Share

บทที่ 0003

เย่เจียเหอมองไปที่เขาอย่างประหม่า แล้วพูดอย่างสะอึกสะอื้นขึ้นมาว่า "คุณฟังฉันอธิบาย เมื่อวานฉัน..."

"พอได้แล้ว"

ลู่จิ่งโม่พูดตัดบทเธอ และสายตาก็ตกไปที่รอยแดงบนลำคอของเธอ

เห็นได้ชัดว่า รอยแบบนี้จะทิ้งเอาไว้หลังจากที่ทำเรื่องแบบนั้นแล้ว

น้ำเสียงของเขาเย็นชาและโหดเหี้ยม "สองปีมานี้ให้คุณเดียวดายเพียงลำพัง ผมก็มีส่วนผิดอยู่ด้วย คุณทำเรื่องแบบนี้ลงไป ผมก็ไม่โทษคุณ แต่เจียเหอ ตระกูลลู่ไม่สามารถยอมรับผู้หญิงที่ไม่สะอาดแบบนี้มาเป็นแม่ใหญ่ของบ้านได้"

สมองของเย่เจียเหอสับสนไปหมดแล้ว และคำอธิบายทั้งหมดในเวลานี้ มันก็ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง

ใช่สิ เรื่องแบบนี้พูดไปใครจะเชื่อล่ะ?

ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เธอจะพิสูจน์เรื่องนี้ได้จริงๆว่าเธอถูกสองแม่ลูกเย่เป่าจูนั่นใส่ร้าย แต่เธอก็ไม่สะอาดอีกต่อไปแล้ว

เย่เจียเหอกระตุกมุมปากอย่างขมขื่น จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า "ดังนั้น ความหมายของคุณก็คือ หย่า?"

ลู่จิ่งโม่พยักหน้าอย่างสงบ "ทางด้านของคุณปู่ หวังว่าคุณจะพูดอย่างชัดเจนว่า เป็นคุณเองที่จะขอหย่า ผมจะไว้หน้าคุณเป็นครั้งสุดท้าย อย่าให้คนแก่ท่านรู้ว่า คุณออกไปแอบกินของคาวมา"

เย่เจียเหอรู้สึกเพียงว่าในเวลานี้ ขอบตาทั้งปวดทั้งเจ็บ เธอพยายามอดทนเอาไว้อย่างสุดชีวิต เพื่อไม่ให้น้ำตาได้ไหลออกมา

เวลาผ่านไปนาน เธอจึงสูดหายใจลึกๆ แล้วพูดว่า "แล้วคุณ... สามารถตอบคำถามของฉันสักหน่อยจะได้ไหม?"

"คุณว่ามาสิ"

ดวงตาของผู้ชายนั้นลึกราวกับทะเล ทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นความรู้สึกของเขาได้อย่างชัดเจน

เย่เจียเหอมองเขา และถามด้วยเสียงสั่นๆว่า "คุณมีใครอยู่ข้างนอกแล้วหรือเปล่า? แต่งงานกันมาสองปี สิ่งที่ฉันมีต่อคุณ คุณไม่ชอบบ้างเลยเหรอ? หากไม่มีเธอ คุณจะชอบฉันหรือเปล่า?"

ลู่จิ่งโม่ดึงสายตากลับมาเล็กน้อย แล้วพูดอย่างราบเรียบว่า "ขอโทษด้วยนะ ในวันแต่งงานผมเคยบอกกับคุณแล้ว สิ่งที่ผมให้ได้ มีเพียงตำแหน่งของคุณนายลู่เท่านั้น"

เขาไม่ได้ตอบคําถามของเธอโดยตรง

แต่เย่เจียเหอเป็นผู้หญิง สัญชาตญาณของเธอบอกว่า ลู่จิ่งโม่มีใครคนนั้นอยู่ในใจตั้งนานแล้ว

"สองวันนี้ผมจะให้ทนายร่างสัญญาการหย่าร้างออกมา คุณเซ็นชื่อ แล้วค่อยไปอธิบายกับคุณปู่ก็แล้วกัน"

ลู่จิ่งโม่พูดถึงการหย่าร้างด้วยท่าทางที่สบายๆ ราวกับกําลังพูดว่า คืนนี้พวกเขาจะกินอะไรกัน?

พอพูดคำเหล่านี้จบแล้ว เขาก็ออกจากห้องนอนไปอย่างไม่อาลัยอาวรณ์แต่อย่างใด

เย่เจียเหอเพียงรู้สึกว่า บรรยากาศรอบตัวเย็นยะเยือกไปหมด

ทั้งๆที่เป็นหน้าร้อนที่อบอ้าว แต่ทำไมเธอกลับรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้ตกไปในลำธารน้ำแข็งลึก?

สิ่งที่ทําให้เจียเหอสิ้นหวัง ไม่ใช่การที่ลู่จิ่งโม่เสนอการหย่าร้างออกมา แต่กลับเป็นเพราะเขานอกใจ แต่ยังสงบได้ขนาดนี้นั่นเอง

เธอรู้ดีว่า ความสงบของเขาไม่ได้เกิดจากความสง่างามหรือการศึกษาของเขา และมันเป็นเพราะว่า เขาไม่ได้รักเธอเลยเสียมากกว่า

ตอนนี้สมองของเย่เจียเหอสับสนไปหมดแล้ว และเธอก็รู้ดีว่าชีวิตการแต่งงานของพวกเธอ ไม่ช้าก็เร็วก็คงเดินทางมาถึงจุดนี้จนได้

แต่เมื่อวันนั้นมาถึงแล้วจริงๆ เธอถึงได้พบว่า ตัวเธอนั้นหมดเรี่ยวแรงที่จะยอมรับ และไม่อยากจะปล่อยมือไปเลย

เธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และโทรหาเพื่อนสายคนสนิททันที

"เซี่ยหลิง เลิกงานหรือยัง? ฉัน..."

เย่เจียเหอรู้สึกจุกอยู่ในอกและเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ จนไม่สามารถพูดออกมาได้

เซี่ยหลิงมองท่าทีที่ไม่ปกติของเธอออก แต่ก็พูดอย่างลำบากใจขึ้นมาว่า "เจียเหอ คืนนี้ฉันยังมีสัมภาษณ์อยู่ น่าจะอีกสักพักเลยล่ะ แบบนี้เอาไหม ฉันส่งโลเคชันไปให้เธอ หลังจากฉันสัมภาษณ์เสร็จแล้ว เราค่อยคุยกัน โอเคไหม?"

"อืม"

หลังจากเย่เจียเหอตอบรับแล้ว เธอก็รีบออกเดินทางทันที

เธอมุ่งหน้าไปตามโลเคชันที่เซี่ยหลิงให้มา และจอดรถไว้ชั้นล่างของสตูดิโอเต้นรําแห่งหนึ่ง

ได้ยินมาว่าการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ คือการเปิดสตูดิโอแห่งใหม่ บอสอยากจะโฆษณาตัวเอง จึงจัดให้นักข่าวจากช่องเมืองไห่เฉิงมาทำการสัมภาษณ์อีกด้วย

เซี่ยหลิงได้ยินว่าเย่เจียเหอมาถึงแล้ว จึงวิ่งลงไปชั้นล่างและขึ้นรถของเธอ

"บอสสตูดิโอก็ไม่น่าเชื่อถือเลย เดิมทีพิธีตัดริบบิ้นจะมีในตอนเช้า ปิดงานก็เป็นตอนเช้า ตอนแรกฉันสามารถเลิกงานได้ตั้งนานแล้ว แต่เพราะเธอเปลี่ยนเวลา เลยทำให้ฉันต้องทำโอทีเพื่อรอสัมภาษณ์แบบนี้ เธอว่ามีอย่างที่ไหนที่เปิดงานตอนกลางคืนแบบนี้?"

หลังจากได้เห็นเธอ เซี่ยหลิงก็เริ่มพร่ำบ่นขึ้นมาทันที

เย่เจียเหอทําได้แค่ปลอบใจเธอ "ที่นี่คืออาคารไห่เฉิง ทุกตารางนิ้วเป็นเงินเป็นทองทั้งหมด คนรวยก็เอาแต่ใจแบบนี้แหละ"

ขณะที่ทั้งสองกําลังพูดคุยกันอยู่นั้น เซี่ยหลิงก็ได้รับสายโทรศัพท์จากเพื่อนร่วมงานให้เธอขึ้นไป

"เธอไปเถอะ ฉันจะรอเธออยู่ที่นี่นะ"

เย่เจียเหอไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจริงๆ จึงให้เซี่ยหลิงขึ้นไปเพียงลำพัง

เมื่อเซี่ยหลิงได้เดินออกไปแล้ว สายตาของเธอก็ตกลงไปยังถนนที่อยู่ไม่ไกลออกไป

แทบจะทันที นัยน์ตาของเย่เจียเหอก็หดตัวลงอย่างรุนแรง

เนื่องจากความบังเอิญของเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา

เธอก็ได้มองเห็นลู่จิ่งโม่สามีของเธอได้ลงจากรถเบนท์ลีย์สีดําคันหนึ่งลงมา

ในมือของเขาถือช่อดอกกุหลาบสีแดงเอาไว้

มันมีสีแดงสด ราวกับเลือดที่สะดุดตา

มือของเย่เจียเหอที่จับพวงมาลัยเอาไว้นั้นสั่นสะท้าน

ชายคนนี้เพิ่งขอหย่ากับเธอในตอนเที่ยง

สิ่งที่เขาถืออยู่ในมือคือกุหลาบที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน

ลู่จิ่งโม่เดินเข้าไปในอาคารไห่เฉิง

จากนั้นเย่เจียเหอก็ลงจากรถ และเดินตามอยู่ห่างๆ

หน้าประตูสตูดิโอเต้นรําแห่งนั้น สว่างไสว และเต็มไปด้วยความน่ายินดี

เซี่ยหลิงกําลังสัมภาษณ์เจ้าของสตูดิโอซึ่งเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและหน้าตาสะสวย

ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน และพูดจาฉะฉาน

กระทั่งในมือของเธอก็ยังถือดอกกุหลาบที่ลู่จิ่งโม่เพิ่งจะมอบให้

เย่เจียเหอแค่รู้สึกหึ่งๆ อยู่ในหู

สายตาของเธอตกลงไปที่ลู่จิ่งโม่

น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เห็นเธอ

เพราะว่า จุดสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้นเพียงเท่านั้น

แม้แต่รอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากของเขาก็เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

เย่เจียเหอกําหมัดเอาไว้แน่น ถึงสามารถบังคับให้ตัวเองไม่กระโจนเข้าไปถามพวกเขาได้

……

หลังจากพิธีเปิด วังโหรวและลู่จิ่งโม่ก็เดินไปที่ห้องรับรองตามลําพัง

"จิ่งโม่ คุณพูดเรื่องการหย่ากับภรรยาของคุณแล้วจริงๆเหรอ?" วังโหรวเอนหลังพิงอ้อมแขนเขา แล้วพูดอย่างน้อยใจว่า "คุณปู่ของคุณจะไม่ตำหนิเอาได้เหรอ? ฉันกลัวว่าคุณจะถูกคุณปู่ตำหนิเพราะว่าฉันนะ"

ลู่จิ่งโม่ปลอบโยนด้วยเสียงนุ่มนวลว่า "คุณเป็นผู้หญิงที่ผมหวงแหนมากที่สุด หากไม่สามารถให้สถานะกับคุณได้ ผมยอมที่จะไม่แตะต้องคุณเสียกว่า หลายปีที่ผ่านมา ให้คุณต้องติดตามผมอย่างลับๆแบบนี้ ผมรู้สึกผิดมาโดยตลอด ในเมื่อคืนที่ผ่านมา ผมได้ครั้งแรกของคุณแล้ว ผมจะไม่รับผิดชอบไม่ได้"

มีการคิดคำนวณแวบเข้ามาในแววตาของวังโหรว แต่มันก็กลายเป็นความสงสารทันทีในเวลาต่อมา

"การได้เป็นผู้หญิงของคุณ ฉันโชคดีมากค่ะ ฉันไม่เคยเสียใจมาก่อนเลย"

วังโหรวกุมหัวใจเอาไว้ แล้วพูดอย่างลึกซึ้งว่า "โชคดีที่เมื่อคืนผู้ช่วยของคุณบอกกับฉันว่า คุณถูกใครวางยาเสียแล้ว ไม่อย่างนั้น หากมีเป็นผู้หญิงคนอื่นที่เข้ามาในห้องนั้นจริงๆ ฉัน... ทนไม่ไหวจริงๆ จิ่งโม่ ฉันไม่อยากแบ่งปันคุณกับคนอื่นหรอกนะ"

ขณะที่ทั้งสองกำลังหวานแหววกันอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของลู่จิ่งโม่ก็ดังขึ้นเหมือนเสียงเร่ง

เย่เจียเหอ?

ความประหลาดใจแวบเข้ามาในดวงตาของเขา

ผู้หญิงคนนี้ คิดจะโทรหาเขาเพื่ออะไร?

"ฮัลโหล มีอะไร?"

น้ำเสียงของเขาเย็นลงเล็กน้อย

และเสียงของเย่เจียเหอก็ดังมาจากตรงนั้น "ลู่จิ่งโม่ เรื่องการหย่าร้าง ฉันเปลี่ยนแผนแล้วล่ะ"

ลู่จิ่งโม่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามโดยไม่รู้ตัวว่า "คุณหมายความว่าอะไร?"

"คุณกลับบ้านก่อน ฉันคิดว่าเราต้องคุยกัน"

พอพูดจบ เย่เจียเหอก็วางสายไปทันที

สีหน้าของวังโหรวก็เปลี่ยนไปแล้วใช่กัน เธอได้ยินอย่างคลุมเครือว่า คุณนายลู่ไม่อย่าจะหย่าแล้ว

"โหรวเอ๋อร์ ผมต้องกลับไปอีกรอบนะ"

ลู่จิ่งโม่ได้พูดตามความจริงว่า "การหย่าร้างอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง"

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status