Share

บอสลู่ คุณนายต่างหากถึงเป็นรักแรกแย้มราตีนั้น
บอสลู่ คุณนายต่างหากถึงเป็นรักแรกแย้มราตีนั้น
Author: ต้าวตัวกลม

บทที่ 0001

"คุณนายคะ คืนนี้คุณชายคงจะไม่กลับมาตามเคยนะคะ คุณนายจะเข้านอนก่อนดีไหมคะ?"

เมื่อป้าจางเห็นไฟในห้องนอนยังคงสว่างอยู่ จึงเข้ามาเตือนด้วยความหวังดี

ประกายความผิดหวังแวบเข้ามาในดวงตาของเย่เจียเหอ

และในเวลานั้นเอง ก็มีเสียงของเครื่องยนต์ดังแว่วมาจากลานบ้าน

เย่เจียเหอจึงรีบวิ่งไปที่หน้าต่างและชะโงกมองดู โดยที่ยังไม่ทันได้สวมรองเท้าแตะเสียด้วยซ้ำ

ตามที่คาดเอาไว้ เบนท์ลีย์สีเงินของลู่จิ่งโม่ขับเข้าไปในโรงรถ

เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และมองลงไปยังชุดนอนที่สุดแสนจะเซ็กซี่ของตัวเองด้วยหัวใจที่เต้นระรัวราวกับกลอง

ตลอดระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกันมา เขาก็นอนอยู่ในห้องรับแขกมาโดยตลอด และก็ไม่เคยแตะต้องตัวเธอแต่อย่างใด

เย่เจียเหอรู้ดีว่า การแต่งงานของพวกเขาทั้งสองได้เกิดมาจากคุณปู่ลู่ ซึ่งไม่ใช่ความปรารถนาของลู่จิ่งโม่แต่อย่างใด

แต่สองปีมาแล้วนะ พวกเขาจะต้องเป็นแบบนี้ต่อไปอย่างนั้นเหรอ?

ลู่จิ่งโม่คิดว่าเธอเป็นแค่นักศึกษาที่ยังไม่จบการศึกษา และคิดว่าเธอไม่เข้าใจอะไรเลยใช่ไหม?

หรือเป็นเพราะว่าเขารังเกียจที่เธอไม่ได้เป็นฝ่ายเสนออย่างนั้นใช่ไหม?

เมื่อนึกได้ดังนี้ เย่เจียเหอก็สวมชุดกระโปรงนอนเซ็กซี่ที่ทําจากลูกไม้สีดํา และเดินไปที่ประตูห้องพักอย่างเงียบๆ

เธอรวบรวมความกล้าและเคาะประตู แต่ไม่ได้มีเสียงตอบกลับแต่อย่างใด

เย่เจียเหอผลักประตูเข้าไปอย่างระมัดระวัง และได้ยินเสียงน้ำไหลดังแว่วมาจากห้องน้ำ

เขาน่าจะกำลังอาบน้ำอยู่นะ

ทันใดนั้น เสียงน้ำในห้องน้ำก็ได้หยุดลง ลู่จิ่งโม่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยขาที่เรียวยาว

เขาแค่ผูกผ้าเช็ดตัวเอาไว้ที่เอวเท่านั้น

ร่างกายที่แข็งแกร่งและกำยำของชายหนุ่มเผยออกมาให้เห็นในอากาศ โดยที่มีหยดน้ำไหลลงมาตามกล้ามเนื้อที่บึกบึน ซึ่งเย่เจียเหอถึงกับต้องตกตะลึงเลยทีเดียว

ดังนั้น นี่เป็นที่มาของคำว่า 'ข้างนอกดูเหมือนผอมๆ แต่ข้างในเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ' อย่างนั้นเหรอ?

"เย่เจียเหอ!"

ลู่จิ่งโม่ขมวดคิ้วที่หล่อเหลา แล้วพูดด้วยเสียงที่เย็นชาออกมาว่า "คุณดูพอหรือยัง? อีกอย่า ใครใช้ให้คุณเข้ามาในห้องของผม?"

เย่เจียเหอถอนสายตาอย่างกระอักกระอ่วน แล้วพูดอย่างประหม่าว่า "คุณเป็นสามีของฉัน ห้องของคุณ ไม่ใช่ห้องของฉันอย่างนั้นเหรอ?"

พอพูดจบ แก้มที่ขาวนวลของเธอก็แดงก่ำขึ้นมา ดวงตาใสมองเขาและถามว่า "ฉันใส่แบบนี้ คุณชอบไหม?"

ร่างกายที่บอบบางและอ่อนนุ่มของเด็กสาวได้ปรากฏต่อหน้าเขา ใบหน้าที่ขาวนวลราวกับไข่ปอกเผยให้เห็นสีแดงระเรื่อ ขนตาที่ยาวกระพืออยู่เป็นระยะๆ ดูไร้เดียงสาเอาเสียมากๆ แต่ก็กลับเหมือนกระแสไฟที่ถูกปล่อยออกมา มันมีเสน่ห์เกินห้ามใจเสียจริงๆ

เขาไม่เคยรู้เลยว่า ภรรยาสาวของเขาจะมีด้านนี้อยู่ด้วย

ลู่จิ่งโม่พยายามปกปิดแววตาที่ผิดปกติของตัวเองเอาไว้ แต่ลูกกระเดือกของเขาก็ได้กลิ้งไปมาอย่างไม่รู้ตัว

จากนั้นเขาก็รีบหยิบเสื้อคลุมนอนของตัวเองมาสวมใส่ และโยนเสื้อผ้าของเขาให้เธออีกครั้ง

ลู่จิ่งโม่เอ่ยปากอย่างยับยั้งชั่งใจว่า "คุณกลับไปห้องของตัวเองซะ"

เย่เจียเหอมองเขาอย่างน้อยใจ และรู้สึกดูถูกตัวเองเอาเสียมากๆ

ทันใดนั้น การคาดเดาของเพื่อนสนิทเซี่ยหลิงก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ

เซี่ยหลิงเคยพูดเอาไว้ว่า ในวัยที่กระปรี้กระเปร่าอย่างลู่จิ่งโม่ ประกอบกับที่เขาก็ยังเป็นคุณชายใหญ่ในตระกูลเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองเจียงเฉิงอีก มีทั้งหน้าตาและสถานะการเงินแบบนี้ ผู้หญิงมากมายเท่าไหร่ที่คิดจะปีนป่ายเขา!

เขาคงไม่สามารถอดกินเนื้อได้นานนักหรอก เว้นเสียแต่จะกินจากข้างนอกมาอิ่มแล้ว พอมาถึงบ้านก็ดูสงบแบบนี้ไงล่ะ

ด้วยเหตุผลนี้ เย่เจียเหอก็ได้โพล่งคำถามขึ้นมาว่า "คนมีใครอยู่ข้างนอกหรือเปล่า?"

ดวงตาของลู่จิ่งโม่ฉายประกายออกมาเล็กน้อย โดยที่เขาไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด

เขาพูดออกมาเบาๆ แต่เมื่อเทียบกับปกติแล้ว มันเป็นคำที่โหดร้ายที่สุด "เจียเหอ ในวันที่เราแต่งงานกัน ผมก็เคยพูดเอาไว้แล้ว สิ่งที่ผมให้กับคุณได้มีเพียงสถานะของคุณนายตระกูลลู่เท่านั้น ส่วนอย่างอื่น คุณไม่ควรที่จะคิด"

เมื่อใดก็ตามที่เขาพูดคําเหล่านี้ออกมา อาการอ่อนแรงและผิดหวังก็ได้วนเวียนอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ และมันก็จะกวาดเส้นประสาทของเย่เจียเหอไปทั่วทุกเส้น

บางทีในมุมมองของเขา เธอเป็นเพียงแค่เด็กสาวในตระกูลเล็กๆ แต่กลับคิดที่จะปีนป่ายตระกูลลู่ก็เป็นไปได้

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีใครยอมแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่รู้จักกันมาก่อนหรอกนะ

แต่เขาไม่รู้เลยว่า จริงๆ แล้วเมื่อหลายปีก่อน เขาเป็นเหมือนแสงที่ทําให้โลกของเธออบอุ่นขึ้นมาเลยทีเดียว

ในขณะที่เธอสูญเสียสติ ลู่จิ่งโม่ก็ได้เปิดประตูให้เธอแล้ว

"กลับไปนอนเถอะ ต่อไปก็อย่าใส่อะไรแบบนี้อีก ชุดพวกนี้ มันไม่เหมาะกับคุณหรอก"

คำสั่งของเขามีความหมายที่ชัดเจนมาก

เย่เจียเหอเดินออกมาจากห้องของเขาอย่างหดหู่ ใบหน้าแดงก่ำจนแทบจะหยดเป็นเลือดได้แล้ว

พอกลับถึงห้องนอน สายจากคุณพ่อเย่เฉาหมิงก็ได้ดังขึ้นมาพอดี

"พ่อคะ ขอโทษด้วยนะคะ พรุ่งนี้เขาคงจะไม่ไปงานเลี้ยงแซยิดของคุณย่าแล้วนะคะ"

เย่เจียเหอรู้ดีว่า เธอไม่สามารถพูดโน้มน้าวลู่จิ่งโม่ได้

เย่เฉาหมิงถอนหายใจอย่างหนักและพูดว่า "พวกลูกแต่งงานกันตั้งสองปีแล้ว ประตูบ้านของตระกูลเย่เรา เขาก็ยังไม่เคยเหยียบเข้ามาสักครั้งเลยนะ ตอนนั้นพ่อเคยพูดเอาไว้ว่า พวกเราไม่คู่ควรกับตระกูลลู่ หากไม่ใช่เพราะแม่ของลูกยืนกราน อยากจะ..."

"พ่อคะ"

เย่เจียเหอไม่ชอบให้ใครมาพูดว่าแม่ของเธอได้ เธอจึงขัดจังหวะว่า "หนูแต่งงานกับเขาเพราะความสมัครใจนะคะ"

……

วันรุ่งขึ้น

เย่เจียเหอจึงต้องกลับบ้านไปเพียงลำพังเพื่อร่วมในงานเลี้ยงแซยิดของคุณย่า

แม้ว่าเย่เจียเหอจะรู้ว่าเขาไม่ได้รับความโปรดปรานต่อหน้าคุณหญิงเย่

แต่เนื่องจากมีแขกเหรื่ออยู่ด้วย เธอก็ยังต้องยกแก้วดื่มเพื่อแสดงความเคารพต่อคุณหญิงเย่

ส่วนแม่เลี้ยงหลัวเจวียนก็พูดอย่างกระแนะกระแหนออกมาว่า "อุ๊ย เจียเหอ ทำไมไม่พาลูกเขยเศรษฐีมาด้วยล่ะ? เธอแต่งงานมาก็สองปีแล้วนะ แม้กระทั่งใบหน้าของลูกเขยเราก็ยังไม่เคยเห็นเลย"

โดยที่คุณหญิงเย่ถือแก้วไวน์อยู่ และเข้ามาพูดสมทบอย่างเสแสร้งว่า "นี่คงรังเกียจเราที่ยากจนใช่ไหมล่ะ! วันที่สำคัญขนาดนี้ยังไม่มาเลย ดูแล้วหลานเขยคนนี้คงไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาเลยจริงๆ"

และน้องสาวเย่เป่าจูก็ถือโอกาสหัวเราะเยาะออกมาว่า"พี่คะ ลู่จิ่งโม่ไม่ได้เห็นคุณย่าอยู่ในสายตาซะที่ไหนกันล่ะ ฉันว่า เป็นเพราะเขาไม่เห็นพี่อยู่ในสายตาเสียมากกว่านะ!"

เสียงเยาะเย้ยของหลายคนส่งเสียงหึ่ง ๆ เหมือนแมลงวันในหู

เย่เจียเหอรู้สึกกลัดกลุ้มในใจ และดื่มไวน์ที่อยู่ในมือจนหมดแก้วในรวดเดียว

เพียงแต่ว่า ฤทธิ์แอลกอฮอล์ของไวน์นี้ช่างแรงจริงๆ!

มันแรงจนเมื่อเย่เจียเหอดื่มเข้าไปแล้ว เธอก็หมดสติ

และต่อมา ก็เป็นลมล้มพับไปทันที

ในรถ หลัวเจวียนและเย่เป่าจูนั่งประกอบข้างเธอเอาไว้

"แม่คะ ขอแค่เราสามารถส่งเย่เจียเหอไปที่เตียงของผู้กํากับจ้าวได้ หนูก็จะได้เป็นนักแสดงหญิงรองของละครเรื่องใหม่ของเขาทันที เรื่องนี้ก็จะสำเร็จแล้วนะคะ!"

เย่เป่าจูกระตือรือร้นและดวงตาของเธอก็ฉายประกายออกมา

หลัวเจวียนพูดราวกับว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด "เรื่องนี้อย่าให้พ่อของลูกรู้ได้เป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นแล้ว ต่อไปเขาก็จะให้ความรักต่อเย่เจียเหอเด็กบ้าคนนี้มากขึ้น และพวกเราจะไม่ถูกเขาจัดการหรอกเหรอ?"

"รู้แล้วค่ะ รู้แล้ว"

เย่เป่าจูพูดขึ้นว่า "หนูยืนยันห้องกับผู้กํากับจ้าวแล้ว ห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทที่ชั้นบนสุดของสโมสรอวิ๋นตวน"

หลัวเจวียนยิ้มอย่างมืดมน "เย่เจียเหอเธอมีสิทธิ์อะไร ทำไมเธอถึงได้แต่งงานกับตระกูลลู่ด้วย? ก็เพียงแต่ว่าในตอนนั้นแม่ของเธอคนนั้นได้ทำการผ่าตัดคุณปู่ลู่ได้สำเร็จ ก่อนตายก็ยังพยายามฝากลูกสาวให้กับใครเขาอีก หากจะพูดจริงๆแล้ว ก็คงเป็นเพราะเพื่อปีนป่ายตระกูลเศรษฐีใช่ไหมล่ะ? ช่างไร้ยางอายเสียจริงๆ!"

เย่เป่าจูรีบพูดเสริมขึ้นทันทีว่า "จริงด้วยค่ะ! จะแต่งก็ต้องเป็นหนูแต่งมากกว่า หนูมีอะไรที่เทียบกับเธอไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?"

หลัวเจวียนกัดฟันแล้วพูดว่า "คืนนี้พวกเราจะทําให้เธอเสื่อมเสียชื่อเสียงให้ได้!"

……

ส่วนยานอนหลับที่สองแม่ลูกได้ใส่ในไวน์นั้นไม่ได้มากเท่าไหร่

เมื่อเย่เจียเหอรู้สึกถึงการหายใจที่หนักหน่วงและอุณหภูมิที่ร้อนระอุตัวของผู้ชาย เธอก็ตื่นขึ้นมาทันที

"วูว... ปล่อยฉันนะ!"

ภายในห้องไม่ได้เปิดไฟ เธอจึงมองไม่เห็นใบหน้าของผู้ชายแต่อย่างใด และได้แต่พยายามผลักเขาออกไปเท่านั้น

เพราะเธอรู้ว่าผลที่ตามมาของการเป็นแบบนี้จะไม่มีวันหวนกลับได้เลย

แต่น่าเสียดายที่ว่า ชายหนุ่มกลับจับมือของเธอเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย

ริมฝีปากบางๆ ที่อบอุ่นได้พ่นตรงใบหูของเธอ แล้วพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำและแหบแห้งว่า "เด็กดี เชื่อฟังนะ ... "

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status