LOGINขณะที่กลุ่มชมรมคนขี้นินทากำลังพูดกันอย่างสนุกปากอยู่นั้น ย่าหลี่ก็เดินผ่านมากับลูกสะใภ้ซึ่งก็คือแม่ของหลี่ชิงเหยา ย่าหลี่พอได้ยินว่ามีคนนินทาหลานสาวในทางไม่ดีก็รู้สึกโกรธขึ้นมา
‘ด่ากันไปก็เหนื่อยเปล่า แต่ถ้าจะเอาให้สาแก่ใจนั้น ต้องทำให้พวกนี้หุบปากให้ได้’ ย่าหลี่คิดในใจ จากนั้นจึงแหงนมองหาอะไรบางอย่าง พอเห็นเป้าหมายแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างถูกใจ ก่อนจะกระซิบกับฟางเหนียงลูกสะใภ้ตัวเองเบา ๆ
ฟางเหนียงได้ยินก็เบิกตากว้าง เธอไม่คิดว่าแม่สามีจะมีความคิดแบบนี้ แต่สุดท้ายก็พยักหน้าเอาด้วย เพราะไม่ชอบชาวบ้านกลุ่มนี้สักเท่าไร ที่ชอบพูดถึงลูกสาวเธอในทางเสียหาย
แม่สามีกับลูกสะใภ้รีบมาหลบหลังต้นไม้ โดยที่สายตามองหาสิ่งของเหมาะมือมาถือไว้คนละอันสองอัน หลังจากหาที่ซ่อนได้แล้ว จึงหยิบก้อนหินขนาดพอเหมาะมือขึ้นมา จากนั้นก็เล็งไปที่รังมดแดงตรงต้นไม้ที่กลุ่มชาวบ้านพวกนั้นนั่งอยู่ แล้วปาก้อนหินออกไป และย่าหลี่ก็ปาแม่นซะด้วยสิ
“โอ๊ย!! นี่มันมดแดงนี่นา ตกลงมาได้ยังไงกันเนี่ย”
หลังจากก้อนหินโดนรังมดแดง เสียงร้องโวยวายของชาวบ้านกลุ่มนี้ก็ดังขึ้น พร้อมกับปัดมดแดงที่หล่นลงมาใส่ตัวออก
สองแม่สามีกับลูกสะใภ้ยังไม่รามือแค่นั้น ทั้งสองยังคงหาก้อนหินเขวี้ยงใส่รังมดแดงไม่หยุด หวังให้รังมดแดงรังนี้หล่นลงมาใส่หัวคนที่ชอบนินทา
จนเมื่อเห็นว่าภารกิจสมหวังแล้ว ก็รีบออกมาจากตรงนั้นทันทีด้วยความสะใจ
ฝ่ายหลี่ชิงเหยา
เมื่อหญิงสาวตั้งสติได้แล้ว ก็ลุกออกมาจากห้องเพื่อสำรวจบ้านหลังนี้ ซึ่งบ้านหลี่เป็นบ้านชั้นเดียวตามแบบเดิม แต่ก็สร้างด้วยอิฐและมุงหลังคาด้วยกระเบื้อง ดูแล้วคงใช้เงินไม่น้อย
‘ดีจัง แม้ว่าฐานะบ้านหลี่ไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ก็ไม่ได้ลำบาก ถือว่าพออยู่พอกิน แบบนี้ฉันก็ไม่ลำบากน่ะสิ” หลี่ชิงเหยาพูดออกมาเบา ๆ
จากความทรงจำ ตอนนี้หลี่หยวนและหลี่เหวินยังคงทำงานในทุ่ง เพราะยังไม่มีการเลิกคอมมูน แต่ก็ไม่ได้บังคับเหมือนเมื่อก่อน เวลานี้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละคน
ส่วนแม่กับย่าของเธอก็จะผักป่ามาทำกับข้าว หรือหากวันไหนได้มาเยอะหน่อย ก็จะเอาไปขายที่ตลาดนัดในหมู่บ้านถัดไป
“ความเป็นอยู่ก็สงบดีนะ บ้านนี้รักกันดี” หลี่ชิงเหยาพูดออกมาเบา ๆ หลังจากคิดทบทวนความจำแล้ว “แต่ชีวิตจริงมันจะเดินเรื่องเหมือนในนิยายหรือเปล่านะ และที่สำคัญ ฉันดันอ่านไม่จบเสียนี่ เฮ้อ...” เธอพูดจบก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“แม้ว่ายุคนี้จะมีให้ชาวบ้านทำการค้าบ้างแล้ว แต่สินค้าบางอย่างยังจำกัดและยังต้องใช้คูปองในการซื้อที่สหกรณ์อยู่สินะ ว่าแต่ทำไมฉันถึงไม่มีมิติเหมือนคนอื่นในนิยายที่เคยอ่านบ้างนะ แบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย” เธอยังคงพูดกับตัวเองวนไปวนมาในตอนที่เดินสำรวจบ้าน
ขณะเดียวกันนั้นย่าหลี่และฟางเหนียงก็กลับมาถึงบ้านพอดี เมื่อเห็นว่าหลี่ชิงเหยาตื่นแล้ว ก็รีบเดินมาหาด้วยความดีใจ
“หลานย่าปลอดภัยแล้ว ย่าดีใจเหลือเกิน” หญิงชราเข้ามากอดและลูบศีรษะของหลานสาวด้วยความดีใจ ส่วนหญิงสาวเองก็กอดกลับไปเหมือนกัน
“ตื่นมาก็ดีแล้ว ชิงเหยาหิวหรือยัง เดี๋ยวแม่ไปทำอะไรให้กิน” ฟางเหนียงถามลูกสาวอย่างอ่อนโยน เธอตั้งใจจะไปทำอาหารให้ลูกสาวก่อน แต่โดนหลี่ชิงเหยาห้ามไว้
“ฉันยังไม่หิวค่ะแม่ เดี๋ยวค่อยกินมื้อเย็นพร้อมพ่อกับพี่ใหญ่ก็ได้ค่ะ แล้วนี่แม่กับย่าไปไหนกันมาคะ” หญิงสาวที่รับรู้ชะตากรรมว่าจะต้องมาอยู่ในร่างนี้จริงๆ ก็พยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติที่สุด จึงถามออกไปอย่างสนิทสนม
แม่สามีกับลูกสะใภ้สบตากันเป็นเชิงปรึกษาว่าจะบอกยังไงดี เพราะไม่อยากบอกเรื่องที่ทั้งสองไปทำกันมา สุดท้ายฟางเหนียงจึงพูดเรื่องเบี่ยงเบนไปทางอื่น
“แม่กับย่าก็ไปเดินเล่นแถวนี้แล้วน่ะ ว่าแต่นี่ลูกหายดีแล้วเหรอ ถึงได้ออกมาเดินเล่นข้างนอกแบบนี้ แม่ว่าลูกเข้าไปนอนพักอีกสักหน่อยดีกว่าไหม” เธอพูดออกมาอย่างอ่อนโยนและจะจูงมือลูกสาวเข้าไปในบ้าน
“ฉันนอนจนมึนหัวไปหมดแล้วค่ะแม่ ออกมาเดินเล่นข้างนอกสมองจะได้สดชื่นบ้าง” หญิงสาวตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม ในใจนั้นคิดว่า ‘ทั้งสองคนคงไปหาเรื่องใครอีกหรือเปล่านะ เพราะท่าทางของทั้งสองบ่งบอกว่าคงไม่ใช่เรื่องดี’
“แล้วนี่หลานไม่คิดจะไปเอาเรื่องกับคนบ้านโจวเหรอ ย่าคิดว่าหลานไม่ได้ตกน้ำเองหรอกใช่ไหม จะต้องมีคนรังแกหลานสาวของย่าแน่นอน” จังหวะนั้น อยู่ ๆ ย่าหลี่ก็พูดขึ้นมา นางยังต้องการจะไปสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นจากคนบ้านโจว แต่ถูกหลานชายและลูกชายห้ามไว้เสียก่อน ตอนนี้ก็สบโอกาสที่จะเอาคืนบ้านนั้นแล้ว จึงถามหลานสาวขึ้นมา
“ฉันเอาคืนแน่คะ แต่การเอาคืนของฉัน ฉันจะไม่เดินเข้าไปด่า หรือหาเรื่องฝ่ายนั้นเหมือนแต่ก่อนแล้วค่ะ อีกอย่างฉันก็ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดคนพวกนั้นด้วย ที่ผ่านมาฉันถูกเพื่อนรักคนนี้จูงจมูกมามากพอแล้ว แต่ต่อไปนี้จะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นแล้วค่ะ หลี่ชิงเหยาที่เคยโง่ในอดีต ไม่มีอีกแล้วค่ะย่า ย่ากับแม่สบายใจได้เลย”
ท่าทางของหญิงสาวที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ รวมถึงสายตาที่มุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวนั้น ทำให้ผู้เป็นแม่และย่ายิ้มออกมาด้วยความดีใจ แม้ว่าหลานสาวคนนี้จะดื้อในบางครั้ง หรืออาจจะนิสัยไม่ดีกับคนอื่นบ้าง แต่เธอก็เป็นลูกและหลานที่รักของคนบ้านหลี่
บทส่งท้าย ฉันไม่ใช่นางร้ายที่โง่เขลาอีกแล้วหนึ่งเดือนต่อมา...วันนี้คือฤกษ์ดีของบ้านหลี่และบ้านหยาง แม้ว่าการย้ายเข้าบ้านใหม่นั้นจะเอาฤกษ์ที่สะดวก แต่สำหรับการเปิดร้านค้าทั้งสองร้านนั้น ย่าหลี่บอกว่าต้องดูวันที่ฤกษ์ดี ๆ เสียหน่อยเพื่อความเจริญรุ่งเรือง เลยทำให้วันนี้เป็นวันเปิดร้านทั้งสองของพวกเขาวันนี้นายท่านเจียงถูกเชิญมาเป็นแขกผู้มีเกียรติ“ยินดีด้วยนะเฟยฟลง ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรือง หากมีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยเหลือก็ไปบอกได้เลย ฉันถือนายเป็นน้องชายคนหนึ่ง หากใครคิดจะมีเรื่องกับนาย ก็เท่ากับมีเรื่องกับฉันด้วย”นายท่านเจียงพูดอวยพรเสียงดัง จากนั้นก็ส่งของขวัญให้หลี่ชิงเหยา“ขอบคุณครับพี่เจียง” หยางเฟยหลงพูดขอบคุณและเรียกอีกฝ่ายอย่างเป็นกันเองนั่นทำให้เหล่าบรรดาพ่อค้าที่พอจะมีอิทธิพลและเส้นสาย ที่ตั้งใจจะกลั่นแกล้งร้านที่เปิดใหม่กลับต้องหน้าเสีย เพราะไม่คิดว่าเจ้าของร้านเปิดใหม่แห่งนี้ จะรู้จักกับนายท่านเจียงด้วยหลังจากนั้นไม่นานนายท่านเจียงก็เดินทางกลับไปทันที เพราะคนอย่างเขาไม่ปรากฏตัวอยู่ข้างนอกนานเกินความจำเป็นหลังจากนายท่านเจียงกลับไปไม่นาน ก็มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเดินเข้ามาแส
บทที่ 33 ในที่สุดพระเอกก็มีจุดจบหน้าหมู่บ้าน อี้หยางตงรีบมาที่จุดนัด ตอนนี้เขาแค้นใจมากเพราะรู้ข่าวว่าหลี่ชิงเหยาได้จดทะเบียนสมรสกับหยางเฟยหลงแล้ว“หึ แอบไปจดทะเบียนกันโดยไม่สนใจฉัน ต่อไปก็ไม่จำเป็นที่จะต้องการรักษาน้ำใจเธออีกแล้วนะชิงเหยา เป็นแบบนี้ฉันก็ไม่ต้องปิดบังแล้วเหมือนกันว่าที่ฉันอยากได้เธอมาก็เพราะเงินของเธอ และหากว่าเธอตกเป็นของฉันแล้ว ฉันจะบังคับให้เธอหย่าแล้วมาแต่งกับฉัน แล้วฉันรีดไถเงินมาใช้ให้หมดเลย”อี้หยางตงพูดออกมาอย่างแค้นใจ เขาตั้งใจว่าเมื่อแผนการทุกอย่างจบสิ้นลง เขาจะให้หลี่ชิงเหยาหย่าขาดจากหยางเฟยหลงแล้วมาแต่งงานกับเขาแทน “ว่ายังไง พวกนั้นมาหรือยัง” ตงหมิ่งถามอี้หยางตงเมื่อเห็นเขามาถึงจุดนัดพบแล้ว“พวกมันออกมาจากหมู่บ้านกันแล้ว ว่าแต่พวกนายรู้ได้อย่างไรว่าพวกมันจะมาย้ายออกจากหมู่บ้านวันนี้” อี้หยางตงตอบกลับไป และขมวดคิ้วอย่างสงสัยจนอดที่จะถามไม่ได้ว่าคนพวกนี้รู้ได้อย่างไรว่าบ้านหลี่และบ้านหยางจะย้ายบ้านวันนี้“การสืบข่าวเรื่องแค่นี้ไม่ยากสำหรับฉัน หากฝีมือพวกฉันไม่มีดี จะกล้ารับค่าจ้างแพง ๆ ได้อย่างไรกันล่ะ” ตงหมิ่งพูดขึ้นมาอย่างโอ้อวด เขาพยายามพูดเบี่ยงเบนไป
บทที่ 32 ชี้เป้าหมายหลี่ชิงเหยามองหนังสือรับรองการจดทะเบียนด้วยตาเป็นประกาย เธอไม่คิดว่าชาตินี้จะมีโอกาสแต่งงานจดทะเบียนเหมือนคนอื่น ก่อนจะเงยหน้ามองสามีหมาด ๆ ด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น“เราแต่งงานกันแล้วนะคะสามี” หญิงสาวพูดออกไปอย่างหยอกเย้าพอได้ยินอย่างนั้น หยางเฟยหลงยิ้มเขินเล็กน้อย พร้อมกับใบหูที่แดงเถือก ก่อนจะพูดออกไปอย่างอบอุ่นไม่ต่างกัน“ครับภรรยา พี่รักชิงเหยานะครับ”“ฉันก็รักพี่ค่ะ” หลี่ชิงเหยายิ้มหวานให้สามีพร้อมกับคำบอกรักทั้งสองต่างสบตาให้กันอย่างมีความหมาย แม้ว่าตอนนี้ทั้งสองจะไม่มีงานแต่งงานก็ตาม“พี่ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่พี่ได้ครองรักกับชิงเหยา พี่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และขอบคุณภรรยาที่รักและยอมให้ชายคนนี้ดูแล ทั้งที่พี่ไม่มีอะไรเลย” เขาบอกเธออย่างอบอุ่นส่วนหลี่ชิงเหยาเองก็คิดในใจว่า‘ฉันก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้แต่งงานกับตัวประกอบของนิยายเรื่องนี้ที่อ่านไม่จบ หวังว่าสุดท้ายแล้วต่อจากนี้ ชีวิตของฉันและเขา รวมถึงครอบครัวจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือไม่มีอะไรมากวนใจอีกแล้วนะ’แต่เธอตอบคนรักกลับไปอย่างอ่อนโยนว่า“ฉันไม่ได้มองคนที่เงินทองหรือว่าฐานะ และต้องขอโทษด้วยที่ก
บทที่ 31 วางแผนคิดร้าย“นี่ค่ะเงิน ลองนับดูนะคะว่าครบหรือเปล่า” เธอบอกด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม พอพนักงานรับเงินมานับ แล้วเห็นว่าเงินเกินมาหนึ่งร้อยหยวนจึงคืนให้อย่างซื่อสัตย์ พร้อมกับพูดว่า “คุณจ่ายเงินเกินมาหนึ่งร้อยหยวนค่ะคุณลูกค้า นี่คะ ฉันคืนให้นะคะ”หลี่ชิงเหยาเห็นแบบนี้ก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เพราะรู้ว่าคนคนนี้เป็นคนที่ใช้ได้คนหนึ่ง มีทั้งความจริงใจและความซื่อสัตย์“ไม่เป็นไรค่ะ เงินส่วนนี้ฉันให้กับคุณเป็นพิเศษค่ะ”หลี่ชิงเหยาตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“แต่มันมากเกินไปนะคะ เงินตั้งหนึ่งร้อยหยวน อีกอย่างฉันก็ได้ค่านายหน้าจากการขายครั้งนี้มากทีเดียว” เว่ยเจียงจื่อพูดออกมาอย่างเกรงใจ เธอไม่ติดว่าลูกค้าจะซื้อแบบไม่ต่อรองราคาแบบนี้ ความจริงราคานี้สามารถลดจากค่านายหน้าของเธอได้อีกนิดหน่อย“ไม่มากเกินไปหรอกค่ะ รับไปเถอะ ขอบคุณมากที่ต้อนรับเราสามคนอย่างดี โดยไม่สนใจว่าพวกเราจะใส่เสื้อผ้าแบบไหน คุณเป็นคนดีจริง ๆ ที่ไม่ตัดสินคนที่รูปลักษณ์ภายนอก สมควรที่จะได้เงินหนึ่งร้อยหยวนนี้เป็นการตอบแทนแล้วค่ะ”หลี่ชิงเหยาตอบกลับเสียงดัง ก่อนจะปรายตามองพนักงานคนแรกเล็กน้อย“ขอบคุณนะคะ พวกคุณรอ
บทที่ 30 ซื้อบ้านและร้านค้าหลี่เหวินและหยางเฟยหลงเห็นท่าทางและสายตาแบบนั้นก็เตรียมจะพูดให้ชัดเจน แต่กลับถูกหลี่ชิงเหยายกมือห้ามไว้ก่อน จากนั้นเธอจึงไม่คิดเกรงใจพนักงานคนนี้อีก จึงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“ซื้อได้หรือไม่นั้น คุณให้พวกเราดูบ้านก่อนสิ ยังไม่ทันรู้ราคาเลย แล้วบอกว่าเราไม่มีปัญญาซื้อได้อย่างไร”“จะดูทำไมให้เสียเวลา ใส่เสื้อผ้าแบบนี้หรือจะมีปัญญาซื้อบ้าน!” พนักงานสาวคนนี้ยังคงพูดจาดูถูกและเหยียดหยามทั้งสามคนไม่หยุด แถมยังแสยะยิ้มออกมาอย่างน่าเกลียดอีกด้วยคราวนี้หลี่ชิงเหยาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เธอนำเงินมาซื้อบ้าน แต่ไม่คิดว่าพนักงานสาวคนนี้จะมาทำกิริยาแบบนี้ใส่ จึงทำท่าจะสวนกลับไปอย่างเจ็บแสบแต่ยังไม่ทันที่จะพูดสวนอะไรออกไป พนักงานอีกคนที่เคยขายโกดังให้กับหลี่เหวินก็เดินเข้ามาพอดี“อ้าว สวัสดีค่ะคุณหลี่ คุณหยาง”” พนักงานสาวคนนี้ทักทายชายหนุ่มทั้งสองออกไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเป็นกันเอง“สวัสดีครับคุณเว่ย” หลี่เหวินเห็นว่าเป็นพนักงานสาวที่เคยขายโกดังให้ตนเอง ก็ทักทายกลับไปอย่างเป็นกันเอง โดยที่หยางเฟยหลงก็พยักหน้ารับการทักทายเท่านั้น“รู้จักกันเหรอ ถ้าอย่างนั้นเธอก็จัดก
บทที่ 29 พูดจาเรื่องแต่งงาน“ในเมื่อทุกคนตกลงในเรื่องนี้แล้ว ฉันกับพี่เฟยหลงมีอีกเรื่องจะพูดกับทุกคน” คราวนี้หลี่ชิงเหยาพูดขึ้นมาอย่างเขินอายเล็กน้อย พูดจบก็หันมาสบสายตากับคนรัก ก่อนที่ทั้งสองจะจับมือกันแน่น แล้วหยางเฟยหลงจึงได้พูดบางอย่างออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังว่า“ผมกับชิงเหยาตั้งใจว่าจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ผมอาจจะไม่มีเงินมาสู่ขอเธอเหมือนคนอื่น แต่ผมคิดว่าความรักที่ผมมีให้เธอนั้นมากมายกว่าเงินทอง และผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้ชิงเหยาต้องเสียน้ำตาเพราะผมเด็ดขาด ย่าหลี่ พ่อ แม่ ได้โปรดอนุญาตให้เราแต่งงานกันด้วยนะครับ” ชายหนุ่มพูดยืนยันหนักแน่น พร้อมกับมองทุกคนอย่างขอความเห็นใจ“ในเมื่อตัดสินใจกันแล้ว พ่อก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ ดีเสียอีกจะได้มาอยู่ด้วยกัน มาเป็นครอบครัวเดียวกัน แล้วตั้งใจว่าจะแต่งงานกันวันไหนล่ะ”หลี่หยวนได้ยินและได้เห็นท่าทางจริงจังนั้นก็พยักหน้ายอมรับ การที่หยางเฟยหลงกล้ามาพูดจาเรื่องสู่ขอนั้น เขาเชื่อว่าลูกสาวได้พูดคุยกับอีกฝ่ายมาแล้ว ในเมื่อลูกสาวยินยอม เขาก็พร้อมจะสนับสนุน“ความตั้งใจของฉันคืออยากจดทะเบียนสมรสก่อนเลยค่ะ ฉันยังไม่อยากมีงานแต่ง ขอแค่กินเลี้ยงภายในค







