Share

บทที่ 6

หวังหยวนยิ้มและพูดว่า "ท่านหัวหน้า ข้าแบ่งปลาให้ท่านได้ไม่มีปัญหา และข้านั้นจะแบ่งหนี้สี่สิบกว้านของข้าให้ท่านด้วย! ถ้าหากท่านไม่อยากใช้หนี้ ก็แบ่งที่ดินสองร้อยแปดสิบหมู่ของบ้านท่านให้ข้าสักสิบหมู่ ที่ดินของบ้านข้าติดจำนองอยู่"

“ไอเด็กเจ้าเล่ห์!”

หวังปี่จงเดินจากไปอย่างหงุดหงิด

ข้าแค่อยากได้ปลาเจ้าตัวเดียว เจ้าจะให้ข้าแบกหนี้ไปด้วย และยังให้ข้าแบ่งที่ให้อีกหลายสิบหมู่อีก

ไอคนเสเพลพรรค์นั้น ยังมีหน้าพูดออกมาได้อีก

“ท่านหัวหน้า อย่างเพิ่งไปสิ ข้าแค่ล้อท่านเล่นเท่านั้น อย่าโมโหไปเลย!”

หวังหยวนตะโกนไล่หลังมา

จับปลาได้มากมาย หากมีใครขอแค่สักตัวสองตัว เขาย่อมให้ได้อยู่แล้ว

แต่นี่มาใช้ศีลธรรมบีบบังคับเขาให้แบ่งปลาให้คนทั้งหมู่บ้าน แล้วตัวเองได้ความดีความชอบไป แบบนี้มันไม่ได้

หวังปี่จงโมโหกระฟัดกระเฟียดไม่หันกลับมา

เมื่อเห็นแผนการของหวังหยวนแล้ว ชาวบ้านต่างโห่ร้องและหัวเราะออกมา

เจ้าอยากได้ของของข้า ข้าก็อยากได้ของของเจ้า เจ้าไม่ให้ข้า ข้าจะให้เจ้าไปทำไม

หวังหยวนยกมือแสดงความคารวะ "พ่อแม่ พี่น้อง ลุงป้า น้าอาทุกท่าน ตอนนี้ทุกคนต่างรู้เรื่องของข้า ปลาเหล่านี้ต้องนำไปขายเพื่อใช้หนี้ ดังนั้นวันนี้ข้าจึงต้องเสียมารยาทกับพวกท่านแล้ว หลังจากอุปสรรคในครั้งนี้จบลง ทุกบ้านจะได้ปลาด้วย"

ชาวบ้านยิ้มแย้มและแยกย้ายกันไป

แม้ว่าชีวิตของทุกคนจะไม่ดี แต่ก็ยังดีกว่าหวังหยวนที่เป็นหนี้ถึงสี่สิบกว้าน

ยกเว้นคนใจดำไปถึงแก่น ที่เอาเปรียบเขาได้ในเวลานี้

หวังหานซานพยักหน้าข้าง ๆ เขา

ความสัมพันธ์กับหัวหน้าเป็นเรื่องสำคัญมาก และหวังหยวนจัดการมันได้ดีมาก ไม่มีการแบ่งปลา และไม่ได้ระรานใคร

หวังหยวนพาพวกเขาทั้งสี่กลับบ้าน

"ปลาเยอะมาก!"

มองไปที่ถังปลาหลายสิบถัง หลี่ซื่อหานตกใจ และหันไปมองหวังหยวนด้วยแววตาที่รื้นไปด้วยน้ำตา

เคล็ดลับจับปลาที่สามีบอกเป็นความจริง และเขาสามารถใช้หนี้ได้จริง

“เด็กโง่ ร้องไห้ทำไม!”

หวังหยวนเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของนาง และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเบา ๆ ว่า “ไปเตรียมเซาปิ่งเถอะ คืนนี้พวกเรามีปลากินกัน”

“อื้อ!”

หลี่ซื่อหานพูดรับคำเสียงเบาเหมือนยุง ด้วยใบหน้าร้อนผ่าว และรีบวิ่งไปที่ห้องครัวทันที

ต้าหู่ เอ้อหู่ และหวังซื่อไห่มองด้วยสีหน้าอิจฉา ในเมืองฝู ภรรยาของหวังหยวนนั้นงดงามที่สุด ภรรยาบ้านอื่นก็สู้ไม่ได้

“เสี่ยวหยวน เมื่อเช้าเรากินข้าวบ้านเจ้าแล้ว เย็นนี้คงกินข้าวที่นี่ไม่ได้แล้ว!”

หวังหานซานเทปลาลงในถังน้ำ และกวักมือเรียกลูกชายทั้งสองของเขา

แม้ว่าต้าหู่ เอ้อหู่ อยากจะกินปลา แต่พวกเขาก็กลับไปอย่างไม่ลังเล

เมื่อเช้ากินข้าวไปมื้อหนึ่งแล้ว พวกเขาก็พอใจแล้ว

อย่าโลภมาก!

“ใช่ ไม่กินแล้ว จะกลับบ้านไปกินข้าว!”

หวังซื่อไห่กลืนน้ำลาย ทั้งสามคนจะไปแล้ว เขาอยู่ต่อก็คงเสียมารยาท

หวังหยวนเรียกหยุดพวกเขาทั้งสี่ไว้ "อย่าเพิ่งไป นอกจากกินแล้ว ยังมีงานอื่นอีก!"

หวังหานซานหยุดฝีเท้า "งานอะไรรึ?"

หวังหยวนเดินไปที่ถังปลาของเมื่อวาน "มัดปลาแบบนี้!"

เมื่อมองไปที่ถังปลา ทั้งสี่คนต่างก็ตกใจ

ในถังปลา มีปลาที่ถูกมัดหัวและหางจนตัวโค้งงอเหมือนคันธนู และเหงือกปลาก็อยู่ในถังน้ำ

แล้วปลาทั้งหมดก็ยังมีชีวิตอยู่

ปลาเมื่อนำขึ้นจากแม่น้ำ หากไม่เก็บให้ดี อยู่ได้ไม่กี่ชั่วยามก็ตายแล้ว

หวังหยวนจับมัดไว้แบบนี้ ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ ปลาก็ยังมีชีวิตอยู่

หลี่ซื่อหานที่อยู่ในครัวก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน

”หวังหยวนจึงอธิบายว่า "นี่คือ ‘เทคนิคมัดปลาแบบคันธนู’ ผูกหัวและหางของปลา เพื่อให้เหงือกของปลาสามารถหายใจเอาออกซิเจนได้มากขึ้น ตราบใดที่มีน้ำเพียงเล็กน้อย ปลาจะไม่ตายเพราะขาดออกซิเจนในน้ำ!"

"ออกซิเจน? ขาดออกซิเจน?"

ถึงทั้งสี่คนจะงุนงง แต่ก็มีความดีใจมากเช่นกัน

พวกเขาไม่เข้าใจว่าออกซิเจนคืออะไร แต่พวกเขารู้ว่าปลาที่ยังเป็น และปลาตายแล้วมีสองราคา

หวังหานซานกวักมือ "งั้นมามัดมันกันเถอะ ทำงานกันสักพัก แล้วค่อยกินอะไรกัน!"

หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม "การมัดปลาแบบคันธนูต้องมัดสองครั้ง หนึ่งต้องมัดหางปลา หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม สิ่งสกปรกในตัวปลาจะถูกขับออกทางรูทวาร จากนั้นก็คลายที่หางออกและมัดอีกรอบ ปลาที่มัดด้วยวิธีนี้ ปลาจะสดและเนื้อนุ่มขึ้นด้วย"

ทั้งสี่คนมองไปที่หางปลา มีรอยผูกมัดอยู่สองรอยจริง ๆด้วย

ใบหน้าของเอ้อหู่เต็มไปด้วยความเลื่อมใส “พี่หยวน ท่านทำไมถึงรู้เคล็ดลับตกปลาได้ มัดปลาแบบคันธนูอีก ท่านรู้เยอะมาก!”

"ยังต้องถามอีกรึ?”

หวังซื่อไห่ทำสีหน้าเหมือนมองทุกอย่างได้อย่างทะลุปรุโปร่ง "หวังหยวนเป็นบัณฑิตที่ผ่านการสอบถงเซิง เขาน่าจะได้เรียนรู้เคล็ดลับการตกปลา และมัดปลาแบบคันธนูจากหนังสือ ถูกต้องไหม หวังหยวน!"

”หวังหยวนยิ้มและยกนิ้วโป้งขึ้น "เจ้าฉลาดจริง ๆ!"

“แหะ แหะ!”

หวังซื่อไห่หัวเราะอย่างเฝื่อน ๆ บัณฑิตถงเซินชมเขาว่าฉลาด

เมื่อผูกปลาเสร็จแล้ว อาหารก็พร้อมแล้ว

เซาปิ่งร้อน ๆ และปลาที่ทอดด้วยน้ำมันหมูได้ยกมาวางไว้ที่ห้องโถง

หลี่ซื่อหานไปหลบที่ห้องครัว ในยุคนี้ผู้หญิงไม่ร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน!

ยุ่งมาทั้งวัน ทั้งห้าคนต่างกินอย่างตะกละตะกลาม

หวังหานซาน ต้าหู่ และเอ้อหู่กินปลาสามมื้อ ทั้งสองวันแบบมีอันจะกิน!

หวังซื่อไห่ที่หิวโหยมาสองวันแล้ว คว้าเซาปิ่งด้วยมือข้างหนึ่ง และคีบปลาด้วยตะเกียบอีกข้างหนึ่ง เขานั่งกินไปตัวสั่นสะอื้นร้องไห้น้ำตาอาบแก้มออกมา

“พี่หยวน ไม่เป็นไร!”

เอ้อหู่ยิ้มและพูดว่า "เมื่อวานข้า พี่ชาย และพ่อกับแม่กินปลา ตอนที่เรากิน เราร้องไห้ออกมาด้วย นานมากแล้วที่พวกเราไม่ได้กินเนื้อ"

หวังหานซานถลึงตามอง

เอ้อหู่รีบก้มหน้าหุบปากเงียบกินปลา

"ข้าคิดถึงพ่อแม่!"

หวังซื่อไห่เช็ดน้ำตา "ก่อนที่พวกเขาจะจากไป ข้าถามพวกเขาว่าต้องการอะไรอีกไหม พวกเขาบอกว่าอยากกินเนื้อ พวกเขาไม่เคยกินเนื้อดี ๆ เลยสักครั้งในชีวิต พวกเขาอยากรู้ว่าการกินเนื้อจนอิ่มมันเป็นอย่างไร! ข้าคิดว่าจนตาย ข้าก็คงเป็นเหมือนพ่อแม่ ไม่มีโอกาสได้กินเนื้อดี ๆ สักมื้อ ไม่คิดว่าจะได้กินวันนี้...ฮือ ๆ!"

เขากัดเซาปิ่งคำโต แล้วเคี้ยวเนื้อปลาเต็มปาก เขากินไปร้องไห้ไปเหมือนคนบ้าไม่มีผิด

หวังหานซานและลูกสองคนไม่มีใครหัวเราะเยาะ แววตาเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย

ชาวบ้านมีที่ดินไม่มาก เก็บภาษีก็หนัก ไม่ต้องพูดถึงการกินเนื้อที่กินจนอิ่มได้เลย ชาวบ้านมากมายไม่เคยได้กินอิ่มตั้งแต่เกิดจนตาย

แต่ด้วยเคล็ดลับการตกปลานี้ ชะตากรรมของพวกเขาได้เปลี่ยนไปจากวันนี้เป็นต้นไป

"เกือบจะชั่วยามหนึ่งแล้ว ข้าจะมัดปลาอีกครั้ง!"

หวังหานซานไปผูกปลา และต้าหู่ก็ตามไปอย่างเงียบ ๆ

“ขายหน้าแล้ว!”

หวังซื่อไห่ล้างจานทั้งน้ำตา และเอ้อหู่ก็ช่วยล้างด้วย

เมื่อมองไปที่คนสี่คนที่กำลังยุ่งอยู่ หวังหยวนรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก

ในยุคนี้ นี่คือกลุ่มคนที่ขยันขันแข็งที่สุด แต่ก็เป็นกลุ่มคนที่ยากจนที่สุดด้วยเช่นกัน พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำงานหนักที่สุดในโลก แต่พวกเขายังทำไม่สามารถเข้าถึงปัจจัยสี่ในการมีชีวิตได้ แม้แต่สิ่งพื้นฐานที่สุดก็ตาม!

ทั้งสี่คนแยกย้ายกลับไปแล้ว

หวังซื่อไห่ไปเคาะประตูบ้านพี่สาม

พี่สะใภ้สามเปิดประตูพร้อมไม้กวาดในมือ "เจ้าคนเลี้ยงเสียข้าวสุก เจ้าขโมยไข่ของแม่แล้วยังกล้ากลับ...อา!"

“หึ!”

หวังซื่อไห่ที่ไม่เคยเงยหน้าขึ้นได้เสมอพี่สะใภ้ ตอนนี้ได้เงยหน้าขึ้น และโยนปลาตัวเล็กทั้งสองตัวออกไป!

แปะ ๆ! ปลาเป็นสองตัว แต่ละตัวหนักเกือบหนึ่งกิโลกำลังดิ้นอยู่บนพื้น

พี่สะใภ้สามเปลี่ยนสีหน้า และรีบคว้าปลาขึ้นมาทันที “อาซื่อไห่ ทำไมกลับดึกจัง กินข้าวรึยัง พี่สะใภ้จะให้เซาปิ่งเจ้านะ”

“ไม่กินแล้ว เพิ่งกินเนื้ออิ่มมา!”

หวังซื่อไห่เอามือไพล่หลังเดินไปที่คอกวัว และพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจนว่า “เอาเสื้อและรองเท้าใหม่ของพี่ให้ข้าด้วย พรุ่งนี้ข้าจะไปเมือง จากนี้ไป ข้า หวังซื่อไห่ จะอยู่บ้านสักวันหนึ่ง ครอบครัวเราจะได้อยู่เย็นเป็นสุข มีเนื้อกินไม่มีขาด"

"อะไรนะ?”

พี่สะใภ้สามตกใจ ตานี่พูดเหลวไหลอะไร มีเนื้อกินไม่ขาด ขนาดเจ้าเมืองยังกินเนื้อทุกวันไม่ได้เลย

เขานอนอยู่ในคอกวัวห่มผ้านวมขาด ๆ มองดูดวงดาวบนท้องฟ้า และวัวแก่กำลังเคี้ยวเอื้องอยู่ข้าง ๆ หวังซื่อไห่หลับตาและพูดพึมพำ "พ่อแม่ ลูกชายของท่านจะยืนหยัดขึ้นแล้ว และจะประสบความสำเร็จให้พวกท่านที่อยู่บนสวรรค์ได้เห็น ตรุษจีนลูกจะเซ่นหัวหมูให้พวกท่าน!"

หลังจากล้างหน้าเช็ดตัวแล้ว หวังหยวนและหลี่ซื่อหานก็เข้านอนอยู่ใต้ผ้านวมทั้งสองผืน

หวังหยวนนอนไม่หลับ คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย และเหม่อมองเพดานสีดำ

หลี่ซื่อหานพูดอย่างระมัดระวัง "ท่านพี่ไม่สบายใจหรือ?"

“นิดหน่อย!”

หวังหยวนหรี่ตาลง "ซื่อหาน เจ้าคิดว่าโลกนี้จะกลายเป็นสถานที่ที่ทุกคนมีอาหารกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ และไม่ต้องอดอยากเนื้อสัตว์อีกต่อไป เด็ก ๆ ได้เรียนหนังสือและคนชราไม่สบายหาหมอได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องราววุ่นวายแบบนี้อีก!"

"...คงไม่ได้!”

หลี่ซื่อหานเงียบไปครู่หนึ่ง "ท่านพี่กำลังพูดถึงสังคมอุดมคติตามความเชื่อของลัทธิขงจื๊อของโลกใบนี้ ที่ไม่เคยปรากฏขึ้นจริงในทุกยุคของราชวงศ์!"

หวังหยวนยิ้มอย่างขมขื่น “ก็ใช่ ยุคนี้ไม่มีเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มกำลังการผลิต แล้วจะเกิดสังคมนิยมได้อย่างไร!”

“เทคโนโลยี?”

หลี่ซื่อหานรู้สึกงงงวย นางอึ้งไปชั่วขณะ และพูดเสียงเบา "ท่านพี่ ดูเหมือนท่านจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน!"

หวังหยวนตกใจในผ้าห่ม “เปลี่ยนที่ไหน?”

หลี่ซื่อหานพูดเสียงเบา "เมื่อก่อนท่านไม่เคยสนใจกลุ่มพี่น้องอย่างลุงหานซาน ต้าหู่ เอ้อหู่ และซื่อไห่ แต่ตอนนี้ท่านปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี ขนาดอย่างหลิวโหย่วไฉ่ท่านยังดูถูกเลย แต่ในใจท่านก็กลัวพวกเขาเหมือนกัน ตอนนี้ไม่เห็นของพวกนี้สักนิดในแววตาท่าน เหมือนที่ตำราว่าไว้ เมตตากับคนดี ร้ายกับคนชั่ว และหลอกลวงคนเจ้าเล่ห์

จิตใจละเอียดอ่อนจริง ๆ หวังหยวนถามอย่างเลื่อนลอย “เปลี่ยนเป็นแบบนี้เจ้าชอบไหม?”

"อืม!"

“มาที่เตียงข้าสิ!”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status