เพียงตัวอักษรไม่กี่ตัวที่เขียนไว้ในกระดาษ กลับสร้างความกังวลใจให้ผมเป็นอย่างมาก เดาไม่ได้เลยว่าเรื่องด่วนอะไรทำให้พี่วินต้องรีบกลับไปขนาดนั้น ไม่แม้แต่จะปลุกเพื่อบอกกล่าวกันก่อนผมรีบลุกจากเตียงนอน พาตัวเองเข้าห้องน้ำจัดการภารกิจส่วนตัวและรีบออกจากบ้านเพื่อจะไปบริษัท แต่ก่อนจะถึงที่ทำงานผมแวะร้านหมูปิ้งข้างทางเพื่อหามื้อเช้าง่าย ๆ ทาน และซื้อกาแฟโบราณร้านข้าง ๆ ติดมือไปสองแก้วด้วยเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงาน ร่างของพี่วินก็นั่งประจำที่โต๊ะแล้ว เขากำลังจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมกับใบหน้าคิ้วขมวด แต่เมื่อละสายตาจากหน้าจอหันมาเห็นว่าเป็นผมที่เปิดประตูเข้าไป รอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้ามีเสน่ห์ก็เกิดขึ้นทันที“มอนิ่งครับที่รัก”ได้ยินคำทักทายที่ไม่คุ้นชินผมก็รีบหันมองซ้ายขวาในทันที หากมีใครมาได้ยินพี่วินพูดกับผมทำนองนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ“พี่พูดอะไรแบบนั้นเล่า เดี๋ยวใครก็มาได้ยินหรอก”ผมเดินไปหยุดหน้าโต๊ะทำงานแล้ววางแก้วกาแฟโบราณกับข้าวเหนียวหมูปิ้งลงบนโต๊ะ“ไม่เห็นต้องกลัวเลย ถ้าใครจะรู้เรื่องของเราก็ให้เขารู้ไปเถอะ พี่ไม่สนใจสักหน่อย แล้วนี่ซื้ออะไรมาครับ”“ภัทซื้อกาแฟกับข้าวเหนียวหมูปิ
“ไม่มีอะไรครับ พี่วินไปทำงานเถอะ”ผมพยายามปรับน้ำเสียงเป็นปกติ สองมือยังคงวุ่นอยู่กับคีย์บอร์ด และวินาทีนั้นพี่วินก็เอื้อมมือหนึ่งมาจับมือผมไว้ ส่วนอีกมือของเขาก็ดึงแว่นตาออกไปจากใบหน้าของผมอย่างรวดเร็ว“เห้ย ภัท หน้าไปโดนอะไรมา”พี่วินโน้มตัวลงต่ำจ้องมองใบหน้าผมใกล้ ๆ โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตา แน่นอนว่ารอยช้ำคล้ำ ๆ นั่นผมไม่สามารถจะปิดบังมันได้เลย“คือ เอ่อ”“เล่ามา”พี่วินยืนพิงโต๊ะทำงานของผม มือสองข้างกอดอก ใบหน้าขึงขังและน้ำเสียงดุดันนั่นผมไม่ชอบมันเลยให้ตายเถอะ“ผมหกล้มน่ะ ไม่มีอะไรหรอกพี่”“ภัท”“ไม่มีอะไรจริง ๆ พี่”“ถ้าไม่เล่า วันนี้ก็ค้างที่นี่ ไม่ต้องกลับบ้าน”พี่วินพูดจบก็เดินไปล็อกประตูห้องทำงานทันทีสายตาแข็งกร้าวของเขาตอนนี้น่ากลัวอย่าบอกใคร ที่มาของบอสวินน้ำแข็งที่เคยรู้จัก ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันยิ่งกว่า มันไม่ใช่แค่น้ำแข็ง แต่มันเหมือนภูเขาเอเวอเรสต์ที่มีแต่ความเย็นชาหนาวเหน็บและพร้อมจะพังทลายได้ทุกวินาที“ถ้าไม่เล่า ก็ไม่ต้องทำงานต่อ อยู่ด้วยกันที่นี่แหละคืนนี้”พูดจบเขาก็เอามือปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ของผมทันที แถมยังดึงปลั๊กไฟออกหมดอีกต่างหาก ตอนนี้อุปกรณ์ทำงานทุกอย่างหย
ความสัมพันธ์ของผมกับบอสเป็นไปด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ในรูปแบบคนรักหรือความสัมพันธ์ในแบบเจ้านายกับลูกน้อง เวลาของการทำงานเราสองคนเต็มที่ และเวลาเลิกงานเราทั้งคู่ก็ถอดตำแหน่งเอาไว้ที่บริษัท มีเพียงพี่วินกับภัทเท่านั้นที่ได้ใช้เวลาไปด้วยกันในทุกวันชีวิตของผมตั้งแต่มีเขาเข้ามามันดีกว่าแต่ก่อนมาก ส่วนพี่วินเองก็พยายามปรับตัวเข้าหาพนักงานและพูดคุยกับคนในองค์กรมากขึ้น บรรยากาศการทำงานเริ่มมีสีสันและมีเสียงหัวเราะให้ได้ยินอยู่บ่อย ๆ ผลประกอบการก็เริ่มจะมีแนวโน้มที่ดี ส่วนเรื่องเคสลูกค้าที่ติดหนี้เสียเยอะ ตอนนี้ผมได้ผู้ช่วยมาช่วยลงพื้นที่อีกแรง การทำงานมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นและปิดจบเคสหนี้เสียไปได้จำนวนหนึ่งแล้วจะน่าห่วงก็มีแต่เคสคุณมีชัย ที่ไม่ว่าจะทำยังไง การอนุมัติเครดิตให้เขาก็ดูเป็นไปไม่ได้เลย“คิ้วผูกโบกันอีกแล้วนะ”ผมหันไปเอ่ยแซวคนที่นั่งทำงานอยู่ด้านข้าง หลายวันมานี้พี่วินพยายามจะจัดการเคสของคุณมีชัยให้เรียบร้อย แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยากยิ่ง ทั้งที่เราสองคนก็พอจะรู้คำตอบอยู่แล้วว่าความเป็นไปได้มีมากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่ต้องทำกลับกลายเป็นการแย้งในคำตอบนั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที
ทั้งสายตาและคำพูดที่ผมได้รับ บ่งบอกได้ดีว่าเขาจริงจังและมั่นใจในสิ่งที่เอ่ยออกมา และผมรู้ว่าคนอย่างพี่วินพูดจริงทำจริง ไม่เคยมีสิ่งไหนที่เขาพูดไว้แล้วทำไม่ได้เลยสักครั้ง“พี่ไม่กลัวเหรอ ถ้าใครรู้ว่าเราสองคนทำผิดกฎบริษัท ถ้าเรื่องมันแดงขึ้นมาพี่ก็รู้ว่าสิ่งที่ตามมาคืออะไร”“พี่ยอมแลก แลกกับการได้อยู่กับภัท และพี่คิดว่าพ่อคงไม่ไล่พี่ออกจากบริษัทหรอก เพราะพี่ยังมีประโยชน์กับเขา”“แล้วภัทล่ะ?”“ภัทก็เป็นคนสำคัญของพี่ไงครับ พี่ไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรภัทหรอก ไปอยู่ด้วยกันเถอะนะ พี่เบื่อจะนอนคนเดียวแล้ว”พี่วินเปลี่ยนจากการจับมือเป็นการเอามือมาลูบไล้สองข้างแก้มของผม เขาโน้มใบหน้ามาใกล้เรื่อย ๆ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆสุดท้ายผมก็ไม่สามารถชนะเขาได้ สายตาคู่นั้น มือคู่นั้น และลมหายใจแสนอบอุ่นที่ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งส่งผลกับหัวใจผมเป็นอย่างมาก มันเต้นแรงทุกครั้งเมื่อได้รับการกระทำที่อ่อนโยนแบบนี้“ก็ได้ครับ ภัทจะไปอยู่กับพี่”แววตาเปล่งประกายจากคนตรงหน้าเกิดขึ้นทันที ใบหน้าที่เคยมีความกังวลค่อย ๆ หายไป ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนพร้อมกับที่พี่วินดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้“ขอบคุณนะครับ พี่วินร
“พี่วิน เบาหน่อยครับ”ผมเงยหน้าซี้ดปากระบายความเสียวซ่านในตัวออกมา เพราะตอนนี้ร่างกายเปลือยเปล่าของผมกำลังเผชิญกับบทรักอันเร่าร้อนที่พี่วินตั้งใจส่งมาให้อย่างหนักหน่วง ถึงแม้สถานที่ตอนนี้จะเป็นเคาน์เตอร์ทำครัวแต่ก็ดูไม่เป็นปัญหาสำหรับพี่วินเลย เพราะเขาทำให้ผมถึงจุดหมายไปแล้วหนึ่งรอบ“เจ็บเหรอครับ งั้นพี่จะทำเบา ๆ นะ”“ไม่เจ็บเท่าไหร่ครับ แต่เริ่มปวดขา พี่ยกขาผมค้างไว้นานแล้วนะ”“งั้นเปลี่ยนท่า”พูดไม่ทันขาดคำพี่วินก็อุ้มร่างของผมลงมาจากเคาน์เตอร์แล้วจับหันหลัง สองมือลูบไล้สะโพกผมอย่างเร่าร้อนก่อนจะเอื้อมมาด้านหน้าแล้วหยอกเย้ากับน้องชายของผมที่เริ่มขึงขังขึ้นมาอีกครั้งปลายจมูกและริมฝีปากของคนด้านหลังค่อย ๆ ไล้ไปตามแผ่นหลังของผมด้วยสัมผัสบางเบา ลมหายใจอุ่น ๆ ที่รดไปทั่วร่างยิ่งทำให้ความเสียวซ่านในตัวของผมเพิ่มระดับมากยิ่งขึ้น และความปวดหน่วงกลางกายก็เริ่มส่งสัญญาณให้พี่วินได้รับรู้ว่าผมต้องการอะไร“ไปในห้องกันดีกว่า”เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหูก่อนที่พี่วินจะอุ้มผมเอาไว้ในอ้อมอกแล้วเดินไปยังห้องนอนของเขาอย่างรวดเร็วเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน โต๊ะกระจกที่มีสกินแคร์หลายอย่างวางอยู่ก็ถูก
เช้าวันใหม่ในสถานที่ใหม่ที่ผมตื่นลืมตาขึ้นมาครั้งแรก สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือลมหายใจอุ่น ๆ ของใครบางคนที่กำลังรดต้นคอผมอยู่ ไม่แน่ใจนักว่าเมื่อคืนพี่วินนอนอยู่ท่านี้ทั้งคืนรึเปล่า ที่รู้คือเกือบเช้าแล้วกว่าบทรักของเราสองคนจะสิ้นสุด ไม่รู้ว่าผู้ชายวัยสามสิบคนนี้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเยอะแยะ ทำเอาผมขาสั่นจนแทบลุกไม่ไหวเลย“ตื่นแล้วเหรอครับ”น้ำเสียงอ่อนหวานกระซิบข้างหูผม สองมือของพี่วินยังคงกอบกุมเอวบางของผมเอาไว้ราวกับกลัวว่าผมจะหนีไปไหน“ภัทคิดว่าพี่ยังไม่ตื่นซะอีก”“ตื่นตั้งแต่ตีห้าแล้ว พี่เอาเสื้อผ้ากับของใช้ของภัทจัดเก็บให้เรียบร้อยแล้วนะ ภัทไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวพี่ไปทำอาหารเช้าให้”“พี่วินเก็บให้ภัททำไม เดี๋ยวภัทจัดการเองก็ได้ แล้วมื้อเช้าก็ไม่ต้องทำหรอกครับ เดี๋ยวแวะซื้อหมูปิ้งหน้าบริษัทกับกาแฟสักแก้วก็ได้แล้ว”“ภัทกินแต่ของแบบนั้นถึงได้ตัวแค่นี้ อีกอย่างพี่จะบอกว่า ครั้งก่อนที่ภัทซื้อกาแฟโบราณมาให้พี่น่ะ พี่ไม่ชอบกาแฟใส่นมหรอก แต่ก็ลองชิมดูเพราะภัทอุตส่าห์ซื้อมา”“อ้าว แล้วก็ไม่บอก”ผมหันไปมองหน้าพี่วิน แอบแปลกใจเล็กน้อยกับเรื่องนี้ เรื่องกาแฟของพี่วินผมจำไม่ได้จริง ๆ ว่าเขาชอบแบบไห
“ภัทขอเข้าไปคุยกับเขาคนเดียวนะครับ”ระหว่างที่นายมีชัยไปนั่งรอที่ห้องรับรองลูกค้าวีไอพี ผมและพี่วินกำลังมานั่งปรึกษาแผนการเพื่อหาทางออกของลูกค้าเคสนี้ พี่วินดูเครียดมากและเขาเองไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นักเรื่องที่ผมจะไปคุยกับนายมีชัยเพียงลำพัง“พี่ไปด้วยดีกว่า เอกสารทุกอย่างอยู่ที่พี่ อีกอย่างภัทไม่ได้ทำเคสนี้”“เรื่องนั้นภัทรู้ แต่พี่บอกเองหนิว่าเคยไปคุยกับเขาแล้ว ยังไงเขาก็ไม่ยอมท่าเดียว เพราะงั้นเอกสารคงไม่จำเป็น ภัทจะลองไปคุยกับเขาตามวิธีของภัทดู”“วิธีของภัท?”“อื้ม พี่ไม่ต้องถามมาก เอาเป็นว่าพี่อยู่ที่นี่ ไม่ต้องไปกับภัท แล้วได้เรื่องยังไงภัทจะมาบอก”“แต่พี่ว่า”“นะครับพี่วิน ขอภัทลองดูก่อน แล้วถ้ามันไม่เวิร์คไว้เรามาคุยกันอีกที อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรที่มันต่างไปจากเดิม พี่ก็รู้ดีว่าถึงยังไงเคสนี้เราก็อนุมัติไม่ได้อยู่แล้ว ภัทแค่อยากรู้ว่าวันนี้ที่เขามามีจุดประสงค์อะไรก็เท่านั้นเอง”เมื่อผมอธิบายในสิ่งที่กำลังจะทำให้พี่วินเข้าใจมากขึ้น อารมณ์คุกรุ่นในตัวของเขาก็ดูจะเริ่มลดลง และสุดท้ายพี่วินก็ยอมให้ผมไปเจอนายมีชัยคนเดียว แต่เขาไม่ยอมที่จะอยู่รอที่ห้อง ขอเอาตัวเองไปนั่งรอหน้าห้
“พี่ไม่กลัวเหรอครับที่พูดออกไปแบบนั้น”ผมหันไปถามพี่วิน ตอนนี้เราสองคนนั่งอยู่ข้างกัน โดยที่พี่วินกำลังเอนตัวพิงเบาะหนังของโซฟา หลับตาแล้วประสานมือไว้บนอก ตั้งแต่กลับมาผมได้ยินเสียงถอนหายใจของเขาจนแทบนับครั้งไม่ได้แล้ว“หลังจากนี้ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว และภัทไม่ต้องห่วงนะว่าจะมีใครมาทำอะไรภัท ถ้าเกิดอะไรขึ้นพี่รับผิดชอบเอง”พี่วินลืมตา หันมามองผมเล็กน้อย ซึ่งผมเองจับจ้องใบหน้าของเขาอยู่ก่อนแล้ว ยอมรับเลยว่าเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ทำเอาหัวใจผมแทบจะหลุดออกมา คิดไม่ออกเลยว่าถ้าเมื่อกี้นี้เกิดเรื่องรุนแรงขึ้นผมจะทำยังไง“พี่ไม่ต้องห่วงผมหรอกน่า ตอนนี้พี่ควรจะห่วงตัวเองก่อน หลังจากนี้นายมีชัยจะทำอะไรบ้างก็ไม่รู้ ผมเห็นสายตาที่เขามองพี่ ผมเดาเลยว่าเขาคงไม่เลิกระรานพี่ง่าย ๆ แน่”“พี่ไม่สนเรื่องนั้นหรอก อยากเกิดก็เปิดมาดิ ไอ้ควายเอ๊ย”พี่วินถอนหายใจรุนแรง กับท่าทีเดือดดาลที่ยังหายไปไม่หมด นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเขาโมโหมากขนาดนี้อีกทั้งยังสบถคำหยาบออกมาบ่อยครั้ง จะเรียกว่าเป็นบุญหูก็ไม่เชิง แต่ก็ได้เห็นอีกมุมของพี่วินที่ไม่เคยเห็นมาก่อน“ไม่ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น พี่จำเอาไว้ว่าพี่ยังมีภัทนะ
ร่างกายของผมถูกถอดเสื้อผ้าออกไปอย่างรวดเร็วสกิลด้านนี้ของพี่วินช่ำชองมากขึ้นทุกวัน ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีผมก็เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า เสียงลมหายใจหอบกระเส่าดังกว่าทุกครั้ง เวลาพี่วินเมาเขาดูเหมือนคนหื่นกระหายที่ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เลย ทั้งที่ความจริงแล้วเขาช่ำชองเป็นที่สุดและครั้งนี้เขาก็เริ่มต้นด้วยการ หยิบเจลหล่อลื่นออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะเครื่องแป้งแล้วเดินมุ่งมาหาผมที่นอนหงายอยู่บนเตียงท่าทีคลานเข่าเข้ามาหาก่อนจะคร่อมร่างผมไว้ไม่ต่างจากเสือร้ายที่กำลังจะล่าเหยื่อ สายตาของเขามองผมราวกับว่าสามารถกลืนผมลงไปได้ทั้งร่าง และไม่บ่อยนักที่ผมจะได้เห็นเขาในมุมนี้“คืนนี้ภัทน่าเอากว่าทุกคืนเลย รู้ตัวไหมครับ”เขาก้มลงมากระซิบข้างหูผมเบา ๆ ก่อนจะใช้ปลายลิ้นลากไล้ตั้งแต่ซอกคอของผมลงมาตามลำคอ แล้วกลับไปส่งมอบรสจูบแสนหวานอย่างช้า ๆเราจูบกันเนิ่นนานและค่อย ๆ เพิ่มระดับความเร่าร้อนมากขึ้น สอดลิ้นแลกเปลี่ยนความหวานในโพรงปากของกันและกันอย่างโหยหา ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จาง ๆ ที่ยังอยู่ในตัวทำให้ความต้องการของผมถูกปลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้ผมรู้สึกปวดหน่วงกลางกายขึ้นมาในทันที“พะ พี่วิน”ผมเอื้อมม
ความสัมพันธ์ของผมกับพี่วินยังคงเป็นไปด้วยดีถึงแม้เราจะมีงอนกันบ้างโกรธกันบ้าง แต่ผมคิดว่ามันคือความธรรมดาของชีวิตคู่แหละครับ และสุดท้ายเราสองคนก็รู้ดีว่า ต่อให้จะทะเลาะกันขนาดไหนเราไม่มีวันปล่อยมือกันไปแน่นอน และเราก็จะกลับมาคุยดีกันเหมือนเดิมภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะถึงยังไงก็ต้องทำงานด้วยกันอยู่แล้วอย่างเช่นวันนี้ที่กำลังมีคนหน้าบึ้งอีกแล้ว เหตุเพราะเห็นผมไปสอนงานให้น้องใหม่ที่เพิ่งมาทำงานวันนี้วันแรก“ปั้นหน้ายักษ์นาน ๆ ระวังหน้าเหี่ยว เดี๋ยวแก่เร็วนะครับ”ผมอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวแล้วเดินไปโอบล้อมรอบคอพี่วินเอาไว้จากด้านหลัง“พี่ไม่กลัวแก่ครับ แต่พี่ไม่ชอบให้ภัทไปใกล้ใคร ไปดีกับคนโน้นคนนี้เดี๋ยวก็มีคนมาชอบภัทอีก”“โห คิดไปโน่น ที่ผ่านมามีใครได้เข้าใกล้ภัทบ้างล่ะ แค่มาเฉียดพี่ก็ขู่ฟ่อ ๆ แล้ว”“ภัท พี่ไม่ใช่หมา !”ใบหน้าเง้างอนชัดเจนยิ่งกว่าเดิม พี่วินกอดอกแน่น หายใจฟึดฟัดเหมือนเด็กเอาแต่ใจที่โดนแย่งของเล่น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนนิสัยของเขาก็ไม่เคยเปลี่ยน“โอ๋ ๆ ภัทไม่ได้ว่าพี่เป็นหมาสักหน่อย แค่จะบอกว่าพี่หวงภัทขนาดนี้ ใครจะกล้ามายุ่งกับภัทครับ และภัทก็ไม่มีทางไปยุ่งกับใครแน่น
“เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วใช่ไหม”พี่วินหันมาถามขณะที่ผมกำลังจะเคลื่อนรถออกจากบริษัท วันนี้เราสองคนต้องไปต่างจังหวัดเนื่องจากมีสาขาเปิดใหม่พี่วินเลยรับหน้าที่ไปดูแลการเปิดสาขาใหม่วันแรก โดยวันนี้เราจะลงใต้ไปจังหวัดชุมพรด้วยกัน“ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ ทั้งเอกสารแล้วก็กระเป๋าเสื้อผ้า”“เยี่ยมมาก เป็นทั้งเลขาเป็นทั้งแฟน ทำทุกอย่างโดยไม่บกพร่อง ไตรมาสหน้าพี่จะปรับเงินเดือนเป็นห้าแสนดีไหม”“หึ เว่อร์มาก”ผมหลุดขำออกมา แต่เมื่อหันไปมองหน้าพี่วิน ผมรู้ว่าเขาคิดจริงและคงทำจริงได้ไม่ยาก เห็นแบบนั้นเลยต้องเอ่ยห้ามไว้ก่อน“แค่เดือนละแสนห้าผมก็เกรงใจคนอื่นจะแย่ ถ้าปรับเป็นเดือนละห้าแสนพ่อพี่คงเรียกผมไปคุยแน่”“เขาไม่เรียกหรอก เขาโอนกรรมสิทธิ์สาขาสามให้พี่เต็มตัวแล้ว”“ถามจริง”ผมแทบไม่เชื่อหูที่ได้ยินข่าวดีสุด ๆ ในวันนี้ แต่จะว่าไปก็คงไม่แปลกหรอก เพราะที่ผ่านมาพี่วินก็ตั้งใจและทุ่มเทกับสาขาสามเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่พี่วินเข้าไปดูแล ผลประกอบการก็ดีขึ้นและเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งลูกค้ายังบอกต่อและเอ่ยคำชมไม่หยุดหย่อนถึงการบริการและความเอาใจใส่ของพนักงาน ส่วนเรื่องมีตติ้งยิ่งไม่ต้องพูดถึง ในทุกเดือนพ
“พี่วินจะเอาชุดพวกนี้ไปทั้งหมดจริง ๆ เหรอครับ”ผมหันไปถามคนที่นอนสบายใจเฉิบอยู่บนเตียง ตอนนี้เราสองคนกำลังจัดกระเป๋าเตรียมไปมีตติ้งภาคเหนือ แต่ถ้าจะพูดให้ถูกต้องพูดว่าเป็นผมคนเดียวมากกว่าที่กำลังจัดกระเป๋าทั้งของผมและของพี่วิน ส่วนอีกฝ่ายน่ะ เอาแต่นอนมองผมทำโน่นทำนี่ เอามือเท้าคาง กลิ้งตัวไปมาบนเตียงอย่างอารมณ์ดี“ใช่แล้ว เอาไปหมดนั่นเลย รวมสกินแคร์ในขวดเล็ก ๆ ที่พี่เตรียมไว้บนโต๊ะหน้ากระจกด้วยครับ”ผมหันไปมองสกินแคร์ที่พี่วินบอกก็ได้แต่ส่ายหน้า นี่เขาลืมไปรึเปล่าว่าเราไปแค่ไม่กี่วัน เขาเอาทุกอย่างไปหมดราวกับจะย้ายบ้านยังไงอย่างนั้น“แล้วเสื้อคู่ กางเกงคู่ พี่จะเอาไปทุกชุดเลยเหรอ”“ครับ ทุกชุดเลย ของภัทก็ด้วย เราจะได้ใส่เหมือนกันไง”“เอาจริงดิ?”“อื้ม ตามนั้น”พี่วินยักคิ้วยียวน เขายังคงนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง มองหน้าผมเป็นครั้งคราว รอยยิ้มบนใบหน้าเกิดขึ้นแทบตลอดเวลาที่ได้ดูผมจัดกระเป๋าให้เขาและเตรียมข้าวของทุกอย่างที่จำเป็นให้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านอกจากหน้าที่เลขาและคนรักแล้ว ตอนนี้ผมพ่วงหน้าที่แม่บ้านไปอีกตำแหน่งด้วยรึเปล่า แต่ไม่ว่าจะหน้าที่ไหนผมก็เต็มใจครับ เพราะผมรักเขา รักมากที
ผมกับภัทเป็นแฟนกันครับ แจ้งให้ทราบ เผื่อใครยังไม่ทราบ ถ้าทราบแล้วก็อยากให้ทราบอีก“พี่วิน พี่ส่งข้อความอะไรไปในไลน์กลุ่มพนักงานเนี่ย”ผมเอ่ยถามหลังจากที่เห็นข้อความแจ้งเตือนในกลุ่มไลน์พนักงาน และตอนนี้เราสองคนกำลังทานมื้อเที่ยง ก่อนจะกลับไปบริษัท“เปิดตัวไงครับ พี่อยากทำอะไรแบบนี้มาตั้งนานแล้ว”“แบบนี้?”“อื้ม ใช่ พี่อยากประกาศให้โลกรู้ อยากบอกทุกคนว่าภัทเป็นแฟนพี่ ในที่สุดก็ได้ทำตามใจสักที”“ต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ กรุปไลน์บริษัทมีพนักงานตั้งเยอะแยะนะพี่ อีกอย่าง วันก่อนพี่ก็บอกพนักงานทุกคนไปแล้วรอบนึงนี่นา”“แล้ว?”คนตรงหน้ามองผมด้วยสีหน้ายียวนกวนบาทาเป็นอย่างมาก หากไม่ติดว่าผมรักเขามากผมอยากจะเอื้อมมือไปเขกกบาลเขาสักทีเดี๋ยวนี้เลย“ก็ไม่แล้วยังไงหรอก ผมแค่ไม่ชิน แต่ถ้าพี่สบายใจที่จะประกาศเรื่องของเรากับใคร ๆ ก็แล้วแต่พี่ครับ”พูดจบผมก็ก้มหน้ากินข้าวต่อ ส่วนอีกฝ่ายก็นั่งหัวเราะชอบใจ ไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้พี่วินจะมีท่าทีหรือการกระทำอะไรแปลก ๆ ตามมาอีกรึเปล่า เพราะเขาดูมีความสุขซะเหลือเกินที่เราสองคนไม่ต้องปิดบังสถานะอีกต่อไปแล้วและหลังจากที่ผมกับพี่วินกลับมาบริษัท ทุกอย่างก็เป็นไ
พ่อของพี่วินสั่งให้ทุกคนออกไปจากห้องประชุม แม้แต่พี่วินเองก็ตาม แม้ว่าเขาจะพยายามขออยู่ข้าง ๆ ผม แต่พ่อเขาก็ไม่ยอม ดูเหมือนว่าเรื่องที่เขาอยากคุยกับผมจะเป็นเรื่องซีเรียสขนาดหนัก ถึงขั้นไม่ยอมให้ใครอยู่ในห้องเลย สุดท้ายพี่วินเลยต้องจำยอมออกจากห้องไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ตอนนี้เลยมีแค่ผมและผู้ก่อตั้งองค์กรอยู่ในห้องประชุมกว้างขวาง ทั้งห้องเงียบสนิท แม้แต่เสียงของเครื่องปรับอากาศยังไม่มีให้ได้ยิน หัวใจของผมเต้นเร็วและแรงจนแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว เดาไม่ออกเลยว่าเขามีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับผมผมที่เป็นแค่พนักงานธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น“ฉันติดตามการทำงานของเธออยู่ตลอดนะ เป็นพนักงานที่อายุงานน้อยที่สุดในบริษัท แต่กลับทำผลงานได้ดีเยี่ยม อีกทั้งยังได้รับคำชมจากลูกค้าหลายคนเรื่องของการบริการ ที่ฉันรู้เพราะคำชมพวกนั้นส่งตรงมายังเว็บเพจของบริษัทที่ฉันคอยดูอยู่ตลอด”ผมได้แต่ก้มหน้านิ่ง สมองกำลังประมวลว่าเขากำลังเอ่ยชมผมอยู่รึเปล่า ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนสมองเบลอและอ๊องมาก อาจเพราะตื่นเต้นที่เขาเรียกคุยส่วนตัว และผมก็ฟังอะไรแทบไม่รู้เรื่องเลย“ขอบใจเธอมากที่มาช่วยงานวิน แต่มีเรื่องนึงที่ฉันอยากรู้”“ครับท
เวลาผ่านมาจนถึงวันรายงานผลประกอบการ ซึ่งทุก ๆ สามเดือนพี่วินจะต้องไปประชุมที่บริษัทใหญ่กับน้องชายอีกสองคนเพื่อบอกกล่าวผลงานของสาขาแก่ประธานบริษัทแน่นอนว่าสองเดือนที่ผ่านมาผลงานของบริษัทเราไม่ดีเท่าไหร่นัก มาทำผลงานได้ดีในช่วงเดือนที่สาม และเป็นผลงานที่ดีที่สุดหากเทียบกับผลงานทั้งปีผมไม่รู้ว่าผลงานเดือนสุดท้ายของสาขาจะช่วยให้พี่วินไม่โดนดุได้มากน้อยแค่ไหน วันนี้พนักงานทุกคนต่างพร้อมใจกันส่งกำลังใจให้พี่วินอย่างล้นหลาม ส่วนผมเองก็ติดตามพี่วินมายังบริษัทใหญ่ เพื่อคอยเป็นกำลังใจให้เขาอยู่ข้าง ๆ“ภัทไปนั่งเล่นที่ห้องเครื่องดื่มก่อนนะครับ พี่คงใช้เวลาไม่นาน”พี่วินหันมาบอกผมขณะที่เราสองคนมาหยุดอยู่หน้าห้องประชุมขนาดใหญ่“ภัทอยากเข้าไปด้วย ภัทไม่อยากให้พี่ไปเจอสถานการณ์แย่ ๆ คนเดียว อย่างน้อยก็ในฐานะเลขานะครับ”“เอางั้นเหรอ”พี่วินมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ จริงๆ เรื่องนี้เราคุยกันมาก่อนแล้ว และพี่วินก็ไม่อยากให้ผมไปเผชิญหน้ากับพ่อของเขาเท่าไหร่ และทุกครั้งพี่วินก็จะเข้าไปรายงานผลงานทุกสามเดือนเพียงคนเดียว แต่ครั้งนี้ผมอยากไปกับเขาด้วย ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นผมก็อยากไปอยู่
“ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านวันนี้ ผมขอเวลาทุกคนสักสิบนาทีนะครับ มีเรื่องอยากจะแจ้ง”หลังจากกลับเข้ามาในบริษัทผมก็เห็นว่าพี่ ๆ พนักงานหลายคนเคลียร์งานกันเรียบร้อยแล้ว หลังจากพี่ดารายงานเรื่องยอดสินเชื่อที่ทะลุเป้าไปแล้วทุกตัวพี่วินก็ยิ้มหน้าบานในทันทีตอนแรกผมคิดว่าทุกอย่างจบแค่นั้น แต่หลังจากที่ทุกคนยินดีกับเรื่องยอดต่าง ๆ กันจนพอใจ พี่วินก็เอ่ยบางอย่างขึ้นจนทำให้ห้องประชุมทั้งห้องเงียบสนิทลงอีกครั้งแน่นอนว่าผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไร เรื่องนี้เราไม่ได้คุยกันมาก่อน“ก่อนอื่น ผมขอบคุณทุกคนมากที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำยอดให้สาขาจนทะลุเป้า ผมรู้ว่าอาทิตย์ที่ผ่านมาทุกคนทำงานกันหนักมาก ทั้งออกไปทำตลาด หาลูกค้า ทำสื่อโซเชียล ผมอาจจะไม่ได้มาคุยกับพวกคุณบ่อย ๆ แต่ผมก็ตามดูอยู่ตลอด ขอบคุณสำหรับการร่วมมือกันครั้งนี้ครับ แล้วก็ตามสัญญา เรื่องงานมีตติ้ง หลายคนอาจจะทราบแล้วว่าเราจะเปลี่ยนแพลนจากหัวหินเป็นภาคเหนือ ผมอยากให้ทุกคนได้ไปพักผ่อนกันอย่างเต็มที่โดยครั้งนี้ค่าที่พักและค่าเดินทางผมจะจัดการให้เอง”“หู้ยยยย”เสียงฮือฮาดังตามมาทันทีหลังจากพี่ ๆ พนักงานหลายคนได้ยินแบบนั้น ทุกคนต่างพร้อมใจกันปรบมือเกร
“แต่งตัวเหมือนกันไปแบบนี้ มีหวังพนักงานในบริษัทรู้แน่ ๆ ว่าเราเป็นแฟนกัน”ผมมองตัวเองในกระจกโดยที่มีพี่วินยืนอยู่ข้าง ๆ ตอนนี้เราสองคนลองชุดในห้องลองเสื้อผ้าด้วยกัน และชุดที่พี่วินเลือกก็เป็นเสื้อคู่ลายเดียวกันและกางเกงยีนแบบเดียวกัน ไหนจะหมวก แว่นตา และอะไรอีกหลายอย่างที่ตั้งใจซื้อเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเขานึกยังไง ถึงอยากจะแต่งตัวเหมือนกันไปมีตติ้ง“รู้ก็ดีสิครับ พี่เองก็ขี้เกียจปิดแล้วเหมือนกัน”พี่วินสวมกอดผมจากด้านหลัง ขโมยหอมแก้มผมไปอีกหนึ่งที“พี่ก็รู้ดีเรื่องกฎบริษัท นี่กะจะทิ้งทวนแล้วทำอะไรแบบสุดโต่งไปเลยงั้นเหรอ”“อื้ม ใช่ เพราะพี่ไม่อยากปิดบังใครอีกแล้ว”“พี่ไม่คิดจะอยู่ต่อที่นี่จริง ๆ เหรอครับ ภัทอยากให้พี่อยู่นะ พนักงานทุกคนก็รักพี่ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพี่เหมาะจะเป็นบอสที่นี่มากที่สุดแล้ว”“พูดแบบนี้มีแผนเหรอ นี่กำลังโน้มน้าวพี่ให้เปลี่ยนใจใช่ไหม”“ว๊า รู้ทันซะและ นี่ผมกำลังคิดว่าจะให้พวกพี่ ๆ เขาไปประท้วงบริษัทพ่อพี่อยู่นะเนี่ย”“หึ”“ทำไมครับ หัวเราะหึในลำคอนี่มันหมายความว่ายังไง”ผมเอียงหน้าถามคนด้านหลังที่สองมือยังคงโอบเอวผมไว้ไม่ยอมปล่อย“จะงัดกับพ่อพี่รึไง ต