Share

บทที่ 6 ข้อตกลง

last update Last Updated: 2025-08-23 14:32:52

อรุณแห่งวันใหม่เข้ามาเยือน นิลลนายกมือกุมศีรษะ เพราะอาการปวดตุบบริเวณขมับ เปลือกตาค่อยๆ เปิดออกรับแสง ภาพทุกอย่างเริ่มชัดเจน ร่างบางลุกนั่งดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าตื่นตระหนก กวาดตามองโดยรอบด้วยความสับสน ที่นี่ที่ไหน มาอยู่ได้ยังไง แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่

ห้องกว้างเตียงสีเสา พื้นถูกปูด้วยกำมะหยี่ปักลวดลายงดงาม เครื่องเรือนเป็นทองคำแทบทั้งหมด ผ้าม่านสีไข่ไก่ เธอลุกยืนสะบัดศีรษะไล่ความมึนงง ก้าวยาวมาถึงหน้าต่างรูดม่านออก มองเบื้องหน้าเป็นโอเอซิสขนาดใหญ่ เห็นสาวๆ ทั้งผิวขาว ผิวน้ำผึ้ง กำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน บางคนสวมชุดราวกับนักเต้นระบำ ในดินแดนภารตะ รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นน่ามอง มือบางยกทาบอก นี่ตนเองกำลังฝันอยู่หรือเปล่า

แอด...

เสียงประตูห้องเปิดออกนิลลนาหันมอง เห็นชายรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้านี่เคยเห็นมาก่อน นัยน์ตาสีอำพันยังคงมีมนต์ขลัง อย่างน่าประหลาดเช่นเคย วันนี้เขาสวมชุด คล้ายชุดประจำชาติชาวอินเดีย เรียกว่ากรุต้า ยิ่งทำให้ชวนมองมากขึ้น  แต่ทว่าเธอไม่เคยคิดสนใจเลยสักนิด ว่าชายคนนี้จะหล่อเหลา หรือเป็นใครมาจากไหน เพราะเหตุการณ์ที่เผชิญคือการถูกกักขังอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

"คุณจับฉันมาใช่ไหม ที่นี่ที่ไหน ทำไมต้องจับฉันมาด้วย ปล่อยฉันออกไปนะ!” หญิงสาวพ่นถ้อยคำออกมาด้วยความเดือดดาล

ทรงยกพระหัตถ์เพื่อห้ามปราม เห็นนางหอบโยนเมื่อยิงคำถามชุดใหญ่ ผิวแก้มเริ่มแดงปลั่งเพราะความโกรธ กษัตริย์มาซาฮาฟทรงแย้มพระโอษฐ์

“ไม่ต้องยิงคำถามกับเราขนาดนั้นก็ได้ เรายินดีตอบทุกคำถามอยู่แล้ว”

นิลลนากรอกตาเล็กน้อย จ้องมองชายแปลกหน้าอย่างจับผิด เธอเคยตบหน้าเขา หรือนี่คิอการแก้แค้น ทำยังไงดีจะโดนฆ่าหมกทรายอยู่ที่ซากวัยอย่างนั้นเหรอ ไม่ได้แล้วเธอต้องอ่อนเข้าไว้

“ฉันอยากรู้ว่าคุณเป็นใคร แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

“อยากรู้ว่าเราเป็นใครนะเหรอ” พระองค์ทรงย้อนถามแล้วเลิ่กพระขนง

“ก็ใช่นะสิ”

กษัตริย์มาซาฮาฟทรงยกพระกรกอดพระอุระ ดูท่าสาวน้อยคนนี้จะดื้อดึงกว่าที่คิด

“เราเป็นคนพาตัวเจ้ามาที่นี่เอง ที่นี่คือพระราชวังแวนเดอเลีย”

“อะไรนะ!” นิลลนาร้องลั่นด้วยความตกใจ นี่เธออยู่ในวังแวนเดอเลียเหรอ สถานที่ที่ไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนสามารถมาเยือน เพราะไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้า

“ตกใจอะไรรึ ปกติเจ้าชอบไม่ใช่หรือสถานที่ต้องห้าม”

“ฉันไม่เข้าใจเลย...” คนตัวเล็กส่ายหน้าสับสน “คุณพาตัวฉันมาที่นี่ทำไม แล้วตกลงคุณเป็นใครกันแน่”

กษัตริย์มาซาฮาฟนิ่งครู่หนึ่งแล้วทอดพระเนตรหญิงสาว ยิ่งพิศยิ่งแปลกใจ คราแรกพระองค์ต้องการสั่งสอน เพราะนางบังอาจตบพระพักตร์ แต่ตอนนี้กลับคิดอีกอย่าง ริมฝีปากบางแต่ช่างพูดหากจุมพิตจะหวานหรือไม่  ผิวแก้มแดงปลั่งจนน่าสูดกลิ่นหอม

ปกติพระองค์ไม่เคยพาตัวสตรีนางใดมา โดยไม่ได้รับความยินยอมพร้อมใจ แต่สำหรับนางเป็นกรณิพิเศษ นางคงดีใจหากรู้ว่าพระองค์คือผู้ใด

“เราต้องการตัวเจ้าเป็นนางสนม ที่นี่เจ้าจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ ทั้งทรัพย์สมบัติ และตัวข้า แค่เพียงเจ้าเอ่ยปากออกมาเท่านั้น เราจะให้”

นะ...นางสนม บ้าบอคอแตกอะไร ตกลงผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่

“คุณพูดอะไรออกมา นางสนมอะไรฉันไม่เข้าใจ!” นิลลนาถามเสียงสั่น

“เจ้ายังไม่รู้อีกรึว่าเราเป็นใคร เราคือกษัตริย์แห่งประเทศซากวัย มาซาฮาฟ จาเมียร์”

ไม่จริงใช่ไหม มือบางยกขึ้นปิดปากหากฝันขอให้ตื่นขึ้นเถิด เพราะตอนนี้หัวใจมันสั่น ใช่จากใบหน้าหล่อเหลาของชายแปลกหน้า แต่มาจากความกลัวต่างหาก เธอจ้องมองดวงตาเบิกกว้าง ส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อคำพูดนั้น

“ไม่จริงหรอกคุณโกหก!”

ก่อนพระองค์ได้ตรัส เสียงฝีเท้าดังแว่วพร้อมด้วยราชองครักษ์อัสลันหยุดยืน เขาก้มศีรษะทำความเคารพสายตาชำเลืองมองสาวชาวไทยเล็กน้อย แล้วให้ความสนใจต่อองค์กษัตริย์

“ฝ่าบาทวันนี้ตอนบ่ายสามโมง ท่านรัฐมนตรีอาริกมันขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”

“อืม เรารู้แล้ว”

“เกล้ากระหม่อมขอทูลลาพะยะค่ะ” อัสลันเดินเลี่ยงออกมา ใจอดเป็นห่วงหญิงชาวไทยไม่น้อย

ทรงหันมาสนพระทัยต่อนางอีกครั้ง

ร่างบางสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่น บุรุษผู้นี้คือกษัตริย์แห่งซากวัยจริงๆ ไม่อยากเชื่อ เหมือนฝันนี่เธอกำลังเผชิญหน้ากับพระองค์อยู่

“เราคุยกันมาหลายประโยคแล้ว ข้าอยากรู้ว่าเจ้าชื่ออะไร” พระสุรเสียงทุ้มแต่ทรงอำนาจ ทำเอาคนถูกถามจำต้องมองสบตา

“เอ่อ... หม่อมฉันชื่อนิลลนาเพคะ” เธอตอบตะกุกตะกักเพราะไม่เชี่ยวชาญคำราชาศัพท์มากนัก

“อืม” ทรงสาวพระบาทเข้าหา ร่างบางผงะถอยหลังตามสัญชาตญาณ ทรงหยุดแล้วทอดพระเนตร “คำตอบของเจ้าล่ะคืออะไร”

“พระองค์หมายถึงเรื่องอะไรเพคะ”

“เรื่องที่เราต้องการให้เจ้าเป็นสนมน่ะสิ”

สนมงั้นเหรอ เธอรู้สึกเหมือนตนเองถูกตบหน้า ต่อให้หล่อปานเทพบุตรมาจุติจากสวรรค์ หากต้องเป็นนางเล็กนางน้อยเพื่อสนองตัณหาผู้ชายแล้วได้ทรัพย์ ยอมกัดก้อนเกลือหรือโสดจนตาย อีกอย่างเธอไม่ใช่หมูในอวยเห็นเงินทองหรือคนหล่อแล้วกระโจนเข้าหา ต่อให้เป็นกษัตริย์ใหญ่สักแค่ไหนก็ไม่สนหรอก ไม่ได้รักใคร่ชอบพอกันมาก่อน แถมยังลักพาตัวตามอำเภอใจใครจะยอม ศักดิ์ศรีถึงมันกินไม่ได้แต่ไม่ยอมเสียเด็ดขาด

“หม่อมฉันขอทูลตามตรงนะเพคะ หม่อมฉันไม่ต้องการเป็นสนมของพระองค์” เธอยืนยันหนักแน่น สบพระเนตรอย่างไม่เกรงกลัว

กษัตริย์มาซาฮาฟรู้สึกราวกับพระองค์ถูกตบพระพักตร์ครั้งที่สอง ขนาดรู้ว่าพระองค์เป็นใครนางก็ยังคงยืนกรานปฏิเสธ แถมยังแสดงสีหน้าหนักแน่น ไม่เคยมีสตรีนางใดทำกับพระองค์เช่นนี้มาก่อนเลย

“เจ้าแน่ใจรึที่พูดออกมา”

“หม่อมฉันแน่ใจเพคะ”

พระวรกายสูงใหญ่ก้าวประชิดอย่างรวดเร็ว คว้าเรียวแขนกระชากจนร่างบางปะทะแผงพระอุระกว้าง นิลลนาตระหนกใช้มือผลักดันสุดแรงแล้วดิ้นรน

“พระองค์จะทำอะไรหม่อมฉัน!” เธอร้องถาม

“หากเราเข้าใกล้เจ้ามากกว่านี้ บางที... เจ้าอาจจะเปลี่ยนคำพูด” สุรเสียงทุ้มกระซิบข้างใบหู

“หม่อมฉันไม่มีวันเปลี่ยนคำพูดเด็ดขาด ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ พระองค์ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ใช่ประชาชนของประเทศนี้ พระองค์ไม่แม้แต่จะมีสิทธิ์กักขังหน่วงเหนียวหม่อมฉันด้วย!”

คำพูดแสดงถึงเจตนา นึกโมโหครามครั้นเหตุใดนางถึงได้ดื้อดึงนัก แค่พระองค์พึงใจ ไม่ว่าสตรีนางใดต่างปรารถนาในตัวพระองค์ทั้งนั้น

“ต่อให้เจ้าไม่ใช่ประชาชนของประเทศนี้ แต่ถ้าหากเจ้าเหยียบย่างเข้ามาบนผืนแผ่นดินเรา เราก็มีสิทธิ์ทำอะไรตามใจเหมือนกัน!”

นิลลนากัดฟันข่มความกลัว นี่หรือกษัตริย์ที่ทุกคนพากันพูดถึง ทำไมมันช่างแตกต่างจากที่ได้ยินมามากนัก พระองค์ทรงเอาแต่พระหทัย แถมยังไม่มีเหตุผลเสียอีก

“พระองค์ทรงต้อนรับแขกจากประเทศอื่นเช่นนี้หรือเพคะ ฉุดมาเมื่อต้องการ อยากทำอะไรก็ทำ พระองค์ทรงปกครองประชาชนได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีความเมตตาเลยสักนิด!"

กษัตริย์มาซาฮาฟทรงกริ้ว เมื่อได้ยินถ้อยคำไม่รื่นพระกันต์ ไม่เคยมีหญิงใดต่อปากต่อคำแถมยังวิจารณ์การปกครองของพระองค์มาก่อน

“นี่เจ้ากล้าว่าข้างั้นหรือ”

“หม่อนฉันกล้าสิเพคะ ในเมื่อพระองค์ทำไม่ถูกต้อง!”

“นิลลนา!” ทรงตวาด พระพักตร์เริ่มแดงเพราะทรงกริ้ว

คนตัวเล็กสั่นสะท้านเมื่อพระกรรัดร่างกายเธอแน่นขึ้น หญิงสาวหาทางเอาตัวรอดด้วยการดิ้นรน แต่ทว่าพระวรกายพระองค์ไม่สะท้านสะเทือน

“ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ หากพระองค์ไม่ต้อนรับ หม่อมฉันจะกลับประเทศไทย!”

“ข้าไม่ให้เจ้ากลับหรอกนิลลนา เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่ ในเมื่อเจ้าเลือกปฏิเสธข้า ข้าก็มีวิธีอื่น” ทรงกัดพระทนต์แล้วปล่อยร่างบางรั้งข้อมือให้เดินตาม

นิลลนากวาดตามองรอบๆ เห็นนางกำนัลพากันมองมาแล้วก้มศีรษะทำความเคารพ พระองค์กำลังพาเธอไปยังที่แห่งใด เสียงฝีเท้านับร้อย เสียงปืนดังก้องจนเธอสะดุ้งยกมือปิด ฝ่าบาททรงหันพระเศียรแววพระเนตรดุดัน

“จะพาหม่อมฉันไปไหนเพคะ หม่อมฉันไม่ไป!” คนตัวเล็กดื้อดึงพยายามแกะพระหัตถ์ออก

พระองค์ไม่ฟังเสียงลากร่างบางมายังลานกว้างด้านหน้า รั้งให้ขึ้นเวทีไว้สำหรับสอนทหาร อัสลันยกมือเพื่อหยุดการฝึกก้มศีรษะทำความเคารพแล้วหลบมายืนอยู่ด้านหลัง อดแปลกใจเหตุใดพระองค์ถึงพาตัวหญิงไทยมายังสถานที่แห่งนี้แถมดูท่าทางนางหวาดกลัวนัก

ไมค์ถูกส่งมา กษัตริย์ซาฮาฟจอใกล้พระโอษฐ์หันมองคนตัวเล็กกำลังขัดขืน เพื่อให้ข้อมือหลุดพ้นจากพันธนาการ พระวรกายสูงใหญ่ทรงยืนสง่าท่ามกลางทหารนับพัน

“เรามีเรื่องจะประกาศ เนื่องจากพวกเจ้าทุกคนฝึกหนักมาตลอดปี เรามีของขวัญพิเศษจะมอบให้”

ร่างบางถูกรั้งให้มายืนด้านหน้า “สตรีนางนี้จะเป็นเครื่องผ่อนคลายสำหรับพวกเจ้า”

เสียงทหารโห่ร้องกึกก้องด้วยความยินดี นิลลนาตาโตหันมองเห็นมุมพระโอษฐ์กระตุกขึ้น

“พระองค์ทรงตรัสอะไรออกไป!” เธอถามน้ำตาเริ่มคลอ ภาษาที่ใช้เป็นภาษาถิ่นซึ่งเธอไม่เข้าใจเลย

อัสลันอดรนทนไม่ได้เลยขยับใกล้กระซิบแผ่ว พอเธอได้ยินน้ำตาไหลรินออกมาไม่ขาด ร่างกายแทบทรุดกองกับพื้น

“ข้าให้เจ้าเลือกแล้วนิลลนา แต่เจ้าเลือกจะปฏิเสธ มันช่วยไม่ได้”

“พระองค์ไม่มีสิทธิ์ทำกับหม่อมฉันเยี่ยงนี้ หม่อนฉันไม่ใช่ทาส หม่อมฉันไม่ใช่ประชาชนของพระองค์” หญิงสาวตัดพ้อทั้งน้ำตา

“เจ้าหายไปคนเดียว ประเทศอื่นคงไม่มีใครมานั่งสงสัยข้าหรอก” กษัตริย์ทรงตรัสแล้วแย้มสรวลเยือกเย็น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 12 พระอาทิตย์ไม่ยุติธรรม

    บันไดหนทางสู่ใต้ดินทั้งมืดและอับชื้น ร่างบางสั่นสะท้านแต่ข่มความกลัวเอาไว้ เธอจะไม่ร้องขอให้พระองค์ทรงเมตตา หากต้องตายที่นี่ก็ยังดีกว่าต้องอยู่ในสภาพของพระสนม กรงเหล็กสุดทางเดินถูกเปิดออก คนตัวเล็กถูกผลักดันให้เข้าไปในนั้น“อยู่ในนี้ก่อนนะ ผมจะคอยให้คนมาส่งน้ำส่งข้าวไม่ต้องห่วง”อัสลันบอกเป็นภาษาอังกฤษ“ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้ฉันอดตายไปเถอะ” เธอบอก แล้วก้าวขึ้นนั่งชั่นเข่าบนเตียงเหล็กเย็นเฉียบราชองครักษ์ส่ายหน้าแล้วสาวเท้าออกจากบริเวณนั้น ดวงตาเรียวสวยกวาดมองรอบๆ น้ำตาเอ่อ เธอเคยต้องการมาอยู่ในที่แบบนี้เหรอ เคยต้องการเป็นสนมเหรอ ไม่เคยต้องการเลย อยากกลับเมืองไทยเหลือเกิน พ่อกับแม่จะเป็นห่วงมากแค่ไหน ทรงใจร้าย ใจดำ คอยดูเถอะสักวันเธอจะเอาคืนคนที่ทำเอาไว้เสียให้หมด อย่าให้เป็นทีของนิลลนาก็แล้วกันดึกสงัดเสียงหนูตามพื้นห้อง วิ่งกันขวักไขว่ นิลลนาหดขากวาดตามองรอบๆ ด้วยความหวาดกลัว แสงไฟสลัวไม่ได้ช่วยให้สว่างมากนัก มองด้านไหนมีแต่ความมืดมิด สถานที่แห่งนี้มีคนตายหรือเปล่า ไม่มีใครอยู่เลย มีแค่ทหารเฝ้าอยู่ตรงด้านหน้า ประตูห่างออกไปหลายเมนตร ร่างบางชันเข่ากอดตัวเองแน่น ความหนาวเริ่มมาเยือน ฟันกร

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 11 พระอาทิตย์ไม่ยุติธรรม

    ซากิน่าและปารตีกอดอกจ้องมองใบหน้า เมื่อพิจารณาแล้วผิวพรรณขาวผ่อง ใบหน้าเรียวรูปไข่ คิ้วบางโค่ง ริมฝีปากบางสีชมพู ผิวแก้มแดงปลั่งน่ามอง ขนาดเธอเป็นหญิงชาวซากวัยยังอดอิจฉาไม่ได้“นาเดียจะแปลให้พระสนมฟังนะเจ้าคะ” นาเดียบอกสองสาว“บอกไปสิว่าให้ไสหัวกลับประเทศตัวเองไป อย่างไรเสียฝ่าบาทไม่มีวันสนใจไยดีผู้หญิงประเทศอื่นหรอก” ซากิน่าเข่นเขี้ยวนาเดียทำหน้าที่แปลก นิลลนายกท่อนแขนกอดอกบ้าง มองดูสองสาวคาดการณ์คงอิจฉาริษยาเลยพูดจาเช่นนี้ มองรอบๆ เห็นสตรีหลายนางงดงามทุกคน ที่นี่ไม่เหมาะกับเธอเอาเสียเลย“ฉันก็อยากกลับแต่เผอิญว่า... ฝ่าบาทไม่ให้กลับน่ะสิ” เธอลากเสียงยาวราวกับต้องการยียวนสองสาวมองหน้ากันตั้งท่าอยากเต้นเร่าๆ แต่หยุดตัวเองไว้เสียก่อน“ฝ่าบาททรงมีพระสนมมากมาย อีกหน่อยก็ทรงเบื่อเจ้าแล้ว!” ปารตีพยายามสรรหาถ้อยคำมาบาดใจอีกฝ่ายบ้าง“เบื่อก็ดีสิกำลังต้องการเลย ไม่ต้องเสด็จมาที่ห้องยิ่งชอบ ทำไมเธอสองคนไม่พยายามทำให้ฝ่าบาทหลงบ้างเล่า พระองค์จะได้ไม่ต้องเสด็จมาหาฉันที่ห้อง!”“ฝ่าบาทไม่มีทางหลงผู้หญิงอย่างเธอหรอก!” ซากิน่าเริ่มเดือด เมื่อรู้ว่าฝ่าบาททรงโปรดปรานสตรีนางนี้“หลงไม่หลงฉันไม่รู้ แต

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 10 พระอาทิตย์ไม่ยุติธรรม

    นาเดียคุกเข่าบนพื้นก้มหน้าเพื่อให้ฝ่าบาทพระราชดำเนินผ่าน ครู่หนึ่งจึงลุกยืนมองประตูห้อง รู้สึกเป็นห่วงพระสนม ค่อยๆ แง้มแล้วก้าวข้ามธรณีสู่ด้านใน ยินเสียงสะอื้นแผ่ว ในอกสั่นไหวขึ้นมาด้วยความสงสาร เดินมาถึงเตียงสี่เสาเห็นร่างอรชรชั่นเข่าซบหน้า“คุณนิลลนา...”เธอเรียกชื่อเสียงแผ่วเบาแล้วค่อยๆ ขยับกายเข้าหาจับไหล่เพื่อปลุกปลอบ“ฉันอยากกลับเมืองไทย ทำไมฉันต้องมาเจอสภาพเช่นนี้ด้วย!”หญิงสาวตัดพ้อเงยหน้าช้อนสายตามองสาวรับใช้ซึ่งเปรียบเสมือนเพื่อนเพียงคนเดียวภายในพระราชวังแวนเดอเลีย“อดทนหน่อยนะคะ ความจริงฝ่าบาทพระองค์ทรงมีพระเมตตามากนะคะ ไม่มีสตรีนางใดปฏิเสธพระองค์ คุณควรจะยอมรับและโอนอ่อนนะคะ”นิลลนากัดฟันแน่น การมีสัมพันธ์ทั้งที่ใจไม่ได้ชอบพอ ใครจะทำได้เธอไม่ใช่คนเช่นนั้น“แต่ฉันไมได้รักฝ่าบาท ไม่เคยรู้จักพระองค์มาก่อนด้วยซ้ำ แล้วจะให้เป็นสนมได้ยังไง!”นาเดียไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยสตรีปฏิเสธฝ่าบาท แค่เพียงเห็นพระสิริโฉมไม่ว่าใครต่างหลงใหล มีเพียงคุณนิลลนาเท่านั้น ไม่อยากเชื่อมีคนแบบนี้ในโลกด้วยหรือ“คุณใจเย็นก่อนนะคะ วันนี้ฝ่าบาททรงมีราชกิจคงไม่เสด็จมาที่นี่แล้วล่ะค่ะ”คนตัว

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 9 ข้อตกลง

    ข้ารับใช้สาวเห็นใจเพราะตนนั้นไม่มีครอบครัวอีกแล้ว เลยไม่รู้ว่าควรกลับไปหาใคร การจากบ้านเกิดมานานคงทำให้คิดถึงทั้งพ่อแม่บรรยากาศ“เดี๋ยวฉันไปนอนเป็นเพื่อนนะคะ แต่นอนบนเตียงไม่ได้ ขอปูผ้านอนบนพื้นแทนค่ะ”นิลลนามีรอยยิ้มขึ้นมาระบายลมหายใจแผ่ว อกเคยอึดอัดเริ่มผ่อนคลาย ยังคงรอโอกาสหนทางแห่งการหลุดพ้นจากกรงทอง อยากโบยบินหนีไปเสีย ความงดงามแห่งซากวัยเธอตระหนักดี แม้ชายผู้หมายตาในตัวเธอแสนสูงส่ง งามสง่า พระพักตร์แสนหล่อเหลา ต้องตราตรึงใจต่อสตรีเพศ แต่ไม่ใช่เธอ เมื่อไม่มีใจต่อกันคงไม่อาจทนอยู่ด้วยกันได้ ร่างกายกับหัวใจไม่อาจยินยอมยกเรียวแขนก่ายหน้าผาก วันนี้รอด พรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร พระองค์ทรงเอาแต่พระหทัยไม่สนว่าเธอจะรู้สึกเช่นไรเลย ควรทำอย่างไรถึงรอดจากชะตากรรมเช่นนี้ไปได้ เปลือกตาเริ่มปิดสนิทถึงมีเรื่องมากมายให้คิดแต่ร่างกายไม่อาจฝืนทนต่อสภาพแวดล้อม อย่างไรเสียมันคงต้องหลับลงนาเดียก้าวหยุดยืนข้างเตียงมองพระสนมองค์ใหม่แล้วรั้งผ้าห่มคลุมกาย จัดการปูผ้าลงบนพื้นหยิบหมอนแล้วล้มตัวลงนอน พระนางทรงไม่เหมือนใคร เพราะเห็นให้เกียรติเธอราวกับเพื่อนจริงๆนิลลนาขยับกายยกมือบีบขมับได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่ว พ

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 8 ข้อตกลง

    นิลลนายกมือห้าม “อย่าเรียกว่าปรนนิบัติเลย ฉันไม่ต้องการแบบนั้นหรอก แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าพระสนม ฉันไม่ได้เป็น”“แต่หม่อมฉันจำเป็นต้องทำนะคะ เพราะถูกฝ่าบาทรับสั่ง หม่อมฉันไม่อยากบกพร่องต่อหน้าที่ค่ะ”คนฟังระบายลมหายใจ อากาศไม่ร้อนเท่าใดนักแต่เธอไม่ได้อาบน้ำมานานแล้ว เหนียวตัวจนแทบทนไม่ได้“ถ้าอย่างนั้นนาเดีย ฉันขออาบน้ำก่อนได้ไหมเหนียวตัวสุดๆ แล้วก็... กับฉันไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์เพราะฉันไม่ใช่ราชวงศ์ เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง”“เอ่อ...” นาเดียอึกอัก “คงไม่ดีหรอกเพคะ”นิลลนาถอนหายใจยาว“เชื่อฉันเถอะนาเดีย ฉันไม่ชอบพิธีรีตองอะไร ความจริงอยากหนีให้พ้นๆ เสียจากที่นี่ แต่หนทางยังไม่มี ฉันอยากได้เพื่อนไม่ได้อยากได้คนรับใช้”“แต่ถ้าใครได้ยินเข้า พระสนมจะถูกตำหนิเอาได้ แล้วหม่อมฉันจะถูกลงโทษด้วย” นาเดียหลุบตามองพื้น“ถ้าอย่างนั้นเวลาอยู่ข้างนอกนาเดียค่อยใช้คำราชาศัพท์กับฉันก็แล้วกัน ฉันเองก็เห็นใจไม่อยากเห็นเดียถูกลงโทษ ได้ไหม”ข้ารับใช้ระบายยิ้ม เป็นเช่นนี้เธอค่อยโล่งใจ ไม่อยากนั้นพระสนมอาจถูกตำหนิ เธออาจต้องได้รับโทษอีกด้วย“ได้เพคะ”“ยังไม่ทันไรเลย ใช้คำราชาศัพท์กับฉันอีกแล้ว” นิลลนาระบายยิ้ม“

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 7 ข้อตกลง

    ใบหน้าเรียวสวยอาบน้ำตา หนทางรอดไม่มีแล้วหรือ หากต้องเป็นผู้หญิงของทหารทั้งกองทัพสู้ยอมเป็นของชายคนเดียวคงดีกว่า คิดถึงพ่อแม่ท่านคงช้ำใจหากรู้ว่าเธอต้องมาเจอกับสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้“อย่าทำกับหม่อมฉันแบบนี้เลยเพคะ หม่อมฉันยอมแล้ว ยอมแล้วเพคะ ”คนตัวเล็กอ้อนวอนทั้งน้ำตากษัตริย์มาซาฮาฟช้อนพระเนตรมอง แล้วจับไมค์ตรัสบางอย่าง ทหารส่งเสียงอ่อย อีกครั้งร่างบางถูกลากออกจากสถานที่แห่งนั้น อัสลันมองตามส่ายหน้ารู้สึกสงสารสาวชาวไทยจับใจร่างบางถูกพาตัวมายังห้อง ประตูถูกปิดแน่นหนา เธอรู้ชะตาตนเองสองเท้าก้าวถอยหลังจนชิดกำแพง แต่ทว่าพระองค์กลับสาวพระบาทเข้าหาเพื่อประชิดกาย“เจ้าถอยหนีเราทำไม ในเมื่อเจ้ายินยอม”“มะ...หม่อมฉันรู้สึกไม่ชินเพคะ”เธอร้องบอกเสียงสั่นทรงหรี่พระเนตรสาวพระบาทเพียงก้าว พระกรตวัดรวบเอวบาง ดันจนร่างอรชรล้มลงบนเตียง นิลลนายกมือดันแผงพระอุระสีหน้าตื่นตระหนก ครานี้ทางรอดคงไม่มีอีกแล้ว“พระองค์จะทำอะไร!”“ทำให้เจ้าเป็นสนมของเราอย่างเต็มตัวไงล่ะนิลลนา”“ไม่ได้นะเพคะ”เธอร้องบอก “อื้อ!”ริมฝีปากบางถูกจุมพิตอย่างง่ายดาย นิลลนารับรู้ถึงความร้อนร่างกายพาลสั่นสะท้านเมื่อถูกสำรวจความหวานอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status