แก้มหวานเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งฟุบหน้าบนโต๊ะภายในห้องเรียนก่อนโอดครวญออกมาเบาๆ “ฮื่อ..จะทำยังไงดี”
“อ๊าย! อาจารย์หล่อมาก”
“งื้อ..อาจารย์หล่อจัง”
เธอนั่งฟุบหน้าอยู่อย่างนั้นจนเสียงกรีดกราด และเสียงชื่นชมของเพื่อนผู้หญิงในห้องดังระเบ็งเซ้งแซ้ขึ้นเธอจึงผงกหน้าขึ้นมองเพียงครู่นึ่ง ก่อนฟุบลงเหมือนเดิมตอนนี้เธอไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องใดๆทั้งนั้นนอกจากปัญหาของน้องสาว
มิราที่เห็นว่าเพื่อนสาวเอาแต่นั่งฟุบหน้าไม่ร่าเริงเหมือนเดิมยืนมือไปจั๊กจะจี้เอวเบาๆเพื่อหยอกเย้าไม่ให้เพื่อนสาวเครียดและมันก็ได้ผลแก้มหวานถึงกับหัวเราะร่าออกมาอย่างลืมตัว “ฮ่าฮ่า..หยุดนะมิรา”
‘อุ๊บ!’
ก่อนที่เธอจะต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้เมื่อสายตาเธอปะทะเข้ากับสายตาของอาจารย์หนุ่มที่จ้องเธออยู่จังๆ มือเล็กประนมยกขึ้นไหว้อาจารย์หนุ่มด้วยความประหม่า “ขะ..ขอโทษค่ะอาจารย์”
“....” ไร้เสียงและปฏิกิริยาตอบกลับจากอาจารย์หนุ่ม ดวงตาคมกริบจับจ้องดวงหน้าสวยนิ่งๆ ก่อนที่เขาจะกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อมั่นใจว่าเธอคือพี่สาวของแก้วตาคนที่เห็นในคลับเมื่อคืนโลกช่างกลมเสียจริง เขาปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะเอ่ยแนะนำตัว “สวัสดีครับอาจารย์ชื่อปุณณวิชญ์ สิริราญากุลจะมาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาแทนอาจารย์กนกวรรณนับตั้งแต่วันนี้”
ดวงตาคมกริบไล่มองหน้านักศึกษาทุกคนภายในห้องเรียน ก่อนหยุดสายตาอยู่ที่ใบหน้าของแก้มหวานที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะรู้สึกคุ้นๆน้ำเสียงของอาจารย์หนุ่มจนต้องหันไปถามเพื่อนสาวโดยไม่รู้เลยว่ากำลังโดนจับจ้องอยู่ “ทำไมฉันคุ้นๆเสียงอาจารย์จังเหมือนเคยได้ยินที่ไหน”
“เราเพิ่งเคยเจออาจารย์ครั้งแรกแกจะเคยได้ยินจากไหนเสียงมันก็คล้ายกันได้น่า”
“อือก็คงงั้น” เธอไหว่ไหล่ให้เพื่อนสาวอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ก่อนแสสายตามองออกไปนอกหน้าต่างเรื่องของน้องสาวพลันย้อนกลับเข้ามาในโสตประสาทอีกครั้ง
“แก้ม” จนเสียงของมิราดังขึ้นข้างๆหูดึงให้เธอหลุดออกจากห้วงความคิด ดวงตากลมโตตวัดมองหน้าเพื่อนสาวเชิงตั้งคำถาม “อะไรมิรา”
"ฉันได้ยินมาว่าอาจารย์เป็นลูกชายของอธิการบดีมหาวิทยาลัยเลยนะแถมจบปริญญาเอกจากเมืองนอกอีกด้วยคนอะไรทั้งหล่อทั้งเก่งทำไมเพิ่งได้มาเจอตอนพวกเราเรียนปีสุดท้ายแล้วอะ" มิราโน้มไปกระซิบกระซาบประชิดกกหูเพื่อนสาวด้วยท่าทางตื้นเต้นปนเสียดาย คนได้ฟังส่ายหน้าเบาๆก่อนกระซิบตอบแบบกวนๆ “อยากรู้ก็ไปถามอาจารย์เองสิ”
“ชิ..” มิราจีบปากจีบคอใส่เพื่อนสาวอย่างงอนๆ ก่อนจะกอดอกสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น
ท่าทางกระฟัดกระเฟียดของมิราทำให้แก้มหวานระบายยิ้มออกมาบางๆ นิ้วเรียวจิ้มลงบนแขนเพื่อนสาววซ้ำๆ อย่างนึกมันเขี้ยว ทว่าเธอก็ต้องหุบยิ้มและหยุดการกระทำลงฉับพลันเมื่อเหลือบไปเห็นว่าอาจารย์หนุ่มยืนจ้องอยู่ เธอค่อยเอนตัวหลบหลังเพื่อนที่นั่งเก้าอี้ด้านหน้าก่อนจะยื่นมือไปสะกิดเพื่อนสาวแล้วพูดขึ้น “มิราอาจารย์มีปัญหาอะไรกับฉันหรือเปล่าทำไมเอาแต่จ้องฉัน”
มิราปรายตามองอาจารย์หนุ่มตามคำบอกของเพื่อนสาวแต่ก็พบว่าเขาไม่ได้มองมาเหมือนที่เพื่อนสาวพูด “แกคิดไปเองหรือเปล่าอาจารย์ไม่เห็นจ้องเลย”
คนได้ฟังขมวดคิ้วชนกันก่อนจะชะโงกหน้ามองอาจารย์หนุ่มปรากฏว่าเขากำลังก้มหน้าทำอะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะไม่ได้จ้องเธอจริงๆ แต่เธอไม่ได้คิดไปเองเมื่อกี้อาจารย์หนุ่มจ้องเธออยู่จะจ้องด้วยสาเหตุอะไรนั้นก็มิอาจทราบได้
“ใครเป็นหัวหน้าห้องครับ” ระหว่างที่หญิงสาวกำลังครุ่นคิดอยู่เสียงอาจารย์หนุ่มก็ดังขึ้น เธอจึงรีบยกมือตอบ “หนูค่ะ”
“ตามผมไปเอาแบบสอบถามมาแจกเพื่อนๆด้วย” อาจารย์หนุ่มพยักหน้ารับก่อนเอ่ยต่อสิ้นสุดคำพูดก็ก้าวเท้าเดินออกไป ร่างบางรีบหยัดกายลุกเดินกึ่งวิ่งตามอาจารย์หนุ่มไปทันที
ปึก!
ร่างบางที่ก้มหน้าก้มตาเดินตามหลังอาจารย์หนุ่มมาติดๆชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างเต็มแรงเมื่อเขาหยุดเดินกระทันหัน ใบหน้าสวยเหยเกด้วยความเจ็บปนไม่พอใจที่จู่เขาก็หยุดเดินไม่บอกไม่กล่าว ทว่าเธอก็ต้องรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนน้อมศีรษะขอโทษในตอนที่อาจารย์หนุ่มหันกลับมองเธอด้วยแววตาดุดัน “ขอโทษค่ะอาจารย์”
“...” ไร้ปฏิกิริยาตอบสนองจากอาจารย์หนุ่มเขาเพียงจ้องหน้าหญิงสาวนิ่งๆครู่นึ่งก่อนหันไปเปิดประตูเดินเข้าห้องทำงานของตัวเอง
“ทำไมเซ่อซ่าอย่างนี้นะแก้มหวาน” แก้มหวานมองไปทางประตูที่อาจารย์หนุ่มเพิ่งเดินหายเข้าไป มือเล็กยกขึ้นตีกะบาลตัวเองเบาๆเมื่อเห็นป้ายชื่อหน้าห้องก็เพราะถึงห้องทำงานเขาแล้วนั้นเอง เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนค่อยๆเปิดประตูเข้าไป กายเล็กถึงกับขนลุกซู่เมื่อความเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในห้องทำงานของอาจารย์หนุ่มตกกระทบผิวมันไม่ใช่แค่เย็นธรรมดาแต่โคตรเย็นยะเยือกเลย เธอเดาว่าอาจารย์หนุ่มคงเป็นคนขี้ร้อนหรือไม่ก็ชอบความเย็นเอามากๆ ดวงตากลมโตมองสำรวจภายในห้องอย่างพินิจพิจารณาเฟอร์นิเจอร์และของประดับที่วางในห้องไม่บอกก็รู้ว่าราคาแพงแค่ไหนดูสะดวกสบายราวกับไม่ใช่ห้องทำงานด้วยซ้ำซึ่งแตกต่างจากห้องอาจารย์คนอื่นสิ้นเชิง ทว่าเธอไม่แปลกใจเลยสักนิดเขาเป็นถึงลูกชายเจ้าของมหาวิทยาลัยย่อมได้รับสิทธิพิเศษกว่าบุคลากรคนอื่นๆในมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว
“เธอชื่ออะไร” เสียงของอาจารย์หนุ่มดึงความสนใจคนที่กำลังมองสำรวจภายในห้องให้หันไปมองดวงตากลมโตสบประสานเข้ากับดวงตาคมกริบของอาจารย์หนุ่มอย่างจัง เธอรีบหลุบสายตาลงต่ำ ก่อนเดินไปยืนหน้าโต๊ะทำงานที่เขานั่งอยู่แล้วพูดขึ้น “จิณัฐตาค่ะ”
“อืม” อาจารย์หนุ่มพยักหน้ารับพร้อมทั้งหยิบแบบสอบถามปึกหนายื่นให้เธอ “วันจันทร์หน้ารวบรวมมาส่งผมด้วย”
“ค่ะ” มือเล็กเอื้อมไปรับเอกสารจากมืออาจารย์หนุ่มก่อนรีบหมุนตัวเดินออกจากห้องนำแบบสอบถามไปแจกเพื่อนๆ หลังจากนั้นจึงเดินทางไปทำงานที่คาเฟ่ต่อเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา
หลายเดือนต่อมาอ๊วกกก! เสียงอาเจียนดังเล็ดออกมาจากห้องน้ำภายในห้องนอนของแก้มหวานกับกวินท์ เจ้าของเสียงอาเจียนหาใช่หญิงสาวไม่แต่กลับเป็นชายหนุ่มที่ยืนอาเจียนหน้าอ่างล้างหน้าจนหมดไส้หมดพุงเขามีอาการแบบนี้มา 2วันติดๆ แล้วก็ไม่ทราบสาเหตุเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร"พี่กวินท์เป็นอะไรมากไหมคะ แก้มว่าไปหาหมอดีกว่าพี่เป็นแบบนี้มา 2-3วันแล้วนะ" แก้มหวานเดินเข้าไปลูบหลังให้แฟนหนุ่มเบาๆ พร้อมถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของเขาผ่านกระจกกวินท์ใช้มือกรอกน้ำล้างปากก่อนแหงนหน้าขึ้นสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ระบายอาการคลื่นไส้ในอกแล้วหันไปพูดกับแฟนสาวด้วยใบหน้าอิดโรย "ก็ดีเหมือนกันครับ""ค่ะ" ใบหน้าสวยเพียงพยักรับน้อยๆ มือเล็กเอื้อมไปจับแขนแกร่งไว้แล้วประคองเขาเดินออกจากห้องน้ำพาไปนั่งลงริมเตียงจากนั้นจึงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อออกมายื่นให้เขาเปลี่ยน "นี่ค่ะเสื้อ""ขอบคุณครับ" กวินท์รับเสื้อจากมือแฟนสาวมาวางลงข้างตัวแล้วสอดมือเข้าไปรั้งเอวคอดกิ่วของร่างบางที่ยืนตรงหน้าเข้ามาแนบชิดทำให้ตอนนี้ใบหน้าของเขาอยู่ระดับหน้าท้องแบนราบพอดี ก่อนเขาจะแหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าแฟนสาวพลางนึกขอบคุณใน
"พี่ยังไม่ตอบแก้มเลยนะคะรู้ได้ยังไงว่าแก้มอยู่ที่นี่" แก้มหวานหันไปถามอาจารย์หนุ่มอีกครั้งขณะกำลังเดินไปหาน้องสาวกับเพื่อนริมชายหาดหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเป็นที่พอใจของอาจารย์หนุ่มแล้วเธอยังคงคาใจอยู่อยากจะรู้ว่าเขาตามหาเธอถูกได้ยังไง"ผมก็หลอกถามจากเพื่อนคุณยังไงละ" กวินท์ตอบหน้าระรื่นก่อนยกยิ้มมุมปากเขาก็แค่ส่งไลน์ไปหาเพื่อนของหญิงสาวบอกให้ทั้งสองเอาโปรเจคมาให้เขาดู แต่เพื่อนของเธอบอกว่าไม่สะดวกเพราะมาเที่ยวพัทยาเขาเลยได้รู้แล้วแสร้งตีเนียนถามข้อมูลไปเรื่อยๆ จนรู้ว่าเธอพักอยู่รีสอร์ทนี้"พี่นี่มันจริงๆ เลย" เธอถึงกับกรอกตามองบนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับความเจ้าเล่ห์ของเขา ทว่าอีกคนกลับหัวเราะร่าออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมยื่นมือไปโอบไหล่มน "ผัวคุณฉลาดไหมละ""เจ้าเล่ห์สิไม่ว่า หลอกล่อเก่ง แผนเยอะ""ก็บอกแล้วไงว่าผมเจ้าเล่ห์กับเด็กดื้ออย่างคุณคนเดียว""เพราะพี่เจ้าเล่ห์ไงแก้มก็เลยต้องดื้อ กับคนอื่นแก้มเชื่อฟังจะตาย""ผมต้องดีใจไหมที่คุณดื้อกับผมคนเดียว""ต้องดีใจสิคะ""ระวังจะโดนผมลากขึ้นไปกำราบบนเตียงนะเด็กดื้อ""คนบ้าชอบพูดจาทะลึ่งอยู่เรื่อย""ผมพูดจริงทำจริงไม่ได้ทะลึ่ง" "พอเลยไม่พูดเ
กวินท์ยืนจับจ้องแผ่นหลังร่างบางในชุดบิกินี่ด้วยแววตาดุดัน ใช้ลิ้นดันกระพุงแก้มอย่างไม่สบอารมณ์เขารู้สึกหัวเสีย และโกรธเอามากๆ แต่ก็พยายามระงับอารมณ์เอาไว้ไม่ให้ตัวเองขาดสติใช้อารมณ์เข้านำเหมือนในคืนนั้นอีก เขาผ่อนลมหายใจแล้วเดินอ้อมไปยืนข้างหน้าร่างบางที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงก้มหน้ามองดิน คิ้วเข้มถึงกับขมวดชนกันเป็นปมเมื่อเห็นหน้าอกหน้าใจที่ล้นทะลักออกมานอกบรา ไหนจะหน้าท้องขาวเนียนเรียวขาสวยนั้นอีก บิกินี่ทูพีชเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งสัดส่วนทุกอย่างชัดเจนไปหมดผู้ชายคนใดได้เห็นก็คงคิดดีไม่ได้"ทำไมใส่ชุดแบบนี้มันโป็มากรู้ไหม" เขาอดที่จะเอ็ดหญิงสาวไม่ได้อยากจะจับเธอตีก้นให้เข็ดหลาบว่าไม่ควรแต่งตัวแบบนี้อีกแต่ก็ต้องข่มอารมณ์ไว้ ก่อนถอดเสื้อแจ็กเก็ตมาห่อตัวเธอจนมิดชิด"ว๊าย!" แก้มหวานที่ยืนมองการกระทำของอาจารย์หนุ่มอย่างงงๆ ร้องอุทานด้วยความตกใจในตอนที่เขาจับตัวเธอขึ้นอุ้มพาดบ่าจนหัวห้อยโต่งเตงไม่แคร์สายตาคนที่เดินผ่านไปมา หรือสายตาน้องสาวกับเพื่อนสาวของเธอที่ยืนอ้าปากค้างมองด้วยความงุนงงสักนิด"คุณกวินท์ปล่อยแก้มลงนะคนมองหมดแล้ว" เสียงหวานเปล่งออกจากริมฝีปากเอิบอิ่มเบาๆ ด้วยความอับอายเธอไม
"พี่แก้มดีขึ้นแล้วเหรอคะ" เสียงของแก้วตาทำให้แก้มหวานที่ยืนทอดสายตามองทะเลด้วยใจเหม่อลอยสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ความคิด ก่อนปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วหันกลับไประบายยิ้มตอบน้องสาว "พี่ดีขึ้นแล้ว""งั้นไปหาอะไรกินกันเถอะเริ่มหิวแล้วอะ" มิราเอ่ยชวนทันทีเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนสาวสดชื่นขึ้นกว่าก่อนหน้านี้พร้อมใช้มือลูบวนไปมาบนท้อง "งั้นก็ไปหาอะไรกินกัน" หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าไปมาให้กับการท่าทางของเพื่อนสาวก่อนเดินไปโอบไหล่เพื่อนสาวกับน้องสาวแล้วเดินพาออกจากห้อง@ร้านอาหารทั้งสามคนเลือกมาทานอาหารทะเลร้านใกล้ๆ กับรีสอร์ทที่เดินเลียบชายหาดมาเพียง 200เมตรก็ถึงเพราะได้ชื่นชมบรรยากาศระหว่างเดินมาด้วย เมื่อได้ออกมาพปปะผู้คนข้างนอกได้ชื่นชมกับบรรยากาศริมทะเลก็ทำให้แก้มหวานรู้สึกดี และผ่อนคลายมากขึ้นลืมเรื่องอาจารย์หนุ่มไปชั่วขณะหลังจากทานอาหารเสร็จทั้งสามคนก็พากันตะเวนเที่ยวทั่วเมืองพัทยาจนค่ำจึงกลับห้องมาพักผ่อน"พรุ่งนี้เล่นน้ำกันไหม" มิราเอ่ยขึ้นหลังจากเดินมาหย่อนสะโพกนั่งลงบนโซฟาในห้องแล้ว "ไปสิคะพี่มิรา" แก้วตาตอบตกลงอย่างไม่รอช้าก่อนหันไปพูดกับพี่สาวต่อ "มาทะเลทั้งทีไม่ได้เล่นน้ำก็เหมือนมาไม่ถ
@คอนโดมิรา"ฮึก ฮื่อ" เสียงสะอื้นไห้ดังระงมเบาๆ ภายในห้องนอนของคอนโดมิราแก้มหวานเลือกหนีอาจารย์หนุ่มมาหลบที่คอนโดเพื่อนสาวเพราะคิดว่าเขาคงไม่รู้แน่นอน เธอปล่อยให้น้ำตาแห่งความเสียใจ และผิดหวังหลั่งไหลออกมาเพื่อชะล้างความรู้สึกแย่ให้หมดไป และหลังจากนั้นเธอจะเริ่มต้นใหม่"คนปากเสียมาว่าแก้มแบบนั้นได้ไง แก้มไม่ชอบคุณแล้ว" ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนที่เธอนอนร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนรู้สึกดีขึ้นจึงหยัดกายลุกขึ้นนั่งแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มลวกๆ ดวงตากลมโตฉายแววเด็ดเดี่ยวขึ้นในทันตาเมื่อสิ้นเสียงงึมงำ ก่อนจะลุกลงจากเตียงเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำแล้วเดินกลับมาหย่อนสะโพกนั่งริมเตียง มือเล็กเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายข้างออกมาเปิดเครื่องหลังจากที่เธอปิดเครื่องหนีอาจารย์หนุ่มก่อนหน้านี้เพื่อโทรบอกน้องสาว ทว่าเพียงแค่เปิดเครื่องเท่านั้นข้อความพยายามติดต่อจากเขาก็เด้งเข้ามาในมือถือระรัวเกือบสิบข้อความแต่เธอหาได้สนใจไม่กลับปัดข้อความเขาทิ้งแล้วต่อสายหาน้องสาว ถือสายรอไม่นานปลายสายก็กดรับ(ว่าไงคะพี่แก้ม)(คืนนี้พี่นอนห้องพี่มิรานะแก้ว)(ค่ะ..เมื่อกี้เจ้านายพี่เขามาตามหาพี่
"แก้มหวาน!" กวินท์เดินปรี่ไปหาหญิงสาวที่กำลังยืนคุยกับผู้ชายหน้าระรื่นด้วยอารมณ์เดือดดาล มือหนาเอื้อมไปจับแขนเล็กแล้วกระชากให้ออกห่างเตชินเจ้านายเก่าของเธออย่างแรงจนเธอเซถลาปะทะลำตัวของเขาเต็มๆปึก!"อ๊ะ..คุณกวินท์" แก้มหวานเบ้หน้าออกมาด้วยความเจ็บ ก่อนแหงนมองหน้าอาจารย์หนุ่มด้วยความรู้สึกตกใจเล็กน้อย ทว่าเธอก็ต้องลอบกลืนน้ำลายเหนี่ยวๆ ลงลำคออึกใหญ่เมื่อเห็นสีหน้าแดงก่ำ และแววตาเกรี้ยวกราดของเขาที่จับจ้องเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ "คุณฟังแก้มก่อนได้ไหม""โอ๊ย! แก้มเจ็บนะ" เธอพยายามข่มไม่ให้ตัวเองตื่นกลัวกับท่าทางเกรี้ยวกราดของร่างสูงตรงหน้า ก่อนเปล่งเสียงพูดเพืื่ออธิบายให้เขาเข้าใจ ทว่าเธอก็ต้องร้องท้วงด้วยความรู้สึกเจ็บพร้อมใช้อีกมือแกะมือหนาออกในตอนที่มือหนาออกแรงบีบแขนของเธอแรงๆ ราวกับจะให้มันแหลกคามือยังไงยังงั้น แต่แรงอันน้อยนิดของเธอหาได้ทำให้มือหนาขยับเขยื้อนออกจากแขนเธอสักนิดไม่ "ผมคนเดียวมันไม่ถึงใจใช่ไหมถึงได้ระริกระรี้กับผู้ชายคนอื่นอีก" กวินท์โกรธและหึงจนหน้ามืดตามัวไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว เขาใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มจับจ้องหน้าเธอสลับกับชายหนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนพรั่งพรูคำ