แชร์

บทที่ 6 ข้อตกลง

ผู้เขียน: วนาลักษณ์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-23 14:32:52

อรุณแห่งวันใหม่เข้ามาเยือน นิลลนายกมือกุมศีรษะ เพราะอาการปวดตุบบริเวณขมับ เปลือกตาค่อยๆ เปิดออกรับแสง ภาพทุกอย่างเริ่มชัดเจน ร่างบางลุกนั่งดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าตื่นตระหนก กวาดตามองโดยรอบด้วยความสับสน ที่นี่ที่ไหน มาอยู่ได้ยังไง แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่

ห้องกว้างเตียงสีเสา พื้นถูกปูด้วยกำมะหยี่ปักลวดลายงดงาม เครื่องเรือนเป็นทองคำแทบทั้งหมด ผ้าม่านสีไข่ไก่ เธอลุกยืนสะบัดศีรษะไล่ความมึนงง ก้าวยาวมาถึงหน้าต่างรูดม่านออก มองเบื้องหน้าเป็นโอเอซิสขนาดใหญ่ เห็นสาวๆ ทั้งผิวขาว ผิวน้ำผึ้ง กำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน บางคนสวมชุดราวกับนักเต้นระบำ ในดินแดนภารตะ รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นน่ามอง มือบางยกทาบอก นี่ตนเองกำลังฝันอยู่หรือเปล่า

แอด...

เสียงประตูห้องเปิดออกนิลลนาหันมอง เห็นชายรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้านี่เคยเห็นมาก่อน นัยน์ตาสีอำพันยังคงมีมนต์ขลัง อย่างน่าประหลาดเช่นเคย วันนี้เขาสวมชุด คล้ายชุดประจำชาติชาวอินเดีย เรียกว่ากรุต้า ยิ่งทำให้ชวนมองมากขึ้น  แต่ทว่าเธอไม่เคยคิดสนใจเลยสักนิด ว่าชายคนนี้จะหล่อเหลา หรือเป็นใครมาจากไหน เพราะเหตุการณ์ที่เผชิญคือการถูกกักขังอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

"คุณจับฉันมาใช่ไหม ที่นี่ที่ไหน ทำไมต้องจับฉันมาด้วย ปล่อยฉันออกไปนะ!” หญิงสาวพ่นถ้อยคำออกมาด้วยความเดือดดาล

ทรงยกพระหัตถ์เพื่อห้ามปราม เห็นนางหอบโยนเมื่อยิงคำถามชุดใหญ่ ผิวแก้มเริ่มแดงปลั่งเพราะความโกรธ กษัตริย์มาซาฮาฟทรงแย้มพระโอษฐ์

“ไม่ต้องยิงคำถามกับเราขนาดนั้นก็ได้ เรายินดีตอบทุกคำถามอยู่แล้ว”

นิลลนากรอกตาเล็กน้อย จ้องมองชายแปลกหน้าอย่างจับผิด เธอเคยตบหน้าเขา หรือนี่คิอการแก้แค้น ทำยังไงดีจะโดนฆ่าหมกทรายอยู่ที่ซากวัยอย่างนั้นเหรอ ไม่ได้แล้วเธอต้องอ่อนเข้าไว้

“ฉันอยากรู้ว่าคุณเป็นใคร แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

“อยากรู้ว่าเราเป็นใครนะเหรอ” พระองค์ทรงย้อนถามแล้วเลิ่กพระขนง

“ก็ใช่นะสิ”

กษัตริย์มาซาฮาฟทรงยกพระกรกอดพระอุระ ดูท่าสาวน้อยคนนี้จะดื้อดึงกว่าที่คิด

“เราเป็นคนพาตัวเจ้ามาที่นี่เอง ที่นี่คือพระราชวังแวนเดอเลีย”

“อะไรนะ!” นิลลนาร้องลั่นด้วยความตกใจ นี่เธออยู่ในวังแวนเดอเลียเหรอ สถานที่ที่ไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนสามารถมาเยือน เพราะไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้า

“ตกใจอะไรรึ ปกติเจ้าชอบไม่ใช่หรือสถานที่ต้องห้าม”

“ฉันไม่เข้าใจเลย...” คนตัวเล็กส่ายหน้าสับสน “คุณพาตัวฉันมาที่นี่ทำไม แล้วตกลงคุณเป็นใครกันแน่”

กษัตริย์มาซาฮาฟนิ่งครู่หนึ่งแล้วทอดพระเนตรหญิงสาว ยิ่งพิศยิ่งแปลกใจ คราแรกพระองค์ต้องการสั่งสอน เพราะนางบังอาจตบพระพักตร์ แต่ตอนนี้กลับคิดอีกอย่าง ริมฝีปากบางแต่ช่างพูดหากจุมพิตจะหวานหรือไม่  ผิวแก้มแดงปลั่งจนน่าสูดกลิ่นหอม

ปกติพระองค์ไม่เคยพาตัวสตรีนางใดมา โดยไม่ได้รับความยินยอมพร้อมใจ แต่สำหรับนางเป็นกรณิพิเศษ นางคงดีใจหากรู้ว่าพระองค์คือผู้ใด

“เราต้องการตัวเจ้าเป็นนางสนม ที่นี่เจ้าจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ ทั้งทรัพย์สมบัติ และตัวข้า แค่เพียงเจ้าเอ่ยปากออกมาเท่านั้น เราจะให้”

นะ...นางสนม บ้าบอคอแตกอะไร ตกลงผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่

“คุณพูดอะไรออกมา นางสนมอะไรฉันไม่เข้าใจ!” นิลลนาถามเสียงสั่น

“เจ้ายังไม่รู้อีกรึว่าเราเป็นใคร เราคือกษัตริย์แห่งประเทศซากวัย มาซาฮาฟ จาเมียร์”

ไม่จริงใช่ไหม มือบางยกขึ้นปิดปากหากฝันขอให้ตื่นขึ้นเถิด เพราะตอนนี้หัวใจมันสั่น ใช่จากใบหน้าหล่อเหลาของชายแปลกหน้า แต่มาจากความกลัวต่างหาก เธอจ้องมองดวงตาเบิกกว้าง ส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อคำพูดนั้น

“ไม่จริงหรอกคุณโกหก!”

ก่อนพระองค์ได้ตรัส เสียงฝีเท้าดังแว่วพร้อมด้วยราชองครักษ์อัสลันหยุดยืน เขาก้มศีรษะทำความเคารพสายตาชำเลืองมองสาวชาวไทยเล็กน้อย แล้วให้ความสนใจต่อองค์กษัตริย์

“ฝ่าบาทวันนี้ตอนบ่ายสามโมง ท่านรัฐมนตรีอาริกมันขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”

“อืม เรารู้แล้ว”

“เกล้ากระหม่อมขอทูลลาพะยะค่ะ” อัสลันเดินเลี่ยงออกมา ใจอดเป็นห่วงหญิงชาวไทยไม่น้อย

ทรงหันมาสนพระทัยต่อนางอีกครั้ง

ร่างบางสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่น บุรุษผู้นี้คือกษัตริย์แห่งซากวัยจริงๆ ไม่อยากเชื่อ เหมือนฝันนี่เธอกำลังเผชิญหน้ากับพระองค์อยู่

“เราคุยกันมาหลายประโยคแล้ว ข้าอยากรู้ว่าเจ้าชื่ออะไร” พระสุรเสียงทุ้มแต่ทรงอำนาจ ทำเอาคนถูกถามจำต้องมองสบตา

“เอ่อ... หม่อมฉันชื่อนิลลนาเพคะ” เธอตอบตะกุกตะกักเพราะไม่เชี่ยวชาญคำราชาศัพท์มากนัก

“อืม” ทรงสาวพระบาทเข้าหา ร่างบางผงะถอยหลังตามสัญชาตญาณ ทรงหยุดแล้วทอดพระเนตร “คำตอบของเจ้าล่ะคืออะไร”

“พระองค์หมายถึงเรื่องอะไรเพคะ”

“เรื่องที่เราต้องการให้เจ้าเป็นสนมน่ะสิ”

สนมงั้นเหรอ เธอรู้สึกเหมือนตนเองถูกตบหน้า ต่อให้หล่อปานเทพบุตรมาจุติจากสวรรค์ หากต้องเป็นนางเล็กนางน้อยเพื่อสนองตัณหาผู้ชายแล้วได้ทรัพย์ ยอมกัดก้อนเกลือหรือโสดจนตาย อีกอย่างเธอไม่ใช่หมูในอวยเห็นเงินทองหรือคนหล่อแล้วกระโจนเข้าหา ต่อให้เป็นกษัตริย์ใหญ่สักแค่ไหนก็ไม่สนหรอก ไม่ได้รักใคร่ชอบพอกันมาก่อน แถมยังลักพาตัวตามอำเภอใจใครจะยอม ศักดิ์ศรีถึงมันกินไม่ได้แต่ไม่ยอมเสียเด็ดขาด

“หม่อมฉันขอทูลตามตรงนะเพคะ หม่อมฉันไม่ต้องการเป็นสนมของพระองค์” เธอยืนยันหนักแน่น สบพระเนตรอย่างไม่เกรงกลัว

กษัตริย์มาซาฮาฟรู้สึกราวกับพระองค์ถูกตบพระพักตร์ครั้งที่สอง ขนาดรู้ว่าพระองค์เป็นใครนางก็ยังคงยืนกรานปฏิเสธ แถมยังแสดงสีหน้าหนักแน่น ไม่เคยมีสตรีนางใดทำกับพระองค์เช่นนี้มาก่อนเลย

“เจ้าแน่ใจรึที่พูดออกมา”

“หม่อมฉันแน่ใจเพคะ”

พระวรกายสูงใหญ่ก้าวประชิดอย่างรวดเร็ว คว้าเรียวแขนกระชากจนร่างบางปะทะแผงพระอุระกว้าง นิลลนาตระหนกใช้มือผลักดันสุดแรงแล้วดิ้นรน

“พระองค์จะทำอะไรหม่อมฉัน!” เธอร้องถาม

“หากเราเข้าใกล้เจ้ามากกว่านี้ บางที... เจ้าอาจจะเปลี่ยนคำพูด” สุรเสียงทุ้มกระซิบข้างใบหู

“หม่อมฉันไม่มีวันเปลี่ยนคำพูดเด็ดขาด ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ พระองค์ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ใช่ประชาชนของประเทศนี้ พระองค์ไม่แม้แต่จะมีสิทธิ์กักขังหน่วงเหนียวหม่อมฉันด้วย!”

คำพูดแสดงถึงเจตนา นึกโมโหครามครั้นเหตุใดนางถึงได้ดื้อดึงนัก แค่พระองค์พึงใจ ไม่ว่าสตรีนางใดต่างปรารถนาในตัวพระองค์ทั้งนั้น

“ต่อให้เจ้าไม่ใช่ประชาชนของประเทศนี้ แต่ถ้าหากเจ้าเหยียบย่างเข้ามาบนผืนแผ่นดินเรา เราก็มีสิทธิ์ทำอะไรตามใจเหมือนกัน!”

นิลลนากัดฟันข่มความกลัว นี่หรือกษัตริย์ที่ทุกคนพากันพูดถึง ทำไมมันช่างแตกต่างจากที่ได้ยินมามากนัก พระองค์ทรงเอาแต่พระหทัย แถมยังไม่มีเหตุผลเสียอีก

“พระองค์ทรงต้อนรับแขกจากประเทศอื่นเช่นนี้หรือเพคะ ฉุดมาเมื่อต้องการ อยากทำอะไรก็ทำ พระองค์ทรงปกครองประชาชนได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีความเมตตาเลยสักนิด!"

กษัตริย์มาซาฮาฟทรงกริ้ว เมื่อได้ยินถ้อยคำไม่รื่นพระกันต์ ไม่เคยมีหญิงใดต่อปากต่อคำแถมยังวิจารณ์การปกครองของพระองค์มาก่อน

“นี่เจ้ากล้าว่าข้างั้นหรือ”

“หม่อนฉันกล้าสิเพคะ ในเมื่อพระองค์ทำไม่ถูกต้อง!”

“นิลลนา!” ทรงตวาด พระพักตร์เริ่มแดงเพราะทรงกริ้ว

คนตัวเล็กสั่นสะท้านเมื่อพระกรรัดร่างกายเธอแน่นขึ้น หญิงสาวหาทางเอาตัวรอดด้วยการดิ้นรน แต่ทว่าพระวรกายพระองค์ไม่สะท้านสะเทือน

“ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ หากพระองค์ไม่ต้อนรับ หม่อมฉันจะกลับประเทศไทย!”

“ข้าไม่ให้เจ้ากลับหรอกนิลลนา เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่ ในเมื่อเจ้าเลือกปฏิเสธข้า ข้าก็มีวิธีอื่น” ทรงกัดพระทนต์แล้วปล่อยร่างบางรั้งข้อมือให้เดินตาม

นิลลนากวาดตามองรอบๆ เห็นนางกำนัลพากันมองมาแล้วก้มศีรษะทำความเคารพ พระองค์กำลังพาเธอไปยังที่แห่งใด เสียงฝีเท้านับร้อย เสียงปืนดังก้องจนเธอสะดุ้งยกมือปิด ฝ่าบาททรงหันพระเศียรแววพระเนตรดุดัน

“จะพาหม่อมฉันไปไหนเพคะ หม่อมฉันไม่ไป!” คนตัวเล็กดื้อดึงพยายามแกะพระหัตถ์ออก

พระองค์ไม่ฟังเสียงลากร่างบางมายังลานกว้างด้านหน้า รั้งให้ขึ้นเวทีไว้สำหรับสอนทหาร อัสลันยกมือเพื่อหยุดการฝึกก้มศีรษะทำความเคารพแล้วหลบมายืนอยู่ด้านหลัง อดแปลกใจเหตุใดพระองค์ถึงพาตัวหญิงไทยมายังสถานที่แห่งนี้แถมดูท่าทางนางหวาดกลัวนัก

ไมค์ถูกส่งมา กษัตริย์ซาฮาฟจอใกล้พระโอษฐ์หันมองคนตัวเล็กกำลังขัดขืน เพื่อให้ข้อมือหลุดพ้นจากพันธนาการ พระวรกายสูงใหญ่ทรงยืนสง่าท่ามกลางทหารนับพัน

“เรามีเรื่องจะประกาศ เนื่องจากพวกเจ้าทุกคนฝึกหนักมาตลอดปี เรามีของขวัญพิเศษจะมอบให้”

ร่างบางถูกรั้งให้มายืนด้านหน้า “สตรีนางนี้จะเป็นเครื่องผ่อนคลายสำหรับพวกเจ้า”

เสียงทหารโห่ร้องกึกก้องด้วยความยินดี นิลลนาตาโตหันมองเห็นมุมพระโอษฐ์กระตุกขึ้น

“พระองค์ทรงตรัสอะไรออกไป!” เธอถามน้ำตาเริ่มคลอ ภาษาที่ใช้เป็นภาษาถิ่นซึ่งเธอไม่เข้าใจเลย

อัสลันอดรนทนไม่ได้เลยขยับใกล้กระซิบแผ่ว พอเธอได้ยินน้ำตาไหลรินออกมาไม่ขาด ร่างกายแทบทรุดกองกับพื้น

“ข้าให้เจ้าเลือกแล้วนิลลนา แต่เจ้าเลือกจะปฏิเสธ มันช่วยไม่ได้”

“พระองค์ไม่มีสิทธิ์ทำกับหม่อมฉันเยี่ยงนี้ หม่อนฉันไม่ใช่ทาส หม่อมฉันไม่ใช่ประชาชนของพระองค์” หญิงสาวตัดพ้อทั้งน้ำตา

“เจ้าหายไปคนเดียว ประเทศอื่นคงไม่มีใครมานั่งสงสัยข้าหรอก” กษัตริย์ทรงตรัสแล้วแย้มสรวลเยือกเย็น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 30 ใจไม่ปรารถนา

    ร่างบางลุกยืนแล้วหุนหันวิ่งออกนอกห้องโถงทันที กษัตริย์มาซาฮาฟทอดพระเนตรแผ่นหลังบอบบางแล้วหรี่พระเนตรลงครุ่นคิดบางอย่าง นิลลนารีบเปิดประตูห้องข้ารับใช้คนสนิทเห็นร่างอรชรนอนคว่ำหน้าบนเตียงเสียงสะอื้นยังดังแว่ว ร่างบางรีบทรุดกายลงข้างเตียงน้ำตาเอ่อ“นาเดีย...”เธอเรียกชื่อข้ารับใช้เสียงแผ่วครั้นได้ยินเสียงเรียกเธอรีบพลิกกายเพื่อหันมอง แต่ทว่าร่างกายอันบอบช้ำไม่อำนวย“โอ้ย!”“อย่าขยับนาเดีย ไม่เป็นไรไม่ต้องหันมาหรอก”“ฉันขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อน ทำให้คุณต้องฝืนใจยอมฝ่าบาท”“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะนาเดีย ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้นาเดียเดือดร้อนเพราะความเห็นแก่ตัว”นิลลนาบอกเสียงเครือ“คุณไม่ผิดหรอกค่ะที่คิดอยากหนี นาเดียเองก็อยากให้คุณได้กลับบ้าน แต่นาเดียไม่มีอำนาจมากพอจะช่วยเหลือคุณ ขอโทษนะคะทั้งที่คุณมองนาเดียเหมือนเพื่อนคนหนึ่งแท้ๆ แต่นาเดียกลับทำให้คุณต้องเสียสละตัวเอง”ยิ่งพูดยิ่งเหมือนตัวเองทำให้เจ้านายต้องทุกข์ทรมาน เธอรู้สึกผิดมากจริงๆ ที่เกิดมาต่ำต้อยไม่อาจช่วยเหลือใครได้นิลลนาโน้มกายโอบกอดเพื่อนสาวด้วยความปวดร้าว เธอไม่เคยคิดเลยว่าข้ารับใช้คนสนิทจะรู้สึกกับเธอเช่นนี้ ถูก

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 29 ใจไม่ปรารถนา

    นิลลนาช้อนสายตามองแววตาแค้นเคือง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะฝ่าบาทเพียงพระองค์เดียว“เรื่องนี้หม่อมฉันผิดคนเดียวคนอื่นไม่เกี่ยว ฝ่าบาททรงปล่อยคนอื่นไปได้ไหม!”“เจ้ามีสิทธิ์ต่อรองกับข้าด้วยเหรอนิลลนา”“หม่อมฉันไม่ได้ต่อรอง เพียงแค่ร้องขอต่อฝ่าบาทเท่านั้น”หญิงสาวตอบกลับน้ำเสียงแข็ง“นี่หรือคือการร้องขอ”ทรงเลิ่กพระขนงเพื่อเปิดศาสน์ท้ารบต่อสตรีตัวเล็กด้านหน้าริมฝีปากบางเม้มสนิทข่มกลั้นความรู้สึกในอกเอาไว้ หากตัวคนเดียวเธอคงโวยวายไม่กลัวตายไปแล้ว แต่ทำไม่ได้เพราะมีหลายชีวิตพ่วงท้ายมาด้วย“ฝ่าบาทต้องการอะไรจากหม่อมฉันหรือเพคะ ในเมื่อพระองค์มีสตรีมากมายคอยปรนนิบัติจะเสียหม่อมฉันไปสักคนจะเป็นไรไป”เธอบอกแล้วกวาดตามองรอบห้องโถงซึ่งล้วนแล้วแต่มีหญิงงามมากมายยืนห้อมล้อมอยู่“เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าต้องการอะไร เจ้าก็คือเจ้านิลลนา คนอื่นมาทดแทนไม่ได้ ถ้าหากทดแทนได้ข้าจะกักขังเจ้าไว้ทำไมอีก”คำตรัสทำเอานางสนม และบรรดาหญิงสาวถวายตัวกัดฟัน อารีมากำมือแน่นด้วยความปวดร้าวในอก ทรงยังไม่รู้พระองค์อีกเหรอว่าทำไมถึงได้รั้งหญิงชาวไทยนางนี้ไม่ยอมปล่อย ไม่อยากเชื่อเลยว่าฝ่าบาทจะทรงปันใจให้นาง แล้วเธอเล่าเป็นตัวอะไร

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 28 ใจไม่ปรารถนา

    “ไม่เป็นไรหรอกเรายินดี”หญิงสาวหันมองนาเดียแล้วกุมมือไว้แน่น“นาเดียฉันไปก่อนนะ สักวันเราคงได้พบกัน”“รักษาตัวดีๆ นะคะ”นาเดียบอกเสียงเครือ น้ำตาเอ่อ“จ้ะ”รถถูกเปิดประตูออกนิลลนารีบขึ้นนั่ง ทหารทำหน้าที่ขับเคลื่อนออกจากบริเวณนั้นทันที นาเดียสะอื้นไห้ด้วยความอาลัยผสมความหวาดหวั่นใจ หากฝ่าบาททรงทราบเรื่องราวคงลุกลามใหญ่โต เธออาจต้องโทษประหารก็เป็นได้“กลับเข้าด้านในกันเถอะ เรื่องนี้อย่าแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด”อารีมาสั่งเสียงเด็ดขาด“พะยะค่ะพระสนม”“ได้ยินหรือเปล่านาเดีย”นาเดียชะงักหันมองแล้วถอนสายบัว “เพคะพระสนม”ผู้ร่วมแผนการสาวเท้าไปยังวังหลังเตรียมแยกย้ายกัน แต่ทว่ากลับต้องหยุดชะงักเมื่อแสงไฟสาดส่องทั่วบริเวณตามด้วยทหารจำนวนมากยืนล้อมอยู่ อารีมาปากสั่นใบหน้าซีดเผือด อัสลันก้าวมาหยุดยืนตรงหน้าทุกคนก่อนลอบชำเลืองนางในดวงใจ“ท่านกำลังทำอะไรอัสลัน นี่พระสนมเอกกล้าดียังไงขวางทาง”ข้ารับใช้คนสนิทรีบประกาศ“ที่กระหม่อมกล้าเพราะมีราชโองการจากฝ่าบาทมาพะยะค่ะพระสนม”อัสลันกางราชโองการทันที สนมเอกแทบทรุดกองกับพื้น“ข้าทำอะไรผิดพวกเจ้าถึงมาจับตัวเช่นนี้”อารีมายังคงหาทางรอด“พระสนมเอกน่าจะรู้อยู่แก่

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 27 นกน้อยเฝ้าคืนรัง

    กระเป๋าเป้ถูกจัดเก็บเรียบร้อยเหลือเพียงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเดิม เท่านี้ก็ไม่มีอะไรต้องจัดการอีกเพียงแค่รอเวลาให้ถึงเที่ยงคืนตรงเท่านั้น นิลลนาสาวเท้าใกล้ข้ารับใช้คนสนิท“ดูแลตัวเองดีๆ นะนาเดีย ฉันจะพยายามติดต่อเธอ”“คุณก็ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ”นิลลนาอดรนทนไม่ได้เลยโอบกอดข้ารับใช้คนสนิทแนบแน่น เพราะมีนาเดียเธอถึงอยู่รอดได้จนถึงทุกวันนี้ มีเพื่อนคอยแก้เหงาพูดคุยด้วยทุกวัน“ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะ”“นาเดียก็เหมือนกันค่ะ”ฮายิรีบวิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็วหลังจากได้ยินความลับของพระสนมแห่งตำหนักบุปผชาติ สองเท้าวิ่งอย่างรวดเร็วเพื่อรายงานมันคงเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงอาจทำให้ท่านอัสลันหันมาให้ความสนใจในตัวเธอบ้าง ถึงห้องทำงานทหารสองนายกันฮายิไว้ไม่ให้เข้าใกล้อย่างใจหวัง“ฉันมีเรื่องจะรายงานท่านอัสลัน”ฮายิตะโกนอัสลันชะงักมือลุกยืนก้าวไปยังประตูหน้าห้อง“เปิดเถอะ”ทหารสองนายยอมเปิดทางให้ข้ารับใช้ ฮายิก้าวเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าอัสลัน หัวใจเธอสั่นสะท้านยามได้สบตาพาลให้เลือดในกายไหลพล่านไม่หยุด“เจ้าเป็นคนของตำหนักพระสนมนิลลนาไม่ใช่หรือ?”อัสลันถามเสียงเข้ม“ใช่เจ้าค่ะ”“แล้วมีอะไรมาหาเราถึงที่ห้องทำ

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 26 นกน้อยเฝ้าคืนรัง

    นาเดียหันมาทางเจ้านาย “คุณนิลลนา พระสนมเอกต้องการคุยกับคุณค่ะ พระนางขอให้คุณพูดภาษาอังกฤษ”“ได้สินาเดีย”นิลลนารับคำสนมเอกยกยิ้มแล้วผายมือเชื้อเชิญ นิลลนาลอบสังเกตท่วงท่าการเดินแม้ข้ารับใช้ติดตามยังมีสง่า ดูท่าแล้วสนมเอกองค์นี้คงไม่พ้นมเหสีของกษัตริย์มาซาฮาฟแน่นอน ร่างบางก้าวตามไปยังศาลาหกเหลี่ยมตั้งอยู่ริมโอเอซิส ข้ารับใช้นำชาและคุกกี้ธัญพืชมาเสริฟ์“เราขอแนะนำตัวก่อน ไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์หรือมากพิธีหรอกนะ เพราะเราเองไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ พูดคุยกับปกติเหมือนเพื่อนน่าจะดีกว่า”“ได้ค่ะ ฉันเองก็ชอบแบบนั้นเหมือนกัน”นิลลนาตอบรับทันที“เราชื่ออารีมาเป็นสนมเอกของกษัตริย์ แล้วเจ้าล่ะชื่ออะไร”“ฉันชื่อนิลลนา”“นิลลนางั้นเหรอ เธอมาจากประเทศอะไรกัน”“มาจากประเทศไทยค่ะ”อารีมาอดแปลกใจไม่ได้ที่พระสนมเป็นชาวเอเชีย โดยปกติแล้วฝ่าบาทไม่ทรงโปรดสักเท่าไหร่ แต่ดูจากรูปร่างหน้าตาของหญิงชาวเอเชียแล้วก็พอจะเรียกความสนใจจากพระองค์ได้ในระดับหนึ่ง“แล้วเธอมาเป็นพระสนมได้ยังไง เจอกับฝ่าบาทที่ไหนเหรอ”อารีมาเอ่ยถามแล้วยกชาขึ้นจิบสายตาไม่ละจากวงหน้า ผู้หญิงคนนี้ดูสดใสน่ามองอย่างประหลาด“ฉันพบโดยบังเอิญที่โรงแรมไ

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 25 นกน้อยเฝ้าคืนรัง

    ร่างอรชรหยุดเท้ามองดูพระสนม ทรงนั่งหมอบกับพื้น ข้ารับใช้คนสนิทรีบตรงเข้าพยุงให้ลุกยืน ด้วยความตกใจ เธอรับรู้ได้ถึงอาการสั่นเทาของผู้เป็นนาย“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณนิลลนา”นาเดียเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“ปะ...เปล่าไม่เป็นอะไร”“ทะเลาะกับฝ่าบาทอีกแล้วเหรอคะ”นิลลนาเม้มริมฝีปากนึกถึงแววพระเนตรเมื่อครู่ ใครจะคิดว่าพระองค์จะทรงกริ้วหนักขนาดนั้น ความหวังให้ปล่อยตัวคงเลื่อนลอยเต็มที“อืม”“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”“นาเดีย... จำยานอนหลับที่เธอให้ฉันได้ไหม”หญิงสาวย้อนถามแล้วสบตาเพื่อนเพียงคนเดียวนาเดียขมวดคิ้วเรียวงาม จ้องมองกลับดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อคิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหตุการณ์ เพราะมันผิดปกติตั้งแต่เมื่อคืนไม่เห็นฝ่าบาทออกจากห้องบรรทมของพระสนม เงียบหายจนถึงรุ่งเช้า พระสนมไม่น่ายินยอมง่ายดายเช่นนั้น“หรือว่า...”“ใช่ ฉันผสมยานอนหลับในแก้วไวน์ให้ฝ่าบาททรงดื่ม”นิลลนาตอบ“อะไรนะคะ!”นาเดียร้องลั่นด้วยความตกใจ ไม่คิดว่ายานอนหลับที่ตนนำมาให้จะถูกใช้ในทางผิด ฝ่าบาทกริ้วหนักคงไม่แปลก “คุณรู้หรือเปล่าคะว่าโทษวางยากษัตริย์ถึงประหารเลยนะคะ”นิลลนากัดฟันแน่น ใครใช้ให้ฝ่าบาทเอาแต่ใจกับเธอก่อนเล่า ไม่เคย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status