เมื่อเสียงนาฬิกาเจ้าคุณปู่บอกเวลาบ่ายโมง..คิมหันต์ละจากหน้าจอโน๊ตบุ๊คทันที..มือหนาลูบท้องด้วยความหิว..เวลาทำงานเพลินๆ ทีไรเลยเวลากินทุกที ชายหนุ่มบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะลุกไปหาอะไรทาน..บ้านหลังใหญ่ยังคงเงียบเชียบ ราวกับไม่มีคนอยู่
ณ เวลานี้..ไม่รู้ว่าอดีตคนรักเก่ากำลังทำอะไรอยู่..คิดได้ดังนั้นคนตัวโตนอกจากจะหิวแล้ว ยังนึกอยากจะแกล้งยัยผู้หญิงใจร้ายให้เจ็บปวดใจเล่น แต่ครั้นเดินตามหารอบบ้านก็ยังไม่เจอ อารมณ์ชักกรุ่นทั้งโมโหหิวทั้งโมโหยัยตัวแสบที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตไม่รู้จบ
แม้แต่ห้อง kid rooms ที่เต็มไปด้วยของเล่นสาระพัดชนิดของหลานสาวตัวน้อย ก็ไร้เงาของคนที่เขาเกลียด เห็นเพียงกระดาษลังที่ตัดเป็นแผ่นๆ รูปต้นไม้บ้าง สัตว์หลากหลายชนิด และมีเชือกเส้นขนาดพอดีมือหลายสี..อีกด้านก็มีแม่แบบตัวอักษรภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ตัวเลข..ไม่รู้พี่เลี้ยงสาวคิดจะทำอะไร
พอตามหาคนตัวเล็กไม่เจอ..คิมหันต์ตัดสินใจเข้าไปตามป้าแจ่มให้ทำอะไรง่ายๆ ให้เขาทาน และไม่ต้องสืบแม่บ้านคนดีคนเดิมของเขาก็ยังจัดผัดกระเพราะหมูสับเมนูเดิมๆ ให้เหมือนเดิม ไอ้ต้าวตัวโตถอนหายใจเบื่อๆ จริงๆ ชายหนุ่มเป็นคนกินง่ายอยู่ง่ายมาก แต่ก็มีบางครั้งที่อยากกินเมนูใหม่ๆ บ้าง แต่ป้าแจ่มให้เหตุผลว่า..แกทำอาหารไม่ค่อยเก่ง ถ้าคุณคิมอยากกินอะไรก็ให้สั่งเอา เขาเลยจำใจต้องกินเมนูผัดกระเพราหมูสับ เพราะจะให้สั่งในapp ทุกวันก็ขี้เกียจรอ
ส่วนมื้อเย็นถ้าไม่ออกไปกินนอกบ้าน ก็จะมีแค่เมนูง่ายๆ แบบ ไข่เจียวหมูสับ ผัดผัก ต้มจืดผัดตำลึงให้ทาน ชายหนุ่มจึงมักเลือกนัดเพื่อนสนิทไปทานนอกบ้านมากกว่า
อาจเพราะคนในบ้านมีสมาชิกอยู่น้อย เขา คุณป้า และหลานสาวตัวเล็ก ส่วนพี่น้อย หรือพี่บุษยาไปอยู่ต่างประเทศหลายปี คนงานก็จะมีแค่คนขับรถ คนสวน พี่เลี้ยงเด็กอีกหนึ่ง ส่วนแม่บ้านที่ทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่ ก็มีแค่ป้าแจ่ม กับกระถินที่เป็นหลานสาว แค่สองคน ถ้าจะให้จ้างแม่ครัวเพิ่มก็ดูจะเกินจำเป็นไปไม่น้อย
ระหว่างที่เจ้าของบ้านหนุ่มตั้งหน้าตั้งตาจะจัดการอาหารตรงหน้า ดวงตาคมหลุบลงเล็กน้อย ก่อนจะทำเป็นถามแบบไม่ได้ตั้งใจกับกระถิน..คนที่เอาอาหารจานเดียวมาเสริฟถึงที่
“ศิศิราไปไหนเหรอ ฉันไม่เห็นเลย”
“คุณศิเหรอคะ เห็นว่าจะไปรับคุณเอื้อยคะ”
“หือ พึ่งบ่ายโมงเองนะ ทำไมไปรับเร็วจัง”คนตัวโตพูดพร้อมมุ่นคิ้วเล็กน้อย เพราะโรงเรียนอนุบาลของน้องเอื้อยเลิกเรียน 14.30 น. แต่เด็กน้อยมีเรียนพิเศษช่วงเย็น กว่าจะเลิกเรียนจริงๆ ก็ปาไป 15.30 น. พี่เลี้ยงคนเก่าๆ กว่าจะออกบ้านก็บ่ายสองโมงครึ่งถึงสามโมง
“หึ กะจะเกงานละซิ”น้ำเสียงหยามหยัน พร้อมดวงตาดูถูก ส่งผลให้กระถินงงงวยเล็กน้อย เพราะปกติคุณคิมเป็นผู้ชายใจดี ยิ่งกับลูกจ้างแทบไม่เคยดุ แต่ทำไมกับพี่เลี้ยงสาวคนใหม่ของคุณหนูไอรดา..เจ้านายหนุ่มถึงดูไม่ชอบหน้ายังไงก็บอกไม่ถูก
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะคุณคิม แต่ถ้าไม่มีอะไรแล้ว กระถินขอไปล้างห้องน้ำข้างบนต่อก่อนนะคะ”พูดจบร่างเล็กของคนใช้ในบ้านก็ออกไปทำงานต่อแล้ว..ทิ้งให้ชายหนุ่มนั่งหน้าบูดบอกบุญไม่รับอยู่คนเดียว
มีสิ่งหนึ่งที่คิมหันต์ไม่เคยรู้เลย..เพราะเขาไม่เคยไปรับหลานสาวตัวน้อย...คือระหว่างที่โรงเรียนถึงบ้าน ถ้าดูตามระยะทางในระบบ มันอาจใช้เวลาไม่มากในการเดินทาง แต่ในสถานการณ์ความเป็นจริง โรงเรียนของเด็กหญิงอยู่ใจกลางเมือง..ช่วงเวลาหลังเลิกเรียนเป็นช่วงเวลาที่รถติดสาหัส..เด็กหญิงไอรดาต้องรอพี่เลี้ยงมารับ..และกลับบ้านเป็นคนสุดท้ายทุกวัน
ในวันแรกศิศิรายังไม่มั่นใจว่าต้องใช้เวลาเท่าไรในการเดินทางไปรับเจ้านายตัวน้อย..เธอจึงเผื่อเวลาไว้ก่อน..เพราะเธอ ‘ไม่อยากผิดสัญญา’
กว่าจะถึงที่โรงเรียนเจ้านายตัวน้อยก็เป็นเวลาบ่ายสอง..พอคำนวนเรื่องเวลาถ้าเธอออกตอนรถไม่ติดมากก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง..ไม่อยากจะคิดถ้าช่วงเวลาที่เด็กๆ เลิกเรียนจะใช้เวลาเท่าไร
เธอไม่นึกแปลกใจเลยว่าเด็กหญิงตัวน้อยถึงย้ำหลายรอบให้มารับเร็วๆ ดวงตาสองชั้นหลบในหลุบดูมือถือในมือด้วยความครุ่นคิด ส่วนมือเรียวขาวอีกข้างลูบล็อกเกตรูปหัวใจด้วยความเคยชิน
โดยมีลุงป่านสามี ป้าแจ่มแอบมองดูจากกระจกด้วยความชื่นชม..เขาเป็นคนขับรถที่นี้มาหลายปีนอกจากพี่เลี้ยงคนแรกที่เลี้ยงคุณหนูมาตั้งแต่เกิด ก็เห็นจะมีแต่คุณศิศิราเท่านั้นที่ใส่ใจคุณหนูไอรดาอย่างแท้จริง
จวบจนถึงเวลา 15.20 น. ร่างบางระหงจึงเดินไปรอหน้าประตูโรงเรียนฝั่งอนุบาล สร้างความแปลกใจให้กับคุณครูอนุบาลสายชั้นอื่นเป็นอย่างมาก..เพราะโดยปกติเด็กหญิงไอรดามักจะกลับบ้านเป็นคนสุดท้าย
“รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวน้องเอื้อยก็ออกมาแล้วค่ะ”น้ำเสียงสุภาพของคุณครูผู้ช่วยร่างท้วม ศิศิรารับคำพร้อมยิ้มละไมไปให้ เจ้าหน้าที่โรงเรียนจัดแจงโทรเข้าไปในโรงเรียนเพื่อแจ้งว่าผู้ปกครองเด็กหญิงไอรดามารับแล้ว หญิงสาวรอได้ไม่นาน ร่างเจ้าก้อนน้อยก็ถูกลากมาพร้อมคุณครูบี หรือคุณครูประจำชั้น อดีตเพื่อนร่วมคณะของเธอนั่นเอง
ใบหน้ากลมๆ เปรอะเปื้อยไปด้วยรอยน้ำตา ส่วนคนพามาทั้งลากทั้งกระชาก เสียงดังโวยวายของคนทั้งคู่มาดังมาตามทางเดิน เด็กน้อยยังคงดิ้น ร้องไห้ไม่หยุด จนครูสาวอดไม่ไหวหยิกเข้าไปที ร่างน้อยพยายามกั้นร้องไห้
แต่ด้วยความเป็นเด็กจะให้ควบคุมอารมณ์เธอก็ยังไม่เก่ง..เธอรู้คุณครูประจำชั้นไม่ชอบเด็กงี่เง่า ไม่มีเหตุผล
“โอ้ย เด็กโง่นี้ หยุดร้องได้ละ อยากโดนตีหรือไง”เธอขู่เสียงแหว ศิศิราเม้มปากแน่น ร่างบางพยายามแทรกเข้าประตูไปหาเด็กน้อยที่อยู่อีกฝั่ง แต่เจ้าหน้าที่โรงเรียนห้ามไว้ ทำได้เพียงแต่ส่งเสียงไม่พอใจ
“นั้นคุณจะทำอะไรนะ ปล่อยมือจากน้องเอื้อยเดี๋ยวนี้เลยนะ!!”
พอเห็นว่ามีคนมารับเร็วกว่าที่คิด ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นดีใจ..เสียงร้องไห้หยุดชะงักทันที เด็กหญิงไอรดารีบสะบัดแขนจากมือของคุณครูประจำชั้นก่อนจะวิ่งไปหาพี่เลี้ยงสาว ศิศิรารีบอุ้มเด็กหญิงตัวจ้อยที่โถมตัวเข้าหา เนื้อตัวเธอสั่นด้วยความโกรธ
“นี้ใช่ พฤติกรรมที่ครูควรทำกับเด็กเล็กเหรอคะ”น้ำเสียงเย็นชาถูกส่งไปตั้งคำถามกับ คุณครูทั้งสอง กับเจ้าหน้าที่อีกหนึ่ง คุณครูเวรร่างท้วมหน้าม้านทันที ส่วนเจ้าหน้าที่โรงเรียนมองกลับอย่างเฉยชา..คนถูกกล่าวหาเดินกอดอกมาที่หน้าประตู ดวงตามองเหยียดทั้งเด็กเกียรตินิยมตกอับ กับเด็กโง่ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว
“เกิดอะไรขึ้นคะ คุณครูบี”
“ก็ยัยเด็กโง่นี้ซิค่ะครูพัด..ก่อเรื่องอีกแล้ว..แค่ติดกระดุมเสื้อไม่ได้ก็หงุดหงิดร้องไห้โวยวาย อาละวาดไม่หยุด ถ้าไม่ตีก็ไม่หยุดร้อง..เนี่ยแหละ เด็ก eq ไม่ดี พ่อแม่ไม่มีเวลาดูแล”น้ำเสียงท้ายเต็มไปด้วยความหงุดหงิด..พูดจบเตรียมสะบัดก้นหนี แต่เสียงพี่เลี้ยงสาวกับรั้นไว้ก่อน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ณีรกานต์...ถึงเด็กจะร้องไห้หนักหรือดื้อมากแค่ไหน เธอก็ไม่มีสิทธิ์หยิกแก ตีแก หรือแม้แต่พูดจาแย่ๆ ใส่”ได้ผลคุณครูสาวทำหน้าบูดบึ้ง บึงปังมาหาพี่เลี้ยงสาวทันที
“เหรอ แน่เหรอว่าฉันไม่มีสิทธิ์”สายตามองเหยียดตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำเด็กน้อยในอ้อมกอดเนื้อตัวสั่น มือเรียวสวยลูบหลังเบาๆ เพื่อปลอบประโลม
“ใช่ เธอไม่มีสิทธิ์ กฎกระทรวงก็ออกมาแล้ว ว่าคุณครูไม่มีสิทธิ์ทำร้ายเด็ก”
“หึ แต่พอดีแม่ของเด็กนี้ คุณบุษยาเขาอนุญาต ถ้าเด็กหญิงไอรดาดื้อ คุณครูสามารถตีได้ ฉันได้รับสิทธิ์จากแม่เด็กคนนี้แล้ว..แล้วเธอละ มีสิทธิ์อะไรมาแว้ดๆ ใส่ฉัน”
“…”
ในห้องนอนขนาดใหญ่..แสงสว่างจากพระอาทิตย์ยามเช้าลอดผ่านม่านโปร่งแสงเข้ามา..ฟูกนอนขนาดใหญ่สีขาว..บนนั้นมีร่างบอบบางนอนหลับใหลอยู่..ข้างตัวมีเด็กหญิงตัวอ้วนกลมกำลังแหกปากร้องไม่หยุด..ที่น่าแปลก..คนเป็นแม่กลับไม่ลุกขึ้นมาดูลูก..คิมหันต์หน้าซีดทันที"แม๊ะ..แม๊ะ"เด็กน้อยพยายามออกเสียงเรียก..มือน้อยขยุ้มเสื้อนอนสีขาวของแม่จ๋าแน่น..ปกติถ้าเธอร้อง..คนตรงหน้าจะรีบอุ้มเธอขึ้นมากอดทันที..แต่เช้านี้หนูน้อยร้องเสียงดังแค่ไหนก็ไม่อาจปลุกคนเป็นแม่ให้ลุกขึ้้นมาดูได้ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปโอบกอดลูก..'เวลา' ได้เดินมาถึงจุดสุดท้าย..สุดที่รักของเขายังคงงดงามอยู่เสมอ..เขารู้..เธอพยายามฝืนร่างกายมากแค่ไหน..เจตจำนงในการมีชีวิตอยู่ที่รุนแรง..เธออยู่เพื่อลูก..อยู่เพื่อสร้างความทรงจำดีๆ ให้เขา"แม๊ะ..แม๊ะ"เด็กน้อยยังคงร้องเรียกหาไม่หยุด..ชายหนุ่มทำได้เพียงกอดเจ้าก้อนแป้งไว้แนบอก..น้ำตาลูกผู้ชายไหลอย่างห้ามไม่อยู่"ฮือ..ฮึก..ไม่เป็นไรนะลูก..แม่จ๋าไปดีแล้ว..แม่ไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์..จ๊ะจ๋าอยู่กับปะป๊านะลูก..ปะป๊าจะดูแลหนูเอง""อาคิม..น้องเป็นอะไรเหรอคะ"เด็กหญิงไอรดาเดินมาตาม เพราะเห็นว่าทั้งอากับน้องสาวตัวจ้อยไม่ออ
หลายเดือนผ่านไปช่วงค่ำในเดือนหนึ่ง...ตัวเมืองมีงานเทศกาลผลไม้ประจำปี ชายหนุ่มจึงพาคุณภรรยา กับหลานสาวที่ตอนนี้ตัวเริ่มคล้ำ เพราะวิ่งเล่นตากแดดแทบทั้งวัน ทั้งตอนนี้เด็กหญิงตัวน้อยได้เพื่อนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนลูกสาวตัวจ้อยที่นั่งรถจากบ้านเข้าตัวเมืองพอถึงเวลาก็นอนหลับอุตุมาตลอดทาง เดิมคนเป็นแม่ก็ไม่อยากพาลูกไป..แต่เธอก็ยังอยากมีความทรงจำดีๆ ร่วมกับลูก..อยากมีรูปถ่าย เพื่อวันหนึ่งลูกสาวได้เห็น..เด็กน้อยจะได้รู้ว่า..แม่รักแกมากแค่ไหน ในงานมีแผงขายของกินหน้าตาน่ากิน เด็กกรุงเทพอย่างเด็กหญิงไอรดาตื่นเต้นมาก โดยเฉพาะแมลงทอดหน้าตาแปลกๆ คุณอาคิมบอกว่ากินได้..แถมอร่อยด้วย พอได้ลอง 'รถด่วน' แก้มยุ้ยๆ กับเคี้ยวไม่หยุด "อาศิข๋า รถด่วนอร่อยมากเลยค่ะ"เด็กน้อยตาเป็นประกาย เธอหมายตาของกินอีกหลายอย่าง มือน้อยจูงมือคุณอาคนสวย..ส่วนเด็กน้อยที่อยู่ในวัยฝึกนั่งตอนนี้นั่งอยู่บนเป้อุ้มเด็ก ใบหน้าเล็กๆ โผล่ออกมา..อาจเพราะได้นอนไปตื่น เจ้าก้อนแป้งจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ มือน้อยกวัดแกว่งชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปเรื่อยๆ ยิ่งเห็นคนเป็นแม่หันมาคุยเสียงสองเสียงสามด้วย..น้องจันทร์จ๋ายิ่งหัวเราะเอิ๊กอ๊าก "อาศิคะ น้องเ
อาทิตย์นั้น..เด็กหญิงไอรดาได้เรียนรู้การเป็นเด็กต่างจังหวัด เธอสนุกมาก..ได้เล่นดินโคลน ได้ฝึกทำขนมง่ายๆ ช่วงเช้าก็ตามคนเป็นอาไปตกปลาที่สระไม่ไกลจากบ้าน ตกเย็นได้เดินเล่นตามคันนา ศิศิราเองก็ดูสดชื่นมากกว่าตอนอยู่กรุงเทพ อาจเพราะอากาศที่นี้บริสุทธิ์ และรอบตัวเต็มไปด้วยคนที่เธอรัก เช้าวันหนึ่งหญิงสาวชักชวนทุกคนในบ้าน ไปเที่ยวน้ำตกเล็กๆ ไม่ไกลจากบ้าน เหมือนเจ้าก้อนแป้งที่อายุน้อยสุดจะรู้ว่าได้ไปเที่ยว เด็กน้อยยิ้มแป้นทั้งวัน มนุษย์พ่อจัดแจงเตรียมข้าวของเพื่อให้เด็กๆ ได้ลงเล่นน้ำ อุปกรณ์สำหรับปิกนิค อาหารกลางวันง่ายๆ และเตรียมผ้าคลุมให้คุณภรรยาคนสวย ชายหนุ่มขับรถไม่ไกลนักก็ถึงสถานที่ที่จะพาเด็กๆ เล่นน้ำ ในอดีตเขาจำได้ว่า..เขาเคยโดนเธอบ่นว่าเมื่อไรจะฝึกขี่มอร์เตอร์ไซต์..เขาจึงสัญญา..วันหนึ่งเขาจะขับรถพาเธอไปทุกที่..ที่เธออยากไป..จะว่าไปแล้วเวลาก็ผ่านไปนานเหลือเกินพอถึงแล้วเด็กหญิงไอรดาขออนุญาตลงเล่นน้ำทันที ชายหนุ่มอนุญาตให้ลงน้ำได้ แต่ได้แค่โซนด้านหน้าที่เป็นน้ำตื้นๆ สำหรับให้เด็กๆ ลงเล่นน้ำได้โดยพี่นวลพี่เลี้ยงวัยกลางคนเองก็ตามไปดูแลน้องด้วย ส่วนเด็กหญิงศศิธร..กินนมอิ่ม หนังตาก็หย่อน พ
ช่วงอยู่กรุงเทพ คิมหันต์พยายามเคลียทุกอย่างให้เรียบร้อย..สิ่งแรกที่เขาทำคือพาคนรักไปที่อำเภอ เพื่อจดทะเบียนสมรส.. และเธอขอให้เขาพาไปซื้อของขวัญวันเกิดให้ลูก..ซึ่งกว่าจะได้ของขวัญที่ถูกใจ..ศิศิราก็คิดอยู่นาน..ความกลัวของคนเป็นแม่คือ..กลัวว่าลูกจะไม่รู้ว่าเธอรักแกมากแค่ไหนในระหว่างนั้นเด็กหญิงไอรดาจำเป็นต้องกลับไปอยู่บ้านกับพี่เลี้ยงเพียงสองคน เพราะโรงเรียนของเด็กหญิงเปิดเทอมเรียบร้อยแล้ว“เอื้อยไม่ไปได้มั้ย เอื้อยอยากอยู่กับคุณอาศิ..อยากอยู่กับน้อง”“แต่บ้านของคุณอาอยู่ไกลจากโรงเรียนนะคะ ถ้าน้องเอื้อยอยู่ที่นี้ หนูจะเดินทางเหนื่อย”อดีตพี่เลี้ยงสาวแย้งด้วยความไม่สบายใจ..ใจความหลักคือ เธอไม่อยากให้เด็กน้อยต้องเหนื่อยในการเดินทางเจ้าแก้มยุ้ยรีบเข้ามาอ้อนทันที“ไม่เป็นไรค่ะ น้องเอื้อยจะตื่นแต่เช้า น้องเอื้อยไม่เหนื่อยหรอกค่ะ นะคะ..ให้น้องอยู่ด้วย”"แต่""นะคะ อย่าทิ้งเอื้อยเลยน้าาา นะคะๆๆๆ"เจ้าแก้มยุ้ยเริ่มน้ำตาคลอ พอคิดถึงช่วงที่เธอเคยทิ้งเด็กน้อย..รอบนี้อดีตพี่เลี้ยงสาวจึงอดใจอ่อนไม่ได้“ตกลงค่ะ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ น้องเอื้อยต้องบอกคุณอานะคะลูก”“เย้ๆๆ“พูดจบเด็กหญิงตัวน้อยกระโดดโหยงเหยง
“ศิอยากได้อะไรอีกมั้ย”“ซื้อดอกไม้ให้ศิหน่อยได้มั้ย” คนตัวเล็กกว่าอุบอิบตอบเขินๆ เรียกสายตาแปลกใจของคนตัวโต“แต่ศิไม่ชอบให้คิมซื้อดอกไม้นี่”“ใครบอกว่าไม่ชอบ..แค่ตอนนั้นศิกลัวว่าคิมจะเปลืองเงิน”“…”“สรุปจะซื้อให้มั้ย”“ซื้อซิครับๆ งั้นเดี๋ยวเรากินข้าวเสร็จ แล้วคิมแวะซื้อให้นะครับคนดี”หญิงสาวรับคำง่ายๆ หน้านวลขึ้นสีแดงระเรื่อ..ชวนให้ไอ้ต้าวตัวโตใจสั่น..อย่าว่าแต่ดอกไม้แค่ช่อหนึ่ง..เธออยากได้อะไรบนโลกนี้เขาพร้อมจะสรรหามาให้..ขอแค่ได้รับรอยยิ้มของเธอเป็นรางวัลก็พอตอนที่นั่งรถกลับบ้าน..บนตักของหญิงสาวมีช่อดอกคาร์เนชั่นสีน้ำเงินช่อใหญ่ นิ้วเรียวสวยลูบดอกไม้แผ่วเบา..เธอชอบมันมากหลังจากวันนั้นคิมหันต์เทียวไปรับไปส่งคนรักที่โรงพยาบาลทุกครั้ง และช่วยเธอดูลูกกับหลาน..มีเวลาก็นั่งทำงาน ยังดีงานของเขาสามารถทำที่ไหนก็ได้..แม้จะเหนื่อยแต่การได้อยู่ใกล้คนที่รัก..การรู้ว่าได้ทำเพื่อใคร..ความเหนื่อยจึงหายไปโดยไม่รู้ตัว เขายังคงช่วยหญิงสาวเลือกชุดแต่งงาน พาเธอหาฤกษ์แต่งงาน..ซึ่งกว่าจะได้วันก็อีกหลายเดือนข้างหน้า เธอเริ่มอ๊วกบ่อยขึ้น เหนื่อยล้ามากขึ้น..กินได้น้อยลง..จนเขาใจหาย..ร่างเพรียวระหงที่เ
ณ โซนเครื่องสำอางจากแบรนด์ดังต่างประเทศภาพที่ ba เห็นคือหญิงสาวหน้าตาสวยหวานติดจะเย็นชาเงียบขรึม กำลังก้มหน้าก้มตาเลือกสีลิป ข้างกายมีชายหนุ่มผมหยักศก หน้าตาหล่อเหลาคมคายยืนยิ้มรออย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย เดิมba อยากเดินเข้าไปแนะนำสินค้า..แต่บรรยากาศรอบตัว กับนัยน์ตาที่ติดจะเย็นชาของคุณลูกค้า..มีผลให้เธอไม่อยากเข้าไปรบกวน เพียงยืนรออยู่ด้านข้างเพื่อคอยบริการ..จากประสบการณ์ที่ทำหน้าที่มาหลายปี..ลูกค้าบางคนชอบให้แนะนำ ส่วนบางคนชอบเลือกและลองเองมากกว่า"ศิจะซื้อทุกสี ทุกแบบเลยก็ได้นะ"คนอยากเปย์แฟน ระริกระรี้อยากเสียเงิน แต่ยัยจอมหยิ่งของเขายังคงใช้ดวงตาคู่สวยสำรวจสีและแบบที่ชอบจริงๆ จนได้สีที่ชอบมาราวๆ สามสี่สี คิมหันต์เองราวกับรู้ใจ เขายื่นแขนให้เธอทันที..ทั้งยังส่งสายตาไร้เดียงสามาให้เธอไม่รู้หรอกว่าคู่รักคนอื่นเป็นยังไง แต่สำหรับคู่เธอแล้ว เขามักจะชอบตามเธอไปซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอาง..บางทีถ้าเขาเจออะไรที่เห็นว่าน่ารัก ก็ชอบซื้อมาฝากเธอ..จนเธอต้องเอะเขาไป เพราะไม่อยากให้เขาเสียเงินโดยใช่เหตุศิศิราลงมือสวอทสีลิปแท่งทดลองบนท้องแขนคนรัก..สีลิปโทนสีแดงเนื้อแมต พออยู่บนผิวขาวอมชมพูของชายห