“อะไรนะ?”
“ฉันไม่พูดกับพี่แล้ว ไปทำอาหารอร่อย ๆ ให้ลูกกินดีกว่า ฉันเองก็คิดถึงลูกเหมือนกัน ยัยวดีกับยัยอรุณตั้งแต่แต่งงานมีเย้ามีเรือนไป ก็แทบไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเลย ทำเหมือนจำทางกลับบ้านไม่ได้ ตอนนี้ฉันเหลือยัยลดาคนเดียวแล้ว ต้องเอาใจหน่อย”
สาทินีบ่นงึมงำก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน เพื่อจะทำอาหารสำหรับมื้อเย็นในวันนี้ ส่วนผู้ใหญ่บุญแสนก็ไม่รอให้เสียเวลา จะต้องไปคุยกับลูกสาวที่ห้องส่วนตัวของเจ้าหล่อนให้รู้เรื่อง
“พ่อบอกแล้วไง ว่าถ้ายังไม่แต่งงานมีผัวก็ไม่ต้องกลับมาที่บ้าน” ผู้ใหญ่บุญแสนหน้าหงิกหน้างอ หายใจฟึดฟัดขัดเคืองในอารมณ์
“พ่อยังกลัวเรื่องนั้นอยู่เหรอ?”
สีหน้าของผู้ใหญ่บุญแสนบอกว่าใช่ แต่เรื่องอะไรจะยอมรับว่ากลัวจนขี้ขึ้นสมอง
“ไม่ได้กลัวโว๊ย แต่ก็...ไม่ได้ลบหลู่ป่าเขา ถ้าเราจะป้องกันไว้สักหน่อย ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร”
“แต่หนูคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อกับแม่มากๆ เลย”
“ไม่ต้องมาอ้อน ถ้าแกอยากกลับมาอยู่บ้าน งั้นแกก็แต่งงานสิ เอามั้ยล่ะ ลูกชายกำนันเผด็จน่ะ มันชอบแกมาตั้งแต่เด็กแล้ว ไอ้ผาภูมิ ตอนนี้มันก็ยังรอแกอยู่”
“พอเถอะพ่อ นี่มันสมัยไหนแล้ว หยุดคิดเรื่องจับคู่ให้หนูเลย ไม่เอาเด็ดขาด”
“แต่ถ้าแกยัง...ไม่มีผัว...มันจะ...อันตราย!”
"งั้นถ้าหนูเสียความบริสุทธิ์ ก็จะปลอดภัยสิ"
"ยัยลดา! แกนี่ ของแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะเสียกับใครก็ได้"
"งั้นจะเอาไงล่ะพ่อ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ? ถึงหนูจะยอมแต่งงานกับผาภูมิ มันก็คงไม่ทันอยู่ดี หรือพ่อจะให้หนูแต่งพรุ่งนี้เลย"
"วิธีที่ง่ายกว่านั้นคือ...แกไปซะ กลับกรุงเทพฯไปเลย"
"มันก็แค่เรื่องเล่า มันไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย"
ลดาละมัยพยายามจะทำให้พ่อเชื่อว่ามันไม่มีอยู่จริง ทั้งที่ตัวเองก็เคยเห็นมาแล้ว...แน่นอน เธอเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าพวกนั้นมีอยู่จริง
"แกไม่กลัวรึไง มันครบสิบปีแล้วนะ เดี๋ยวพวกนั้นก็ออกมา...ในคืนพระจันทร์เต็มดวง"
ใครบอกว่าเธอไม่กลัวล่ะ...เธอกลัวแทบขาดใจเลยล่ะ แต่ในความกลัวนั้น กลับซ่อนความลุ่มร้อนโหยหา ซึ่งหล่อเลี้ยงลมหายใจและวิญญาณของเธออยู่
"10ปีก่อน ก็ไม่เห็นจะมีใครหายไปเลยนี่"
ผาภูมิเอ่ยพลางย่างเท้าขวาลงน้ำแล้วสะดุ้งสุดตัว ร้องลั่นพร้อมชักเท้ากลับ แต่ดันลื่นพรวดลงไปทั้งสองขาแล้วเต้นเหมือนเจ้าเข้า“โอ๊ยย! ร้อนฉิบหาย!!”ลดาละมัยถึงกับนิ่วหน้า มองชายหนุ่มขยับสองเท้าหนีห่างจากริมตลิ่งด้วยความแปลกใจ“โอ๊ย!!” เขาร้องไม่หยุด “ตีนพองหมดแล้ว ลดาลงไปอาบได้ไง น้ำร้อนอย่างกับหม้อต้ม!”เธอถึงกับงง “แค่อุ่น ๆ เองค่ะ ไม่เห็นจะร้อนเลย”ผาภูมิจ้องมองสายน้ำด้วยความหวาดหวั่นเกรงกลัว รู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งจะก้าวลงไปในกระทะทองแดงของนรกภูมิ“ร้อนนะ ร้อนจริง ๆ อูย เจ็บตีนเหมือนจะร้าวเลย พี่ว่าลดาขึ้นมาดีกว่า เดี๋ยวก็ไหม้หรอก”ลดาละมัยแอบคิด...ดูเหมือนความโชคร้ายจะมาเยือนผาภูมิแล้วสินะ“เฮ่อ...เห็นมั้ยคะ ลดาเตือนพี่ผาแล้ว ทำไมไม่ฟังฮึ ดื้อทำไม”“ลดาทนร้อนได้ไง โอยยพี่ร้อนฉิบ ไม่ไหวเลย ซี๊ดส์” ผาภูมิตัวแดงก่ำเหมือนโดนไฟเผา สองเท้าสั่นรัวเหมือนจะยืนไม่อยู่ “โอยไม่ไหวแล้ว แสบร้อนไปทั้งตัวเลย แสบเหมือนโดนไฟเผาเลยลดาจ๋า พี่กลับไปทายาดีกว่า ก่อนที่จะไหม้ไปทั้งตัว”ผาภูมิร้องโอดโอย เดินลากขากลับออกไปอย่างทุลักทุเล โดยไม่คิดจะหันกลับมามองหญิงสาวเลยสักนิดเดียว เพราะตอนนี้เขาต้องเอาชีวิตให
ผาภูมิยิ้มร้าย สายตาวาวโรจน์ ถอดเสื้อผ้าของตัวเองโยนทิ้งบนแผ่นหิน แล้วสาวเท้าอย่างใจเย็น เดินเปลือยเปล่าล่อนจ้อน โชว์อาวุธคู่กายที่กำลังผงาดเพื่อล้มศัตรู ออกไปหยุดยืนเท่ ๆ ตรงริมธารน้ำ“รอพี่อยู่เหรอ?”“อะ...”เสียงทักทายจากข้างหลัง ทำให้ลดาละมัยตกใจจนชะงัก หันกลับมามองคนที่ยืนผงาดอยู่บนแท่นหินริมธารน้ำอย่างคาดไม่ถึง ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีใครอื่นหาสถานที่ลับแห่งนี้เจอ“พี่ผาเหรอ?”ผาภูมิยิ้มอย่างมั่นใจในความหล่อและความล่ำของตัวเอง...ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ได้เห็นไอ้จ้อนเจ็ดนิ้วของเขาแล้วไม่ตาถลน“ใช่ คนที่รอลดาอยู่ไง”ลดาละมัยจ้องมองเรือนกายกำยำแข็งแกร่งของเพื่อนรุ่นพี่สมัยเด็กด้วยสายตาร้ายไม่แพ้กัน...นี่ไม่ใช่ท่อนเนื้ออันแรกที่เธอได้เห็นหรอกนะ เพราะตอนเรียนพยาบาล เธอเคยเห็นมาบ้างแล้วล่ะ“คิดจะทำอะไรเหรอ?” เธอถามอย่างใจเย็น ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไรทั้งนั้น แม้รู้เต็มอกว่าจุดประสงค์ของผาภูมิไม่ใช่เรื่องดีต่อพรหมจรรย์ของเธอ“ทำในสิ่งที่ผู้ใหญ่ของพวกเราอยากให้ทำไง”เธอหรี่ตามองเขาอย่างขบขัน “พี่ผานี่เชื่อฟังพ่อแม่จัง เป็นเด็กดีตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ”“ก็ตั้งแต่ที่ลดากลับมาไง” เขาเอ่ยพลางสาวรู
“อือ...มันเป็นแค่ความฝัน”ถึงร่างกายของเธอจะรู้สึกถึงรสสวาทอย่างแรงกล้า แต่เธอก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น ความฝันในวัยแรกแย้ม ที่ชโลมหัวใจของเด็กสาวให้ปรารถนาถึงความเป็นชายเธอคงไม่อาจฝืนธรรมชาติของร่างกายนั่นล่ะ ร่างกายที่กำลังโหยหาและร่ำร้องถึงการร่วมรัก“ถ้าเรารักใครสักคนก็คงดี”หากหัวใจของเธอได้เรียนรู้ที่จะรักใครได้สักคน บางทีเธออาจจะเลิกรอคอยใครบางคน และเลิกเฝ้ารอให้วันพระจันทร์สีเลือดมาถึง...“อีก 3 วันเท่านั้น!”ลดาละมัยพึมพำกับตัวเอง ขณะถอดเสื้อผ้าออกจากกายจนหมด เดินเปลือยเปล่าล่อนจ้อนลงไปในแอ่งน้ำใต้เพิงถ้ำ ซึ่งเป็นสถานที่ลับกลางหุบเขาใกล้น้ำตกที่มีแค่เธอเท่านั้นที่รู้จัก...เธอค้นพบเส้นทางเข้าสรวงสวรรค์แห่งนี้มาตั้งแต่สิบเอ็ดขวบแล้ว“อ่า...ดีจัง น้ำอุ่นชะมัดเลย” ร่างกายสวยงามสมสัดส่วนราวกับนางกินรีในวรรณคดีสองเต้ากลมโตอวดยอดถันสีชมพูระเรื่อ เนินสวาทอิ่มอูมแต้มไรขนอ่อนพองามแสนเย้ายวนสองขาขาวเรียว ตีน้ำแหวกว่ายวนเวียนในแอ่งน้ำอุ่นอย่างมีความสุข“อืมม...เวลายิ่งใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว”เธอจับจี้หินสีนิลที่ห้อยคอไว้ตลอดเวลาด้วยแววตาสงสัยปนหวาดหวั่น ความรู้สึกในวิ
"ก็นังชะเอม ลูกสาวยัยผกาไง""โอ๊ยพ่อ พี่เอมเค้าไปเป็นผีน้อยอยู่ที่เกาหลีโน่น เค้าแค่ไม่ติดต่อทางบ้าน""ไหนล่ะหลักฐาน เอามาซิ""ก็บอกแล้วไง เค้าไปแอบทำงาน ก็เลย...""พอ ๆ รีบหาผัวซะ หรือไม่ก็...กลับกรุงเทพฯ ไปเลย""ไร้สาระน่ะพ่อ หนูจะฝึกงานที่โรงพยาบาลที่นี่ เรื่องอะไรจะไป ผอ.โรงพยาบาลตอบรับแล้วด้วย"“อะไรนะ! นี่แกจะจมปรักอยู่ที่ป่าที่เขาจริงรึ พ่ออุตส่าห์ส่งแกไปเรียนถึงกรุงเทพฯ แทนที่จะใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายที่โน่น แต่กลับพาตัวมาอยู่บ้านป่า”“เพราะหนูรู้ไงคะ ว่าอยู่ที่ไหน แล้วมีความสุข หนูโตแล้วนะคะพ่อ ขอหนูเลือกชีวิตของหนูเอง”และขอเลือกผู้ชายที่เธอจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต ด้วยตัวเธอเองด้วย...“ทำไมตอนนั้น...พวกเขาไม่เอาเธอไปนะ?”สิบปีมานี้ แม้เธอจะไม่มีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนไหนเลย แต่กลับรู้สึกเหมือนเสียตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า...โดยเฉพาะในคืนพระจันทร์เต็มดวง ยามค่ำคืนถูกอาบไปด้วยแสงจันทร์กระจ่าง ความฝันอันหวามหวานสะกดอารมณ์และความรู้สึกให้จมดิ่งลงไปในความรัญจวนชวนลุ่มหลงอันลึกลับ“อ่า...” ร่างกายของเธอเร่าร้อนในทุกอณู โดยเฉพาะเนินสวาทแสนบริสุทธิ์ พรหมจรรย์สดสาวในช่องรักราวกับโดนไฟเผา“อืออ
“อะไรนะ?”“ฉันไม่พูดกับพี่แล้ว ไปทำอาหารอร่อย ๆ ให้ลูกกินดีกว่า ฉันเองก็คิดถึงลูกเหมือนกัน ยัยวดีกับยัยอรุณตั้งแต่แต่งงานมีเย้ามีเรือนไป ก็แทบไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเลย ทำเหมือนจำทางกลับบ้านไม่ได้ ตอนนี้ฉันเหลือยัยลดาคนเดียวแล้ว ต้องเอาใจหน่อย”สาทินีบ่นงึมงำก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน เพื่อจะทำอาหารสำหรับมื้อเย็นในวันนี้ ส่วนผู้ใหญ่บุญแสนก็ไม่รอให้เสียเวลา จะต้องไปคุยกับลูกสาวที่ห้องส่วนตัวของเจ้าหล่อนให้รู้เรื่อง“พ่อบอกแล้วไง ว่าถ้ายังไม่แต่งงานมีผัวก็ไม่ต้องกลับมาที่บ้าน” ผู้ใหญ่บุญแสนหน้าหงิกหน้างอ หายใจฟึดฟัดขัดเคืองในอารมณ์“พ่อยังกลัวเรื่องนั้นอยู่เหรอ?”สีหน้าของผู้ใหญ่บุญแสนบอกว่าใช่ แต่เรื่องอะไรจะยอมรับว่ากลัวจนขี้ขึ้นสมอง“ไม่ได้กลัวโว๊ย แต่ก็...ไม่ได้ลบหลู่ป่าเขา ถ้าเราจะป้องกันไว้สักหน่อย ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร”“แต่หนูคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อกับแม่มากๆ เลย”“ไม่ต้องมาอ้อน ถ้าแกอยากกลับมาอยู่บ้าน งั้นแกก็แต่งงานสิ เอามั้ยล่ะ ลูกชายกำนันเผด็จน่ะ มันชอบแกมาตั้งแต่เด็กแล้ว ไอ้ผาภูมิ ตอนนี้มันก็ยังรอแกอยู่”“พอเถอะพ่อ นี่มันสมัยไหนแล้ว หยุดคิดเรื่องจับคู่ให้หนูเลย ไม่เอาเด็ดขาด”“
“เนื้อคู่ของหนูมี 3 คนนะ”“ว๊าว 3 คนเลยเหรอคะ” เธอล่ะตลก มองไม่เห็นว่ามันจะเป็นไปได้ “แสดงว่าหนูก็มีตั้ง 3ช๊อยน่ะสิ งั้นหนูจะเลือกใครก็ได้ใช่มั้ย”“เข้าใจผิดแล้ว หนูไม่มีสิทธิ์เลือกด้วยซ้ำ จากพื้นเพดวงชะตาของหนู...หนูเป็นผู้ถูกเลือกต่างหาก”“ถูกเลือก??? หมายถึงคลุมถุงชนหรือคะ คือยังไงคะ หนูไม่เข้าใจ”“ยายก็...ไม่เข้าใจเหมือนกัน”“อ้าว”“แต่ 3 คน ชัดมาก”“หมายถึงหนูจะแต่งงาน 3 ครั้งอย่างนั้นเหรอ?”“จากดวงชะตาของหนู...หนูจะไม่ได้แต่งงาน”“อ้าว อะไรกันเนี่ย??? มีเนื้อคู่ 3 คน แต่ไม่ได้แต่งงาน”เมื่อปีที่แล้วนี่เอง ตอนที่เธอกับเพื่อนไปไหว้พระกันที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดอยุธยา เธอได้เจอกับยายอายุเกือบ 100 ปีคนหนึ่งที่ประตูโบสถ์คุณยายท่านนั้นจับมือเธอแน่น จ้องมองเธอด้วยสายตาประหลาด แล้วพูดย้ำกับเธอหลายรอบมาก...“ฉันเนี่ยนะ...มีเนื้อคู่สามคน ตั้งแต่เกิดมาจนโตเป็นควายขนาดนี้แล้ว ก็ยังไม่มีผู้ชายมาจีบแม้แต่คนเดียว ชิ! เนื้อคู่หรือศัตรูกันแน่...ทำไมมีแต่ศัตรู!”เมื่อรถเก๋งคันเล็กจอดสนิทที่หน้าบ้าน และสองเท้าเหยียบย่างลงบนแผ่นดินเกิดอีกครั้งลดาละมัยก็รู้สึกถึงอ้อมกอดของขุนเขาพญาไพร และเสียงกระซ