ใครจะไปคิดว่าการรับ-ส่งเด็กข้างบ้าน จะกลายเป็นภารกิจที่ทำให้หัวใจของธีร์วุ่นวายที่สุดในชีวิต
ธีร์ไม่ใช่คนตื่นเต้นง่าย โดยเฉพาะเรื่องไปมหาวิทยาลัย... ทั้งที่แค่จะไปมหา’ ลัย... ก็แค่เปิดเทอมวันแรกปีสุดท้ายของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่เช้านี้มันต่างออกไป
เพราะเขาจะได้เจอ ‘ข้าวหอม’ ทุกวัน
...และนั่นมันเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่เขาคิด
แม้จะรู้จักกันมาตั้งแต่จำความได้ โตมาด้วยกันในซอยแคบๆที่เด็กวิ่งไล่จับกันแทบทุกเย็น แต่ตอนนี้ ‘เด็กข้างบ้าน’ คนนั้นไม่ใช่เด็กอีกแล้ว
เธอใส่ชุดนักศึกษา...
และเธอก็น่ารักจนใจเขาโคตรจะไม่ปลอดภัย
เขารีบคว้ากระเป๋าแล้วพุ่งตัวลงบันไดด้วยความเร็ว ใจมันรีบไปหาคนที่อยู่บ้านข้างๆ แต่เท้าเกือบสะดุดขั้นบันไดเพราะเสียงบางอย่าง เสียงที่ดังมาจากครัว
เสียงพูด เสียงหัวเราะ... ที่หวานจนชวนเลี่ยน
ธีร์ชะงักฝีเท้าเบาลงโดยอัตโนมัติ ก่อนที่ดวงตาจะหันไปเห็นภาพประจำบ้านที่ไม่มีวันชิน
แมนกับหมวย พ่อกับแม่ของเขา ตัวต้นแบบของคู่แต่งงานที่โลกไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
พ่อยังคงรัดเอวแม่ไว้แน่นจากด้านหลังในขณะที่แม่กำลังทอดไข่เจียวอยู่หน้ากระทะ กลิ่นไข่เจียวอาจจะหอม... ถ้าไม่ติดว่ามันมากับกลิ่นน้ำตาลความรักแบบเลี่ยนๆ ที่ไม่รู้จะเทใส่แค่ไหนถึงจะพอ
พ่อไม่แค่กอดเอว ยังเอาหน้าซุกคอแม่อย่างไม่อายฟ้าดิน และเมื่อกระซิบอะไรบางอย่างจบ ก็ดันเอวกระแทกก้นแม่เหมือนเป็นการเน้นประโยค
"เมียจ๋า~ วันนี้ก็น่ากินอีกแล้วนะ" น้ำเสียงพ่อหวานขนาดที่คนฟังอยากอุดหู
"บ้า! แมน เดี๋ยวลูกมาเห็น!" แม่ร้องว่าเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ขยับหนี แถมยังอมยิ้มอีกต่างหาก
"เห็นแล้วนี่ไง... แก่แล้วยังจะมาหวานกันอีก" ธีร์พึมพำพลางกลอกตา เขายกมือกุมขมับเหมือนอยากลบภาพเบื้องหน้าออกจากหัว
ไม่ใช่ไม่เคยเห็น... แต่ไม่เคยชิน
แมนผละหน้าออกจากซอกคอเมียแล้วหันมาทำตากรุ้มกริ่มให้ลูกชาย
"แล้วจะให้พ่อหยุดรักแม่เหรอ? ฝันไปเถอะ ไอ้ธีร์!"
ธีร์ถอนหายใจหนักๆ อีกรอบ รอบที่เท่าไหร่ของชีวิตก็ไม่รู้
"ไม่ต้องโชว์ขนาดนี้ทุกเช้าก็ได้มั้ง?"
แต่คนเป็นพ่อไม่สะทกสะท้าน ยังหัวเราะคิกคักเหมือนวัยรุ่นวัยแรกคบกันใหม่ๆ ส่วนแม่ก็ยังทอดไข่ไป หัวเราะไป พูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
มันยังเช้าเกินไปสำหรับภาพหวานเลี่ยนของพ่อแม่ที่แต่งงานกันมาเป็นชาติ แต่ยังทำตัวเหมือนแฟนกันวันแรก
ทุกเช้า... พ่อของเขาจะทำหน้าที่สามีดีเด่นแบบไม่ขาดตกบกพร่อง กอดเมียแน่นตั้งแต่เธอหยิบตะหลิวยันปิดเตา
“จะไปส่งข้าวหอมเหรอลูก” เสียงแม่ถามโดยไม่หันกลับมา เพราะยังง่วนกับไข่เจียวในกระทะ
“อือฮึ” ธีร์ตอบสั้นๆ พยายามทำเสียงให้เรียบเฉยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งที่หัวใจมันเต้นแรงเมื่อนึกถึงคนที่รออยุ่
“ขับดีๆนะลูก น้องเพิ่งเข้ามหา’ ลัย อย่าเพิ่งแกล้งน้องล่ะ เดี๋ยวเขากลัว”
พ่อหันมาพูดเสริม “ใช่ อย่าทำให้เขาร้องไห้นะ เดี๋ยวพ่อเขาไม่ให้ไปส่งอีก แล้วจะอดเจอน้องทุกวัน”
ธีร์ยกยิ้มมุมปากเล็กๆ “แค่ไปรับไปส่ง ไม่ได้อะไรขนาดนั้นหรอกพ่อ”
"ไม่ได้อะไรเหรอ... แล้วเมื่อคืนเดินวนในห้องจนพื้นจะสึกนี่เพราะอะไรล่ะวะ"
พ่อหัวเราะในลำคออย่างรู้ทันแล้วหันกลับไปกอดแม่ต่อ ส่วนธีร์เดินออกจากบ้านเร็วเท่าที่ใจจะให้ทำได้
เขาไม่ได้ปฏิเสธ... ว่าตัวเอง ‘ไม่ได้อะไร’
เพราะจริงๆแล้ว มัน... โคตรจะมีอะไรเลย
ทันทีที่ประตูหน้าบ้านปิดลงหลังจากที่ธีร์เดินออกไป แมนก็ละสายตาจากลูกชาย หันกลับมามองเมียสุดที่รักด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินเข้าไปโอบเอวของหมวยจากด้านหลังอย่างเคยตัว แล้วก้มหน้าซุกลงที่ต้นคอของเธออย่างออดอ้อน
“ทีนี้ก็เหลือเราสองคนแล้วนะเมียจ๋า” เสียงทุ้มกระซิบแนบชิดจนลมหายใจร้อนๆ ทำเอาหมวยขนลุกวาบ
เธอสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่รู้สึกถึงริมฝีปากเขาที่แตะลงบนแก้ม แล้วก็ถอนหายใจออกมาเงียบๆ
“ไม่ช่วยก็อย่ามาวุ่น ช่วยหลีกไปหน่อย จะจัดโต๊ะ” เธอพูดขณะวางช้อนลงกับจาน
“ช่วยก็ได้~ แต่ขอค่าจ้างเป็นหอมแก้มก่อนดีไหม” แมนยังคงพูดยียวน พลางกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีก จมูกไล้อย่างเย้าแหย่ไปตามแก้มเธออย่างเอาใจ
“ค่าจ้างบ้าอะไรเล่า!” หมวยแกล้งตีแขนของเขา แต่ก็ยังอมยิ้มอยู่ไม่หยุด พยายามดันตัวออกจากอ้อมแขนแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะแมนยังคงรัดแน่นไม่ปล่อย
“เมื่อก่อนยังอ้อนให้พ่อกอดอยู่เลย ใจร้ายจังเลยนะเมียจ๋า~”
“ไอ้แมน! อย่ามาเล่นนะ เดี๋ยวแม่ฟาดจริงๆ!” หมวยหยิบตะหลิวขึ้นขู่ ทำเอาแมนหัวเราะร่าอย่างชอบใจ
เขายอมคลายอ้อมแขนออกบ้าง แต่ก่อนจะปล่อยจริงๆ ก็ยังขโมยจุ๊บแก้มอีกฟอดใหญ่ จนหมวยได้แต่ส่ายหน้าให้ความขี้อ้อนของสามี
เธอหันกลับมาจัดโต๊ะต่อ พลางพูดขึ้นอย่างครุ่นคิด “พ่อว่าเราควรช่วยลูกหน่อยดีไหม?”
“ช่วยอะไร?” แมนขมวดคิ้ว มองหน้าเมียอย่างสงสัย
พวกมันสองคนหัวเราะอย่างสนุกสนานกับมุกที่โยนมาใส่เขา แต่ธีร์กลับไม่ขำด้วยเลยสักนิดรอยยิ้มที่เคยมีกระตุกไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไปจากใบหน้าอย่างช้าๆบรรยากาศที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเฮฮาเงียบลงไปชั่วขณะโดยปกติแล้ว ธีร์เป็นคนเฟรนด์ลี่ ขี้เล่น และมักเป็นศูนย์กลางของกลุ่ม ต่อให้ถูกเพื่อนแซวแรงแค่ไหน เขาก็มักจะรับมือได้ด้วยมุกกวนๆ หรือรอยยิ้มสบายๆ แต่ครั้งนี้... เขาไม่ได้ตั้งใจเล่นไปตามมุกของพวกมันเลยธีร์ชะงักไปชั่ววินาที ดวงตาคมจัดตวัดมองเพื่อนสนิทช้าๆ ไม่มีท่าทีโกรธเกรี้ยว ไม่มีคำพูดเถียงกลับ แต่กลับให้ความรู้สึกกดดันอย่างประหลาดเขาเอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาอย่างที่ไม่เคย"น้องสาวกู ห้ามยุ่ง จำไว้เลย"น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดังขึ้น แต่กลับกดต่ำลงกว่าเดิมเล็กน้อย คำพูดของเขาฟังดูเรียบนิ่ง ไม่มีคำหยาบคาย ไม่มีโทนเสียงแข็งกร้าว มีเพียงแววตาเย็นเฉียบที่ส่งผ่านความหมายบางอย่างให้พวกมันรับรู้บอลกับเบสที่เมื่อครู่ยังหัวเราะกันสนุกสนานเผลอหยุดไปชั่วขณะ มองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างรู้ตัวว่าเผลอเล่นผิดเรื่องแล้ว"เอ้า ใจเย็นดิวะ กูแค่แซวเล่น" บอลรีบยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ พยายามทำใ
ธีร์ไม่ได้ปล่อยมือเธอ แม้ข้าวหอมจะพยายามขยับข้อมือหนี เขาก็ยังจับไว้แน่น ราวกับต้องการประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่าเธอเป็นของเขา ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะไม่มีสิทธิ์คิดแบบนั้นก็ตามเขากวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นสายตาของนักศึกษาหนุ่มที่เหลือบมองข้าวหอมด้วยความสนใจแล้วก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม ใจหนึ่งก็หงุดหงิด อีกใจหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะหวง ทั้งที่รู้ดีว่าเขาไม่มีสิทธิ์หวงเธอในแบบนั้นธีร์เดินมาส่งข้าวหอมจนถึงหน้าคณะศิลปศาสตร์ มือของเขายังคงกอบกุมมือของเธอไว้ตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงจุดที่ต้องแยกกัน เขาถึงได้คลายมือออกช้าๆ ทิ้งไว้เพียงไออุ่นที่ยังหลงเหลืออยู่บนผิวแต่ดูเหมือนว่าไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคนที่รับรู้ถึงสัมผัสนั้น รอบตัวเต็มไปด้วยสายตาของนักศึกษาคนอื่นๆ ที่หันมามองกันเป็นแถว บ้างแอบมองผ่านหางตา บ้างกระซิบกระซาบกันเบาๆ ข้าวหอมรู้สึกถึงแรงกดดันทันที“พี่ธีร์…” เธอเงยหน้ามองเขา คล้ายจะถามว่า ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะแยะ?! แต่ธีร์กลับแค่ยิ้มขำๆ เหมือนไม่ได้สนใจอะไรเลย“ส่งถึงที่แล้วนะตัวเล็ก” เขาพูดพลางล้วงกระเป๋ากางเกง ยืนมองเธออย่างใจเย็น ผิดกับข้าวหอมที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกเป็นเป้าส
ธีร์ไม่ได้ตอบรับ เพียงแค่ยกยิ้มบางๆ ก่อนจะพูด“ไม่ดีกว่า พี่ไม่สะดวกน่ะ”คำตอบสั้นๆ ของเขาทำให้บรรยากาศเงียบไปชั่วขณะ นักศึกษาสาวกลุ่มนั้นแสดงสีหน้าผิดหวังออกมาชัดเจน แต่ยังไม่วายพยายามต่อ“เอ๊ะ... แล้วนั่นใครเหรอคะ?” หนึ่งในนั้นเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ข้าวหอม สายตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น“น้องสาวเหรอ?”ข้าวหอมชะงัก รู้สึกเหมือนถูกเพ่งเล็งขึ้นมาทันที เธอกำลังจะอ้าปากตอบอะไรบางอย่าง แต่ไม่ทันได้พูด ธีร์ก็เอื้อมมือมาคว้ามือเธอมากุมไว้แน่น นิ้วสอดประสานกันอย่างแนบสนิทข้าวหอมตกตะลึง หัวใจเต้นแรงราวกับเพิ่งวิ่งรอบสนามสักห้ารอบ เธอพยายามดึงมือออกตามสัญชาตญาณ แต่ธีร์กลับบีบไว้แน่นขึ้นไม่ยอมปล่อย“ก็น่าจะ...ประมาณนั้นล่ะมั้งครับ”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างคลุมเครือ กลับทำให้บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปทันทีกลุ่มนักศึกษาสาวที่มองธีร์ด้วยสายตาชื่นชอบถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ บางคนขมวดคิ้ว บางคนเม้มริมฝีปากอย่างขัดใจ และบางคนถึงกับถอนหายใจแรงราวกับพยายามระงับอารมณ์ สายตาหลายคู่ตวัดมามองข้าวหอมอย่างเห็นได้ชัด เต็มไปด้วยความอิจฉาปนสงสัยข้าวหอมรู้สึกถึงแรงกดดันจากสายตาเห
ความไม่แน่ใจทำให้ข้าวหอมขยับตัวเล็กน้อย เธอยกแขนขึ้นกอดอกแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว รู้สึกหงุดหงิดกับตัวเองที่มาหวั่นไหวกับคำพูดเล่นๆ ของเขาแบบนี้…เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว! เธอต้องเลิกใส่ใจคำพูดของเขาให้ได้!ดวงตาคมเหลือบมองเด็กสาวข้างๆ ที่ยังนั่งกอดอก หน้าบูดเหมือนกำลังข่มความว้าวุ่นใจไว้เต็มที่ ความเงียบระหว่างพวกเขาไม่ได้อึดอัด… แต่มันกลับทำให้ธีร์ต้องใช้แรงทั้งหมดเพื่อเก็บซ่อนความรู้สึกที่กำลังเอ่อล้นอยู่ในอก…บางทีเขาน่าจะแค่เงียบไปตั้งแต่แรก ไม่ควรเผลอพูดอะไรแบบนั้นออกไปเลยจริงๆรอยยิ้มของเขาก็จางลงเมื่อความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวแล้วถ้าเธอไม่ได้รู้สึกเหมือนเขาล่ะ?ถ้าเธอแค่เขินเพราะคำพูดกำกวม ไม่ใช่เพราะรู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับเขา…ธีร์กำมือที่จับพวงมาลัยแน่นโดยไม่รู้ตัว คำพูดเมื่อครู่มันหลุดออกไปตามสัญชาตญาณ เหมือนทุกครั้งที่เขามักแหย่เธอให้หน้าแดงเล่น แต่คราวนี้กลับรู้สึกไม่เหมือนเดิมบางที…เขาอาจจะพูดอะไรเกินไปจริงๆถ้าเขาปล่อยให้ตัวเองเผลอแสดงอะไรออกไปมากกว่านี้ล่ะ?ถ้าเธอจับได้… แล้วถอยห่างออกไปล่ะ?คิดได้ดังนั้น เขาก็แค่หัวเราะกลบเกลื่อนแล้วเลือกที่จะเงียบไป เหมือนไม่ได้ตั้
ธีร์นั่งลงที่เบาะคนขับ มือข้างหนึ่งจับพวงมาลัยอย่างหลวมๆ แต่มั่นคง มืออีกข้างเสียบกุญแจแล้วบิดสตาร์ทรถ ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ ไม่มีอะไรผิดแปลกจากทุกเช้า ยกเว้นแค่หัวใจของเขาที่ดันเต้นแรงขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ช่างเถอะ ไม่เห็นเป็นไร ก็แค่ไปมหา’ ลัยพร้อมข้าวหอมแค่นั้นเองเขาขับรถออกไปอย่างไม่เร่งรีบในขณะที่เสียงบ่นอุบอิบดังมาจากที่นั่งข้างๆ“พี่ธีร์! มายุ่งอะไรกับผมข้าวเนี่ย” ข้าวหอมบ่นออกมาอย่างหัวเสียพลางใช้มือจัดทรงผมตัวเองขณะมองกระจกหน้ารถ สภาพของเธอตอนนี้ไม่ต่างจากลูกเจี๊ยบที่เพิ่งฟักออกจากไข่ ผมฟูยุ่งเหยิงไปหมดเพราะฝีมือของคนข้างๆธีร์ที่กำลังขับรถเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะขำออกมาอย่างไม่รู้สึกรู้สา “พี่ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้ไง”ข้าวหอมหันขวับไปมองเขาตาขวาง “ใครขอให้พี่ช่วย!”ธีร์ไม่ได้ตอบในทันที เขายกมือขึ้นปรับกระจกมองหลังอย่างใจเย็นเหมือนไม่ได้ยินเสียงโวยวายของเธอ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “ก็เห็นทำหน้างอแล้วมันสนุกดี เลยอยากแกล้ง”ข้าวหอมจ้องเขาอย่างไม่ไว้ใจ ท่าทางสบายๆ ของธีร์นั่นทำให้เธออดรู้สึกหมั่นไส้เขาไม่ได้“พี่นี่มัน... ว่างเกินไปใช่ไหม หือ?”“อืม... ก็อาจ
“ก็ช่วยให้ธีร์มันขยับสักทีไง” หมวยถอนหายใจ “พ่อไม่เห็นเหรอว่าลูกเราน่ะเป็นเอามาก แอบชอบข้าวหอมขนาดนั้น ยังไม่ยอมพูดอะไรเลย เดี๋ยวก็โดนคนอื่นคาบไปหรอก”แมนเลิกคิ้ว ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นครุ่นคิด“อืม... จริงแฮะ มัวแต่เก็บไว้แบบนี้ เดี๋ยวก็อดแน่ๆ ใช้ไม่ได้เลยนะเจ้าลูกชายคนนี้ ต้องให้พ่อแม่ช่วยอีกแน่ะ”หมวยหัวเราะออกมากับท่าทีนั้น เธอเองก็รู้ดีว่าธีร์รู้สึกยังไงกับข้าวหอม แต่อีกฝ่ายก็เก็บอาการเก่งเกินไป“เด็กเฟรชชี่แบบข้าวหอมเนี่ยนะ นิสัยก็ดี หน้าตาก็น่ารัก แม่ว่าไม่เกินเดือน เดี๋ยวมีคนมาจีบแน่นอน”แมนแค่หัวเราะขำให้กับความเป็นห่วงลูกของหมวย“ปล่อยเด็กๆ ไปเถอะ อย่างเรายังจัดการกันได้เลย จริงไหม?”ว่าแล้วเขาก็โอบเมียเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ให้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ“แมน! จะทำอะไร... ว้าย!!” หมวยร้องลั่นเมื่อโดนสามีอุ้มขึ้นกลางอากาศดื้อๆ“อย่าดิ้นสิเมียจ๋า เดี๋ยวตก” แมนว่าอย่างอารมณ์ดี เดินดุ่มๆ พาเธอเข้าไปในห้องนอนอย่างไม่สนเสียงประท้วงของเธอ“แมน! เดี๋ยวอาหารก็เย็นหมดหรอก!”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่ออุ่นให้ใหม่~”ประตูห้องปิดลง พร้อมกับเสียงเอ็ดของหมวยที่ดังขึ้นมาเป็นระลอก แต่ไม่นานนัก... เสีย
ใครจะไปคิดว่าการรับ-ส่งเด็กข้างบ้าน จะกลายเป็นภารกิจที่ทำให้หัวใจของธีร์วุ่นวายที่สุดในชีวิตธีร์ไม่ใช่คนตื่นเต้นง่าย โดยเฉพาะเรื่องไปมหาวิทยาลัย... ทั้งที่แค่จะไปมหา’ ลัย... ก็แค่เปิดเทอมวันแรกปีสุดท้ายของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่เช้านี้มันต่างออกไปเพราะเขาจะได้เจอ ‘ข้าวหอม’ ทุกวัน...และนั่นมันเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่เขาคิดแม้จะรู้จักกันมาตั้งแต่จำความได้ โตมาด้วยกันในซอยแคบๆที่เด็กวิ่งไล่จับกันแทบทุกเย็น แต่ตอนนี้ ‘เด็กข้างบ้าน’ คนนั้นไม่ใช่เด็กอีกแล้วเธอใส่ชุดนักศึกษา...และเธอก็น่ารักจนใจเขาโคตรจะไม่ปลอดภัยเขารีบคว้ากระเป๋าแล้วพุ่งตัวลงบันไดด้วยความเร็ว ใจมันรีบไปหาคนที่อยู่บ้านข้างๆ แต่เท้าเกือบสะดุดขั้นบันไดเพราะเสียงบางอย่าง เสียงที่ดังมาจากครัวเสียงพูด เสียงหัวเราะ... ที่หวานจนชวนเลี่ยนธีร์ชะงักฝีเท้าเบาลงโดยอัตโนมัติ ก่อนที่ดวงตาจะหันไปเห็นภาพประจำบ้านที่ไม่มีวันชินแมนกับหมวย พ่อกับแม่ของเขา ตัวต้นแบบของคู่แต่งงานที่โลกไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างพ่อยังคงรัดเอวแม่ไว้แน่นจากด้านหลังในขณะที่แม่กำลังทอดไข่เจียวอยู่หน้ากระทะ กลิ่นไข่เจียวอาจจะหอม... ถ้าไม่ติดว่ามันมากับกลิ่