันหายคืนแน่” ไอรักหยิกที่อกกว้างเบาๆ“เจ้าเล่ห์ตลอด ไปทานข้าวกันได้แล้วค่ะ ป่านนี้ป้าบัวยกสำรับมาให้แล้ว”“อีกนิดไม่ได้เหรอ?” ธีร์ภาณุออดอ้อนต่อรอง“หยุดเลยนะ อีกนิดของพี่ธีร์มันไม่เคยเชื่อถือได้เลยค่ะ ไปค่ะลุกแล้วไปทานข้าวกันจะได้ทานยา”“รู้ทันตลอด” ธีร์ภาณุลุกขึ้นจากอ่างก่อน เขาไม่อายร่างกายของตัวเอง แต่ไอรักน่ะสิ ได้แต่ก้มหน้างุดไม่กล้ามอง ทั้งที่ก็เห็นมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว“ลุกขึ้นสิครับหนูไอ พี่จะเช็ดตัวให้” ธีร์ภาณุพันผ้าเช็ดตัวที่เอวสอบ แล้วถือไว้ในมืออีกผืน ไอรักโยกโย้ไม่อยากลุกขึ้นจากอ่าง“พี่ธีร์ออกไปก่อน หนูไอเช็ดเองก็ได้ค่ะ”“ถ้าหนูไอไม่ลุกออกมาจากตรงนั้น พี่จะลงไปอีกนะ” ไม่พูดเปล่ามือหนาทำท่าจะปลดปมผ้าขนหนูที่เอวตนเองด้วย“ลุกค่ะ ลุกแล้ว” ไอรักลุกขึ้นก้าวขาเรียวอกมาจากอ่าง ธีร์ภาณุมองร่างสมส่วนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าแล้วยิ้มกริ่ม ไอรักค้อนขวับวงใหญ่“หนาวค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเบาๆ ทำให้ธีร์ภาณุต้องรีบใช้ผ้าเช็ดตัวให้ร่างนุ่มนิ่มอย่างอ้อยอิ่ง“แต่งงานแล้ว เราอาบน้ำด้วยกันทุกวันเนอะ” ไอรักตวัดส
ไอรักหลับยาวแทบจะไม่รู้เรื่อง หลังจากจบงานพิธีช่วงเช้าตอนเกือบเที่ยง และถูกพาตัวมาที่ไร่เพื่อเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงกลางคืน หญิงสาวถูกกำหนดว่าให้พักผ่อน ก่อนจะลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมอีกครั้งเพียงสองชั่วโมง หากแต่คนที่เป็นเจ้าบ่าวกลับไม่ได้พักผ่อนเลย เขาต้องการตรวจงานเองทุกอย่างเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด“นายเล็ก พี่หนูไอยังไม่ออกมาจากห้องเลยค่ะ สงสัยหลับอยู่น่ะค่ะ ช่างแต่งหน้าทำผมมานั่งรอนานแล้วนะคะ” น้อยหน่าวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกชายหนุ่มขณะที่เขากำลังสั่งงานเสร็จพอดี และกำลังจะไปเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงค่ำคืนนี้“หนูไอคงเหนื่อยมาตั้งแต่เมื่อเช้าน่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเรียกให้เอง”ธีร์ภาณุเดินเร็วกลับไปยังบ้านหลังเล็กของเขา เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน บรรดาช่างแต่งหน้าทำผมที่เป็นสาวประเภทสอง ต่างก็แอบกรี๊ดอยู่ในใจเมื่อเห็นเจ้าบ่าวในระยะใกล้“ขอโทษนะครับที่ต้องรอ เดี๋ยวผมจะเรียกเจ้าสาวให้นะครับ”พูดจบธีร์ภาณุหายเขาไปในห้องนอนพร้อมกับปิดล็อกประตู ทำเอาคนที่นั่งรอแต่งหน้าเจ้าสาวที่ได้ยินเสียงล็อกประตู ต่างมองหน้ากันว่าจะ ล็อกประตูเพื่ออะไร แค่เข้
ปอยผมระบ่าเนียน บนศีรษะถูกแซมด้วยดอกไม้สีฟ้าดอกเล็กๆหลายดอกเมื่อเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวขึ้นไปอยู่บนเวที พิธีกรจึงเริ่มทำหน้าที่ เชิญพ่อและแม่ของทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวขึ้นมาบนเวทีเพื่อกล่าวคำอวยพรพร้อม ทั้งถ่ายรูปหมู่ครอบครัว รอยยิ้มและเสียงหัวเราะทำให้บรรยากาศอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณงานคู่ไทธรณ์และรสิตาได้ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอตอนตีหนึ่ง โดยใช้คฤหาสน์หลังใหญ่ของเจ้าสัวปรีชาที่ไทธรณ์ย้ายสำมะโนครัวเข้าไปอยู่แล้วเป็นเรือนหอคู่ของธีร์ภาณุและไอรักได้ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอก่อนเที่ยงคืน ซึ่งคุณกานดาตกลงว่าจะใช้เวลา23.59น. เป็นฤกษ์ดี และเรือนหอที่ใช้ก็คือบ้านหลังเล็กในไร่นี้เอง ตามความประสงค์ของเจ้าบ่าวงานเลี้ยงเต็มไปด้วยความชื่นมื่นและรอยยิ้ม เจ้าบ่าวทั้งสองคอยประคับประคองดูแลเจ้าสาวของตนเองอย่างดี จนหญิงสาวที่มาร่วมงานต่างอิจฉา ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มเพื่อนไอรักสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย“สวัสดีค่ะพี่ธีร์” พิมพ์รพีพรหนึ่งในสองสาวที่มีท่าทางมั่นใจ เอ่ยทักทายเพื่อนเขย เมื่อเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเดินทักทายขอบคุณแขกเหรื่อในงานจนมาถึงโต๊ะที่พวกเธอนั่งกันอยู่
“รู้สึกว่าคุณพิมพ์จะมีปัญหาคาใจจริงนะครับ” ปลัดเมฆารู้สึกกรุ่นๆขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ที่ผู้หญิงคนนี้ดูจะปักใจเชื่อว่าเขาเป็นประเภทชอบไม้ป่าเดียวกัน นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่กลางงานแต่งเพื่อนรักล่ะก็ จะจับมาจูบกระชากวิญญาณให้ถอนคำพูดให้ได้เลยล่ะ รู้จักเสือเมฆาน้อยไปเสียแล้ว“ขอโทษด้วยนะคะพี่เมฆ ยายพิมพ์เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว หนูไอเล่าให้ฟังทุกอย่างแล้ว แกยังจะสงสัยอะไรอีกเนี่ย” ประโยคท้ายๆน่านน้ำพยายามกระซิบเบาๆกับเพื่อนสาวตัวเองพิมพ์รพีพรจึงเงียบและไม่พูดอะไรต่อ ปลัดเมฆาเองที่ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงด้วยจึงเงียบด้วยเช่นกัน“คุณภูชิตครับ” ปลัดเมฆาร้องเรียกภูชิต และโบกไม้โบกมือให้สัญญาณ ภูชิตที่เพิ่งมาถึงงานจึงเดินตรงไปยังโต๊ะที่ปลัดเมฆานั่งอยู่กับสองสาวเพื่อนของไอรัก“สวัสดีครับปลัด” ภูชิตทักทายพร้อมกับยื่นมือสัมผัสกับมือของปลัดเมฆาที่ยื่นมารออยู่ก่อนแล้ว“สวัสดีครับ คุณภูชิตมีโต๊ะนั่งหรือยังครับ”“ผมเพิ่งมาถึงน่ะครับยังไม่มีโต๊ะครับ”“ถ้าคุณภูชิตไม่รังเกียจ เชิญร่วมโต๊ะกับพวกเราได้นะครับ นี่คุณพิมพ์กับคุณน้ำ เพื่อนของเจ้าสาวครับ คุณพิมพ์ คุ
“จะทำอะไร ปล่อยนะ” พิมพ์รพีพรโวยวายประท้วงเมื่อข้อมือบางถูกคว้าหมับและจับไว้แน่น“รู้ไหมว่าผู้ชายไม่ชอบให้ใครมาตราหน้าว่า ไอ้ตุ๊ด”“เหรอ ไอ้ตุ๊ด ๆๆ อุ๊บ!” เสียงของพิมพ์รพีพรถูกกลืนหายเข้าไปในปากของปลัดเมฆา ริมฝีปากหนาบดเคล้าจนพิมพ์รพีพรรู้สึกเจ็บ จนต้องเปิดปากตัวเองรับลิ้นร้อนร้ายกาจของชายหนุ่มอย่างไม่ได้เต็มใจนัก ร่างบางพยายามดิ้นรนจากอ้อมแขนแข็งแรงที่ตอนแรกเธอเองคิดว่าอ้อนแอ้นราวกับผู้หญิง แต่เมื่อได้สัมผัสใกล้ชิดทำให้หญิงสาวรู้ว่า มันแข็งแกร่งเหลือเกิน พิมพ์รพีพรพยายามดิ้นรน แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนกับว่าเธอยิ่งติดกับดัก ที่ถูกรัดรึงด้วยอ้อมแขนแข็งแรงของชายหนุ่ม“อ้าว! ยายพิมพ์หายไปไหนแล้วล่ะ ไม่รอกันเลย” น่านน้ำที่กลับออกมาจากห้องน้ำเมื่อไม่เห็นเพื่อนรักจึงเดินกลับเข้าไปในงาน โดยไม่ได้เอะใจว่าเพื่อนตัวเองกำลังถูกลงโทษอยู่อีกด้านของพุ่มดอกแก้วเมื่อได้ชิมความหวานจากริมฝีปากบางที่ช่างค่อนขอด ปลัดเมฆาเองกลับเคลิ้มจนไม่อยากถอนริมฝีปากออก แต่เมื่อต้องตัดใจถอนริมฝีปาก ชายหนุ่มยังไม่วายกระซิบชิดอยู่ริมฝีปากบาง“นี่คือบทเรียนสำหรับผู้หญิงตัวเล็กอย่า
“บ้าน่าแก มันเป็นเรื่องขำๆ ฉันไม่เชื่อหรอก” พิมพ์รพีพรกล่าวอย่างไม่สนใจมากนัก“เหลือดอกไม้ของพี่แนน เผื่อฉันจะได้บ้าง อย่าเพิ่งไปไหนนะแก” น่านน้ำดึงแขนเพื่อนไว้ ขณะที่สาวๆยังยืนเต็มบริเวณหน้าเวที“จะโยนมาแล้วแก” น่านน้ำปรี่วิ่งเข้าไปหน้าเวทีท่ามกลางสาวๆ เธออาจจะสนใจแต่ช่อดอกไม้จนลืมระวังตัว ความเร็วของฝีเท้าบวกกับรองเท้าส้นสูงที่ไม่คุ้นชินเท่าไรนัก ทำให้เธอหกล้มหัวคะมำอยู่ในท่าคลานเข่า หัวเข่าถลอกปอกเปิก หญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆต่างเบี่ยงตัวหลบ เพราะกลัวถูกน่านน้ำดึงให้ล้มลงไปด้วยดอกไม้ช่อเล็กๆตกอยู่ตรงหน้า น่านน้ำกลอกตามองซ้ายขวา เอาวะหน้าแตกทั้งที่ก็ให้มันคุ้มหน่อย เธอตัดสินใจคว้าช่อดอกไม้ตรงหน้าขึ้นมา ก่อนจะลุกขึ้นด้วยความยากเย็น หญิงสาวเดินกะเผลกตรงไปหาเพื่อน พิมพ์รพีพรทำหน้าตาเหยเกกับท่าทางของเพื่อน เธอไม่รู้ว่าจะขำหรือจะสงสารเพื่อนดี แต่ยังไม่ทันเอ่ยอะไร น่านน้ำก็ดึงแขนเพื่อนสาวก้าวฉับๆเพื่อจะกลับไปที่โต๊ะทันที อายก็อายแต่มันแก้ไขสถานการณ์อะไรไม่ได้แล้ว เธอจึงเลือกที่จะเดินออกจากบริเวณหน้าเวทีเงียบๆ พร้อมกับกำช่อดอกไม้ในมือไว้แน่นสองสาวเดินยังไม่ถึง
“ป๊าเชื่อว่าได้ฝากลูกสาวไว้กับคนที่สามารถดูแลลูกสาวป๊าได้ ขอบใจธีร์มากนะที่ไม่ทำให้ป๊าผิดหวัง” ไอรักและธีร์ภาณุก้มศีรษะลงไหว้ท่านทั้งสอง เสี่ยอินตบบ่าลูกเขยเบาๆคำอวยพรต่างๆนานาของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายในการส่งตัวเข้าห้องหอ มันช่างยืดยาวนักในความคิดของธีร์ภาณุ และเมื่อประตูห้องถูกปิดลง ชายหนุ่มจึงยิ้มให้ภรรยาของตนเอง หากแต่ไอรักมัวแต่เหยียดขาออกเพราะเมื่อยขบเต็มที่ ธีร์ภาณุจึงลุกขึ้นยืนก่อนพร้อมกับยื่นมือให้ไอรัก“เมื่อยละสิ” ไอรักพยักหน้าพร้อมกับยื่นมือให้ธีร์ภาณุช่วยประคองตนเองให้ลุกขึ้น“หนูไออาบน้ำก่อนเลยนะครับ ดึกมากแล้วจะได้พักผ่อน” ไอรักทำตามอย่างว่าง่าย หญิงสาวเดินไปค้นชุดในตู้แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ อย่างรวดเร็ว จนธีร์ภาณุอดขำกับอาการของไอรักไม่ได้ด้านไทธรณ์และรสิตา พร้อมกับญาติผู้ใหญ่เดินทางกลับคฤหาสน์เจ้าสัวปรีชา หลังจากส่งตัวคู่น้องเข้าห้องหอไปแล้ว เพื่อทำพิธีส่งตัวเข้าหอ ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวคำอวยพรแก่คู่บ่าวสาว ที่นั่งอยู่บนพื้นภายในห้องหอที่ถูกประดับประดาด้วยดอกกุหลาบสีชมพู เนิ่นนานจนรสิตา แทบจะสัปหงก“พ
“พี่รักหนูไอนะครับ” พูดจบก็ประคองหน้านวลไว้ในอุ้งมือแผ่วเบา ไอรักสบสายตาของชายหนุ่มที่มองมา หญิงสาวหลับตาพริ้ม ธีร์ภาณุจึงประทับรอยจูบแผ่วเบาที่หน้าผากมน แล้วเลื่อนมากระซิบที่ข้างหูของไอรัก“รอพี่สักครู่นะครับ อันนี้มัดจำไว้ก่อน” ไอรักยิ้มเขินธีร์ภาณุในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงนอนขายาว เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปทั่วห้อง แต่กลับไม่พบเจ้าสาวหมาดๆของตัวเอง หากแต่ชายหนุ่มสะดุดตากับประตูกระจกบานใหญ่ริมระเบียงที่ปิดไม่สนิทไอรักยืนกอดอกอยู่ริมระเบียง หญิงสาวทอดสายตาไกลออกไป สายลมหนาวพัดเบา ทำให้ผมยาวที่ถูกปล่อยเป็นอิสระปลิวไสวตามแรงลม“อุ๊ย!” เมื่อถูกสวมกอดจากด้านหลังหญิงสาวจึงอุทานด้วยความตกใจ“อากาศเย็นมากนะครับ มายืนตากลมคนเดียวระวังจะไม่สบาย” ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดแน่น ถ่ายทอดความอบอุ่นให้กับหญิงสาว ไอรักเอนศีรษะพิงกับแผงอกกว้าง และวางมือบนท่อนแขนแข็งแรงที่โอบกอดตัวเธอไว้“คืนนี้ดาวสวยนะคะ เต็มท้องฟ้าเลย”“ทุกคืนต่อจากนี้ไปจะเป็นค่ำคืนที่สวยงามสำหรับพี่เสมอ” ไอรักพลิกตัวกลับมามองชายหนุ่ม
มือเล็กค่อนข้างสั่นเล็กน้อยขณะที่หยิบสิ่งของที่ต้องการออกจากกระเป๋า เธอเลือกใช้อันที่แกะออกจากซองแล้ว แต่พอหยิบอกมาดูก็เกิดอาการงง แล้วเขาใส่กันยังไง พลิกไปพลิกมาขยี้ขยำจนถุงยางอนามัยคลายตัวออกมา นั่นแหละใบหน้านวลถึงยิ้มออกมาได้เออ...อย่างนี้หน่อย ถึงพอจะคิดออกว่าใส่ยังไงน่านน้ำมองสิ่งของที่ถืออยู่ในมือสลับกับกลางกายของคนที่นอนนิ่งอยู่ หญิงสาวเลือกที่จะหลับตาก่อนจะยื่นมือออกไปเปิดผ้าขนหนู เพื่อเปิดเผยบางสิ่งที่เร้นลับเหลือเกินในความคิดของตัวเอง เกิดมาไม่เคยเจอไม่เคยเห็นมันจะเป็นยังไงหนอ ตาที่ปิดอยู่ค่อยๆหรี่ขึ้นมองช้าๆ“อุ๊ย!” น่านน้ำสะดุ้งสุดตัว เมื่อขณะที่กำลังจะชักมือกลับพร้อมกับลืมตาขึ้นทีละน้อยนั้น มือใหญ่ก็กำข้อมือเล็กของเธอไว้หมับ“ขอกอดหน่อย” อยู่ดีๆภูชิตก็ตวัดวงแขนเกี่ยวเอาร่า
หญิงสาวใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กรองน้ำจากก๊อกน้ำอุ่นที่อ่างล้างหน้า ขณะที่ขยำและพลิกผ้าไปมาเพื่อให้เปียกทั่วทั้งผืน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำเล็กๆวางอยู่ในกระจาดเล็กรวมกับของใช้จำพวกแชมพูครีมอาบน้ำในขวดเล็กๆ น่านน้ำโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ เห็นคนตัวโตยังนอนหลับอยู่ที่โซฟาจึงตัดสินใจวางผ้าผืนเล็กลงในอ่างล้างหน้า แล้วหยิบกล่องเล็กนั้นขึ้นพลิกไปพลิกมา ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันคือกล่องถุงยางอนามัย แต่ที่อยากรู้คือมันใช้ยังไง“อยากรู้ก็ต้องเปิดดูสิ” เมื่อบอกตัวเองดังนั้น น่านน้ำจึงจัดแจงแกะพลาสติกที่หุ้มกล่องอยู่ออก แล้วเอากล่องมาจ่อที่จมูก“ไม่มีกลิ่นแฮะ!” มือเล็กเปิดฝากล่องออกแล้วเทของที่อยู่ในกล่องออกมาเทบนเคาเตอร์“ตั้งสามอันแน่ะ เขาใส่กันทีเดียวสามอันเลยเหรอ” คนอยากรู้อยากเห็นจับของที่อยู่ในซองพลิกไปพลิกมาสำรวจทีละอัน ก่อนจะตัดสินใจฉีกซองแล้วจีบมือจับบางสิ่งบางอย่างออกจากซอง บางส
“ไปสิ คุณก็ควรจะพักผ่อนเหมือนกันนะ” ขายาวก้าวนำก่อน ขาเล็กจึงลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินตาม หัวใจเต้นโครมคราม สมองกำลังคิดไตร่ตรองว่าสิ่งที่ตัดสินใจถูกแล้วหรือนี่เรากำลังจะเต็มใจสูญเสียพรหมจรรย์ทิ้งไว้ที่นี่เหรอ เอาจริงใช่ไหม ถอยตอนนี้ทันไหม เอายังไงดีในขณะที่สมองทำงานอย่างหนัก น่านน้ำไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าประตูถูกปิดลงแล้ว และเธอก็ถูกจูงมานั่งบนเตียงกว้างกลางห้อง ภูชิตปล่อยมือบางแล้วเอนตัวลงนอนทันที ปล่อยหญิงสาวที่นั่งหลับตาปี๋รอคอยอย่างคาดหวัง เมื่อรอจนนานแล้วยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกาย ตากลมโตจึงเปิดขึ้น แล้วหันไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้ม น่านน้ำไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือโล่งใจดี หญิงสาวหันรีหันขวาง ความเงียบรอบกายและอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้คนที่นอนน้อยตัดสินใจเดินตรงไปที่โซฟาตัวใหญ่ ร่างบางนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มแล้วเอนตัวลงนอน ไม่ถึงห้านาทีน่านน้ำก็เข้าสู่ห้วงนิทรา หลับสนิททันที&nbs
จริงจัง?“ผมหมายความว่ามันดูสมเหตุสมผลที่จะเอาคุณไปอ้าง” น่านน้ำถอนหายใจแรง ใจเต้นกับคำว่าจริงจังนี่สินะพรหมลิขิต เราต่างก็จริงจังต่อกัน“ก็ได้ค่ะคุณภูชิต น้ำถือว่ายังอยู่ในเนื้องาน” จะให้ตอบตกลงใบหน้ายิ้มแป้นก็กระไรอยู่ เป็นผู้หญิงมันต้องมีชั้นเชิง น้ำเสียงที่ใช้จึงค่อนข้างราบเรียบ“ไหน...เรียกใหม่ซิ”“ค่ะ...คุณภูขา” คนถูกเรียกกลั้นยิ้มไว้ภายใต้หน้าตานิ่งเฉย คนที่เอ่ยเรียกใจเต้นโครมคราม เมื่อคิดว่าสิ่งที่หวังใกล้ความจริงไปทุกขณะ“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณภูชิตจะมีคู่หมั้นแล้ว” กำนันช้างผู้
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน