เมื่อลู่จิ่งโม่กลับถึงบ้าน มันก็เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้วภายในวิลล่าเงียบสงบอย่างน่าประหลาด ในห้องรับแขกก็เปิดไฟกลางคืนไว้แค่เพียงดวงเดียวเย่เจียเหอนั่งอยู่บนโซฟา ดูเหมือนจะรอเขาอยู่ลู่จิ่งโม่ถอดเสื้อโค้ตออก คลายเนกไท และพูดด้วยน้ำเสียงที่หมดความอดทนเล็กน้อย"หย่ากัน เราตกลงกันตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้วไม่ใช่เหรอ? ปัญหาเรื่องทรัพย์สิน ผมไม่ให้คุณขาดทุนแน่นอน เรื่องนี้ คุณวางใจได้"เขาคิดว่า เธออยากจะแบ่งทรัพย์สินให้มากหน่อยก็เท่านั้นเองเย่เจียเหอพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า "ลู่จิ่งโม่ เพราะผู้หญิงคนนั้น คุณถึงจะหย่าร้างกับฉันไม่ใช่เหรอ?"สีหน้าของลู่จิ่งโม่เปลี่ยนไปเล็กน้อย และในไม่ช้าก็กลับมาสงบอีกครั้งเขาไม่อยากจะปิดบังเธออีกต่อไป และก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังอีกต่อไปด้วย"ใช่ ผมต้องรับผิดชอบต่อเธอ นี่เป็นสิ่งที่ผมติดค้างเธอเอาไว้"ลู่จิ่งโม่ยอมรับอย่างใจเย็นเย่เจียเหอหัวเราะเยาะตัวเอง "วันนี้ฉันเพิ่งจะพบว่า คุณเป็นคนหน้าซื่อใจคดได้ขนาดนั้น ตอนเที่ยงคุณยังทำตัวว่าเป็นเหยื่อ ทำให้ฉันรู้สึกผิด และบีบบังคับฉันให้หย่าอยู่เลย น่ากลัวว่าตอนนั้นคุณคงจะแอบดีใจอยู่ใช่ไหมล่ะ? ในที่สุ
ใครเป็นคนอนุญาตให้เธอเรียกแบบนี้ด้วย?ขณะที่เขาคิดที่จะตำหนิเธอ แต่เย่เจียเหอก็ได้วางสายไปเสียแล้วเมื่อมองเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของวังโหรว ในที่สุดเย่เจียเหอก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน"คุณวังคะ คุณเห็นแล้วหรือยัง?" เธอแกว่งโทรศัพท์มือถือต่อให้วังโหรว "สามีของฉันจะมารับฉันแล้วนะคะ ไม่ว่าคุณจะมาก่อน หรือฉันจะมาทีหลัง คนที่สามีของฉันจะพากลับไปที่วิลล่าเก่าได้นั้น ก็มีเพียงแค่เย่เจียเหอแบบฉันเท่านั้น!"เธอยืนขึ้น และหยิบธนบัตรหนึ่งร้อยจำนวนสองใบวางไว้บนโต๊ะ"คุณวังค่อยๆดื่มนะคะ ฉันคิดเงินแล้ว"พูดจบ เย่เจียเหอก็เดินออกจากร้านกาแฟแห่งนั้นไปหัวใจที่อึดอัดมาหลายวันแบบนั้น ในที่สุดก็ได้ถูกปลดปล่อยออกมาตั้งแต่วินาทีนี้แล้ว……ในไม่ช้า รถของลู่จิ่งโม่ก็มารับเธอที่ประตูมหาวิทยาลัยไห่เฉิงเพราะท้ายที่สุด คุณปู่ลู่ก็เป็นคนที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็กๆ เขาคงเคารพคุณปู่ลู่เป็นอย่างมากและก็เพราะเหตุนี้ เขาถึงมารับเย่เจียเหอให้กลับไปพร้อมกัน เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่พอใจของคุณปู่ลู่เมื่อเห็นเธอขึ้นรถ ลู่จิ่งโม่ก็พูดอย่างเย็นชาว่า "เย่เจียเหอ ต่อไป อย่าเรียกผมแบบนี้อีก"
เย่เจียเหอสามารถเข้าใจความหมายของเขาได้ และถอยไปที่มุมเตียงอย่างไม่รู้ตัววินาทีต่อมา ชายหนุ่มก็จับน่องของเธอเอาไว้อย่างง่ายดาย และลากตัวเข้าไปทันทีน้ำหนักของเขาทับไปบนตัวของเธอ และมันก็มากพอที่จะทําให้เธอขยับตัวไม่ได้เย่เจียเหอได้แต่เอื้อมมือผลักไหล่เขาออกไป แล้วถามอย่างประหม่าว่า "ลู่จิ่งโม่ คุณคิดจะทำอะไรน่ะ?""แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ? ผู้ชายกับผู้หญิง ยังจะทำอะไรได้อีก?"ลมหายใจที่หนาวเย็นของชายหนุ่มปะทะเข้ามา และจูบที่โหดร้ายก็ได้ถาโถมเข้ามาที่ลำคอของเย่เจียเหอ"อย่า!"เย่เจียเหอตกใจ และพยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ "ลู่จิ่งโม่ อย่าทำแบบนี้ อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ!"ซึ่งมันทำให้เธอนึกถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นขึ้นมา ซึ่งผู้ชายคนนั้นก็ทำหยาบคายแบบนี้กับเธอเช่นกันเย่เจียเหอไม่อยากหวนคิดอีกต่อไป หากลู่จิ่งโม่ขืนยังทำแบบนี้ต่อไป เธอก็คงจะพังทลายอย่างแน่นอนหญิงสาวที่อยู่ใต้ตัวของเขาร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา ไม่ว่าลู่จิ่งโม่จะมีจิตใจที่โหดเหี้ยมแค่ไหน ในเวลานี้เขาก็คงลงโทษเธอด้วยวิธีนี้ไม่ได้จริงๆเพราะท้ายที่สุดแล้ว หากเรื่องแบบนี้ทำไปโดยไม่มีความรักอยู่ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด
ดูเหมือนว่ามุมปากของเขาจะมีรอยยิ้มที่คลุมเครือแฝงอยู่ พร้อมกับเดินเข้ามาหาเธอจากนั้น เขาก็ย่อตัวลง ก้มไปหยิบทิชชูเปียกที่มีแอลกอฮอล์อยู่ขึ้นมา และช่วยเธอเช็ดคราบสกปรกที่หัวเข่าเย่เจียเหอถึงมีสติกลับมาได้เมื่อครู่ที่ผ่านมาเธอได้คุกเข่าอยู่ที่พื้นเป็นเวลาสิบนาทีเต็มๆ เพราะเธอจดจ่อเกินไป จึงไม่ได้สังเกตรายละเอียดเหล่านี้เลยแม้แต่น้อยและในตอนนี้เธอถึงได้พบว่า หัวเข่าของเธอไม่เพียงแต่สกปรกเท่านั้น แต่ยังถลอกอีกด้วย"เจ็บ..."เธอพึมพําเบาๆ ว่า "คุณเบาหน่อยสิ"ลู่จิ่งโม่พูดอย่างอ่อนโยนว่า "อดทนหน่อย"เมื่อมองไปยังศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยผมดกดำของเขานั้น อารมณ์แปลกๆ ก็เกิดขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจของเย่เจียเหอเธอรู้สึกเจ็บเข่ามากจริงๆ แต่ในใจกลับมีความอบอุ่นเกิดขึ้นมาเมื่อช่วยเธอเช็ดคราบสกปรกนั้นจนสะอาด ลู่จิ่งโม่ก็ได้ลุกขึ้นมา "คุณบาดเจ็บที่เขา ไปทำแผลที่โรงพยาบาลสักหน่อยไหม?"เย่เจียเหอยิ้มๆ และพูดว่า "ไม่ต้องหรอก แค่แผลเล็กๆแค่นี้ แปะพลาสเตอร์ก็พอแล้ว ไปกันเถอะ รีบกลับบ้านเถอะ คุณปู่กําลังรอเรากินข้าวอยู่นะ!"พูดจบ เธอก็ก้าวเท้าไปยังทิศทางที่รถได้จอดอยู่ทันทีลู่จิ่งโม่เดินตามหลั
เธอลุกขึ้น และเดินไปที่ห้องทำงานของที่ปรึกษาทันที"เย่เจียเหอ เมื่อวานตอนเย็นที่หน้ามหาลัยเธอได้ช่วยคุณยายคนหนึ่งเอาไว้ ใช่ไหม?"อาจารย์ที่ปรึกษาถามเธออย่างจริงจังเย่เจียเหอตกตะลึงแม้ว่าเธอจะช่วยคนโดยไม่หวังคำชื่นชม แต่อาจารย์ที่ปรึกษาก็ไม่น่าจะมีท่าทีแบบนี้ใช่ไหม?เธอพยักหน้า "ฉันเป็นคนช่วยเองค่ะ"อาจารย์ที่ปรึกษาพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิว่า "ตอนนี้ คุณยายท่านนั้นได้เสียชีวิตแล้วนะ ญาติคนไข้ยังสงสัยว่าเธอที่ช่วยเหลือใช้ยาที่ไม่เหมาะสม ถึงได้พลาดโอกาสในการช่วยชีวิตไปด้วย อีกอย่าง เธอก็เป็นแค่นักศึกษา แม้แต่ใบอนุญาตของแพทย์ก็ยังไม่มีเลย"เย่เจียเหอตกใจและพูดว่า "คุณยายท่านั้นไปถึงโรงพยาบาลแล้วยังช่วยเอาไว้ไม่ได้หรือคะ? แต่ว่าอาจารย์คะ ตอนที่ฉันช่วยนั้นเธอฟื้นขึ้นมาแล้วนะคะ หากไม่ช่วย เธอก็คงจะเสียไปแล้วนะคะ""ตอนนี้เธอมาบอกเรื่องนี้กับฉันจะมีประโยชน์อะไร?" อาจารย์ที่ปรึกษาพูดอย่างไม่พอใจว่า "ผมย้ำนักย้ำหนากับพวกเธอว่า ตอนนี้พวกเธอยังอยู่ในช่วงของการศึกษาเท่านั้น อย่าใจกล้าเกินไป ตอนนี้เป็นไงล่ะ ไม่เพียงแค่ญาติคนตายจะฟ้องเธอเท่านั้น แต่ยังฟ้องมหาลัยเราอีกด้วยนะ! เธอรู้หรือเปล่า เธอไ
น้ำตาของเย่เจียเหอคลออยู่ที่เบ้า โดยที่เธอพยายามไม่ให้มันไหลออกมา "คุณให้ฉันอาบน้ำให้สะอาดก่อนนะ เรื่องนี้ คำสองคำมันไม่ชัดเจนหรอก""เดี๋ยวก่อน ผมมีอะไรจะถามคุณ"ลู่จิ่งโม่ล็อกข้อมือของเธอเอาไว้ โดยที่แรงบีบนั้นมันทำให้เย่เจียเหอถึงกับต้องขมวดคิ้วขึ้นมา"เมื่อคืนวาน คนที่คุณช่วยเอาไว้นั้นคือยายของวังโหรว ตอนที่คุณยายถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลนั่น ท่านก็ได้จากไปแล้ว เย่เจียเหอ เพราะคุณรู้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณยายและวังโหรวมาก่อนหรือเปล่า?"แววตาของลู่จิ่งโม่เย็นเฉียบ และมันก็เต็มไปด้วยความสงสัยและการตรวจสอบที่เข้มข้นเย่เจียเหอสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เบิกตากว้าง และมองมาที่เขาอย่างไม่น่าเชื่อคุณยายคนนั้น เป็นยายของวังโหรวจริงๆหรือนี่?งั้นคำพูดของลู่จิ่งโม่ก็หมายความว่า เขากำลังสงสัยในตัวเธออยู่ โดยที่กำลังคิดว่าเธอใช้การช่วยชีวิตคนมาเป็นข้ออ้างในการแก้แค้นวังโหรวจนทำให้คุณนายของวังโหรวต้องตายแบบนั้นใช่หรือเปล่าและในขณะนี้ เย่เจียเหอก็เหมือนตกไปในถ้ำน้ำแข็งที่หนาวเย็น โดยที่มันสิ้นหวังเอาเสียมากๆโดยที่ความเจ็บปวดแบบนี้ มันทรมานกว่าการถูกทุกคนเข้าใจผิดและตําหนิเป็นร้อยเท่าเธอหัว
ในที่สุด รถก็ได้ขับมาถึงห้องโถงไว้อาลัยรูปถ่ายคุณยายของวังโหรวถูกจัดตั้งเอาไว้ตรงกลางภายในห้องโถงไว้อาลัยมีผู้คนไม่น้อยเลย รวมถึงหญิงวัยกลางคนที่ทุบตีเย่เจียเหอในตอนเช้าด้วยพวกเขาร้องห่มร้องไห้ราวจะขาดใจตายคนเหล่านี้แต่งตัวเลอะเทอะโสมมและกิริยามารยาทดูป่าเถื่อนเอาเสียมากๆ ซึ่งต่างจากวังโหรวราวกับคนละโลกข้างเตาอั้งโล่ วังโหรวสวมชุดขาว คุกเข่าเผากระดาษอยู่ข้างๆเธอหลั่งน้ำตาอย่างเงียบๆ ดูแล้วน่าสงสารอย่างจับใจเย่เจียเหอมองทั้งหมดนี้อย่างเย็นชา แม้ว่าคุณยายของวังโหรวจะเสียชีวิตไปแล้ว เธอก็ไม่สามารถแสดงความเห็นอกเห็นใจได้แม้แต่น้อยลู่จิ่งโม่ส่งสัญญาณให้เธอเดินตามหลังมาเขาเดินเข้าไปในห้องโถงไว้อาลัยในทันที จากนั้นก็เดินเข้าไปหาวังโหรวและประคองเธอขึ้นมา"โหรวเอ๋อร์ ผมพาเจียเหอมาแล้วนะ"น้ำเสียงของลู่จิ่งโม่อ่อนโยนและดูหวงแหนเอาเสียมากๆ "หวังว่าคุณจะยอมรับคําขอโทษของเธอนะ"วังโหรวแอบชำเลืองไปที่เย่เจียเหอ จากนั้นก็เงยหน้าที่ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมา และพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า "จิ่งโม่ ฉันไม่เคยคิดที่จะแย่งของของใครมาก่อน แต่ทำไมภรรยาของคุณถึงได้เจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้ด้วย?
เย่เจียเหอหัวเราะอย่างน่าเวทนา "บอกคุณแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร? คุณก็เหมือนกับพวกเขาที่คิดว่าฉันมีความผิดและสมควรที่จะได้รับการลงโทษไม่ใช่เหรอ?""เจียเหอ..."ลู่จิ่งโม่ตะโกนเรียกชื่อเธออย่างจนใจ และกระซิบว่า "ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา อย่างน้อยตอนนี้คุณก็ยังเป็นคุณนายของลู่จิ่งโม่อยู่ ผมไม่อนุญาตให้ใครมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของคุณได้!"ทันใดนั้นเย่เจียเหอก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่ใสสะอาดมีประกายน้ำตาแวบเข้ามาคำพูดของเขาเมื่อครู่นี้ มันกลับทำให้เธออุ่นใจและมั่นคงได้ขนาดนั้น"ใครอยากได้ความหวังดีปลอมๆอย่างนั้นของคุณกัน?"แม้จะพูดแบบนี้ แต่น้ำเสียงแบบนั้น มันอ่อนนุ่มและแฝงไปด้วยการออดอ้อนอย่างเห็นได้ชัดและหัวใจของลู่จิ่งโม่ก็เหมือนกับถูกกระแสไฟช็อตขึ้นมาเขามองแผลที่ใบหน้าของเธอ แล้วพูดว่า "ใบหน้าแบบนี้ของคุณ หากคุณปู่มาเห็นเข้า ไม่รุ้จะอาละวาดแบบไหนออกมาอีกนะ?"เย่เจียเหอจับมุมริมฝีปากอย่างขมขื่น "คุณกลัวว่าคุณปู่จะเอาเรื่อง และวังโหรวก็อาจเข้ามาพัวพันด้วย คุณไม่อยากจะให้คุณปู่โกรธเธอใช่ไหมล่ะ!"ลู่จิ่งโม่ก็ยิ้ม และพูดเบาๆ ว่า "มีใครเคยบอกคุณหรือไม่ว่า ผู้หญิงที่ฉลาดเกินไปมักจ