เมื่อเวลาใกล้เลิกงาน โหลวฉางเยว่เข้าไปที่ออฟฟิศประธาน วางเอกสารลง จากนั้นก็พูดว่า “คุณป้าโทรมาหาฉันตอนกลางวัน ให้เรากลับไปทานมื้อค่ำ ประธานเหวิน คุณไม่ได้กลับไปครึ่งปีแล้วนะ” เหวินเหยียนโจวขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด “เธอติดต่อกับที่บ้านผมบ่อย ๆ เหรอ?”“เปล่า” โหลวฉางเยว่ตอบ “ทุกครั้งก็เป็นคุณป้าโทรมาหาฉันก่อน”เหวินเหยียนโจวมองดูนาฬิกาโยนกุญแจรถให้เธอ “เธอมาขับรถ ผมให้คนขับส่งไป๋โหยวกลับบ้าน”โหลวฉางเยว่ตามหลังเขา มองดูเบื้องหลังเขา มีประโยคหนึ่งที่อยากพูดออกมามาก เธออ้าปาก แต่ก็ส่งเสียงออกมาไม่ได้เธอกลัวคำตอบที่ได้ยิน จะได้ยินคำตอบที่เธอคาดเดาไว้……อาหารมื้อดึกบนโต๊ะตระกูลเหวิน คุณนายเหวินคีบอาหารให้โหลวฉางเยว่มาตลอด “ทำไมผอมลงเยอะเลยล่ะ? สีหน้าไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายแล้วใช่ไหม?”เหวินเหยียนโจวเดิมทีก็เป็นคนที่เยือกเย็นทั้งนิสัยและภายนอกเป็นคนพูดน้อย ยิ่งอยู่ในบ้านตระกูลเหวิน นอกจากทักทายประธานใหญ่เหวินแล้ว ก็ไม่พูดอะไรอีกเลยเขามองดูผู้หญิงรับมือกับพ่อแม่ของเขาอย่างเฉยเมย จับหน้าตัวเอง ยิ้มกล่าว “เปล่านี่คะ คงเป็นเพราะวันนี้ทาสีลิปผิดน่ะค่ะ ฉันกลับไปก็จะเอาไปทิ้ง”เลขาประธานส
โหลวฉางเยว่จอดรถเสร็จแล้ว ก็เดินเข้าไปหา “ประธานเหวินคะ” ไฟบนถนนสลัว ทำให้เห็นใบหน้าด้านข้างที่เคร่งขรึมของชายหนุ่มออกมาแค่ราง ๆ เขาไม่ได้มองโหลวฉางเยว่ และบุหรี่ที่อยู่ตรงปลายนิ้วก็กะพริบอยู่โหลวฉางเยว่ถอนหายใจอยู่ในใจ เธอมองไปรอบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นร้านสะดวกซื้อที่เปิด 24 ชั่วโมงอยู่ไม่ไกล จึงเดินเข้าไปซื้อข้าวปั้น และอุ่นร้อนในร้านสะดวกซื้อมาเรียบร้อย ซึ่งสามารถกินได้เลย “ตอนเย็นคุณยังไม่ได้กินอะไรสักเท่าไหร่ รองท้องก่อนนะคะ อย่าให้ท้องกระเพาะ อีกค่ะ” เหวินเหยียนโจวเหลือบมองไปที่เธอ ก่อนจะรับมา โหลวฉางเยว่พูดเสียงเบา “แม้ว่าคุณจะไม่พอใจในสิ่งที่ท่านผู้อำนวยการเหวินพูด ก็ไม่ควรจะแย้งกลับขนาดนั้นนะคะ ท่านความดันขึ้นได้ง่าย หลายปีก่อนก็เข้าโรงพยาบาลไปครั้งหนึ่งแล้ว……” เหวินเหยียนโจวหัวเราะเยาะขึ้นมา แล้วโยนข้าวปั้นออกไป ก่อนจะคว้าตัวของโหลวฉางเยว่เอาไว้ จากนั้นก็เปิดประตูรถ แล้วกดเธอลงกับเบาะหลังรถ! การเคลื่อนไหวของเขาลื่นไหลมาก โหลวฉางเยว่รู้สึกแค่ว่าโลกกำลังหมุนอยู่ตรงหน้า และยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไร ขาทั้งสองข้างก็ถูกเขาจับแยกออกจากกัน เส้นประสาททุกเส้นของเธอ
วันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ได้ติดตามเหวินเหยียนโจว เพื่อตามมิสเตอร์สมิธคนเมื่อวานนั้นไปยังโรงงานผลิตเรือมังกร ปี๋หยุนกรุ๊ปร่วมลงทุนเป็นสิ่งหลัก เป็นหนึ่งในบริษัทการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งล้วนมีโครงการในการลงทุนทั้งในและนอกประเทศ และมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก ส่วนสถานะทางสังคมก็มีบทบาทที่สำคัญมากเช่นกัน ดังนั้นจึงได้เป็นผู้นำในการสนับสนุนโครงการของรัฐบาลอีกด้วย อาทิ โรงงานผลิตเรือมังกรที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้แห่งนี้ โหลวฉางเยว่เก็บกิริยาท่าทางและอารมณ์แบบเมื่อคืนไว้ และยืนเคียงข้างเหวินเหยียนโจวตามปกติของตำแหน่งเลขานุการของท่านประธาน ในเวลาที่เธอจำเป็นต้องพูดก็จะพูด และในเวลาที่เธอไม่จำเป็นต้องพูดเธอก็จะติดตามไปอย่างเงียบ ๆ เท่านั้น ภายในโรงงานขนาดใหญ่นี้ เรือมังกรหลายสิบลำที่หลากหลายสีสันและลวดลาย รวมทั้งรูปลักษณ์ที่ต่างกันออกไป ได้ถูกจัดวางเอาไว้ หัวหน้าโรงงานได้แนะนำให้กับพวกเขา และสมิธได้ยินแล้วก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา หัวหน้าโรงงานภาคภูมิใจ “เรือเหล่านี้มีความยาวเพียงสิบแปดเมตรเท่านั้นครับ ซึ่งเรากำลังผลิตเรือมังกรที่ยาวที่สุดในโลกอยู่ โดยมีความยาวทั้งหมด
อุบัติเหตุจู่ ๆ ก็เกิดขึ้น อย่างไม่คาดฝัน ที่เกิดเหตุเกิดความโกลาหลขึ้น คนที่ขนย้ายท่อนไม้ก็ขนย้ายท่อนไม้ออกไป ส่วนคนที่ต้องส่งไปโรงพยาบาลก็ถูกส่งไปยังโรงพยาบาล โชคดีที่เรือมังกรยังมีแค่โครง จึงไม่ได้หนักมากนัก น่องของโหลวฉางเยว่ผ่านการเอกซเรย์ดูแล้วก็ไม่ได้หักแต่อย่างใด ถ้าหากเรือมังกรที่สร้างเสร็จแล้ว ซึ่งมีน้ำหนักหลายตัน เช่นนั้นขาข้างนี้ของเธอก็คงจะพิการไปแล้ว แต่ที่เห็นท่าจะไม่ดีคือ สมิธหมดสติอยู่ตรงนั้น ดังนั้นสำหรับเรื่องนี้ จะต้องมีคำอธิบายอย่างแน่นอน ในระหว่างที่พวกเขาถูกส่งไปยังโรงพยาบาล เจ้าของโรงงานก็รีบไปตรวจสอบเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบอย่างชัดเจน——ปรากฏว่าเชือกป่านเส้นหนึ่งที่ค้ำเรือมังกรที่แขวนอยู่กลางอากาศนั้นคลายออก นี่จึงทำให้เรือมังกรสูญเสียสมดุลจนเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ แล้วเกิดเป็นอุบัติเหตุนี้ขึ้น แล้วเชือกเส้นนั้น ทำไมถึงคลายออกมาล่ะ? ในห้องพักรักษาตัวผู้ป่วย เจ้าของโรงงานหัวเราะฮ่า ๆ อย่างขมขื่น “เชือกที่คลายออกคือเบอร์ 4 แต่ในโรงงานกลับไม่มีกล้องวงจรปิด ไม่รู้ทำไมถึงคลายออกมาได้ ตามความทรงจำของทุกคน ก่อนและหลังเกิดเรื่องขึ้น มีเพียงคนเดียวเท่านั้นท
พยาบาลใช้น้ำยาฆ่าเชื้อช่วยเช็ดแผลให้กับไป๋โหยว น้ำยาได้ไปกระตุ้น จนไป๋โหยวร้อง “โอ้ย” ขึ้นมาเล็กน้อย เหวินเหยียนโจวรีบเดินเข้าไปทันที “เป็นไงบ้าง?” “ไม่เป็นไร ๆ ค่ะ ฉันเป็นแผลแค่นิดเดียวค่ะ” ไป๋โหยวมองเขาอย่างเป็นห่วง “ประธานเหวินคะ ไหล่ของคุณเป็นยังไงบ้างคะ? เจ็บไหมคะ? รีบให้คุณหมอตรวจดูหน่อยเถอะค่ะ” ไหล่ของเหวินเหยียนโจว ถูกมุมเรือมังกรกระแทกเข้าในตอนที่ปกป้องไป๋โหยว เหวินเหยียนโจวไม่ได้สนใจ “ผมไม่ต้องหรอก” แต่พอเห็นฝ่ามือของไป๋โหยว กลับเตือนอย่างใส่ใจ “อย่าโดนน้ำจนกว่าแผลจะหายดีนะ ติดเชื้อแบคทีเรียจะหายยาก เดี๋ยวผมจะจัดเตรียมแม่บ้านให้มาดูแลคุณ” “ฉันดูแลตัวเองได้ค่ะ ประธานเหวินคะ คุณอย่าปฏิบัติกับฉันเหมือนเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรสิคะ” โหลวฉางเยว่มองดูพวกเขาที่เป็นห่วงเป็นใยกันและกันด้วยสายตาที่เย็นชา นับตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไปความเหนื่อยล้าและความผิดหวัง ในที่สุดสะสมจนเป็นน้ำทะเล และดึงเธอจมลงไปจนหมดสิ้น ช่างน่าเบื่อจริง ๆ โหลวฉางเยว่วางขาที่บาดเจ็บที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยลงไปบนพื้นอย่างไม่มีเสียงใด ๆ ก่อนจะลองลุกขึ้นยืน ความเจ็บปวดได้พุ่งขึ้นไปจากเท้าจนแทงเข้
คิดไม่ถึงว่า โหลวฉางเยว่จะพูดขึ้นว่า “แค่สิบนาทีก็ได้แล้วค่ะ” ไป๋โหยวตกตะลึง และเหวินเหยียนโจวก็ขมวดคิ้วขึ้นมา โหลวฉางเย่วอดทนต่อความเจ็บปวดที่ขา โดยจับขอบเตียงผู้ป่วยเอาไว้ แล้วเดินตรงไปหาเจ้าของโรงงาน “เจ้าของโรงงานคะ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณแค่คนเดียวค่ะ” เจ้าของโรงงานรีบพูดขึ้นว่า “คุณว่ามาเลย” โหลวฉางเยว่กระซิบ “รบกวนคุณช่วยไปตามบล็อกเกอร์คนนั้นที่ถ่ายรูปอยู่ในโรงงานมาให้หน่อยได้ไหมคะ เมื่อกี้ฉันเห็นเขาก็ช่วยพาคนเจ็บมาส่งโรงพยาบาลด้วย น่าจะยังอยู่ตรงล็อบบี้ฉุกเฉินน่ะค่ะ” เจ้าของโรงงานผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกระซิบตอบเธอ “ได้ครับ ผมจะไปเรียกเขามาเดี๋ยวนี้เลย” โหลวฉางเยว่พยักหน้า “ขอบคุณนะคะ” คนอื่น ๆ ต่างก็ไม่ได้ยินในสิ่งที่พวกพูด เหวินเหยียนโจวมองไปที่โหลวฉางเยว่อย่างเย็นชา และสีหน้าของไป๋โหยวก็ดูไม่ค่อยสบายใจเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าโหลวฉางเยว่แค่แสร้งทำเป็นมีความลับ หรือว่ามีหลักฐานจริง ๆ กันแน่? เจ้าของโรงงานออกไปไม่นาน ก็ถือกระเป๋าสีดำเข้ามา ทุกคนต่างมองดู และไม่รู้ว่ามันคืออะไร? เจ้าของโรงงานพูดกับโหลวฉางเยว่ “พอหนุ่มคนนั้นได้ยินผมพูดถึงเร
จนถึงตอนนี้ โหลวฉางเยว่ถึงจะมองไปที่เขา “นี่เป็นเดิมพันระหว่างฉันกับเธอ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ รวมทั้งคุณประธานเหวิน ล้วนเป็นพยานกันทั้งนั้น ฉันก็แค่ทำตามผลของเดิมพัน ประธานเหวินคิดว่าฉันมีปัญหาตรงไหนเหรอคะ? ฉันทำผิดตรงไหนเหรอ?” เธอดูเหมือนเม่นที่มีหนามอยู่ทั่วตัว เม่นที่แยกเขี้ยวอยู่ มันต่างจากท่าทีที่สุขุม ไม่ทำตัวเด่นและถ่อมตัวตามปกติของเธออย่างสิ้นเชิง เหวินเหยียนโจวรู้สึกถึงความแปลกไปเล็กน้อย “เธอให้ร้ายฉัน และทำแม้กระทั่งใส่ร้ายฉัน บางทีเธออาจดึงเชือกแล้วมาตำหนิฉัน หากไม่ใช่เพราะมีหลักฐาน อาศัยแค่คำพูดสองสามคำของเธอ บวกกับอาศัยการปกป้องที่ลำเอียงของคุณประธานเหวิน วันนี้ต่อให้ฉันกระโดดลงแม่น้ำหวงผู่ก็เกรงว่าจะต้องโดนพูดว่าฆ่าตัวตายเพราะเกรงกลัวต่อความผิด ทำไมฉันต้องรับความไม่ยุติธรรมนี้ไว้ด้วยคะ? แล้วพอรับความยุติธรรมนี้ไว้แล้วทำไมถึงคืนความบริสุทธิ์กลับมาไม่ได้คะ?” โหลวฉางเยว่โต้ตอบไปคำต่อคำ และมองตรงเข้าไปในดวงตาของเหวินเหยียนโจว ไม่หลบไม่ซ่อน ไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิงและไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย! “และถ้าหากว่า ลูกค้าโดนเรือทับเป็นอะไรขึ้นมา ไม่ไว้หน้ากัน ก็จะต้องรับผิดชอ
“แม่ง……” “หญิงร้ายชายเลว ขอให้แม่งอยู่ด้วยกันตราบชั่วฟ้าดินสลาย” วันนี้โหลวฉางเยว่จะขนของในห้องทำงานกลับบ้านไปจนหมด การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่นี้ ไม่อาจปกปิดเฉียวซีซีที่อาศัยอยู่ด้วยกันได้ตามปกติ ภายใต้การซักถามซ้ำ ๆ ของเฉียวซีซี ในที่สุดโหลวฉางเยว่ก็ต้องบอกทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เฉียวซีซีเปิดไมค์ขึ้นมาโดยตรง ด่าว่าเหวินเหยียนโจวกับไป๋โหยวอยู่นานนับครึ่งชั่วโมง ยิ่งด่าก็ยิ่งโมโห จึงไปหยิบเบียร์เย็น ๆ ออกมาจากตู้เย็นหนึ่งขวด แล้วกระดกเข้าไปจัง ๆ เธอหันหน้า ไปถามโหลวฉางเยว่ “จากนั้นเธอก็ลาออกมาอย่างนี้งั้นเหรอ?” โหลวฉางเยว่ทายาลงบนขาที่บาดเจ็บให้กับตัวเอง และพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “ไม่ใช่ว่าเธอหวังอยากให้ฉันออกมาจากเหวินเหยียนโจวมาโดยตลอดหรอกเหรอ? ตอนนี้ฉันลาออกมาแล้วไง เธอยังคิดว่าฉันวู่วามเกินไปอีกเหรอ?” “ไม่ใช่แน่นอน! เธอเลือกถอยออกมาเอง มีหรือฉันจะไม่มีความสุข! ก็แค่รู้สึกว่าเอาคืนไอ้สารเลวคู่นั้นน้อยไป!” เฉี่ยวซีซีด่าเสร็จ ก็เม้มริมฝีปากอีกครั้ง และถามโดยที่ยังโกรธต่อว่า “แล้วตอนที่เธอพูดว่าจะลาออก ท่าทีของไอ้โง่เหวินเหยียนโจวเป็นอย่างไรบ้าง?”