“พอเถอะ เลิกคิดได้แล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเอาสมองมาใช้ให้เปลือง”
หนึ่งชั่วโมงถัดมา ชายหนุ่มเผลอนั่งหลับอยู่บนโซฟาตัวยาว เพียงมินานนักที่หลับใหลไปในโลกที่แสนเดียวดาย เขาก็ต้องเผชิญกับเรื่องราวเลวร้ายที่หาที่มาที่ไปมิได้อีกครั้ง ในฝัน เขาพบแต่ความตายและกลิ่นคาวเลือด เขาได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวน ความเจ็บปวดทรมาน กระทั่งเสียงที่ระเบิดขึ้นในหูของเขาเอง เสียงหัวเราะของความสะใจ จากนั้นเขาก็สะดุ้งตื่น เหงื่อไหล และหัวใจที่เต้นรุนแรงบ้าคลั่ง
ชายหนุ่มมองดูรอบกาย เขายังคงนั่งอยู่ในห้องชุดสุดหรูของโรงแรม ห้องเปิดไฟสว่างโร่จนชัดทุกซอกทุกมุม ก็เป็นเช่นเคย เขายังคงอยู่ในโลกแห่งความสว่าง เขาต้องการมัน แม้จะเป็นกลางวันหรือกลางคืน นั่นเพราะเขาเกลียดการนอนหลับที่สุด นี่เป็นความลับที่เขาเก็บงำซ่อนไว้ แม้แต่มารดาก็ไม่รู้ว่าตลอดยี่สิบห้าปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยได้นอนอย่างมีความสุขเลย เขาฝันเห็นแต่ภาพซ้ำๆ เดิมๆ ที่ตัวเขาเองรู้สึกขยะแขยงเต็มทน
“คิดจะทรมานฉันไปถึงไหน อยากจะบ้าตาย”
ชายหนุ่มเดินลงมายังชั้นล่างสุดของโรงแรมพันล้าน เขาลังเลและพร่ำบ่นออกมาไม่รู้ตัว เมื่อมองไปจนทั่วอาณาจักรขณะยังยืนอยู่บนพื้นหินอ่อนอิตาลีที่แพงระยับ
“แล้วแม่นั่นจะมาเหรอ เธอจะยอมเสียศักดิ์ศรียอมทำเพื่อคนอื่นได้จริงๆ หรือ” เพราะถ้าเป็นเขา เขาจะไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่นอน
“เราน่าจะส่งคนไปคอยเฝ้าที่หน้าร้านนั่นไว้ แล้วก็ให้ค่อยส่งข่าวมาเป็นระยะ” เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง กำลังจะกดหมายเลขอยู่แล้วเชียว กลับชะงัก เพราะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขายิ้มกริ่มให้กับความฉลาดของตัวเอง ก่อนจะกดหาแอนเดรียคนสนิท
“ช่วงนี้ พวกนายพักผ่อนได้นะ แต่อย่าไปไหนไกลจากโรงแรม เผื่อฉันจะเรียกใช้ด่วน”
จากนั้น ชายหนุ่มก็เดินออกจากชั้นฟร้อน ตรงไปยังลานจอดรถ ซึ่งมีรถหลากหลายยี่ห้อจอดเรียงเป็นตับรอให้ขับขี่ เขาแทบไม่ต้องใช้สมองคิดเลยว่าจะขับคันไหนออกจากจุดจอด เพื่อไปสืบงานสำคัญ
“คันนี้แหละ เก่าและเยินสุดแล้ว” เขาพยายามจะทำท่าทางให้เท่และเต็มไปด้วยมาดคุณชายผู้สูงส่ง แม้ว่าจะอยู่คนเดียวก็ตาม เขาหวงภาพลักษณ์ของตนเองมากจนเทียบได้กับเรื่องสำคัญระดับประเทศ เมื่อไม่มีใครมองอยู่ เขารีบเปิดประตูรถเข้าไปทันที เมื่อประตูปิดแล้วก็สูดหายใจจนเต็มปอด
“ไม่ได้ขับรถเองมานานแล้ว มัวแต่ทำอะไรอยู่วะเรา เรื่องสนุกๆ แบบนี้ วางมือไปได้ยังไง” เขาจับพวงมาลัยแน่นมือแล้วนำพารถคันสีดำออกจากรั้วโรงแรม เพื่อจะไปจอดที่อีกฟากของถนน ตรงบริเวณหน้าร้านขนมปังอบ
“ไปรึยังนะ หรือว่าจะลองลงไปดู ไม่เอา เดี๋ยวเหยื่อรู้ตัว”
เธอไม่รู้ตัวหรอก หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยสักนิด เธอกับกุยโด้แยกย้ายกันตรงบริเวณหน้าร้าน เรื่องที่เธอบอกว่าจะไปแจ้งความเรื่องคนหายนั้น กุยโด้แนะนำว่าสูญเปล่า เพราะครอบครัวของวิกเตอร์มีอิทธิพลมากจริงๆ เธอกับกุยโด้คุยกันว่าจะนัดเจอกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ เพื่อจะมาปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
“ขอบใจมากนะกุยโด้ แล้วเจอกัน”
เธอโบกมือลาชายหนุ่มผู้ตกงาน เขาเปรยว่าหากร้านขนมปังไม่อยู่แล้ว เขาอาจจะต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เดินทางกลับบ้าน บางทีแผนที่เขาเคยคิดจะเปิดร้านขายขนมเป็นของตนเอง อาจเป็นรูปเป็นร่างเร็วขึ้นก็ได้ มาลินีเรียกว่าเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส ส่วนตัวเธอเอง ไอ้ที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะเที่ยวในเอเธนส์ให้ฉ่ำปอดในวันนี้ เธอกลับไม่เหลืออารมณ์นั้นเลย เธอเปลี่ยนแผนใหม่
“บางที แม่อาจจะช่วยได้ เพราะสามีของแม่ก็เป็นคนระดับสูงเหมือนกัน”
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หญิงสาวจึงละจากร้านขนมปัง ลากกระเป๋าใบโตเดินออกมายังริมถนน เพื่อรอคอยแท็กซี่ ส่วนอีกฟากถนน ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในรถ เขาเริ่มเซ็งพอดี แต่พอหันไปเห็น หัวใจเขาก็ตื่นเต้นขึ้นมา เขาใช้สายตามองเธออย่างจริงจัง มองแบบไม่ให้คลาดสายตา วิกเตอร์ไม่รู้หรอกว่าเขาแบบนี้ไปเพื่ออะไร สองสามวันมานี้ เขาไม่ค่อยเข้าใจตัวเองสักเท่าไหร่ หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาทำ เคยเป็นสิ่งที่เขาเกลียด อย่างเช่น การเฝ้ามองผู้หญิงคนนี้
ความจริงแล้ว เขาไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนต่างหาก
รถแท็กซี่คันใหญ่จอดรับเจ้าหล่อนไป เขาไม่รีรอที่จะติดตามบั้นท้ายรถแท็กซี่คันนั้น เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเขาต้องการอะไรจากเธอ เขามีธุระสำคัญมากกว่านี้ที่ควรไปทำ แต่เขาเลือกที่จะติดตามหญิงสาวไป จนกระทั่งแท็กซี่จอดที่หน้าคฤหาสน์หรูหราหลังหนึ่ง
เธอหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา เขย่งปลายเท้าแล้วจูบแก้มสากหอมๆของเขาด้วยความรัก ชายหนุ่มน้อมรับความรู้สึกแสนสวยนั่นด้วยการก้มลงจูบแก้มแดงเรื่ออย่างอ่อนโยน ทะนุถนอม เมื่อผละจาก ดวงตาสีเขียวคมกริบ จ้องมองใบหน้านวลในอุ้งมืออย่างมีความหมาย“แต่ใจผมเหมือนจะระเบิดทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าคุณ ผมถึงไม่อนุญาตให้คุณอยู่ใกล้ๆเวลาผมทำงานยังไงล่ะ”หญิงสาวยิ้มนิดๆ ดวงตาเต้นระยิบ“ทำไมคะ”เธอแสร้งถามไร้เดียงสา“เพราะผมอาจจะมีเซ็กกับคุณบนโต๊ะทำงานไง”“บ้า” เธอเขิน เขาหัวเราะ“ผมรักคุณนะ”“พูดแบบนี้อีกแล้ว” เขาพูดพลางยกร่างบางขึ้นอุ้ม แล้วพาเธอไปวางลงบนเตียงนอนแสนนุ่ม “คราวหลังพูดคำอื่นบ้างก็ได้ค่ะ”“เพราะถึงยังไง คุณก็ยอมผมอยู่ดี” แม้จนถึงวินาทีนี้ หัวใจของเขาและเธอก็ยังคงเต้นแรงทุกครั้ง การร่วมรักกันครั้งแล้วครั้งเล่าอาจหวานชื่น สดใส และเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขสมซาบซ่านหัวใจ แต่เขารู้ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหน ๆ เพราะที่นี่คือเตียงแห่งความทรงจำ“forget me not”เขากระซิบบนปลายจมูกของเธอ หญิงสาวยิ้มหวาน“แต่ฉันกินมัสมั่นเข้าไปเยอะเลยนะคะ”เธอท้าทายเขา แต่เขาก็กลั้นใจยิ้ม“แต่ผมจะกินมัสมั่นจากปากของคุณ”หญิ
เมื่อเสร็จสิ้นมื้ออาหารอันเลิศรสของครอบครัวที่แสนอบอุ่นมั่งคั่ง คู่พ่อแม่ก็แยกไปทำธุระสำคัญในฐานะนักการเมืองใหญ่ ส่วนคู่หนุ่มสาวที่มีหน้าที่หลักในการช่วยกันบริหารธุรกิจของออปเปนไฮน์ให้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป พวกเขาเขียนใบลาพักร้อนเป็นเวลาสองสัปดาห์เพื่อจะไปฮันนีมูนที่เมืองไทย วางงานไว้ให้ผู้ช่วยได้สร้างผลงานบ้าง“ฉันดีใจจังเลยค่ะ ฉันจะได้กลับบ้านแล้ว” ชายหนุ่มจูงมือเธอไว้แน่น ดวงตาเปล่งประกายขณะพาเธอเข้าลิฟต์แล้วกดลงชั้นต้อนรับของโรงแรม ทั้งที่ควรจะขึ้นไปยังห้องสวีตรูมอันเป็นห้องพักผ่อนส่วนตัวของท่านซีอีโอ เขามีโต๊ะทำงานอยู่บนห้อง เขามีเอกสารหลายอย่างที่ต้องเซ็นก่อนจะออกเดินทางในเช้าวันพรุ่งนี้“จะไปไหนหรือคะ” ประตูลิฟต์เปิดออก เธอถูกเขาลากไปราวกับเป็นของไร้น้ำหนัก “วิกเตอร์ คุณกำลังทำอะไรคะ ทำไมไม่รีบขึ้นไปเคลียร์งาน”เมื่อถึงบริเวณหน้าฟร้อน เธอก็ได้เห็นเหล่าบอร์ดี้การ์ดของเขา ยืนเรียงเป็นแถว เหมือนพนักงานต้อนรับ เจ้านายหนุ่มวางก้ามทันที เขาหันไปพยักพเยิดบอกลุยจิและแอนเดรียให้ทำตามแผนการที่วางไว้สองหนุ่มเดินเข้ามา หยุดต่อหน้าเจ้านาย“คิดจะทำอะไรกันแน่คะ”“เชิญครับ” ลุยจิยิ้มบางๆ พร
“อย่าคิดว่าจะลอยหน้าลอยตาอยู่ได้นาน คนอย่างเธอ...”“คนอย่างฉันมันยังไงหรือคะ ขอโทษเถอะคุณหนู คนอย่างฉันไม่เคยดูถูกใคร ไม่เคยคิดจะทำให้ใครเดือดร้อน เว้นก็แต่พวกเขาจะหาเรื่องเองทั้งนั้น”คุณหนูสะบัดมือจากการเกาะกุม หายใจฟืดฟาดๆ จนอกกระเพื่อม“ตอนนี้เธอคงจะสะใจละสินะ ที่เห็นครอบครัวของฉันต้องหมดเนื้อหมดตัว”“อย่าเอาความคิดของตัวเองมาตัดสินคนอื่นสิคะ ฉันไม่เคยคิดว่าความเดือดร้อนของคนอื่นเป็นของหวานหรอกนะคะ โดยเฉพาะกับคุณและคุณแม่ของคุณ”“อย่ามาสร้างภาพหน่อยเลยน่า คอยดูเถอะ ฉันจะทวงของๆฉันคืนจากเธอให้หมดเลย”มาลินียิ้มบางๆ เธออดตำหนิมารดาไม่ได้ ถึงมันจะเป็นบาปก็เถอะ ท่านเลี้ยงดูบุตรสาวให้เป็นคนแบบนี้ได้อย่างไรกัน นอกจากจะมีนิสัยชอบดูถูกคนอื่น ชอบใช้กำลัง และขี้อิจฉาแล้ว เธอยังเป็นคนที่ไม่ยอมรับความจริงอีกด้วย นี่ถ้าเอามาให้เธออบรม เธอจะบ่มเสียใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า“เอาเถอะค่ะ ถ้าคิดว่าทำได้ ก็ลองดู”“ฉันทำได้แน่ แล้วเธอจะได้รู้จักฉันดีขึ้น” มาลินีผละจากช่อดาวมา โดยไม่หันไปมองอีกเลย แม้เธอจะรู้สึกเป็นห่วงเจ้าหล่อนอยู่บ้างก็เถอะ เธอสั่งพนักงานให้จัดการดูแลหญิงสาวเป็นอย่างดี ก่อนจะเดินไปหาสาม
“ผมคงไม่ได้มาเยี่ยมท่านอีก ขอให้มีความสุขกับคุก ลาตลอดชาตินะครับ”เมื่อจบธุระที่แดนคุมขังนักโทษ ชายหนุ่มเดินทางไปยังสถานที่จอดเครื่องบินส่วนตัวของอธีน่ากรุ๊ป เพื่อพบกับภรรยาที่รออยู่ จากนั้นพวกเขาก็ขึ้นเครื่อง ออกเดินทางไปยังครีตในวันนี้ คฤหาสน์อันน่าสะพรึงกลัวถูกบูรณะซ่อมแซมเสียใหม่จนกลายเป็นคฤหาสน์แสนสวยที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ สวนไม้ยืนต้นขนาดใหญ่และทุ่งดอกไม้สีม่วงสดได้รับการปรับปรุงดูแลอย่างเหมาะสม มีการตกแต่งสวนหย่อมภายในรั้วเหล็กและปลูกดอกไม้เพิ่มเติมจนเต็มแน่นทุกพื้นที่ ตกแต่งด้วยลานน้ำพุ รูปปั้นเทพเจ้าต่างๆ มีผีเสื้อบินว่อนสร้างความมีชีวิตชีวาที่ซึ่งเคยเปรียบดั่งนรก บัดนี้กลับกลายเป็นสวรรค์ราวกับถูกเสก“สวยถูกใจคุณไหม” เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงด้านหลังของเธอ “ที่โยนเหรียญส่วนตัวของคุณ”หญิงสาวยังคงมองสิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าด้วยความทึ่ง“คุณทำได้ยังไง สวยจนจำบรรยากาศเดิมแทบไม่ได้”“บอกแล้วว่าเงินบันดาลได้ทุกสิ่ง”“นอกจากมีเงินแล้ว ต้องเจ้าเล่ห์ขี้โกงด้วย”“ผมจะถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกัน”“ฉันด่าต่างหาก”“ถ้างั้น เมียด่า แปลว่าจะเจริญ”เธอหัวเราะกับความกะล่อนของสามี เขาหัวเราะตาม ความส
เขาพูดจบก็หันหลังขวับ จะเดินจาก หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างเร่งร้อน“เดี๋ยวค่ะ” เธอประคองตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนร่างเซเกือบจะล้ม ชายหนุ่มอีกคนรีบเข้ามาจับตัวเธอไว้ แต่เธอไม่ได้สนใจเขาสักเท่าไหร่ เธอผละจากเขา เดินไปหาผู้ชายที่กำลังจะจากไป “ฉันต้องขอโทษแทนพ่อของฉันด้วยนะคะ ที่มีส่วนทำให้คุณต้องเป็นทุกข์และมีชีวิตที่เดียวดายมาโดยตลอด”เขาหยุดฝีเท้า แต่ไม่ได้หันกลับมามองหญิงสาว“ได้โปรด อย่าเป็นทุกข์อีกเลยนะคะ เริ่มต้นชีวิตใหม่และมีความสุขกับทุกวัน”เขาหัวเราะในลำคอเบาๆราวกับเพิ่งฟังเรื่องตลก เขาตัดสินใจหันกลับมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวอีกครั้ง เขายิ้มมุมปาก สีหน้ามีกลิ่นเย้ยหยันนิดๆติดอยู่อย่างจับได้ ครานี้แหละ เธอถึงตระหนักว่าสองหนุ่มหน้าเหมือนกันไม่น้อย“ถ้านี่เป็นคำอวยพร ก็ขอบคุณ แต่ถ้าอยากให้ผมมีความสุขจริงๆละก็ คุณก็เลิกกับหมอนั่นเสียสิ แล้วมาอยู่กับผมที่นี่แทน”วิกเตอร์รีบเดินมาดึงตัวเธอไปอยู่ข้างๆทันที เหมือนกลัวจะถูกโฉบไป“มันจะมากไปแล้วนะโว้ย เธอเป็นเมียฉัน เป็นน้องสะใภ้ของนายนะ”นีโอนาสทำหน้าหยัน“ใครจะสน”น้องชายชี้หน้าพี่ชาย หญิงสาวรีบจับแขนคนใจร้อนไว้เพราะกลัวเขาจะเปลี่ยนจากชี้เป็นก
“ช่วยไม่ได้ มันอยากโง่เองนี่นา” วิกเตอร์ไม่แปลกใจเลย เขาพอจะเดาเรื่องนี้ออกตั้งแต่ที่รู้ความจริงแล้ว สำหรับหญิงสาวก็เช่นเดียวกัน เธอนึกไม่ถึงเลยว่าหมอนี่จะเห็นความซื่อสัตย์ของปู่เป็นเครื่องมือในการแก้แค้น เธออยากจะทุบหัวหมอนี่ให้ยุบไปเลย“เขาไม่รู้หรอก ว่าฉันแอบมองมาจากตู้เสื้อผ้า ด้วยสายตาแน่วแน่ เพื่อจะจดจารรายละเอียดทั้งหมด เพื่อฝังเอาไว้ในหัวสมอง” ภาพในอดีตย้อนกลับมาให้เขาคลั่ง เขาเล่าเหมือนกำลังมองเห็นเหตุการณ์ในตอนนั้นอยู่ “ตอนที่เขาตบหน้าลูกชายของเขาด้วยความแรง และประกาศตัดขาดความเป็นพ่อลูก ฉันเฝ้ามองด้วยความสะใจ และบอกกับตัวเองว่าให้ใจเย็นๆเข้าไว้ และรอคอยให้เวลานี้มาถึง พระเจ้า และเธอก็มาที่นี่ มาเพื่อฉันจริงๆด้วย”น้ำเสียงของเขาน่ากลัวนัก วิกเตอร์หายใจไม่ค่อยทั่วท้องสักเท่าไหร่ หัวใจเต้นเร่า หวาดหวั่นว่าหญิงสาวจะได้รับอันตรายจากคนสติหลุด เขาจ้องมองหญิงสาวชนิดไม่ยอมกระพริบตา แต่เจ้าหล่อนกลับมีสีหน้าสงสัยมากกว่าจะหวาดกลัว นั่นเพราะเธอสัมผัสได้ว่าหัวใจของชายหนุ่มผู้กำความแค้น เต้นถี่ยิบและรุนแรงเหมือนจะระเบิดออกมา มันกระทุ้งลำตัวของเธอจนรู้สึกได้เป็นไปได้ไหมที่หมอนี่กำลังหวาดก