ตั้งแต่ออกจากบ้านของซอลมา ภายในรถก็ดูจะเงียบเชียบผิดปกติ จนเธียรต้องเหลือบมองกระจกมองหลัง เพื่อดูว่าคุณหนูกำลังทำอะไรอยู่
ใบหน้าสวยเหม่อลอยราวกับยังสลัดภาพในหัวออกไม่หมด พอนึกถึงภาพที่เธอแข้งขาอ่อน เพราะไปแอบดูเพื่อนกับครูทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันอยู่ เธียรก็หลุดขำออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว ใบหน้าใสซื่อที่จ้องดูคนอื่นตาไม่กะพริบนั้น ยิ่งทำให้เธียรยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจ
"พี่เธียรขำอะไรคะ ขำนุดีเหรอ"
"เปล่าครับ"
"นุดีเห็นนะ พี่เธียรมองนุดีในกระจกแล้วก็ขำ ทำไมคะ นุดีมีอะไรให้น่าขำขนาดนั้น"
"เปล่าครับ"
"จอดรถค่ะ"
เสียงใสกังวานสั่งเขาเสียงดัง บ่งบอกว่าเธอโมโหที่เขาทำราวกับเธอเป็นตัวตลก
"นุดีบอกให้จอดรถ!"
เสียงตะคอกจริงจังทำให้เธียร ตบเกียร์เพื่อเลี้ยวรถเข้าข้างทาง ทั้งที่เริ่มเย็นจวนจะค่ำมืดอยู่แล้ว
พอรถจอดนิ่งร่างบางที่นั่งกอดอกมองเขาตาเขียว จนเธียรต้องกล่าวขอโทษ
"พี่ขอโทษครับ"
"การที่นุดีอ่อนต่อเรื่องแบบนี้มันน่าตลกมากเหรอคะ"
"พี่ขอโทษครับคุณหนู พี่ไม่ได้คิดแบบนั้นเลยครับ"
"ถ้าไม่คิดแล้วอะไรที่ทำให้ขำคะ"
เธียรไม่เคยคิดเลยว่าคุณหนูของเขาบทจะเอาเรื่องขึ้นมาก็ไม่ยอมใครเช่นกัน เธอพยายามที่จะคาดคั้นเอาคำตอบจากเขาโดยไม่ยอมละความพยายามง่าย ๆ จนเธียรไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เพราะแววตาเอาเรื่องของเธอก็ทำให้เขาเสียวสันหลังเช่นกัน
"รีบกลับดีกว่าครับ เย็นมากแล้ว"
เธียรพูดจบคุณหนูก็เปิดประตูลงจากรถโดยไม่สนใจเขาสักนิด จนเธียรต้องเป็นฝ่ายวิ่งตามเธอ
"คุณหนู! คุณหนูครับ นุดี! หยุด พี่บอกให้หยุด"
ร่างบางหันขวับมาจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง จนเธียรทำตัวไม่ถูก
"เอ่อ...ขึ้นรถเถอะนะครับ"
"ไม่ค่ะ จนกว่าพี่เธียรจะพูดว่าขำนุดีทำไม"
"พี่ก็แค่...รู้สึกเอ็นดูที่เห็นคุณนุดีแอบดูเพื่อนจนแข้งขาอ่อนแรง ก็แค่นั้นครับ"
"แล้วไงคะ มันตลกมากเหรอ"
"เฮ้อ..."
เธียรถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ ด้วยไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
"ทำไมคะ ถอนหายใจแบบนี้อึดอัดใจ หรือรำคาญนุดีเหรอคะ"
"ไปกันใหญ่แล้วครับคุณหนู"
"ต่อไปพี่เธียรไม่ต้องมารับมาส่งนุดีแล้วนะคะ นุดีจะแจ้งคุณพ่อเอง ให้คนอื่นมาขับแทนก็ได้ค่ะ พี่เธียรจะได้ไม่ต้องอึดอัดใจ"
คำพูดของนุดีทำให้ใบหน้าหล่อของบอดี้การ์ดหนุ่มเคร่งขรึมขึ้นมาทันที เธียรกัดกรามแน่นอย่างพยายามข่มอารมณ์ คุณหนูของเขาไม่ได้ว่านอนสอนง่ายเสียแล้ว แต่คุณหนูของเขากลับดื้อดึงกว่าที่เขาคิด
สีหน้าของเธียรเรียบนิ่งและดุดันจนนุดีเริ่มหวั่นใจ ร่างบางเริ่มถอยห่างทีละนิด ในขณะที่เธียรก็ขยับเข้าใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ
"พี่ทำอะไรให้ไม่พอใจเหรอครับ ถึงได้ตัดสินใจแบบนี้"
น้ำเสียงของเธียรดูสุภาพมาก หากแต่การกระทำกับดูน่าหวาดหวั่นใจ เธียรเดินหน้าต้อนร่างบางไปจนมุมอยู่ที่หน้ารถ แต่ร่างสูงก็ยังไม่หยุด เดินหน้าต่อจนนุดีต้องเบี่ยงตัวหลบ
มือหนาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กทันที จนนุดีสะดุ้งตกใจ สายตาคมจ้องลึกลงบนดวงตากลม ใบหน้าคมอยู่ห่างใบหน้าสวยแค่ปลายจมูก ลมหายใจอุ่นเป่ารดแก้มเนียนจนนุดีร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า
"พะ...พี่เธียร"
"ผมทำอะไรไม่ถูกใจเหรอครับ"
"ปะ...ปล่อยนะ...นะคะ"
มือบางที่ถูกกำด้วยมือหนา พยายามบิดข้อมือออกจากมือเธียร แค่เธียรไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ เขากุมข้อมือเล็กเอาไว้แน่นและดันร่างบางแนบไปกับฝากระโปรงหน้ารถ จนนุดีต้องเอนตัวหลบอัตโนมัติ
"ทีนี้จะคุยกันดี ๆ ได้หรือยังครับ ยังอยากจะเปลี่ยนบอดี้การ์ดอยู่ไหม"
"มะ...ไม่"
ร่างบางถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ก่อนเธียรจะเดินไปเปิดประตูรอเธอ คนที่ยืนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ค่อย ๆ เดินไปขึ้นรถทันที เพราะไม่รู้ว่าเขาจะโมโหขึ้นมาอีกไหม เธอจำเป็นต้องเชื่อฟังไว้ก่อน
ทันทีที่รถแล่นมาจอดเทียบประตูเข้าบ้าน นุดีก็รีบลงจากรถด้วยความรวดเร็ว โดยไม่เอ่ยอะไรกับเธียรเลยสักคำ
ถึงเวลาอาหารเย็น ท่านอนันต์สังเกตเห็นลูกสาวดูซึม ๆ เซ็ง ๆ จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
"เรียนว่ายน้ำไม่สนุกเหรอ ทำไมหน้าบึ้งแบบนั้น หรือไม่สบาย"
"เปล่าค่ะ ลูกสบายดี"
"หรือใครขัดใจ เธียรหรือเปล่า"
นุดีเหลือบมองบอดี้การ์ดหนุ่มด้วยหางตาเล็กน้อย ในขณะที่เธียรยืนในท่าสุภาพและก้มหน้าตลอดเวลา ตามแบบฉบับของบอดี้การ์ดที่ถูกฝึกมาอย่างเคร่งครัด
"ไม่ตอบ แสดงว่าใช่"
"ลูกไม่ต้องการบอดี้การ์ดค่ะ ลูกอยากมีชีวิตที่ปกติ ไม่ต้องลำบากให้ใครคอยตาม ไม่ต้องทำให้อึดอัดใจต่อกัน ลูกอยากใช้ชีวิตอิสระค่ะ"
"ทำอะไรให้คุณหนูไม่พอใจเหรอเธียร"
"เอ่อ...ผม"
"เขาไม่ได้ทำหรอกค่ะ แต่ลูกรู้สึกเอง ลูกไม่อยากเป็นภาระใคร"
"ลูกฉันเป็นภาระนายไหมเธียร"
"ไม่เลยครับท่าน"
นุดีเหลือบไปมองใบหน้าหล่อด้วยความบึ้งตึง เขาก็รู้จักพูดเอาใจพ่อของเธอเหลือเกิน ก็ไม่แปลกที่พ่อเธอจะไว้ใจ
"เธียรก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นนี่ลูก"
"แต่ลูกอึดอัดค่ะ"
"เฮ้อ...พ่อว่าลูกนั่นแหละที่สร้างประเด็นขึ้นมาเอง ไม่น่าใช่เธียรที่บกพร่อง พอเถอะ อย่าอ้างอะไรอีกเลย"
"นี่คุณพ่อเชื่อคนอื่นมากกว่าลูกเหรอคะ น่าเสียใจจังนะคะ"
"นุดี! นุดี! เฮ้อ! ลูกคนนี้นี่"
เมื่อคนเป็นพ่อเลือกจะเข้าข้างคนอื่น คนเป็นลูกจึงเสียใจเป็นที่สุด นุดีเดินหนีคนเป็นพ่อเข้ามาในสวนหลังบ้าน เธอเดินวนเวียนไปมาจนทั่วสวน แต่ความขุ่นเคืองใจก็ไม่ได้หายไป
ภายในใจของนุดีตอนนี้มีเพียงเรื่องที่คิดจะเอาคืน เธียรทำให้เธอรู้สึกอับอายจนแทบอยากมุดแผ่นดินหนี เขาคงคิดว่าเธอกลัวเขา เขาถึงได้ขู่เธอด้วยการกระทำเช่นนั้น แต่นุดีไม่มีทางยอมให้เขาอยู่เหนือเธอได้ เธอจะทำให้เขารู้ว่าเธอต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายควบคุมเขา
ขาเรียวสวยก้าวเข้ามาในบ้านพักหลังสวนที่เป็นที่อยู่ของเหล่าบอดี้การ์ดและคนรับใช้ เวลานี้คนในบ้านควรจะเข้านอนพักผ่อนเอาแรงกันหมดแล้ว หากแต่คุณหนูของบ้านกลับออกมาเที่ยวเล่นยามวิกาลเพียงลำพัง
บ้านหลังสุดท้ายที่เปิดไฟสว่างโร่คือเป้าหมายของเธอ และตอนนี้เธอได้เดินมาถึงหน้าประตูเป็นที่เรียบร้อย
ป้ายชื่อหน้าประตูห้องแจ้งให้รู้ชัดเจนว่าใครคือผู้อาศัยอยู่ข้างใน ร่างบางจึงตัดสินใจเคาะประตูทางเข้าทันที
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูติด ๆ กัน ทำให้คนที่นั่งอยู่ข้างในรีบลุกขึ้นมาเปิดประตูอย่างรีบเร่ง เพราะเกรงว่าคนมาเยือนจะรอนาน
แต่ทันทีที่บานประตูเปิดออก ร่างบางก็บุกพรวดเข้าไปข้างในทันที
"คุณหนู!"
เธียรรีบหันตามร่างบางทันที เพราะการที่เธอบุกมาถึงที่นี่ มันทำให้ขาข้างหนึ่งของเขาก้าวข้ามไปยังเขตแห่งความตายเรียบร้อยแล้ว
"นุดีต้องการตกลงกับพี่เธียร นุดียังยืนคำเดิมว่านุดีไม่ต้องการบอดี้การ์ด และนุดีไม่ต้องการคนดูแล พี่เธียรไปลาออกกับคุณพ่อเถอะค่ะ นุดีอยากเป็นอิสระ"
"คงไม่ได้หรอกครับ เพราะท่านไม่อนุญาตให้พี่ลาออก พี่ว่าคุณหนูเลิกทำเรื่องเล็ก ๆ ให้เป็นเรื่องใหญ่แบบที่ท่านว่าดีก็ว่านะครับ มันดูไม่มีสาระ"
"ว่านุดีไร้สาระเหรอคะ"
"พี่ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น"
ใบหน้าสวยเริ่มแดงด้วยความโมโหที่หาเรื่องเอาชนะเขาไม่ได้ จึงกวาดสายตาไปรอบห้อง ก่อนจะเห็นรูปวาดที่ริมหน้าต่าง
ภาพสาวสวยที่มีรอยยิ้มสดใส ทำให้นุดีชะงักงัน ก่อนจะเดินไปที่ภาพวาดนั้นทันที
เธียรเห็นเช่นนั้น ก็รีบเดินมาบังรูปเอาไว้ จนนุดียิ่งเกิดความอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น
"รูปใครเหรอคะ?"
"คุณหนูออกไปเถอะครับ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเข้าคุณหนูจะถูกมองไม่ดี"
"เมียสินะ มีเมียแล้วทำไมไม่ไปอยู่ดูแลเมียคะ มาดูแลคนอื่นให้เหนื่อยทำไม"
"พี่ว่าเอาไว้ค่อยคุยกันวันหลังดีกว่าครับ มันดึกแล้วชายหญิงไม่ใช่ผัวเมียไม่ควรอยู่กันสองต่อสองยามวิกาลแบบนี้ มันไม่เหมาะสม"
"ถอยค่ะ นุดีจะดูรูป"
"คุณหนู!"
"ทำไมคะ...หวงเหรอ"
"คุณหนู!"
ร่างบางผลักเขาออกก่อนจะพยายามเดินเข้าไปดูรูปให้ได้ นาทีนั้นทำให้เธียรหมดความอดทน เขาหันมารวบร่างบางเอาไว้ก่อนจะเหวี่ยงเธอทุ่มลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงกว้าง แล้วตามลงไปทาบทับตัวเธอเอาไว้
"ทำไมดื้อแบบนี้ หือ...อยากโดนดีหรือไง"
"พี่เธียรจะทำอะไร อย่าทำบ้า ๆ นะ ไม่งั้นนุดีร้องจริง ๆ ด้วย"
"แต่คุณหนูเป็นคนเข้ามาหาพี่ถึงในห้องเองนะ ไม่กลัวคนเขานินทาก็เชิญร้องออกมาเลย"
"คิดว่านุดีไม่กล้าเหรอ"
เธียรจ้องหน้านุดีด้วยแววตาดุ แต่คนใต้ร่างก็ไม่ได้ทำท่าว่าจะกลัวเขาเลยสักนิด ใบหน้าสวยเชิดหยิ่งจนดูน่าหมั่นไส้
"ก็เอาสิ ถ้าคิดอยากลองดี"
"กรี๊ด! อุ๊บ....อืออือออ"
เธียรลุกขึ้นจากเก้าอี้ยืนเต็มความสูง ก่อนจะดึงกางเกงชุดนอนผ้าแพรลง แล้วงัดองคชาตชาตรีที่แข็งขืนออกมาฝ่ามือหนาข้างหนึ่งเหนี่ยวไหล่บางและรั้งเข้าหาตัว ในขณะที่มืออีกข้างเอื้อมมาจับความแข็งขืนยัดเข้าไปในร่องนุ่มแสนเชิญชวน ก่อนจะขยับสะโพกสอบอัดส่งความใหญ่โตเข้าสู่ด้านในอย่างค่อยเป็นค่อยไป"อ๊ะ! ที่รักขา ฮื่อ!"ร่างน้อยที่แอ่นยกสะโพกเสนอเขาสุดฤทธิ์ถึงกับอ้าปากค้าง ทั้งดวงตาเบิกกว้าง ก่อนจะหรี่หลับลง เพื่อรับรู้ถึงความเสียวซ่านจับใจขาเรียวสวยเริ่มสั่นเทาจนยืนแทบไม่มั่นคง ยิ่งองคชาตลำใหญ่จอดเทียบภายในจนสุดเส้นทาง สาวน้อยก็ถึงกับร้องครวญครางออกมาสุดเสียงความคับแน่นที่เธียรบุกอัดเข้าไป เริ่มตอดรัดจนเขาต้องเร่งขยับลำกายถี่ ๆ เสียงครวญครางที่หาความหมายของคำศัพท์ไม่ได้ เปรียบเสมือนปุ่มเร่งเครื่องของชายหนุ่ม เพราะยิ่งเมื่อเธอส่งเสียงดังเท่าไหร่ เธียรก็ยิ่งตอกอัดลำกายเร่งถี่เท่านั้นร่างบางที่โดนถาโถมแบบไม่บันยะบันยังตัวสั่นจนโยกคลอนตามแรงกระแทกอย่างน่าสงสาร"อ่า...ตรงนี้มันใหญ่ขึ้น...พี่ชอบจัง"เธียรเอ่ยออกมาด้วยเสียงแหบแห้งและแผ่วเบา เมื่อเขาเคล้นคลึงอกนุ่มของภรรยาด้วยความพึงพอใจกับขนาดที่ขยาย
(1 ปีต่อมา)"ยินดีด้วยนะครับ ท่านรักษาการประธานกับการเติบโตจาก200%เป็น400% ภายใน 1ปี"ยิวเอ่ยแสดงความยินดีกับเธียร เมื่อเขาเข้ามาเยี่ยมเยือนเธียรกับนุดีถึงบริษัท และยิวเองก็มาในฐานะหุ้นส่วนใหญ่แทนผู้เป็นพ่อ เพราะการตกลงเซ็นสัญญาหุ้นส่วนสำคัญในครั้งก่อน ทำให้ยิวกับครูเฟิร์นได้ใจคนเป็นพ่อแม่บริษัทของท่านอนันต์ต่างเป็นที่ที่นักลงทุนทั้งหลายต้องการเป็นหุ้นส่วน และเธียรเองก็อยากตอบแทนยิว จึงนัดให้เขาเข้ามาคุยเรื่องทำสัญญา งานนี้ยิวจึงได้หน้ากับพ่อแม่เต็ม ๆและในตอนนี้ บริษัทของท่านอนันต์ที่มีเธียรขึ้นนั่งบริหารก็เติบโตขึ้นจากเดิมที่เฟื่องฟูอยู่แล้ว กลายเป็นทวีคูณไปอีกเท่าตัว จนเธียรเป็นที่ไว้วางใจสำหรับทุกคนไปแล้ว "ขอบคุณครับคุณยิว ยินดีมากเลยที่ได้ร่วมงานกัน ยินดีด้วยนะครับทั้งคู่""ก่อนนี้ผมกลัวมาก ว่าพ่อแม่ผมจะไม่ยอมรับครูเฟิร์น แต่พอมาตอนนี้ แทบจะเป็นผมที่จะโดนดีดออกจากกองมรดก ในขณะที่ครูเฟิร์นกลายเป็นที่รักของคนทั้งบ้าน แม่ผมแทบจะเอาลูกสะใภ้ไปนอนกกซะเองแล้ว"ได้ฟังยิวบ่นเธียรก็ขำชอบใจ เขาก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน เพียงแต่เขาโชคดีกว่ายิวตรงที่ คนที่ถูกแย่งออกจากอก เป็นลูกชายตัวน้อย เพรา
"ท่านครับ วันนี้ท่านจะเข้าบริษัทไหมครับ""ไม่...ฉันไม่ว่าง""แต่วันนี้มีประชุมกับบอร์ดบริหารนะครับ""ก็บอกว่าไม่ไปไง""แต่นัดสำคัญนะครับ ท่านเป็นคนบอกให้ผมจดลงในตารางงานเอง""เลขากรนี่ยังไง ฉันไม่ว่างไม่เห็นเหรอ"นุกร เลขาหนุ่มเหลือบไปมองทารกตัวน้อย ที่นอนอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นนาย ก่อนจะทำหน้างง"ฉันไม่ว่าง ฉันกำลังกล่อมหลานนอน ถ้าจะตามไปทำงานก็ไปตามเธียรโน่น""ตามคุณเธียรทำไมครับ""อ้าว! จะให้มานอนอยู่นอนกินเฉย ๆ หรือไง มาเป็นเขยก็ต้องไปทำงานสิ ไม่งั้นจะเอาอะไรเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย"เสียงที่พยายามตะเบ็งเพื่อให้คนที่กำลังชงนมอยู่ตรงมุมห้องด้านในได้ยิน ทำให้นุดีที่กำลังสอนสามีชงนมถึงกับทำหน้างง"แต่ท่านต้องเข้าประชุมนะครับ""วะ...เลขากรนี่ยังไง ฉันบอกให้ไปบอกเธียรไปแทนไง ไม่เข้าใจเหรอ""แล้วคุณเธียรจะเข้าใจเหรอครับ""ก็สอนเขาสิ"บทสนทนาของผู้เป็นพ่อทำให้ลูกสาวหน้างอ เพราะคิดว่าพ่อหาเรื่องแกล้งสามีของตนอีกแล้ว แต่เธียรกลับหัวเราะให้กับความพยายามของพ่อตา จนนุดีไม่เข้าใจว่าทำไมเธียรถึงไม่โกรธที่พ่อตนพยายามกลั่นแกล้ง"พี่เธียรยังยิ้มได้อีกเหรอคะ ทั้งที่คุณพ่อหาเรื่องพี่เธียรได้ทุกวัน""คิดดี
(หลายเดือนต่อมา)"คลอดหรือยัง""ยังครับท่าน"ทันทีที่ท่านอนันต์มาถึงก็เอ่ยถามพ่อบ้านโจทันที เมื่อตนติดประชุมกับบอร์ดบริหารทั้งวัน ทั้งที่นุดีกำลังจะคลอดแล้ว ท่านอนันต์จึงสั่งให้พ่อบ้านโจนั่งเครื่องบินล่วงหน้ามาก่อน และพอประชุมเสร็จตนก็รีบตามมาด้วยความเป็นห่วงลูกสาวจับใจหลายเดือนหลังจากวันนั้น ท่านอนันต์ก็ไม่เคยมาหาลูกสาวเลย แต่ก็มีบ้างที่ส่งข้าวของมากมายมาบำรุงนุดีและลูกในท้อง แถมยังสร้างบ้านและจัดหาที่นอนแบบสะดวกสบายแก่คนท้องให้อยู่ ชนิดที่ว่าไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แต่วันนี้ลูกสาวของท่านกำลังจะให้กำเนิดหลานแก่ท่าน คนที่กำลังจะได้เป็นคุณตา ตื่นเต้นจนไม่มีกะจิตกะใจจะประชุมด้วยซ้ำ พอเลิกประชุมก็รีบนั่งเครื่องส่วนตัวมาอย่างเร่งรีบทันใจ"ท่านอนันต์""คุณสายคำ"แม่นายสายคำเอ่ยทักทายท่านอนันต์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เพราะตนเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้ท่านอนันต์เช่นกัน"แล้วนี่...เธียรไปไหน""ตามเข้าไปข้างในค่ะ""ห่วงเกินเหตุ" ท่านอนันต์ตำหนิลูกเขย"หรือท่านไม่ห่วง"ท่านอนันต์เงียบทันที เมื่อได้ยินคำพูดของแม่นายสายคำ ท่านอนันต์ไม่อาจเถียงเพราะท่านเป็นห่วงลูกสาวมากเช่นกัน การได้รู้ว่าเธียรตามเข้าไปดูแล ทำให้
"ญาติรอด้านนอกนะคะ""คุณหนู...ฮึก ๆ""พี่เธียร...ใจเย็น ๆ นะพี่ นุดีต้องปลอดภัยครับ""พี่ใจจะขาดแล้วยิว""ผมเข้าใจครับพี่ แต่พี่ต้องเข้มแข็งนะ"เธียรทรุดนั่งลงกับเก้าอี้ ก่อนจะก้มลงปล่อยความอัดอั้นออกมาทั้งน้ำตา ความเจ็บปวดทรมานนี้ มันช่างสาหัสเหลือเกิน เธียรหยิบกล่องของขวัญในกระเป๋าเสื้อออกมาแกะทั้งที่น้ำตายังไหล พอของขวัญข้างในปรากฏขึ้นแก่สายตา ยิ่งทำให้เธียรร้องไห้หนักกว่าเดิมเข้าไปอีก"เธียร!""แม่...นุดี..."เธียรมองหน้าคนเป็นแม่ด้วยความเจ็บ ก่อนจะโผเข้ากอดแม่ ด้วยความรู้สึกที่แสนจะทรมาน"นุดีท้องครับแม่ ฮือ ๆ ลูกของผม...เธอท้องลูกของผมครับแม่...ฮือๆ "แม่นายสายคำถึงกับน้ำตาไหล สงสารลูกจับใจ ความรักที่คนเป็นแม่มีต่อลูก มันทำให้แม่นายเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นลูกเป็นทุกข์ไม่ว่าเรื่องใดคำพูดของเธียรที่เอ่ยกลับแม่ ทำให้คนที่ตามมาทันได้ยินเข้าอย่างชัดเจน แทบล้มทั้งยืนอีกรอบ จนเหล่าบอดี้การ์ดต้องรีบเข้ามาพยุงร่างผู้เป็นนายเอาไว้ทันทีเธียรเหลือบไปเห็นก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปหาท่าน จนคนเป็นแม่คว้าไว้ไม่ทัน"เธียรอย่านะลูก"ร่างสูงเดินเข้าไปคุกเข่าลงต่อหน้าท่านอนันต์ สายตาที่แดงก่ำจากการร้อง
"ปัง! ปัง! ปัง!""กรี๊ดดดดด!"ในขณะทุกคนกำลังรู้สึกยินดีกับคู่บ่าวสาวกันทั้งงาน อยู่ ๆ ก็มีเสียงปืนดังขึ้นรัว ๆ จนคนในงานกรีดร้องและวิ่งวนหาที่หลบกันจนสถานการณ์วุ่นวายไปหมดเธียรมองไปที่กลุ่มคนชุดดำที่เดินบุกเข้ามาเป็นกองทัพด้วยความตกใจ เธียรจึงดึงนุดีเข้ามาหลบด้านหลัง เพื่อปกป้องคนที่ตนรักอย่างสุดความตั้งใจ"พี่เธียร..."นุดีรู้สึกกลัวมากจนตัวสั่นงันงก จวบจนร่างของคนที่คุ้นตาเดินตามกลุ่มชายชุดดำเข้ามา นุดีถึงได้รู้ว่าจุดมุ่งหมายของคนกลุ่มนั้นคือเธอและเธียร"มึงกล้ามากนะไอ้เธียร ที่พาลูกกูหนีแล้วแอบมาจัดงานแต่งบัดซบนี่ วันนั้นกูอุตส่าห์เลือกทางรอดให้มึง แต่มึงมันรนหาที่ตาย ถ้าวันนี้กูไม่ได้เลือดมึงมาล้างตีนกู กูจะไม่ยอมเด็ดขาด""ไม่นะคะคุณพ่อ อย่าทำพี่เธียรนะคะ""นังลูกไม่รักดี แกกล้ามากนะที่หนีตามผู้ชายมาแบบนี้ ทำตัวเป็นผู้หญิงไร้ราคา แกหักหน้าฉันให้ต้องอับอาย เพียงเพราะหลงเสน่ห์ขี้ข้าในบ้าน มันมีอะไรดีนักหนาถึงได้ทุ่มเทเพื่อมันนัก"ท่านอนันต์โกรธจัดจนแทบจะควบคุมอารมณ์ไว้ไม่ได้ ในขณะที่นุดี ก็พร้อมจะปกป้องเธียรและเลือกจะจับมือเขาตลอด ไม่ว่าพ่อของตนจะทำอะไร นุดีก็ไม่มีทางที่จะปล่อยมือ