"เจ้านายคุณจะมาไม้ไหน แค่คุยกับฉันผ่านโทรศัพท์ก็ได้แล้ว"
"ผมว่าถ้าคุณไม่มีธุระด่วนมากรอคุยพรุ่งนี้จะดีกว่านะครับ" ภาณุไม่อยากให้ทรงอัปสรเข้าไปเล่นกับไฟกองนี้เลย ใจจริงเขาอยากบอกเธอให้ขายหุ้นแล้วก็ไปใช้ชีวิตให้มีความสุขดีกว่า
"เอาที่อยู่คอนโดมา"
"คุณอัปสรครับ"
"คิดว่าฉันกลัวหรือไง"
"กลัวหน่อยก็ดีนะครับ"
"หึ.. คุณก็คงไม่ต่างจากเจ้านายของคุณหรอก"
"นี่นามบัตรคอนโดครับ" คงช่วยได้เท่าที่ช่วยนี่แหละ ที่เหลือปล่อยให้โชคชะตาทำงานไป
ทรงอัปสรรับเอานามบัตรของคอนโดนั้นมาดู เธอก็รู้สึกแปลกใจทำไมคอนโดของเขาถึงเป็นที่เดียวกับคอนโดเธอล่ะ แต่ก็ไม่แปลกหรอกคอนโดนี้หรูหรา มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
หวังว่าคงจะอยู่คนละชั้นคนละโซนนะ ถ้าไม่ใช้ลิฟต์หรือว่าออกมาพร้อมกันก็คงจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่นั่น เหมือนที่ไม่รู้ว่าเขาอาศัยอยู่คอนโดเดียวกันกับเธอ
แต่พอดูไปถึงเลขชั้นทรงอัปสรก็รีบมองไปดูเลขห้องในทันที.. มันจะบังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ? เพราะห้องอีกฝ่ายอยู่ข้างห้องของเธอนี่เอง และห้องนี้ก็เพิ่งขายออกไปไม่นาน หรือว่าเจ้าของคือเขา? อยากจะบ้าตายหวังว่าเขาคงไม่รู้นะว่าเธอพักอยู่ที่นั่น
"มีอะไรหรือคะคุณอัปสร" ข้าวปุ้นเห็นว่าทรงอัปสรออกมานานแล้วเลยรีบมาตาม
"ไม่มีอะไรหรอกเรากลับห้องกัน"
ทั้งสองเดินกลับมาที่ห้องทำงานทรงอัปสรถึงได้เล่าให้ข้าวปุ้นฟัง
"มันจะบังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอคะ หรือว่าเป็นแผนของเขา"
"แผนงั้นเหรอ?"
"เขาอยากได้หุ้นที่นี่ทั้งหมด มันต้องเป็นแผนของเขาแน่เลยค่ะ คุณอัปสรย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านดีกว่าไหมคะ"
"ไม่หรอก ไม่อยากไปเจอหน้าคน" คนที่ทรงอัปสรพูดก็คือแม่เลี้ยง พ่อของเธอมีธุรกิจส่วนตัวเลยไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับงานของพี่ชาย รวมถึงพี่ชายเขียนพินัยกรรมไว้ให้น้องสาวเพียงผู้เดียว คนอื่นเลยไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งเรื่องนี้
คิดถึงเรื่องนั้นข้าวปุ้นเลยไม่พูดต่อ เพราะเธออาศัยอยู่บ้านหลังนั้นก็เลยรู้ว่าใครเป็นยังไง
"ข้าวปุ้นดูงานหน่อยนะ ฉันจะกลับก่อน"
"คุณหนูให้ข้าวปุ้นไปด้วยดีกว่าค่ะ" ข้าวปุ้นรีบหยิบเอากระเป๋าแล้วเดินตามหลัง
"ไม่ได้หรอก อยู่ที่นี่แหละ"
"คุณหนูต้องระวังตัวให้ดีนะ มีอะไรรีบโทรมาหาข้าวปุ้นหรือไม่ก็โทรหาตำรวจนะคะ"
"มันไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก" และเธอก็ไม่คิดว่าจะไปนัดเจอผู้ชายแบบนั้นในห้องอยู่แล้ว ใครจะเข้าไปหาเสือในถ้ำล่ะ
ขับรถไม่นานเพราะคอนโดแห่งนี้อยู่ไม่ไกลคลับ ที่จริงมันเป็นคอนโดของพี่ชาย เธอเป็นผู้รับมรดกแต่เพียงผู้เดียว ตอนนี้มันเปลี่ยนมาเป็นชื่อของเธอแล้ว
มาถึงทรงอัปสรก็ให้นิติบุคคลที่นี่โทรขึ้นไปหาเจ้าของห้องนั้นลงมาพบ แต่ก็ไม่ได้ผลเพราะเจ้าของห้องบอกว่าถ้ามีอะไรให้ขึ้นมาคุยกันบนนี้
"โทรให้ฉันอีกทีได้ไหมคะ ขอฉันคุยเองก็ได้"
"คงไม่ได้หรอกค่ะเราไม่อยากรบกวนเจ้าของห้องมากกว่านี้"
เอายังไงดีจะไปต่อหรือพอแค่นี้ จริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอเลย แต่ถ้าช่วยได้เธอก็ได้ผลประโยชน์
ทรงอัปสรเลยตัดสินใจขึ้นไปชั้นนั้นเพราะถึงยังไงก็เป็นห้องพักของเธอด้วย ..อย่าบอกนะว่าเอาเด็กมากินในห้องนี้ คิดแล้วก็รู้สึกขยะแขยง
ก๊อก ก๊อก หลังจากเสียงเคาะหยุดลงประตูห้องก็ถูกเปิดออก
"เข้ามาสิครับ"
เห็นคนที่มาเปิดประตูทรงอัปสรก็สบายใจขึ้นหน่อยเพราะลูกน้องของเขาอยู่ในนี้ด้วย "ฉันอยากคุยกับเจ้านายของคุณ ฉันยืนรออยู่ตรงนี้ก็ได้"
"นายบอกว่าถ้าอยากคุยให้เข้ามาข้างในครับ"
"จะอะไรนักหนา ฉันคุยแค่นิดเดียวเอง ฉันแค่อยากใช้สิทธิ์ความเป็นหุ้นส่วนเสนอเรื่องหัวหน้า"
"คุณคุยกับเจ้านายเองแล้วกันครับ" ตุนท์เปิดประตูออกให้กว้างกว่าเดิมเพื่อเชิญเธอเข้ามาในห้อง
ในเมื่อเธอก็ไม่ได้อยู่กับเขาตามลำพัง จะเข้าไปคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เพราะลูกน้องของเขาก็พอไว้ใจได้อยู่บ้าง ทรงอัปสรเลยยอมก้าวเท้าเข้าไปในห้องนั้น
กึก! พอเธอเข้ามาประตูห้องก็ปิดลง หญิงสาวถึงได้หันกลับไปมอง
"นี่คุณ!" คนที่ยืนอยู่หน้าประตูเมื่อครู่ตอนนี้อยู่นอกห้องแล้ว เขาปล่อยให้เธออยู่ในห้องกับไอ้บ้ากามนั่นตามลำพังเหรอ "เปิดประตูให้ฉันนะ!" ทรงอัปสรพยายามจะเปิดประตูแต่ก็เปิดไม่ได้ เธอไม่น่าไว้ใจคนของเขาเลย
"เอะอะโวยวายอะไรหนวกหูชิบหาย"
หญิงสาวหันขวับไปมองคนที่พูดเมื่อสักครู่ "คุณ!" ทรงอัปสรรีบหันหน้าไปทางอื่นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวปิดท่อนล่างอยู่ "บอกคนของคุณเปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ"
"คุณเองไม่ใช่เหรอที่เข้ามาหาผมในนี้ ยังทำเป็นโวยวายกลบเกลื่อน"
"ใครโวยวายกลบเกลื่อน"
"อยากประลองกับผมก็บอกมาเถอะ"
"ไอ้ลามก!"
"คุณไม่อยากเห็นขนาดของด้วงผมเหรอ"
"ด้วง?"
"ตัวอ่อนผีเสื้อที่คุณพูดไง"
"คุณเปรียบกับด้วงเลยเหรอ ฉันหมายถึงดักแด้ต่างหาก"
"อื้อหือจุกกว่าเดิมอีก"
ขุนราม [มาเฟียร้ายรัก] บทที่ 97 ตอนจบเธอไม่รู้หรอกว่าท่านให้มาบริษัททำไม แต่รินรดาก็แต่งตัวเรียบร้อยให้ดูเป็นหน้าเป็นตาของสามีตอนที่เขาพาเธอเดินเข้ามาพนักงานต่างก็ทำความเคารพกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา"เข้ามาด้วยกันสิคะ" หญิงสาวเห็นว่าพนักงานยืนรอลิฟต์กันหลายคน พอเธอกับสามีเดินเข้ามาพนักงานก็ไม่กล้าเข้ามาด้วย"เอ่อ..""เข้ามาสิ" จริงๆ ตอนที่เขาใช้ลิฟต์ไม่มีใครกล้าใช้ด้วย แต่พอท่านรองประธานอนุญาตให้เข้าพนักงานก็เข้าไปแต่ก็เข้าไม่กี่คนรินรดาขยับให้พนักงานยืนกันจนหลังเธอพิงเข้ากับร่างของขุนราม เขาเลยเอื้อมมือมาโอบเอวเธอไว้ พนักงานไม่ได้หันไปมองหรอกแต่มองผ่านผนังของลิฟต์ที่เป็นกระจก เห็นภาพนั้นแล้วต่างก็อมยิ้มไปตามๆ กันจนลิฟต์มาเปิดที่ชั้นผู้บริหาร ส่วนพนักงานออกไปก่อนหน้านั้นแล้ว"ไปห้องทำงานผมก่อน" เขาคิดว่าห้องประชุมคงยังไม่เรียบร้อย ค่อยพาเธอไปทีหลังแล้วกันแต่พอเข้ามาในห้องทำงานไม่นานเลขาก็มาตามให้เข้าห้องประชุมห้องประชุมใหญ่ของบริษัทณโยดม.."มานั่งนี่สิ" รัตติกาลที่นั่งตำแหน่งประธานบริษัทแทนสามีที่เสียไป เรียกให้ลูกชายมานั่งประจำที่ของนาง"ครับ?" ทุกครั้งที่เขาจะนั่งตรงนั้นก็ตอนท
คืนนั้นที่บ้านณโยดม..ก๊อกๆ "ที่รักครับ เปิดประตูให้ผัวหน่อย""คุณไปนอนห้องอื่นเลยค่ะฉันจะนอนกับลูก""คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ" ชายหนุ่มไม่ได้พูดเสียงดังเพราะกลัวแม่จะได้ยินว่าเธอไม่ให้เขาเข้าห้องด้วย"ถ้าคุณยังพูดอยู่แบบนี้เดี๋ยวลูกก็ตื่น" ขุนเขาเข้ามารอแม่ตั้งแต่เล่นกับคุณย่าเสร็จแล้ว จนตอนนี้แกนอนหลับรออยู่ในห้อง พี่เลี้ยงที่ดูแลก็ออกไปตอนที่เห็นคุณผู้หญิงกลับมา พอเข้ามาในห้องเธอก็จัดการล็อกห้องไม่ให้เขาตามเข้ามาได้"ไหนเราเคลียร์กันรู้เรื่องแล้วไง เปิดประตูให้ผมหน่อยนะ""รู้เรื่องแค่คุณน่ะสิคะ จำไว้ว่าอย่าทำแบบนี้อีก" ตอนที่รู้ว่าพี่ชายเปลี่ยนยาคุมกำเนิดเป็นยาบำรุงให้กับทรงอัปสรเธอก็รู้สึกโมโหมากพออยู่แล้ว พอมาเจอกับตัวยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดุด่าว่ากล่าวเขามากมายแต่เธอต้องดัดนิสัยเขาบ้าง จะได้ไม่มีความคิดแผลงๆ แบบนี้อีก"คุณเมียครับ พรุ่งนี้ผัวต้องไปทำงาน""ก็ไปนอนห้องอื่นสิคะ" ในใจก็แอบรู้สึกสงสาร เพราะเขาต้องรับผิดชอบบริษัทที่ใหญ่โต ผ่านไปสักพักรินรดาก็รู้สึกว่าด้านนอกเงียบไปแล้ว เธอเลยเดินมาเปิดประตูดู "อุ้ยคุณ"เธอประเมินความอดทนของเขาต่ำไป เขารู้ว่าถ้าเงียบเธอต้องม
"ดูเหมือนคุณจะตกใจจังเลยนะคะ มีอะไรหรือเปล่า""ปะเปล่าา ผมจะมีอะไรล่ะก็นั่นน้องสาวผม""ไม่มีอะไรแน่นะคะ" เธอรู้ว่าเขาเป็นคนเจ้าแผนการ แถมสายตาที่มองเพื่อนดูมีพิรุธมันต้องมีอะไรแน่"อีกสามวันก็เป็นวันเกิดหุ้นส่วนอีกคนแล้ว" นเรศวรรีบเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะถ้าไม่งั้นเขาคงถูกจับได้แน่ว่ามีส่วนร่วมแต่มีหรือที่ทรงอัปสรจะปล่อยไป เธอคิดว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ ฉับพลันนั้นทรงอัปสรก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เพราะเธอยังไม่ได้จัดกระเป๋าใหม่ แสดงว่าเจ้าสิ่งนั้นมันยังคงอยู่ในกระเป๋า"อยู่ไหนนะ""คุณอัปสรหาอะไรเหรอคะ""ลิปสติกน่ะสิคะว่าจะเติมสักหน่อย" เธอแสร้งทำเป็นค้นหาของในกระเป๋าแต่ระหว่างนั้นคนในห้องก็คุยเรื่องวันเกิดของหุ้นส่วนอีกคนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปเรื่องอื่น"ปีนี้มันจะจัดวันเกิดเหรอ" พวกเขาไม่ค่อยให้ความสำคัญกับวันเกิดมากนักนอกจากครอบครัวจะเป็นคนจัดให้ แต่สำหรับคนที่ไม่มีครอบครัวก็ชวนเพื่อนมาดื่มกินที่บ้านหรือไม่ก็นัดกันที่ร้านอาหาร"มันบอกว่าจะมาสังสรรค์กันที่นี่แหละ""จะปิดร้านเลี้ยงวันเกิดเหรอ""ไม่ได้ปิดแต่มันบอกว่าถ้าลูกค้าคนไหนมาใช้บริการคืนนั้นมันจะเป็นคนเลี้ยงเอง""ไอเดียเจ๋งนี่""
"ที่คุณพูดหมายความว่ายังไงคะ" หญิงสาวตามเขาขึ้นมาข้างบน แต่ยังไม่ถึงห้องทำงานเลยด้วยซ้ำเธอก็อดถามเรื่องนี้ไม่ได้"สวัสดีค่ะท่านรอง" แต่ก่อนที่เขาจะตอบเธอก็ได้ยินเสียงนี้ก่อน"?" ทั้งสองที่เดินตามกันมาหยุดแล้วก็มองคนที่กล่าวสวัสดีเมื่อครู่ ก่อนที่ขุนรามจะหันไปมองดูสายตารินรดา "คุณเป็นใคร""ชะเอมเป็นเลขาคนใหม่ที่มาแทนคุณเอวาค่ะ""เธอไปทำงานแผนกอื่น เปลี่ยนเลขาคนใหม่มา""แต่ชะเอมสอบสัมภาษณ์ผ่านแล้วนะคะ""ตกลงใครเป็นเจ้าของบริษัท""เอ่อ.."เขาไม่รอฟังคำอธิบายก็พาเธอเข้าไปในห้องทำงานก่อน"คุณยังไม่บอกฉันเลย""ผมไม่ได้หาเลขาเองเลยไม่รู้ว่าเขาส่งใครมา""ฉันไม่ได้หมายถึงผู้หญิงคนเมื่อกี้""อ้าวแล้วคุณหมายถึงอะไรล่ะ""เรื่องที่คุณบอกว่าเลขาคนเก่าอยู่โรงพักไงคะ""ไม่ใช่แค่เลขาคนเก่าหรอกที่อยู่โรงพัก ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นตอนนี้อยู่โรงพักทั้งหมด""อะไรนะคะ คุณส่งพวกนั้นให้กับตำรวจเหรอคะ""ข้อหาพยายามฆ่า""พยายามฆ่า?""ใช่ ผมแจ้งความจับทั้งหมดเลย ผมจะไม่ให้ใครทำร้ายคุณได้อีก""อย่าบอกนะคะว่าที่คุณรับสมัครพนักงานใหม่?""อืม" ชายหนุ่มตอบเธอไปโดยการเปล่งเสียงออกมาจากลำคอเบาๆ สายตามองดูผู้หญิ
"อื้อ" สะโพกงามเด้งรับเรียวลิ้นที่ตวัดเลียวนอยู่กึ่งกลางร่อง "อ่ะอ่ะอ่ะมะไม่ไหวแล้วค่ะ"ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางมันก็ยิ่งทำให้เขาเร่งความเร็วที่กำลังทำอยู่ เพราะเขาต้องการเห็นเธอเสร็จก่อนโดยที่ยังไม่สอดใส่และเขาก็ทำได้สำเร็จ ชายหนุ่มค่อยๆ ชักนิ้วออกมาก่อนจะขยี้นิ้วให้เธอเห็นว่าเขาเก่งไหมที่ทำให้เธอหลั่งได้โดยที่ยังไม่เจอไม้เด็ด"ทำบ้าอะไรของคุณ""แต่ก่อนชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอ""ยังจำได้อยู่เหรอ นึกว่าจำแต่เรื่องผู้หญิงคนอื่นได้""ผู้หญิงคนอื่นที่ไหนไม่มีหรอก" ขณะที่เอ่ยร่างหนาก็ขยับขึ้นมา ก่อนจะคว้ามือเล็กมาโอบอุ้มความแข็งแกร่งเพื่อให้เธอวัดขนาด และในเวลาเดียวกันเขาก็จับมือเธอรูดชักขึ้นและลง"พูดเหมือนฉันจะเชื่อ"ใบหน้าหล่อคมเผลอเผยรอยยิ้มออกมา แต่ก็รีบซ่อนอาการนั้นไว้"ปล่อยนะ!" ถึงแม้จะรู้ว่าเขาคงไม่เก็บร่างกายตัวเองไว้ใช้แค่กับเธอ แต่ก็อยากได้ยินเขาพูดอะไรออกมาบ้าง แม้ว่ามันจะเป็นคำโกหก"จะจบเกมคนเดียวได้ยังไง แบบนี้ผมก็เคว้งคว้างน่ะสิ""คุณก็ไปปล่อยกับผู้หญิงพวกนั้นสิ""หึงผัวเหรอ""อึบ!" รินรดากัดฟันใช้แรงที่อุ้งมือ"ซี๊ดดดอ๊อยย ถ้ามันขาดจะมีใช้ไหม" ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้ง"ไม่มีก็ไม่ใ
"ถึงแบบนั้นก็เถอะค่ะ ข้อหาพยายามฆ่ามันไม่รุนแรงเกินไปเหรอคะ" เอวาก็เป็นลูกของผู้มีฐานะท่านหนึ่ง ไม่ยอมเจอข้อหาอะไรแบบนี้ง่ายๆ อยู่แล้ว"รุนแรงเกินไป? เธอจะให้ฉันรอจนเมียกับลูกฉันเป็นอะไรไปงั้นเหรอ" ชายหนุ่มหันหน้ามาประชันกับผู้หญิงที่เขาไม่เคยเห็นค่าเลย"แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ ถึงยังไงฉันก็ไม่ยอมรับข้อหานี้" ในขณะที่พูดใบหน้าเอวาก็เชิดขึ้นแบบหยิ่งผยอง"แสดงว่าเธอยอมรับแล้วว่าเป็นตัวบงการ คุณตำรวจได้ยินหรือยังครับ""เชิญคุณเอวาไปที่โรงพักด้วยครับ""ฉันยอมรับตอนไหน! คุณแม่คะช่วยเอวาด้วยค่ะ" เอวาที่ถูกตำรวจพาออกไปตะโกนเข้ามาขอให้แม่ของเขาช่วย "ถึงยังไงเอวาก็ไม่ยอมถูกจับ""และก็เชิญพนักงานทุกท่านขึ้นรถด้วยนะครับ" ตำรวจหันมาบอกพนักงานที่อยู่ในที่นี้ทั้งหมด และรถที่ตำรวจเตรียมมาก็คันใหญ่พอที่จะขนคนพวกนี้ไปได้"พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะคะ เราไม่ได้แตะตัวภรรยาของท่านรองเลยค่ะ" ในคลิปกล้องวงจรปิดก็ไม่เห็นว่าคนพวกนี้ทำอะไร แค่มีแต่คำพูดที่วิพากษ์วิจารณ์"นั่นแหละมันคือข้อหาของพวกเธอ เห็นคนถูกทำร้ายร่างกายทำไมไม่ช่วย แถมยังยืนพูดให้ร้าย" เขาไม่คิดจะปล่อยใครไปง่ายๆ แน่ ยิ่งคนยืนมุงนี่แหละสำคัญเล