แอนโทนี่ยืนสังเกตนางแบบสาวที่ยืนทำงานอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์เที่ยงวันโดยไม่ปริปากบ่น เธอนุ่งห่มชุดไทยประยุกต์ประดับถนิมพิมพาภรณ์หลายชิ้นแต่ดูเหมือนเครื่องแต่งกายจะไม่เป็นอุปสรรคในการทำงานของเธอ แม้เธอดูจะไม่ค่อยสบายตัวนัก เขาจึงเผลอเห็นเธอถอนใจหลายครั้งแต่ไร้เสียงอิดออดผ่านริมฝีปากบางเฉียบออกมาให้ได้ยินเลย ใบหน้างามตามแบบฉบับสาวใต้ยังคงติดยิ้มละไมมุมปาก ดวงตาคู่สวยยังคงสดใสอ่อนโยนเป็นนิจ ผิวของเธอสวยละเอียดเป็นสีน้ำผึ้ง กอปรกับนัยน์ตากลมโตภายใต้ใบหน้าได้รูปเกลี้ยงเกลาส่งให้พินอินดูโดดเด่นกว่าเพื่อนนางแบบทุกคนในวันนี้
หนุ่มอิตาลีหรี่ตาข้างหนึ่งเมื่อเห็นความงดงามล้อแสงตะวันของนางแบบสาวชาวไทย รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏบนริมฝีปากหยักเมื่อสังเกตการทำงานของหญิงสาว เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าจะผ่านมาพบช้างเผือกกลางป่า ผู้หญิงที่มีบุคลิกคล้ายโมนิกาแต่มีเสน่ห์เย้ายวนกว่าสาวชาติเดียวกับตนที่ตรงรอยยิ้มและแววตามากความรู้สึก สำคัญที่สุดคือ เธอมีความอดทนในการทำงานโดยไม่ปริปากบ่นแม้ในอากาศที่ร้อนอบอ้าว เรียกว่ามีลักษณะตรงตามที่คีแรนต้องการไม่ผิดเพี้ยน
แอนโทนี่เฝ้ามองการนางแบบสาวด้วยสีหน้าครุ่นคิดขณะคาดเดาอายุของเธอไว้ในใจ เขาเชื่อมั่นในสายตาตนว่าเธอน่าจะอยู่ในช่วงอายุไม่เกิน 25 ปีเท่านั้น เขามองสำรวจหญิงสาวอย่างละเอียด...ดั้งจมูกของเธอขึ้นสันได้ทรงสวยกั้นกลางดวงตากลมโตทั้งคู่ รับกับริมฝีปากอิ่มเป็นกระจับในกรอบใบหน้ารูปไข่ ผมของเธอดับขลับสะดุดตา ขมวดม้วนเป็นมวยคลอบด้วยเครื่องประดับที่เขาเรียกชื่อไม่ถูก บนมวยผมเสียบปิ่นทองปักไว้ รูปร่างของเธอโปร่งระหง ความสูงของเธอน่าจะราว ๆ 175 เซนติเมตร
เสียงตะโกนของช่างภาพกับสัญลักษณ์ท่าทางทำให้แอนโทนี่เข้าใจว่าคือคำสั่งหยุดพักดึงเขาขึ้นจากภวังค์ความคิด หนุ่มอิตาลีรีบเดินตรงดิ่งไปหาหญิงสาวอย่างมั่นใจ ท่ามกลางสายตาสนใจของทีมงานกระทั่งเขาเดินมายืนต่อหน้าเธอจึงส่งยิ้มเชื่อมไมตรีแล้วแนะนำตัวกับเธอด้วยภาษาอังกฤษ
“สวัสดีครับ ผมชื่อแอนโทนี่ เปโลติโน่...ไม่ทราบว่าคุณพอจะพูดภาษาอังกฤษได้หรือเปล่าครับ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ค่ะ ฉันเข้าใจและสามารถคุยกับคุณได้รู้เรื่องแน่ค่ะคุณแอนโทนี่ ฉันชื่อพินอินไม่ทราบว่าคุณต้องการให้ฉันช่วยอะไรหรือเปล่าคะ” พินอินถามอย่างมีน้ำใจ
“ดิโอ! ขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้ผมได้พบคุณ” แอนโทนี่ยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้น เผลอร้องเรียกหาพระผู้เป็นเจ้าด้วยความโล่งอกที่สามารถสื่อสารกับเธอเข้าใจ
“คุณอยากให้ฉันช่วยเรื่องอะไรก็บอกมาเถอะค่ะ ถ้าฉันช่วยคุณได้ ฉันก็ยินดีจะช่วย”
“ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวเองก่อนนะครับ ผมเป็นผู้จัดการส่วนตัวของ คีแรน ริคาร์โด เจมส์ คนส่วนใหญ่รู้จักเขาในชื่อของคาร์ล คีแรน ช่างภาพมือหนึ่งของวงการแฟชั่น คาร์ลทำงานให้กับวงการแฟชั่นในแถบยุโรปหลายประเทศจนมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดคนหนึ่งในยุคปัจจุบันนี้เลยทีเดียว คุณน่าจะเคยได้ยินชื่อของเขามาบ้างใช่ไหมครับ” แอนโทนี่ถามรัว และรอฟังคำตอบของเธออย่างจดจ่อ
พินอินอมยิ้มกับคำถามของคนตรงหน้า แอนโทนี่คงไม่มั่นใจว่านางแบบโนเนมจากประเทศเล็ก ๆ ในเอเชียอย่างเธอจะรู้จักเจ้านายของเขาหรือไม่
“แน่นอนค่ะ ฉันเคยได้ยินชื่อเสียงของคาร์ล คีแรน มาบ้าง”
“คาร์ลเป็นช่างภาพที่เก่งและมีเชื่อเสียงพอตัวทีเดียว ผมดีใจที่คุณรู้จักเขา” แอนโทนี่เอ่ยอย่างยินดี
“ค่ะ...และไม่ทราบว่าเรื่องของคาร์ล คีแรนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องที่คุณต้องการให้ฉันช่วยหรือคะ” เธอถามอย่างไม่ใส่ใจชื่อเสียงของช่างภาพคนดังนัก
“เกี่ยวกันมากทีเดียวครับเพราะสิ่งที่ผมต้องการให้คุณช่วยก็คือ...ผมอยากให้คุณไปเป็นนางแบบโปรเจ็กต์ใหม่ของคาร์ล ไม่ทราบว่าคุณจะสนใจหรือเปล่าครับ ผมสามารถติดต่อคุณได้เองหรือต้องติดต่อผ่านเอเจนซี่ของคุณ”
แอนโทนี่สังเกตแววตาของหญิงสาว เขาไม่พบความตื่นเต้นยินดีในดวงตาคู่หวาน ใบหน้าของเธอราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกจนเขารู้สึกไม่มั่นใจว่าเธอรู้สึกเช่นไรกับข้อเสนอของตน
“ถ่ายแบบหรือคะ” พินอินยกคิ้วสูง มองแอนโทนี่อย่างแปลกใจ
“ครับ งานนี้เป็นโปรเจ็กต์พิเศษของคาร์ล เป็นงานถ่ายรวมเล่ม ไม่ใช่นิตยสาร”
“สถานที่ละคะ ทำงานที่เมืองไทยเท่านั้นใช่ไหมคะ” เธอซักไซ้อย่างสนใจ
“ใช่ครับ สถานที่ของเราจะเป็นทะเลแถบนี้ละครับ คงใช้เวลาทำงานสักสองหรือสามเดือน”
“ขอบคุณสำหรับคำตอบของคุณค่ะโทนี่ แต่ฉันยังไม่สามารถให้คำตอบกับคุณในวันนี้หรอกนะคะ ฉันต้องการรายละเอียดมากกว่านี้อีกสักนิดและถ้าฉันจะรับงาน ฉันสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องผ่านเอเจนซี่ค่ะ ฉันไม่ใช่นางแบบในสังกัดของใคร”
“ว้าว! ถ้าคุณตัดสินใจเองได้ก็ดีเลยเพราะคาร์ลต้องการนางแบบคนใหม่เร็วที่สุด และเขาต้องการผู้หญิงที่มีนัยน์ตาแบบคุณนี่แหละครับ ดวงตาที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกปรารถนาได้อย่างชัดเจน คาร์ลจะต้องพอใจอย่างแน่นอนถ้าได้คุณไปเป็นนางแบบสำหรับภาพถ่ายชุดใหม่ ผมเชื่อสายตาตัวเองว่าเลือกไม่ผิดคนแน่ ๆ คุณมีคุณสมบัติทุกข้อที่คาร์ลต้องการ”
“คุณมั่นใจทั้งที่เพิ่งพบฉันครั้งแรกนะหรือคะ” เธอเลิกคิ้วพลางเอ่ยถามเขาอย่างประหลาดใจ
“หึๆ...คนอย่างแอนโทนี่ เปโลติโน่ไม่เคยมองคนพลาด” เขาโอ้อวดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจและเชื่อมั่นในสายตาของตน
“บอกตามตรงว่าฉันยังไม่มั่นใจตัวเองด้วยซ้ำ ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ร่วมงานกับช่างภาพระดับโลกอย่างเพื่อนของคุณ ฉันคงทำตัวไม่ถูกถ้าต้องทำงานกับเขา” เธอเอ่ยแบ่งรับแบ่งสู้
“ผมเข้าใจครับ...เอาเป็นว่าผมขอเบอร์โทรกับอีเมล์ของคุณไว้ แล้วผมจะส่งรายละเอียดของงานกับค่าตอบแทนที่คุณจะได้รับไปให้คุณพิจารณาก็แล้วกันครับ ผมมีเวลารอคุณตัดสินใจได้สองวันและถ้าคุณตกลงใจก็โทรหาผมได้ตลอดเวลา”
พินอินเงยหน้า กระพริบตาปริบ ๆ ใส่สามีแล้วถามขึ้นอย่างประหลาดใจ ขณะที่คนถูกถามรีบส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธว่าตนเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นเดียวกัน ความสงสัยใคร่รู้ของพินอินทำให้คีแรนเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะคำสั่งของภรรยาสาวที่สั่งให้เขาเข้าไปเรียบเคียงสืบข่าวมาจากพิมพ์พรโดยข่มขู่เขาว่าหากทำไม่สำเร็จ นำข่าวมาบอกเธอไม่ได้ คืนนี้เธอจะไม่ยอมให้เขาแตะต้องตัวเธออย่างเด็ดขาดเจ้าบ่าวทำหน้าเซ็งนิด ๆ ที่ถูกเจ้าสาวแก้แค้นเอาคืน ใช้เขาเข้าไปสอดแนมเรื่องของเพลงพิณ เหมือนอย่างที่เขาเคยใช้เงินหว่านล้อมจ้างให้เธอทำแบบเดียวกันกับสองแม่ลูกพินอินกวาดตามองรอบบ้านที่เต็มไปด้วยภาพความทรงจำแสนอบอุ่นอย่างตื้นตัน รู้สึกปลาบปลื้มที่เธอสามารถรักษาสมบัตินี้ไว้ได้ เธอมองกรอบรูปของแม่ที่แขวนอยู่ต่ำกว่ากรอบรูปของคุณตาซึ่งติดอยู่เหนือหิ้งสำหรับวางโกฐกระดูก กระถางธูป แจกันดอกไม้บนผนังตามอย่างที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยส่วนใหญ่ถือปฏิบัติกันถ้าแม่กับคุณตายังอยู่กับหนูที่นี่ แม่กับคุณตาก็ไม่ต้องห่วงหนูกับคุณยายอีกแล้วนะคะ วันนี้หนูมีความสุขมาก คีแรนเขาสัญญาว่าจะดูแลหนูกับคุณยายแทนคุณตากับแม่เอง เรามีลูกชายด้วยกันคนหนึ่งแล้วนะคะ พว
“ดีเลียนโตอีกหน่อย ยายแก้วเขาคงจะอุ้มไปอวดทั่วเมืองแน่ ๆ” คุณยายจิตเอ่ยกลั้วหัวเราะชอบใจ“แค่ตอนนี้ดิฉันยังอยากจะอุ้มไปอวดคุณพลเธอเสียเลยค่ะป้าจิต” หญิงกลางคนเอ่ย“ไม่ต้องค่ะ” พินอินเผลอห้ามป้าแก้วเสียงแข็ง หน้าตาบึ้งตึงทันทีที่ได้ยินชื่อบุตรชายอาจารย์นิพนธ์เสียงขึงขังกับสีหน้าบึ้งตึงของพินอินทำให้ทุกคนหันมองเธออย่างสนใจ คีแรนสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของพินอิน เขาจึงตั้งใจจะเก็บไว้ถามเธอเมื่ออยู่ด้วยกันลำพังว่าป้าแก้วพูดอะไรให้เธอขัดเคืองใจ“ขอโทษค่ะป้าแก้ว พินหวงลูกมากไปหน่อย พินคิดว่าตาหนูยังเล็กเลยยังไม่อยากจะพาแกไปไหนค่ะ”หญิงกลางคนยิ้มเจื่อนและรีบส่งทารกน้อยคืนให้กับพินอินที่ยื่นมือออกมาขอตัวลูกของเธอคืน ราวกับกลัวว่าคนสูงวัยจะพาลูกชายของเธอไปไหน“ป้าก็พูดไปอย่างนั้นเองแหละค่ะ”“พินขอตัวพาลูกไปนอนก่อนนะคะ”เธอกล่าวก่อนจะอุ้มลูกชายเดินตรงไปที่ห้องนอนของตน โดยมีคีแรนเดินตามไม่ห่างท่ามกลางสายตางงงันของป้าแก้วกับคุณยายจิต และทันทีที่วางลูกชายลงบนที่นอนเรียบร้อย คีแรนก็ถามเธอทันที“ป้าแก้วพูดอะไรให้เธอไม่พอใจอย่างนั้นรึ” เขาไม่เข้าใจบทสนทนาภาษาไทยระหว่างเธอกับป้าแก้วแต่จับน้
“ฉันอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นเหลือเกินคาร์ล อยากรู้ว่าส่วนไหนของเธอที่ทำให้คุณคลั่งไคล้ได้ยาวนานขนาดนี้ แล้วคุณไม่เคยพบกับเธออีกเลยเหรอคะ” พินอินรอฟังคำตอบจากเขาอย่างจดจ่อ“เธอได้เห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ทุกวันอยู่แล้วคารา” เขากุมหน้าของเธอไว้พลางเอ่ยเฉลยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“หื้ม...” เธอกระพริบตาเบา ๆ อย่างไม่เข้าใจ“เธอจำวันนั้นไม่ได้สินะ วันที่เธอช่วยเหลือเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งกลางหิมะ เด็กผู้หญิงที่กำลังหิวโซแต่กลับไม่ได้รับการเหลียวแลจากใครนอกจากเธอพินอิน”ความทรงจำในอดีตหมุนวนตีกลับขึ้นเป็นภาพที่แสนพร่าเลือนอยู่ในหัวของพินอิน ขนอ่อนทั่วร่างกายของเธอลุกชันด้วยความตื่นกระจ่าง ดวงตากลมวาวเบิกโพลงขึ้นอย่างตื่นตะลึงทันทีที่ระลึกขึ้นได้ เด็กสาวที่เขาพูดถึงแท้จริงก็คือตัวเธอเองอย่างนั้นรึ...“โอ้...คาร์ล มันเป็นไปได้ยังไง”“มันคือพรหมลิขิต สวรรค์กำหนดให้เธอเกิดมาเพื่อเป็นของฉันคารา ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ตอนที่เห็นเธอหลับอยู่บนเตียงของฉันวันที่เราได้พบกันที่เมืองไทยเป็นวันแรก” เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ไล้แก้มนุ่มด้วยปลายนิ้วและอดใจไม่ให้จูบเธอไม่ไหวจูบของคีแรนแผ่วเบาดุจขนนก พ
การเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ทำให้เขานึกอยากจะหยุดงานก็หยุดเฉยๆ เพื่อมาคอยเฝ้าอารักขาเธอยิ่งกว่าเป็นเทวดาประจำตัว ไม่ว่าพินอินจะขยับตัวไปทางไหนคีแรนต้องปรี่เข้าไปประคอง เธอจะหยิบจับทำอะไร เขาก็กุลีกุจอเข้ามาทำแทนราวกับกลัวเธอจะเป็นลมล้มพับกลางอากาศไปอีก เพราะตั้งแต่คราวนั้น คีแรนก็ไม่ยอมให้เธอทำขนมอีก เขาดูแลเธอยิ่งกว่าไข่ในหินด้วยเกรงว่าหากเธอหมดสติคราวนี้คงไม่โชคดีเหมือนคราวก่อนและอาจทำให้เกิดอันตรายกับตัวเธอเองและลูกในท้องได้ ดังนั้นแค่เธอเดินสะดุด คีแรนก็รีบเดินเข้ามาอุ้มเธอแล้วคุณยายของเธอกับแม่กาบก็พลอยเห็นดีเห็นงามให้คีแรนดูแลเธออย่างใกล้ชิด ทั้งสองเป็นคนแก่ที่ค่อนข้างหัวสมัยใหม่จึงไม่ตะขิดตะขวงใจกับการที่คีแรนย้ายตัวเองเข้ามานอนในห้องของพินอิน ทำตัวประหนึ่งเป็นคู่สามีภรรยา ทั้งที่เขากับเธอยังไม่ได้จัดการทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมายและประเพณี“เราไปจดทะเบียนสมรสกันที่สถานทูตก่อนดีไหมคารา ส่วนพิธีแต่งงานรอให้คุณคลอดลูกของเราเสียก่อนค่อยจัดที่โบสถ์ดีไหม” เขาปรึกษาเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขณะลูบไล้หน้าท้องแข็งนูนของเธอ หยอกเย้ากับลูกน้อยในครรภ์ของเธอเล่นอยู่อย่างเพลิดเพลิน“คุณจะแต่งงานกั
“คุณอยากแต่งงานกับฉันจริง ๆ หรือเพราะยากได้ลูกของฉันกันแน่คะคาร์ล” คนอ่อนไหวยังหวาดระแวง“ฉันต้องการลูกแต่ฉันก็ต้องการเธอด้วยพินอิน” เขาพูดเบา ๆ ขณะมองเธออย่างลึกซึ้ง “ฉันรู้แล้วว่าวันเวลาที่ไม่มีเธอมันอ้างว้างและหม่นหมองแค่ไหน ฉันรักเธอพินอิน”เธอกุมใบหน้าเขาด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง มองลึกลงไปในดวงตาของเขาอย่างค้นคว้า “พิสูจน์สิคะคาร์ล ว่าคุณรักฉันมากแค่ไหน” เขาวางมือทับฝ่ามือของเธอและกุมมือเธอไว้ “ด้วยร่างกายและวิญญาณของฉันคารา ฉันจะพิสูจน์ให้เห็นว่าฉันรักและภักดีต่อเธอคนเดียวพินอิน”คีแรนจูบเธออย่างดูดดื่มและเคลื่อนไหวสำรวจความเปลี่ยนแปลงทุกส่วนของเธอด้วยมือ ปากและลิ้น มือกว้างเอื้อมปลดบราเซียของเธอโยนลงข้างเตียงขณะคลอเคลียริมฝีปากดื่มด่ำอยู่กับทรวงอกเต็มตึงที่ปรารถนา ทุกความเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างกลมกลืนและอ่อนโยน พินอินครางเบา ๆ เมื่อเขาเคลื่อนตัวลงต่ำ จูบผ่านหน้าท้องกลมนูนเหมือนดังจะแวะทักทายชีวิตน้อย ๆ ที่ขยับตัวอย่างเกียจคร้านตอบสนองสัมผัสของเขามาจากข้างในท้องเธอ พอเขาทักทายลูกจนหนำใจแล้วก็เคลื่อนย้ายริมฝีปากลงต่ำแล้วหยุดเพื่อเปลื้องเสื้อผ้าของเขาเองก่อนจะเริ่มใหม่อีกรอบเขาลูบไล
คีแรนทนดูพินอินกับยายของเธอช่วยกันทำขนมไปฝากขายที่ร้านอาหารของแม่กาบอย่างไม่ชอบใจนัก เขาไม่อยากเห็นทั้งสองคนลำบากจึงพยายามหว่านล้อมพินอินขอเป็นคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเธอกับ คุณยาย แต่ไม่ว่าคีแรนจะพยายามอย่างไร พินอินก็ไม่ยอมรับเงินของเขา ถึงจะอ้างว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลลูกในครรภ์เธอ พินอินก็ไม่ยอมแตะเงินเขาแม้แต่สตางค์แดงเดียวพินอินทำให้คีแรนหัวเสียกับความดื้อรั้นของเธอ แต่เขาก็ยอมรับว่าความดื้อรั้นและเด็ดเดี่ยวของพินอินเป็นอีกหนึ่งความมีเสน่ห์ของเธอที่ผูกมัดหัวใจของเขาไว้ที่เธอคีแรนหอบข้าวของออกจากหลังรถพะรุงพะรัง เมื่อพินอินปฏิเสธไม่ยอมรับเงินของเขา คีแรนเลยเปลี่ยนวิธีมาเป็นคนจัดการดูแลซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของเธอกับคุณยายให้แทน เขากำลังใช้หลังดันประตูบ้านเพราะมือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่ขนซื้อมาเมื่อได้ยินเสียงแก้วกระทบพื้นดังออกมาจากในห้องครัวเขารู้ว่าพินอินอยู่บ้านตามลำพัง พอได้ยินเสียงแก้วแตกเขาจึงตกใจและคิดไปล่วงหน้าแล้วว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับหญิงสาว เขาทิ้งข้าวของในมือเกลื่อนกระจัดกระจายเพราะเป็นห่วงพินอินและรีบวิ่งเข้